บ้าน › อุปกรณ์ไฟฟ้า › Carlos Castaneda: ชีวประวัติของบุคคลลึกลับนี้คืออะไร Castaneda - ชีวประวัติ Carlos Castaneda ชีวประวัติ

Carlos Castaneda: ชีวประวัติของบุคคลลึกลับนี้คืออะไร Castaneda - ชีวประวัติ Carlos Castaneda ชีวประวัติ

Carlos Castaneda เป็นหนึ่งในนักเขียนลึกลับที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ชื่อของเขาทำให้เกิดภาพที่หมอผีนั่งใกล้กองไฟและฟังเสียงหมาป่าหอน หนังสือของผู้แต่งไม่ชัดเจนสำหรับทุกคนบางทีในความลึกลับและสไตล์ของผู้แต่งที่มีเสน่ห์ทั้งหมด ให้เราพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับชีวประวัติของ Carlos Castaneda

เอกลักษณ์ผู้เขียน

Carlos Castaneda คือใคร เรื่องจริงหรือนิยาย? วิกิพีเดียและแหล่งข้อมูลอื่น ๆ บอกเป็นนัยว่าเขามีอยู่จริง แต่ความจริงนี้เท่านั้นที่ผิดปกติสำหรับคนอื่น วันเดือนปีเกิดของผู้เขียนนั้นผิดปกติ - ตรงกับวันคริสต์มาสคาทอลิก ความลึกลับในอนาคตเกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2468 ในเปรู แต่ชีวประวัติของเขาไม่มีข้อมูลที่ขัดแย้งกัน

นักวิจัยชีวประวัติของนักเขียนและผู้วิเศษกล่าวว่าชื่อ Carlos Aranha เขียนอยู่ในเอกสารและนามสกุลที่ทำให้เขามีชื่อเสียงนั้นเป็นของแม่ของเขา คาร์ลอสเป็นที่รู้จักในฐานะนักเขียน เขายังมีชื่อเสียงในฐานะนักวิจัยด้านเวทมนตร์ของอินเดียอีกด้วย ในหนังสือของเขา เขาแบ่งปันกับผู้อ่านเกี่ยวกับวิธีการขยายการรับรู้และเกี่ยวกับเครื่องมือในการทำความเข้าใจจักรวาล แม้แต่วันตายของผู้วิเศษก็ยังเป็นปริศนา อย่างเป็นทางการถือว่าเธอเป็นวันที่ 27 เมษายน 2541 แต่โลกได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสูญเสียในวันที่ 18 มิถุนายนเท่านั้น

เด็กและเยาวชน

เช่นเดียวกับฤาษีที่มาสู่ความลึกลับ Carlos Castaneda มีชะตากรรมที่ยากลำบาก ผู้เขียนกล่าวว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ยากจนแต่ยังเด็กมาก พ่ออายุ 17 ปีและแม่อายุ 15 ปีเมื่อพวกเขามีลูกชายตัวน้อย ป้าของเขาได้รับการเลี้ยงดูจากเด็กชาย แต่เธอเสียชีวิตเมื่อเขาอายุหกขวบ คาร์ลอสในวัยเยาว์มักถูกลงโทษเพราะทำผิดกฎของโรงเรียนและเข้าสังคมที่ไม่ดี ตอนอายุสิบขวบเด็กชายออกเดินทางโดยจบที่โรงเรียนประจำในบัวโนสไอเรส เมื่ออายุได้สิบห้าปี เขาไปหาครอบครัวพ่อแม่บุญธรรมที่อาศัยอยู่ในซานฟรานซิสโก ผู้ชายคนนั้นเรียนที่ Hollywood High School และหลังจากสำเร็จการศึกษาเขาก็ย้ายไปมิลาน ชายหนุ่มกลายเป็นนักเรียนที่ Brera Academy of Fine Arts แต่ไม่ได้ค้นพบความสามารถในการวาดภาพและกลับไปที่แคลิฟอร์เนีย

คาร์ลอสเริ่มแสดงความสนใจในวารสารศาสตร์ วรรณกรรม และจิตวิทยา เป็นเวลาสี่ปีที่เขาไปเรียนที่ City College ซึ่งตั้งอยู่ในลอสแองเจลิส และทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง วันหนึ่งเขากลายเป็นผู้ช่วยของนักจิตวิเคราะห์และต้องจัดการบันทึก หลังจากได้รับสัญชาติสหรัฐแล้ว ชายหนุ่มก็ได้เข้าศึกษาในคณะมานุษยวิทยา

นิตยสารไทม์ยืนยันว่านักเขียนเกิดทางตอนเหนือของเปรูในเมืองกาฮามาร์เคย์ สิ่งพิมพ์ยังอ้างถึงข้อมูลที่ Castaneda เป็นนักเรียนที่ College of the Holy Virgin Mary จากนั้นจึงเข้าเรียนที่ National School of Fine Arts ซึ่งตั้งอยู่ในเปรู

กิจกรรมสร้างสรรค์ของนักเขียน

Castaneda เขียนงานเกี่ยวกับพืชสมุนไพรที่ชนเผ่าอินเดียนแดงในอเมริกาเหนือใช้ และในการเดินทางเพื่อธุรกิจครั้งหนึ่ง เขาได้พบกับ Juan Mantus ความรู้ที่ได้รับในกระบวนการสื่อสารกับเขาผู้เขียนใช้ในหนังสือของเขา ฮวนเชี่ยวชาญการฝึกฝนทางไสยศาสตร์ที่โลกวิทยาศาสตร์ไม่พร้อมที่จะยอมรับ Castaneda มีผู้ติดตามที่ยังคงติดตามความคิดของเขาในปัจจุบัน ในหนังสือผู้เขียนนำเสนอการจัดเรียงใหม่ของโลกซึ่งแตกต่างจากชาวยุโรป สาวกของ Don Juan ดำเนินชีวิตตามกฎที่เรียกว่าวิถีแห่งสงคราม

ตามที่หมอผีผู้คนและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกรับรู้ไม่ใช่วัตถุ แต่เป็นสัญญาณพลังงาน ร่างกายและสมองจะสร้างแบบจำลองของระเบียบโลกขึ้นมาเอง ความรู้ใด ๆ มีจำกัด และเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ทุกอย่าง คนรับรู้วรรณยุกต์ - ส่วนเล็ก ๆ ของข้อมูลทั้งหมดในพื้นที่ Nagual เป็นส่วนที่มีทุกส่วนของชีวิตในจักรวาล บุคคลมุ่งความสนใจสูงสุดหยุดการสนทนาภายใน ในปี 1968 หนังสือ A Separate Reality ได้รับการตีพิมพ์ หลังจากการเปิดตัว Journey to Ixtlan อาชีพของ Carlos ก็เริ่มต้นขึ้น ในยี่สิบปีเขาสร้างหนังสือแปดเล่ม

ปีต่อมาและมรณภาพ

ความพยายามของคาร์ลอสที่จะเข้าใจเวทมนตร์ทำให้เขาออกจากสังคมจนถึงช่วงต้นทศวรรษที่ 90 เขาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย หลังจากนั้นเขาก็เริ่มจัดสัมมนาโดยได้รับค่าจ้าง ก่อนเสียชีวิตไม่นาน เขาได้ตีพิมพ์ผลงาน 2 ชิ้น ได้แก่ Magical Passes และ The Wheel of Time นักเขียนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับซึ่งมักเกิดกับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มาก

"คำสอนของดอนฮวน" บอกเล่าถึงความคุ้นเคยที่ไม่คาดคิดของผู้เขียนซึ่งเป็นนักศึกษามานุษยวิทยากับดอนฮวน Castaneda แสดงความสนใจในพืชสมุนไพรและยังไม่สงสัยว่าการประชุมครั้งนี้จะเปลี่ยนชะตากรรมของเขาไปตลอดกาล หลังจากนั้นไม่นาน ดอน ฮวนก็ตัดสินใจสอนความรู้ลับที่เขามีให้กับคาร์ลอส
Castaneda สามารถรวบรวมเนื้อหามากมายจากเรื่องราวของ Don Juan แต่เขาเข้าใจว่าวิธีเดียวที่จะได้ความรู้ที่แท้จริงคือการสัมผัสทุกสิ่งด้วยตัวคุณเอง เพียงเท่านี้ก็จะนำพาเขาไปสู่การได้มาซึ่งพลัง...

แยกความเป็นจริง (1971)

ความเป็นจริงของพ่อมดอินเดียและพันธมิตรของพวกเขานั้นอันตรายมากสำหรับระบบการรับรู้ทั่วไปที่ Castaneda สร้างหนังสือเล่มแรกของเขาพยายามที่จะลืมมันไปตลอดกาล แต่พลังนั้นแตกต่างออกไป - หลังจากผ่านไป 2 ปี เขากลับมาเพื่อเริ่มการฝึกขั้นใหม่กับนักมายากล "A Separate Reality" เป็นเรื่องราวของผู้เขียนเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เขายังไม่รับรู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่เพื่ออะไรที่ผู้ลึกลับหลายคนแนะนำให้เลิกอ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ แต่ก่อนอื่นให้ทำความคุ้นเคยกับบทบัญญัติหลักของคำสอนของดอนฮวน ...

การเดินทางสู่ Ixtlan (1972)

หลังจากฝึกฝนมาหลายปีกับนักมายากลชาวอินเดีย ดอน ฮวน และความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับแก่นแท้ของคำสอนของเขา ชะตากรรมของฮีโร่ในหนังสือเล่มนี้ก็เปลี่ยนไป ตอนนี้วิสัยทัศน์และทัศนคติต่อโลกของเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ดอนฮวนนำนักเรียนของเขาไปสู่ช่วงเวลานี้เป็นเวลานานและไม่ลดละค่อยๆสร้างภาพของความเป็นจริงใหม่ในใจของเขาซึ่งแตกต่างจากภาพปกติและดั้งเดิมของโลก เมื่อเรียนรู้ทั้งหมดนี้แล้ว Carlos จะต้องทำขั้นตอนสุดท้าย - เพื่อจากโลกนี้ไป ...

นิทานแห่งอำนาจ (2517)

Tales of Power เป็นหนังสือที่น่าทึ่งและยอดเยี่ยมที่สุดของ Castaneda
ผู้อ่านจะได้เรียนรู้ว่าภาพของโลกที่เราคุ้นเคยนั้นเป็นเพียงเกาะเล็กๆ ในหนังสือเล่มนี้ Castaneda ได้เล่าเรื่องราวการฝึกของเขากับ Don Juan ให้เสร็จสิ้น เพื่อให้บรรลุวัฏจักรที่สมบูรณ์ มีเพียงการกระโดดลงไปในเหวที่ยังเข้าใจยากเท่านั้น คาร์ลอสและนักเรียนอีกสองคนจำเป็นต้องกระโดดลงมาจากยอดเขา ในวันเดียวกับที่อาจารย์และผู้มีพระคุณจากโลกนี้ไปตลอดกาล...

แหวนแห่งอำนาจที่สอง (2520)

เขากระโดดลงจากหน้าผาลงไปในเหวลึกและรอดชีวิตมาได้ คาสตาเนดาตัดสินใจกลับไปเม็กซิโกเพื่อดูว่าการกระโดดสุดมหัศจรรย์นี้มีอยู่จริงหรือไม่ ระหว่างทางเขาได้พบกับนักมายากลหญิงหลายคนซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ Don Juan และในขณะนี้เองที่เขาได้ค้นพบความสามารถอันน่าทึ่งในการออกจากร่างกายของเขากลายเป็นพลังสองเท่า เขาเข้าใจว่าดอนฮวนเป็นผู้โจมตีเขาทั้งหมด เพื่อที่เขาจะได้ค้นพบความสามารถของเขาและตระหนักว่าตัวเองอยู่ในหน้ากากที่แตกต่างออกไป ด้วยเหตุนี้ คาร์ลอสจึงพร้อมที่จะรับผิดชอบชุดใหม่ของ Nagual...

ของขวัญจากนกอินทรี (2524)

"ของขวัญแห่งนกอินทรี" บอกเล่าว่าผู้เขียนตัดสินใจที่จะเป็นผู้นำของนักมายากลกลุ่มใหม่ได้อย่างไร แต่ในตอนแรกสิ่งต่าง ๆ แย่มาก นักเรียนทีละคนได้สัมผัสกับความทรงจำแปลกๆ ของเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นและไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกของการรับรู้ที่เป็นนิสัย ด้วยเหตุนี้ การทะเลาะวิวาทจึงเริ่มต้นขึ้นระหว่าง Castaneda และวอร์ดของเขา ลากอร์ดามาช่วยเขาขอบคุณที่ Nagual จำได้ว่าเนื่องจากโครงสร้างเฉพาะของร่างกายพลังงานของเขาเขาจึงไม่สามารถเป็นผู้นำได้ เป็นผลให้นักเรียนจากเขาไปและเขาพร้อมกับลากอร์ดาไปลอสแองเจลิส ...

ไฟจากภายใน (2527)

"ไฟจากภายใน" บอกเล่าเกี่ยวกับขั้นตอนใหม่ที่ Castaneda กำลังจะผ่านไป ครั้งนี้มีการปฏิวัติโดยสิ้นเชิงในการรับรู้ของเขาเกี่ยวกับคำสอนของดอนฮวน จากประสบการณ์เหล่านี้ ผู้เขียนสามารถค้นพบความซื่อสัตย์ของตนได้ในที่สุด ดอนฮวนยังปรากฏตัวอีกครั้งในหนังสือและอธิบายแนวคิดที่น่าสนใจของ "ทรราชผู้น้อย" ซึ่งเรียกร้องให้มองเหตุการณ์เชิงลบในชีวิตเป็นวิธีการเรียนรู้และกำจัดความสำคัญในตนเอง ...

พลังแห่งความเงียบ (2530)

ในงานใหม่ของเขา The Power of Silence ผู้เขียนยังคงบอกผู้อ่านเกี่ยวกับคำสอนของ Don Juan ที่มีชื่อเสียง เขาจะนำเสนอความรู้ที่ไม่เหมือนใครซึ่งเป็นเพียงแวบเดียวที่ส่องให้เห็นส่วนลึกของจิตใจมนุษย์ เวทมนตร์ถูกนำเสนอเป็นความต้องการหลักของแต่ละบุคคล ท้ายที่สุดมีเพียงวิธีการที่ไม่ได้มาตรฐานและมหาอำนาจเท่านั้นที่ทำให้สามารถรู้จักตัวเองและโลกของเราด้วยปริศนาและความลับ Castaneda นำเสนอระบบที่จะช่วยให้บุคคลพัฒนาตนเองและตระหนักในสังคม ...

ศิลปะแห่งความฝัน (2537)

หลังจากเงียบหายไปหกปี Castaneda นำเสนอผลงานใหม่ของเขา The Art of Dreaming หนังสือเล่มนี้กลายเป็นการเปิดเผยที่แท้จริงอีกครั้งสำหรับผู้อ่าน เธอเปิดเผยเทคนิคที่สามารถใช้ความฝันเพื่อค้นพบโลกแห่งวิญญาณ รวมทั้งเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นความฝันที่ชัดเจน
หลังจากศึกษาหนังสือเล่มนี้แล้ว ผู้อ่านจะสามารถค้นพบว่าเหตุใดเส้นทางสู่ความเป็นจริงอื่น ๆ จึงเกิดขึ้นจากความฝันที่ชัดเจน และวิธีที่หมอผีและนักมายากลผู้ยิ่งใหญ่ใช้สิ่งนี้มาเป็นเวลานาน...

แอกทีฟไซด์ออฟอินฟินิตี้ (1995)

The Active Side of Infinity เป็นหนังสือเล่มที่สิบของนักเขียนชื่อดังแห่งศตวรรษที่ 20
หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่มีความทรงจำเกี่ยวกับการสนทนากับดอนฮวนและการปฏิบัติเกี่ยวกับเวทมนตร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่ไม่เหมือนใครอย่างสมบูรณ์ - เกี่ยวกับชีวิตและผลงานของผู้เขียนในลอสแองเจลิส - ในสภาพที่ไม่มีมนต์ขลังโดยสิ้นเชิง ...
นอกจากนี้ ผู้เขียนจะอธิบายว่าเหตุใดเราจึงไม่สามารถเป็นตัวจริงอย่างที่เราเป็นได้ - เทพผู้ทรงพลัง? ทำไมมันถึงเกิดขึ้น? และแก้ไขได้หรือไม่...

วงล้อแห่งกาลเวลา (1998)

The Wheel of Time เป็นหนังสือของ Carlos Castaneda ผู้เป็นอมตะ ซึ่งแตกต่างอย่างมากจากผลงานก่อนหน้าของเขาตรงที่เป็นคอลเลกชันของคำพูดและคำพูดที่สดใสที่สุด หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยภูมิปัญญาอันมหัศจรรย์ของหมอผีในเม็กซิโกโบราณซึ่งศึกษาผ่านนักมายากลดอนฮวน ต้องขอบคุณหนังสือของ Castaneda ผู้คนหลายล้านคนสามารถเปลี่ยนความเข้าใจของพวกเขาได้ ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับโลกเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับชะตากรรมของพวกเขาด้วย...
"วงล้อแห่งเวลา" เป็นคอลเลกชันที่ยอดเยี่ยมของคำพูดที่แสดงถึงบางสิ่งบางอย่างนอกโลกที่อยู่นอกเหนือไปจากจิตสำนึกของมนุษย์...

มายากล ผ่าน (1998)

Magical Passes เป็นหนังสือเล่มสุดท้ายในชุดของ Carlos Castaneda ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1998 ในงานของเขา Carlos Castaneda อธิบายถึงระบบ "tensegrity" ของการออกกำลังกายแบบใช้พลังงาน ซึ่งเขาได้เรียนรู้จาก Don Juan Matus การส่งบอลและแบบฝึกหัดที่มีมนต์ขลังเหล่านี้ทำขึ้นเพื่อให้ร่างกายและจิตใจมีความเป็นอยู่ที่ดี
หนังสือแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ในส่วนแรก ผู้เขียนได้กล่าวถึงที่มาและจุดประสงค์ของบัตรวิเศษ ประการที่สองบอกเกี่ยวกับระบบการออกกำลังกายความตึงเครียด ส่วนที่สามซึ่งให้ข้อมูลมากที่สุดประกอบด้วยคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคในการแสดงกาล 6 ชุด

Carlos Castaneda (1925–1998) เป็นนักเขียน นักมานุษยวิทยา นักชาติพันธุ์วิทยา และผู้วิเศษชาวอเมริกัน ผู้เขียนพงศาวดาร 11 เล่มเกี่ยวกับการฝึกงานกับหมอผีชาวอินเดีย Don Juan ตีพิมพ์หลายล้านเล่มในหลายภาษาและกลายเป็นหนังสือขายดีทั่วโลก ปริญญาเอกสาขามานุษยวิทยา

ผลงานของ Castaneda นั้นยากที่จะระบุถึงประเภทใดประเภทหนึ่งโดยเฉพาะ - พวกมันเป็นตัวแทนของการสังเคราะห์, อยู่ที่จุดตัดของวรรณกรรม, ปรัชญา, เวทย์มนต์, ชาติพันธุ์วิทยาและจิตวิทยา แนวคิดเกี่ยวกับบทกวีและความลับที่นำเสนอในหนังสือของเขาก่อตัวเป็นทฤษฎีที่สอดคล้องกันและสมบูรณ์ ซึ่งเรียกว่า "คำสอนของดอนฮวน" ผู้ชื่นชมและผู้ติดตามของ Castaneda จำนวนมากมีส่วนร่วมในการตีความ แนวคิดบางอย่าง เช่น "จุดรวมพล" "สถานที่แห่งอำนาจ" ฯลฯ ย้ายจากหนังสือของเขาไปสู่ศัพท์และชีวิตสมัยใหม่ สะท้อนถึงแฟชั่นสำหรับคำสอนและการปฏิบัติที่ลึกลับและแปลกใหม่ที่หลากหลาย

ความมุ่งมั่นคือสิ่งที่ทำให้คุณชนะเมื่อจิตใจของคุณบอกคุณว่าคุณพ่ายแพ้

คาสตาเนด้า คาร์ลอส

Carlos Cesar Salvador Arana Castaneda เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2468 ในเมือง Cajamarca (เปรู) ในครอบครัวของช่างทำนาฬิกาและช่างทองชาวอิตาลี พ่อของเขาเป็นเจ้าของร้านและมีส่วนร่วมในการผลิตเครื่องประดับ ในการประชุมเชิงปฏิบัติการของพ่อ ลูกชายได้รับประสบการณ์ครั้งแรกในการฝึกศิลปะ - เขาทำงานกับทองสัมฤทธิ์และทองคำ ท่ามกลางความประทับใจตามปกติในช่วงชีวิตใน Cajamarca คือ curanderos - หมอผีและหมอในท้องถิ่นซึ่งมีอิทธิพลต่องานของ Castaneda ในภายหลังอย่างเห็นได้ชัด

ในปี 1935 ครอบครัวได้ย้ายไปที่ลิมา เมืองแห่งศิลปะ อนุสรณ์สถาน และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเปรูที่มีมาตั้งแต่สมัยอินคา ที่นี่ Castaneda จบการศึกษาจาก National College และในปี 1948 เข้าเรียนที่ National School of Fine Arts เขาใช้ชีวิตแบบตัวแทนทั่วไปของโบฮีเมีย - สื่อสารกับศิลปิน กวี นักเขียน สำรวย เข้าร่วมนิทรรศการและงานกวีนิพนธ์ในตอนเย็น

ในช่วงที่เขาเรียนอยู่ที่ลิมา เขาหมกมุ่นอยู่กับความปรารถนาที่จะศึกษาต่อและประกอบอาชีพในฐานะศิลปินมืออาชีพในสหรัฐอเมริกา เขาได้รับแรงบันดาลใจจากแบบอย่างของลุงของเขา ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในอเมริกาใต้ ออสวัลโด อารันยา เอกอัครราชทูตบราซิลประจำสหรัฐอเมริกาและประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หลังจากที่เขากลับมาที่บราซิล ในที่สุด Castaneda ก็ตัดสินใจที่จะไปค้นพบ "อเมริกาของเขาเอง"

ใครก็ตามที่เข้ามาเรียนต้องทุ่มเทให้เต็มที่ และขีดจำกัดของการเรียนรู้นั้นถูกกำหนดโดยความสามารถของนักเรียนเอง นั่นคือเหตุผลที่การสนทนาเกี่ยวกับการศึกษาไม่มีความหมาย ความกลัวความรู้เป็นเรื่องปกติ เราทุกคนอยู่ภายใต้สิ่งเหล่านี้ และคุณไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคำสอนจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด การจินตนาการถึงบุคคลที่ไม่มีความรู้นั้นน่ากลัวยิ่งกว่า
("คำสอนของดอนฮวน")

คาสตาเนด้า คาร์ลอส

ในปีพ.ศ. 2494 เขาย้ายไปสหรัฐอเมริกา โดยย้ายไปซานฟรานซิสโกก่อน จากนั้นจึงย้ายไปลอสแองเจลิส เร่ร่อนไปตามชายฝั่งแปซิฟิกพยายามหาเงินเพื่อการศึกษาต่อ ในปี 1955 เขาลงทะเบียนเรียนที่ Los Angeles Community College (LAOC) ซึ่งนอกเหนือจากชั้นเรียนหลักแล้ว เขายังเข้าร่วมการบรรยายเกี่ยวกับวารสารศาสตร์และการสัมมนาเกี่ยวกับทักษะทางวรรณกรรม เพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าที่พัก เขาทำงานทุกที่ที่จำเป็น เขายังคงวาดภาพและแกะสลักต่อไป

ในปี 1956 เขาได้พบกับ Margaret Runyan ภรรยาในอนาคตของเขา มาร์กาเร็ตทราบดีถึงงานอดิเรกในวัยเยาว์ทางปัญญาของชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งได้แก่ ปัจจัย psi การรับรู้นอกประสาทสัมผัส คำสอนลึกลับต่างๆ และอื่นๆ ตัวเธอเองชอบคำสอนของก็อดดาร์ด เนวิลล์ ผู้ลึกลับ ซึ่งบรรยายเกี่ยวกับการค้นหาตัวตนและการฝึกควบคุมความฝัน พวกเขาแลกเปลี่ยนหนังสือ อภิปรายการบรรยาย ไปดูคอนเสิร์ต ชอบดูหนัง ทำการทดลองเกี่ยวกับการรับรู้นอกประสาทสัมผัส ค่อยๆ มีกลุ่มเพื่อนแคบๆ

Castaneda รู้สึกประทับใจอย่างมากกับหนังสือของนักเขียนชาวอังกฤษ Aldous Huxley เรื่อง The Gate of Knowledge เกี่ยวกับอิทธิพลของสารหลอนประสาทที่มีต่อจิตใจมนุษย์ Castaneda พัฒนาหัวข้อนี้ในภาคการศึกษาปีที่สองของเขา ในนั้นเขาเน้นย้ำเป็นพิเศษถึงบทบาทของประเพณีทางภาษาซึ่งในแง่หนึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการสื่อสารระหว่างผู้คนและช่วยรักษาความรู้ที่สะสมไว้และในทางกลับกันจิตสำนึก "แคบลง" - คำพูดถูกนำไปใช้กับวัตถุจริง ไม่ใช่สำหรับสัญลักษณ์ของพวกเขา และค่อยๆ ความกว้างทั้งหมดของโลกลดลงเหลือชุดของข้อเสนอทั่วไป

ไม่มีอะไรฟรีในโลกนี้และการได้มาซึ่งความรู้เป็นสิ่งที่ยากที่สุดในงานทั้งหมดที่บุคคลสามารถเผชิญได้ มนุษย์ไปสู่ความรู้เช่นเดียวกับที่เขาไปทำสงคราม - ตื่นขึ้นเต็มที่ เต็มไปด้วยความกลัว ความเกรงขาม และความมุ่งมั่นอย่างไม่มีเงื่อนไข การเบี่ยงเบนจากกฎนี้เป็นความผิดพลาดร้ายแรง
("คำสอนของดอนฮวน")

คาสตาเนด้า คาร์ลอส

แนวคิดของเนวิลล์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเขียนโปรแกรมในฝันและ "จินตนาการที่ควบคุมได้" ยังถูกพูดถึงในแวดวงของคาสตาเนดาด้วย มีการหยิบยกหัวข้อเกี่ยวกับการมีอยู่ของทรงกลมเรืองแสงรอบๆ บุคคลที่มีจินตนาการที่ "ตื่นขึ้น" ความคิดที่ว่าในสภาพของโลกสมัยใหม่เป็นการดีกว่าที่จะเผยแพร่คำสอนใหม่ที่ไม่ใช่ในนามของผู้เชี่ยวชาญ - ผู้ถือคำสอน แต่ในนามของนักเรียนที่เริ่มเข้าสู่ความลึกลับของเขา แนวคิดเหล่านี้จำนวนมากได้รับการตีความอย่างลึกซึ้งในงานเขียนของ Castaneda นอกจากนี้ ปัญญาชนอเมริกันรุ่นเยาว์ยังสนใจศึกษาวิถีชีวิตและพิธีกรรมของหมอผีอินเดียอย่างจริงจัง ซึ่งชนชั้นกลางในกาฆามาร์กาซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของกัซตาเนดาปฏิบัติอย่างดูถูกเหยียดหยาม

ในปี 1959 เขาสำเร็จการศึกษาระดับวิทยาลัยจากสมาคมศิลปะสาขาจิตวิทยา ในปี พ.ศ. 2503 เขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแห่งลอสแองเจลิส (UCLA) และความเชี่ยวชาญของเขาเปลี่ยนไป - ปัจจุบันเป็นมานุษยวิทยา ศาสตราจารย์ Clement Meighan ผู้ดูแล Castaneda ด้านมานุษยวิทยา สนับสนุนให้มีการรวบรวมบทสัมภาษณ์จากตัวแทนของชนชาติที่ศึกษา ด้วยเหตุนี้ Castaneda จึงเดินทางไปยังแอริโซนาก่อนจากนั้นจึงไปที่เม็กซิโก การติดต่อกับชาวอินเดียได้รับการอำนวยความสะดวกโดยความรู้ภาษาสเปน รูปลักษณ์ละตินอเมริกา และความคุ้นเคยกับวิถีชีวิตของหมอผีในกาฆามาร์กา หัวข้อการสัมภาษณ์ภาคสนามของเขาคือการใช้พืชที่มีสารหลอนประสาทในพิธีกรรมของชนพื้นเมืองอเมริกัน เขาห่างเหินจากเพื่อนและภรรยา พลาดการประชุมทางธุรกิจ และใช้เวลาในแอริโซนาและเม็กซิโกมากขึ้นเรื่อยๆ จากปฏิกิริยาของศาสตราจารย์ Meighan ต่อเนื้อหาที่รวบรวมได้ซึ่งนำเสนอในภาคนิพนธ์ เห็นได้ชัดว่าเขาได้เข้าสู่แนวทางที่น่าสนใจและมีการศึกษาน้อย

ปริมาณการบันทึกภาคสนามมีมากขึ้นเรื่อย ๆ Castaneda ใช้เวลาส่วนใหญ่ในลอสแองเจลิสกับเครื่องพิมพ์ดีด กิจการเงินตกต่ำไม่มีอะไรจะจ่ายสำหรับการศึกษาและเขาออกจากมหาวิทยาลัย หลังจากมีข้อสงสัยและการเปลี่ยนแปลงมากมาย ในปี 1965 Castaneda มีต้นฉบับที่น่าประทับใจพร้อม - หนังสือชื่อ The Teachings of Don Juan: The Yaqui Way of Knowledge มีการแจกจ่ายให้อาจารย์ UCLA เพื่อตรวจสอบและแนะนำสำหรับการตีพิมพ์ ในสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัย ทัศนคติต่อหนังสือถูกแบ่งออก - ทั้งผู้สนับสนุน (นำโดยศาสตราจารย์ Meighan) และผู้ที่กลัวว่าวิธีการส่วนตัวที่ "ไม่ใช่วิชาการ" อาจทำลายชื่อเสียงของความเป็นกลางของประเพณีทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัย แต่ตัวแทนของทั้งสองค่ายต่างเห็นพ้องต้องกันในการประเมินผลงานว่าสดใสและไม่ธรรมดา

ความกลัวเป็นศัตรูตัวแรกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บุคคลต้องเอาชนะบนเส้นทางสู่ความรู้
("คำสอนของดอนฮวน")

คาสตาเนด้า คาร์ลอส

ต้องใช้เวลาสามปีในการชี้แจงตำแหน่งของอาจารย์เกี่ยวกับการตีพิมพ์หนังสือของ Castaneda ในที่สุดในฤดูใบไม้ผลิปี 1968 สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียก็ตีพิมพ์ภายใต้ปกหนังสือเรียนมหาวิทยาลัยมาตรฐาน ต่อหน้าต่อตาเรากลายเป็นหนังสือขายดีและขายดีกว่าสิ่งพิมพ์อื่น ๆ - ในช่วง 2 ปีแรกขายได้ 300,000 เล่ม ต่อมาเมื่อ Castaneda เตรียมหนังสือเล่มที่สอง เขาหันไปหาตัวแทนคนกลางมืออาชีพเพราะ ผลงานของเขาเห็นได้ชัดว่ามีศักยภาพในการเผยแพร่จำนวนมากและไม่เข้ากับหมวดหมู่ของตำราเรียนของมหาวิทยาลัย ภายใต้ข้อตกลงกับผู้ถือลิขสิทธิ์ สำนักพิมพ์ UCLA คำสอนของดอนฮวนยังได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์รายใหญ่อย่าง Bollentine และ Simon & Schuster

ในหนังสือเล่มแรกของ Carlos Castaneda เรื่อง The Teachings of Don Juan: The Way of Knowledge of the Yaqui Indians กล่าวถึงการที่วันหนึ่ง ในฐานะนักเรียน Castaneda ค้นหาวัตถุเพื่อสัมภาษณ์งานวิจัย ได้พบกับ Don Juan - อินเดียบรูโจเก่าเช่น หมอผี หมอผี และเจ้าแห่งพิธีกรรมโบราณ ชาวอินเดียที่รู้สึกถึงธรรมชาติของการค้นหาในชายหนุ่มเสนอที่จะทำความคุ้นเคยกับความเป็นจริงที่มีมนต์ขลังโดยตรงโดยที่ไม่สามารถเข้าใจสาระสำคัญของพิธีกรรมชามานิกของอินเดียได้ นักศึกษามานุษยวิทยาตกลงและอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตามมาและความรู้สึกของเขา เขาพูดถึง "mitots" - พิธีการใช้ peyote และเห็ด ในระหว่างที่ผู้เข้าร่วมได้รับความสามารถในการโต้ตอบกับความเป็นจริงที่มีมนต์ขลังซึ่งเต็มไปด้วยกองกำลังที่เป็นมิตรหรือศัตรู

Don Juan ยื่นข้อเสนอให้ Castaneda เป็นลูกศิษย์ของเขา - เขาเรียกมันว่า: เข้าสู่เส้นทางของ "ผู้รู้" เช่น ละทิ้งอคติ เปิดรับความรู้ใหม่ของโลก ละทิ้งคำสอนที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด คาสตาเนดาสับสน ข้อเสนอของบรูโจทำให้เกิดความรู้สึกวิตกและความสนใจผสมปนเปกัน การเป็น "ผู้รู้" ตามคำกล่าวของดอน ฮวน รวมถึงกระบวนการชำระให้บริสุทธิ์จากประสบการณ์ส่วนตัวทางโลก ความหมายของข้อกำหนดนี้คือการได้รับความเข้าใจที่แตกต่างเกี่ยวกับตนเอง มุมมองโลกที่แตกต่าง ในการคิดใหม่และมักปฏิเสธชีวิตที่แล้ว ผู้อ่านทำความคุ้นเคยกับแนวคิดของคำสอนของดอนฮวน - "ผู้รู้", "อำนาจ", "สถานที่แห่งอำนาจ", "วัตถุแห่งอำนาจ", "พันธมิตร" ฯลฯ อันตรายสี่ประการบนเส้นทางของผู้รู้ถูกระบุไว้เช่นกัน - ความกลัว ความชัดเจน ความแข็งแกร่ง และวัยชรา

การตีความคำสอนของดอนฮวนที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งเสนอโดยนักวิเคราะห์ของจุงเกียน ดังนั้น ตามคำกล่าวของ D. L. Williams (ข้ามพรมแดน) “คนที่มีความรู้” คือบุคคลที่พยายามใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับจิตใต้สำนึกของเขาและปฏิบัติตามความผันผวนของโชคชะตาส่วนบุคคลเนื่องจากความกลมกลืนนี้ “ความแข็งแกร่ง” คือความสามารถในการ เปิดเผยศักยภาพของ "พันธมิตร" ที่หมดสติของเขา - การรวมศักยภาพที่หมดสติในกระบวนการได้รับความเป็นตัวของตัวเอง ฯลฯ และศัตรูแห่งความรู้ทั้ง ๔ ที่กล่าวมาแล้ว คือ ความกลัว ความชัดเจน กำลัง และความแก่ ก็ไม่ใช่ศัตรูในตัวมันเอง แต่เฉพาะเมื่อเข้าใจผิดเท่านั้น หนังสือเล่มนี้มีส่วนที่สอง เขียนขึ้นด้วยจิตวิญญาณของการพัฒนาการวิจัยอย่างมีระเบียบ โดยคัดลอกเนื้อหาของคำสอนของดอนฮวน รวมอยู่ในสิ่งพิมพ์ครั้งแรก แต่ต่อมาไม่ได้พิมพ์อีกต่อไปเพราะ สำหรับประชาชนทั่วไป มันเป็นฉบับเขียน "เชิงศิลปะ" ที่น่าสนใจ ซึ่งมีความประทับใจทางอารมณ์และประสบการณ์ส่วนตัวของบุคคลที่พุ่งเข้าสู่โลกแห่งชามานิก

หนังสือเล่มแรกของ Carlos Castaneda ประสบความสำเร็จอย่างมาก แปลเป็น 17 ภาษา และยังคงเป็นหนึ่งในหนังสือขายดีอันดับต้น ๆ ข้อพิพาทเกี่ยวกับประเภทของมันไม่ได้ลดลง: บางคนคิดว่ามันเป็นตำราลึกลับที่ไม่เหมือนใครคนอื่นคิดว่ามันเป็นการหลอกลวงทางวรรณกรรมและปรัชญาที่ไม่เหมือนใครคนอื่นคิดว่ามันเป็นสัญลักษณ์เปรียบเทียบที่เหนือจริง ฯลฯ สำหรับผู้เขียนเอง สิ่งพิมพ์ของมันช่วยปรับปรุงสถานการณ์ทางการเงินของเขา และในที่สุดก็ได้รับโอกาสในการสอบผ่านสำหรับตำแหน่งอาจารย์ ในเวลานี้เขาชอบปรัชญาเข้าร่วมการบรรยายเกี่ยวกับปรากฏการณ์วิทยาทำความคุ้นเคยกับผลงานของ Husserl, Parsons, Wittgenstein

เมื่อบุคคลเริ่มเรียนรู้เขาไม่เคยมีความคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับอุปสรรค จุดประสงค์ของเขาคลุมเครือ ความตั้งใจของเขาไม่แน่นอน เขาคาดหวังรางวัลที่เขาไม่มีวันได้รับ เพราะเขายังไม่รู้ถึงการทดลองที่จะเกิดขึ้น เขาเริ่มเรียนรู้อย่างค่อยเป็นค่อยไป - ในตอนแรกเล็กน้อยจากนั้นก็ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ และในไม่ช้าเขาก็สับสน สิ่งที่เขาเรียนรู้ไม่เคยตรงกับสิ่งที่เขาวาดไว้สำหรับตัวเขาเอง และความกลัวก็เข้าครอบงำเขา การสอนไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังเสมอไป
("คำสอนของดอนฮวน")

คาสตาเนด้า คาร์ลอส

หนังสือเล่มที่สอง A Separate Reality: A Continuation of Conversations with Don Juan (1971, New York, Simon & Shuster) เป็นเรื่องราวสารคดีเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับบรูโจของอินเดีย ตัวละครใหม่ปรากฏขึ้น - Don Genaro เพื่อนร่วมงานของ Don Juan เขาเลิกใช้ Castaneda จากการเสพติดตรรกะและเหตุผลนิยมแบบตะวันตก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการละเมิดกฎของอวกาศและเวลาของอริสโตเติ้ล ดอนเกนาโรลอยอยู่เหนือพื้น เคลื่อนตัวไปยังแนวภูเขาที่อยู่ห่างออกไป 10 ไมล์ในทันที เต้นรำบนขอบน้ำตก ผู้อ่านมีสิทธิ์ที่จะคิดว่าชาวอินเดียกำลังบงการจิตใจของคาสตาเนดา จากมุมมองนี้เราสามารถพิจารณาการเปลี่ยนแปลงและการบินของ Castaneda ในรูปแบบของอีกาที่อธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้ ดอนฮวนยังคงแนะนำให้เขารู้จักกับระบบการมองโลกแบบชามานิสต์ด้วยแนวคิดของ "นักรบ" และ "ผู้ล่า" ซึ่งอาศัยอยู่พร้อมกันในสองโลกด้วยแนวคิดของ "การมองเห็น" นั่นคือ ความสามารถในการรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์จริงของโลกนี้ด้วยกฎของ "ความโง่เขลาที่ควบคุมได้" - หลักการของชีวิตในโลกของผู้คน ฯลฯ

หนังสือเล่มที่สามที่จะตีพิมพ์เร็วๆ นี้ Journey to Ixtlan (1972, New York, Simon & Shuster) มีการนำเสนอหลักการพื้นฐานของคำสอนของดอนฮวนอย่างเป็นระบบมากกว่าหนังสือเล่มก่อนๆ Castaneda หันกลับมาที่บันทึกของเขาในปีแรก ๆ ที่เขารู้จักกับ Don Juan แก้ไขพวกเขาและในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเริ่มดำเนินการบนเส้นทางของการฝึกงานของ brujo ชาวอินเดีย สามบทสุดท้ายประกอบด้วยเนื้อหาในขั้นตอนที่สามของการฝึกงาน ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2514 คาสตาเนดาเข้าใจดีว่าผู้ที่ก้าวเดินบนเส้นทางของนักรบ - "เส้นทางด้วยหัวใจ" จะไม่มีวันหันหลังกลับ ดอนฮวนยังคงค้นพบแง่มุมต่างๆ ของเส้นทางนี้ - ศิลปะของการเป็นสิ่งที่ไม่สามารถบรรลุได้ หลักการของการลบประวัติส่วนตัว การสร้างความสัมพันธ์และการต่อสู้กับ "พันธมิตร" แนวคิดของความตายในฐานะที่ปรึกษา ความต้องการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และอื่น ๆ

สำหรับหนังสือเล่มนี้ ในปี 1973 Carlos Castaneda ได้รับชื่อปรัชญาดุษฎีบัณฑิตสาขามานุษยวิทยา ในเวลาเดียวกันเขากลายเป็นเศรษฐีด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขา ตอนนี้เขาเป็นคนที่ได้รับความนิยมเขาถูกสัมภาษณ์และเชิญไปบรรยายให้กับนักเรียน

มนุษย์ต้องท้าทายศัตรูนิรันดร์ทั้งสี่ของเขาและสังหารพวกเขา ใครก็ตามที่เอาชนะพวกเขาจะกลายเป็นคนที่มีความรู้
("คำสอนของดอนฮวน")

คาสตาเนด้า คาร์ลอส

Tales of Power (1974, New York, Simon & Shuster) เล่มที่ 4 อิงจากข้อมูลในขั้นตอนสุดท้ายของการเป็นสาวกในปี 1971-1972 Castaneda กำลังเตรียมพร้อมสำหรับพิธีเริ่มต้น ในทะเลทราย ดอนฮวนเปิดเผยความลับของเขาและให้คำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์ของนักมายากล ณ จุดนี้ในการฝึกงาน Castaneda รู้สึกว่าสติของตัวเองกำลังแตกสลาย เขาเชื่อมั่นว่าภาพปกติของโลก (หรือวรรณยุกต์) เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ในโลกแห่งเวทมนตร์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดไม่รู้จักและไม่สามารถกำหนดได้ - ที่เรียกว่า nagual วรรณยุกต์และนากัลเป็นแนวคิดหลักในคำสอนของดอนฮวน: วรรณยุกต์คือโลกที่ได้รับ เป็นระบบและมีเหตุผล นากัลคือโลกแห่งความเป็นไปได้ทางเวทมนตร์ เจตจำนง และการเปลี่ยนแปลง ระหว่างพวกเขามีรอยร้าวหรือรอยร้าวเชิงคุณภาพ และเส้นทางของนักรบนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการดำรงอยู่และการกระทำในทั้งสองโลก หลังจากพิธีเริ่มต้น Castaneda และนักเรียนอีกสองคนของ Don Juan และ Don Genaro ได้บอกลาครูของพวกเขาตลอดไปกระโดดจากยอดเขาสู่เหว - สู่รอยแยกระหว่างโลก ดอนฮวนและดอนเกนาโรควรจะจากโลกนี้ไปตลอดกาลในคืนเดียวกันนั้น ดังนั้นในหนังสือของ Castaneda จึงจบเรื่องราวของช่วงเวลาของการศึกษาโดยตรงกับ Don Juan

ทันทีหลังจากการปรากฏตัวของหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับดอนฮวนคำถามก็เกิดขึ้นเกี่ยวกับระดับความน่าเชื่อถือของภาพของเขา - ไม่ว่าเขาจะเป็นคนจริงหรือไม่และมีต้นแบบอยู่หรือไม่หรือว่าเขาเป็นผลผลิตจากนิยาย เพื่อสนับสนุนความเป็นไปได้ของการมีอยู่ของต้นแบบจริงหรือต้นแบบคือความจริงที่ว่าเพื่อนร่วมงานของ Castaneda ที่มหาวิทยาลัย Douglas Sharon นานก่อนที่เขาจะพบกับ Castaneda ยังได้เรียนหลักสูตรฝึกงานกับ Eduardo Calderon Palomino ชาวเปรู ในการสนทนาระหว่างพวกเขา Castaneda และ Sharon สังเกตเห็นความบังเอิญจำนวนมากระหว่างคำสอนของ Eduardo และ Don Juan

ในขณะเดียวกัน เมื่อวิเคราะห์งานเขียนของ Castaneda จะเห็นได้ชัดว่ามุมมองและทฤษฎีมากมายที่เขาอธิบายนั้นเชื่อมโยงกับอัตถิภาวนิยม ปรากฏการณ์วิทยา และจิตบำบัดสมัยใหม่ สถานการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่าร่างของดอนฮวนอาจถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยบุคคลที่มีการศึกษาในมหาวิทยาลัย เช่น คาร์ลอส คาสตาเนด้า. คำถามนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ

เส้นทางใดเป็นเพียงหนึ่งในล้านเส้นทางที่เป็นไปได้ ดังนั้น นักรบต้องจำไว้เสมอว่าเส้นทางเป็นเพียงเส้นทางเท่านั้น ถ้าเขารู้สึกว่าเขาไม่ชอบเขาจะต้องทิ้งมันไว้โดยเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด เส้นทางใด ๆ เป็นเพียงเส้นทางและไม่มีอะไรจะป้องกันไม่ให้นักรบออกจากเส้นทางได้หากหัวใจของเขาสั่งให้ทำเช่นนั้น การตัดสินใจของเขาจะต้องปราศจากความกลัวและความทะเยอทะยาน ต้องมองเส้นทางใด ๆ โดยตรงและไม่ลังเล เส้นทางทั้งหมดเหมือนกัน: ไม่มีที่ไหนเลย เส้นทางนี้มีหัวใจไหม? ถ้ามีนี่เป็นวิธีที่ดี ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ เส้นทางเดียวทำให้การเดินทางมีความสุข ไม่ว่าคุณจะพเนจรมากแค่ไหน คุณกับเส้นทางของคุณก็แยกจากกันไม่ได้ ทางอื่นจะทำให้คุณสาปแช่งชีวิตของคุณ วิธีหนึ่งให้กำลังแก่คุณ อีกวิธีหนึ่งทำลายคุณ
("คำสอนของดอนฮวน")

คาสตาเนด้า คาร์ลอส

ชีวิตของ Castaneda กลายเป็นเหมือนไลฟ์สไตล์ของกูรูยุคใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ เขาหย่าขาดจากมาร์กาเร็ต ทิ้งลูกชายบุญธรรมซึ่งเขาผูกพันมาก ย้ายออกจากเพื่อนเก่า และในที่สุดก็เข้าสู่การศึกษาเกี่ยวกับลัทธิชามานิก เขาเขียนหนังสือ บรรยาย รักษากลิ่นอายของความลึกลับรอบร่างของเขา ด้วยจิตวิญญาณแห่งทฤษฎีของเขาในการลบประวัติส่วนตัว เขาลังเลที่จะให้สัมภาษณ์ ไม่ยอมให้ถ่ายรูป วาดภาพ ฯลฯ บางหัวข้อจากหนังสือของเขาบางครั้งย้ายไปยังชีวิตจริง ดังนั้น บางครั้งหลังจากการสนทนากับบางคน เขาสามารถอ้างได้ว่าไม่ใช่ตัวเขาเองที่เข้าร่วมการประชุม แต่เป็น "คู่" ของเขา

ในผลงานที่เขียนโดย Castaneda ในปี 1970-90 - แหวนแห่งพลังที่สอง, ของขวัญจากนกอินทรี, ไฟจากภายใน, พลังแห่งความเงียบ, ด้านที่ใช้งานของอินฟินิตี้, ศิลปะแห่งความฝัน - มีคำอธิบายเพิ่มเติม ของคำสอนของดอนฮวนและบอกเล่าถึงชะตากรรมของนักมายากลสมัยใหม่ หนังสือเล่มล่าสุด The Wheel of Time เป็นบทสรุปของผู้เขียนเกี่ยวกับแนวคิดและความคิดเห็นที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับผลงานของ Castaneda

ใน The Second Ring of Power (1977) หลังจากกระโดดจากหน้าผาลงสู่เหวลึก คาร์ลอสรอดชีวิตมาได้และกลับไปเม็กซิโกเพื่อค้นหาว่าการกระโดดที่เหลือเชื่อนั้นเป็นอย่างไร ที่นี่เขาได้พบกับกลุ่มนักมายากลหญิง - นักเรียนของ Don Juan และในการต่อสู้กับพวกเขาเขาค้นพบความสามารถทางเวทย์มนตร์ในการออกจากร่างของเขาในรูปแบบของตัวสำรองที่ทรงพลัง หลังจากติดต่อกับลา กอร์ดา นักรบหญิง คาร์ลอสรับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคนากอลคนใหม่

สิ่งที่ผู้คนทำไม่สามารถมีความสำคัญมากกว่าโลกไม่ว่าในกรณีใด ๆ ด้วยเหตุนี้ นักรบจึงถือว่าโลกนี้เป็นปริศนาที่ไม่มีที่สิ้นสุด และสิ่งที่ผู้คนทำนั้นถือเป็นความโง่เขลาที่ไม่มีสิ้นสุด
("ความเป็นจริงที่แยกจากกัน")

คาสตาเนด้า คาร์ลอส

ใน The Eagle's Gift (1981) อดีตเด็กฝึกงานพยายามเป็นผู้นำกลุ่มผู้วิเศษกลุ่มใหม่ แต่ความขัดแย้งระหว่างเขากับเด็กฝึกงานคนอื่นๆ กลับบานปลาย ด้วยความช่วยเหลือจากลา กอร์ดา (ฟลอรินดา ดอนเนอร์) เขาตระหนักดีว่าเนื่องจากลักษณะเฉพาะของอุปกรณ์พลังงานของเขา เขาจึงไม่สามารถเป็นผู้นำของพวกเขาได้ เส้นทางของนักมายากลแตกต่างกัน แต่ La Gorda ยังคงอยู่กับเขา พวกเขาออกเดินทางไปลอสแองเจลิสที่ซึ่งพวกเขาฝึกฝนการเดินทางในฝันด้วยกัน และในสถานะของการตระหนักรู้ที่เข้มข้นขึ้น พวกเขาพยายามจดจำปีแห่งการฝึกงานในขณะที่ฝึกฝนหลักการเกี่ยวกับเวทย์มนตร์ ใน The Fire Inside (1984) คาสตาเนดาเล่าถึงการเผชิญหน้าของเขากับดอน ฮวน แนวคิดของเขาเกี่ยวกับทรราชผู้น้อย โดยมองว่าสถานการณ์เชิงลบใดๆ เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ การทำงานกับตัวเองต่อไป เขาจะขจัดความรู้สึกสำคัญในตนเองออกไปและได้รับความซื่อสัตย์ มีการอธิบายคำศัพท์ใหม่ของคำสอนของดอนฮวน - "จุดรวมพล" "ตำแหน่งของจุดรวมพล" "สะกดรอยตาม" "ความตั้งใจ" และ "ตำแหน่งความฝัน" "การเอาชนะสิ่งกีดขวางการรับรู้"

ใน The Power of Silence (1987) สะท้อนถึงการเผชิญหน้ากับดอนฮวน นักเรียนของเขาพูดถึงโลกและโลกของพ่อมด รูปแบบของเวลา และการควบคุมความตั้งใจ เขาเชื่อมั่นว่าจำเป็นต้องมีเวทมนตร์เพื่อให้เรารู้ว่า: พลังอยู่ในปลายนิ้วของเรา เราเพียงแค่ต้องตระหนักถึงพลังของเรา ซึ่งทุกคนเป็นเจ้าของจริงๆ คำศัพท์ใหม่ปรากฏขึ้น - "การสำแดง", "การผลัก", "กลอุบาย", "การสืบเชื้อสายของวิญญาณ", "ความต้องการ" และ "การควบคุมความตั้งใจ" The Art of Dreaming (1994) สร้างจากแนวคิดของ Don Juan ในเรื่องการควบคุมความฝัน ความฝันเป็นเพียงการเข้าถึงโลกของ nagual ที่มีอยู่ในวรรณยุกต์ซึ่งกำหนดโดยจิตใจในภาพลึกลับ นักมายากลชาวอเมริกันพื้นเมืองเสนอที่จะเจาะเข้าไปในนั้นและมองว่ามันเป็นความจริงอื่น ๆ ที่สามารถควบคุมได้ซึ่งแตกต่างจากฟรอยด์ที่มีส่วนร่วมในการตีความสัญลักษณ์ของความฝัน

ด้านอินฟินิตี้ที่กระตือรือร้นทุ่มเทให้กับการใช้ชีวิตและทำงานจากที่บ้านในลอสแองเจลิส คาสตาเนดาพยายามเล่าปัญหาของเพื่อนและเพื่อนร่วมงานให้ฟังตามคำสอนของฮวน เรากำลังพูดถึงการฝึกความเงียบภายใน - วิธีที่จะ "หยุดโลก" ความสามารถในการมองเห็นการไหลของพลังงานในจักรวาลและปราบแรงสั่นสะเทือนที่ยึดเราไว้โดยรวมในรูปของกลุ่มสนามพลังงาน .

ดวงตาของมนุษย์ได้รับการออกแบบมาให้ทำหน้าที่สองอย่าง อย่างหนึ่งคือการมองเห็นกระแสพลังงานของจักรวาล และอีกประการหนึ่งคือ "มองดูสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้" ไม่มีอะไรดีหรือสำคัญไปกว่าอย่างอื่น แต่การฝึกฝนสายตาเพื่อการมองเท่านั้นเป็นเรื่องน่าละอายและไร้เหตุผล
("ความเป็นจริงที่แยกจากกัน")

คาสตาเนด้า คาร์ลอส

นอกเหนือจากการนำเสนอคำสอนของดอนฮวนที่น่าสนใจแล้วในมหากาพย์ 10 เล่มของ Castaneda เนื้อเรื่องของการเป็นสาวกทางจิตวิญญาณนั้นได้รับการติดตามอย่างชัดเจน - ความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครู ขั้นตอนของการฝึกงาน ร่างของครู และพลังของเขาเป็นที่สนใจของผู้อ่านอย่างมาก เนื่องจากพวกเขามีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงคน "ธรรมดา" ให้กลายเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์

ในปี พ.ศ. 2536-2538 ผู้ร่วมงานของ Castaneda ได้พัฒนา "ทางผ่านเวทมนตร์" ที่ทันสมัยซึ่ง "ค้นพบ" โดยหมอผีของเม็กซิโกโบราณ ในจำนวนนี้มีการรวบรวมชุดของแบบฝึกหัดสำหรับการฝึกพลังจิตที่เรียกว่า tensegrity - (จากความตึงเครียดในภาษาอังกฤษ - ความตึงเครียดการยืดและความสมบูรณ์ - ความสมบูรณ์) เป้าหมายของความตึงเครียดคือการฝึกอบรมการกระจายพลังงาน - ในหนังสือของ Castaneda ดอนฮวนสอนให้นักเรียนที่สนิทที่สุดของเขา: Taisha Abelar, Florinda Donner-Grau, Carol Tiggs และ Carlos Castaneda ด้วยคำนำของ Castaneda มีการเผยแพร่หนังสือเกี่ยวกับความตึงเครียดเทปวิดีโอมีการจัดสัมมนาซึ่งเพื่อนร่วมงานของ Castaneda ซึ่งปรากฏตัวครั้งแรกในงานเขียนของเขาในฐานะนักมายากลหญิงในปี 1970 มีส่วนร่วม Taisha Abelard และ Florinda Donner เขียนหนังสือ - Castaneda เวอร์ชัน "ผู้หญิง" โดยเล่าถึงชะตากรรมของตนเองและประสบการณ์ในการฝึกงานกับ Don Juan พวกเขาทั้งหมดมีส่วนร่วมในการส่งเสริม "ผลิตภัณฑ์ลึกลับ" ของ Castaneda ในรูปแบบของหนังสือ วิดีโอ และการสัมมนาที่เข้มงวด คำสอนของ Don Juan เช่นเดียวกับชื่อของ Castaneda กำลังได้รับการทำการค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นแบรนด์และเครื่องหมายการค้ายอดนิยม Castaneda ก่อตั้งบริษัท Cleargreen ก่อตั้ง Eagle Foundation ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิ์ในมรดกของเขา

โครงการเชิงพาณิชย์ของ Castaneda ในช่วงปี 1990 ได้ลดทอน "จิตวิญญาณ" ที่เกี่ยวข้องกับงานเขียนของเขาลง ในขณะเดียวกัน ความเชื่อมโยงโดยนัยแต่ไม่ได้ประกาศของ Castaneda กับขบวนการยุคใหม่ - ยุคใหม่หรือยุคใหม่ - ก็ชัดเจน นิวเอจเป็นขบวนการทางสังคมที่ได้รับความนิยมซึ่งมีปรัชญาและสุนทรียศาสตร์ของตนเอง ซึ่งเป็นส่วนผสมที่แปลกประหลาดของทฤษฎีทางศาสนา จักรวาล สิ่งแวดล้อม ปรุงรสด้วยจิตบำบัดและเทคนิคทางจิตแบบดั้งเดิม ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตะวันออก

ก่อนอื่นนักรบต้องรู้ว่าการกระทำของเขาไร้ประโยชน์ แต่เขาต้องทำราวกับว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้ นี่คือสิ่งที่หมอเรียกว่าความโง่เขลาที่ถูกควบคุม
("ความเป็นจริงที่แยกจากกัน")

คาสตาเนด้า คาร์ลอส

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2541 มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2541 ที่บ้านของเขาใน Westwood (แคลิฟอร์เนีย) สหรัฐอเมริกา Carlos Castaneda เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ไม่มีงานศพ ศพถูกเผาในวันเดียวกัน ศพถูกส่งไปยังเม็กซิโก Castaneda ประสบความสำเร็จในการถ่ายทอดแนวคิดที่เข้าถึงได้และสนุกสนานแก่ผู้อ่านหลากหลายกลุ่มซึ่งเริ่มแรกแพร่กระจายในแวดวงปัญญาชนของมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างปิด สิ่งที่น่าสมเพชและอำนาจที่ติดต่อได้ของคำสอนของดอนฮวนไม่ได้อยู่ในคำสัญญาแห่งความสุขที่ปลายทางหรือในอีกมิติหนึ่ง แต่อยู่ในความเข้าใจถึงความจำเป็นในการค้นหาชะตากรรมที่แท้จริงของตนเองและค้นหาหนทางในโลกนี้

โดนัลด์ ลี วิลเลียมส์ นักวิเคราะห์ของจุนเกียนตั้งข้อสังเกตอีกแง่มุมหนึ่งของคำสอนของดอนฮวน จุงเชื่อว่าชาวอินเดียนแดงในจิตไร้สำนึกของชาวอเมริกันเป็นผู้แบกรับและเป็นสัญลักษณ์ของการกระทำที่กล้าหาญ การมองเห็นทางจิตวิญญาณ ความรักและความรู้สึกที่ลึกซึ้งของเครือญาติในการแสดงออกทั้งหมดของชีวิต Castaneda กลายเป็นผู้แปลปรัชญาเวทมนตร์ของชายชุดแดงได้พยายามอย่างจริงจังที่สุดในศตวรรษที่ 20 เพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาที่เกิดบนโลกนี้แก่ชาวอเมริกันผิวขาว

นักวิเคราะห์ที่เข้มงวดสามารถตรวจจับความไม่สอดคล้องกันและการชนกันของบริบทข้อความและพฤติกรรมใน Castaneda ซึ่งทำให้เรียกเขาว่าเป็นผู้ลึกลับที่ยิ่งใหญ่ แต่นี่ไม่ใช่ลักษณะเฉพาะของวิธีการสร้างสรรค์ของเขาใช่ไหม ความคลาดเคลื่อนและการแสดงแนวคิด แนวคิด และภาพที่ขัดแย้งกันในบางครั้ง (จิตวิญญาณและการค้า ความจริงจังและการหลอกลวง ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์และเรื่องแต่ง ฯลฯ) ทำให้เกิดแรงผลักดันที่ทรงพลังในการสร้างสรรค์ “เพียงแค่ผลักสองความคิดมาชนกัน คุณก็จะเข้าสู่โลกแห่งความจริงได้” คาสตาเนดาเขียน

คนทั่วไปกังวลมากเกินไปกับคนที่รักและการถูกรัก นักรบรักนั่นคือทั้งหมด เขารักทุกคนที่เขาชอบและทุกสิ่งที่เขาชอบ แต่เขาใช้ความโง่เขลาที่ควบคุมได้เพื่อไม่ต้องกังวลกับมัน ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่คนทั่วไปทำ การรักผู้คนหรือการได้รับความรักจากพวกเขานั้นห่างไกลจากทุกสิ่งที่มีให้กับบุคคล
("ความเป็นจริงที่แยกจากกัน")

คาสตาเนด้า คาร์ลอส

คำสอนของดอนฮวนทำให้เกิดผู้ติดตามและแฟน ๆ จำนวนมาก ซึ่งมักจะพยายามฝึกฝนวิธีการและคำแนะนำของบรูโจอินเดียอย่างจริงจัง ในสหภาพโซเวียต ผลงานของ Castaneda ปรากฏตัวครั้งแรกใน samizdat ในช่วงปี 1980 และได้รับความนิยมอย่างมาก ตั้งแต่ปี 1992 สำนักพิมพ์เคียฟ "โซเฟีย" ได้ตีพิมพ์มรดกของเขาอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ปี 1992 ผลงานของ Castaneda ได้รับการตีพิมพ์ 72 ครั้งในรัสเซียและยูเครน

เช่นเดียวกับในประเทศอื่น ๆ ในรัสเซียสาวกของ Castaneda รวมตัวกันในสังคมจัดการประชุมไปงานสัมมนาของ "Nagual ผู้ยิ่งใหญ่" ในอเมริกา ความสนใจในมรดกของ Castaneda ในฐานะปรมาจารย์ที่มีความสำคัญระดับโลกยังคงอยู่ Castaneda สร้างผลงานที่แสดงถึงการผสมผสานระหว่างนิยายวรรณกรรมกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของทศวรรษที่ 1960 และ 1970 วิกฤตของสังคมที่ผลักดันสมาชิกไปสู่กรอบของผู้บริโภคและการดำรงอยู่ตามโปรแกรม ความผิดหวังในความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ริเริ่มการค้นหาความหมายใหม่ที่แท้จริงของการดำรงอยู่

เพื่อที่จะตระหนักถึงความจริงที่คนอื่นคุ้นเคย อันดับแรกจำเป็นต้องปลดปล่อยตัวเองจากความเป็นจริงของตัวเอง แต่มันไม่ง่ายเลยที่คน ๆ หนึ่งจะกำจัดภาพปกติของโลก นิสัยนี้จะต้องถูกทำลายด้วยกำลัง

การมีครูหรือมัคคุเทศก์ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่ก็ไม่จำเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน สิ่งที่จำเป็นจริงๆคือความพยายามทุกวันเพื่อสะสมความเงียบ

ก่อนอื่น บทความนี้เขียนถึงผู้ที่ได้อ่าน Castaneda แล้ว และอย่างน้อยก็มีแนวคิดทั่วไปว่าเขาเป็นใครและหนังสือของเขาเกี่ยวกับอะไร แต่สำหรับตำแหน่งหลักทั้งหมด คุณสามารถวาดคู่ขนานกับระบบการค้นหาทางจิตวิญญาณอื่นๆ ที่คุณอาจคุ้นเคย

สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเรื่อง Castaneda เป็นทั้งนักเขียนชาวอเมริกัน นักมานุษยวิทยา หรือผู้ลึกลับ เขามีชื่อเสียงจากการเขียนหนังสือหลายชุดเกี่ยวกับการฝึกฝนกับหมอผีชาวอินเดีย Don Juan ซึ่งยังคงมีข้อสงสัยอยู่ ข้อมูลทั่วไปสามารถรวบรวมได้จาก Wikipedia - มีเพียงพอ และเราจะไปที่หัวใจของเรื่อง

การวิพากษ์วิจารณ์หลักตกอยู่ที่ Castaneda เนื่องจากหนังสือสองเล่มแรกของเขาซึ่งให้ความสนใจมากขึ้นกับการปฏิบัติทางเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคสารหลอนประสาทตามธรรมชาติต่างๆ และแม้ว่าคาสตาเนดาจะไม่ได้หมายถึงการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องยาเสพติดใดๆ แต่กลับกลายเป็นว่าหนังสือเล่มแรกๆ ถูกมองว่าเป็นการเรียกร้องให้เลียแสตมป์ เคี้ยวกระบองเพชร และสูบกัญชา

แต่เริ่มจากหนังสือเล่มที่สาม Castaneda ยอมรับว่าเขาทำผิดพลาดโดยวางสำเนียงไม่ถูกต้องและตอนนี้เขาเล่าเรื่องเดิมอีกครั้ง แต่ด้วยวิธีที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มันมาจากหนังสือเล่มที่สามที่ Castaneda เริ่มต้นขึ้นซึ่งเปลี่ยนเส้นทางของเรื่องราวส่วนตัวมากมาย

ในหัวข้อนี้ อันตรายจาก "ยาเสพติด" ของหนังสือของ Kastanedov ถูกปิดลงอย่างซ้ำซากและน่าเบื่อ และเราจะพูดถึงผลกระทบทางจิตใจซึ่งน่าสนใจกว่ามาก

ดอน คาร์ลอส

เบื้องหลังของกระจุกกระจิกลึกลับทั้งหมด หนังสือของ Castaneda ซ่อนระบบมุมมองที่เรียบง่ายและชัดเจน ซึ่งมักจะหลบเลี่ยงแม้แต่ผู้ชื่นชมที่กระตือรือร้นที่สุดของเขา

แนวคิดที่เสนอโดย Castaneda อธิบายรายละเอียดเส้นทางของการเตรียมนักเรียนจากจิตไร้สำนึกทางสังคมอย่างสมบูรณ์ไปสู่สถานะแห่งการตรัสรู้ ทุกอย่างอยู่ที่นั่น: จากการแก้ปัญหาพื้นฐานทางสังคมและจิตวิทยาที่จิตวิทยาทั่วไปของเราเกี่ยวข้อง ไปจนถึงเทคโนโลยีสำหรับการบรรลุสภาวะจิตสำนึกที่แตกต่างกันโดยพื้นฐานและสูงกว่า ซึ่งคำสอนทางจิตวิญญาณมักจะจัดการด้วย

ความซับซ้อนของการทำความเข้าใจหนังสือของ Castaneda อยู่ที่ข้อเท็จจริงที่ว่าหนังสือเหล่านี้เป็นนิยาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเป้าหมายโดยตรงในการนำเสนอระบบความรู้ลึกลับที่สอดคล้องกัน และแม้ว่า Castaneda จะพยายามหลายครั้งเพื่อวางทุกอย่างไว้บนชั้นวาง แต่ระบบรวมสามารถกู้คืนได้หลังจากอ่านและไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำอีกเท่านั้น

แต่สภาพแวดล้อมทางวรรณกรรมที่ยอดเยี่ยมในตัวมันเองมีผลที่ทรงพลัง - มันทำหน้าที่เป็นกับดักสำหรับจิตใจบังคับให้มันตามหาพล็อตลึกเข้าไปในโลกแห่งเวทย์มนตร์ และรูปแบบของบันทึกประจำวันทำให้การเล่าเรื่องมีความสมจริงจนแทบจะจับต้องได้และเชื้อเชิญให้ผู้อ่านเปิดประตูแง้มไว้ตรงหน้าเขา

พูดในสิ่งที่คุณชอบ แต่ Castaneda เป็นนักเขียนที่ยอดเยี่ยมที่รู้วิธีดึงดูดผู้อ่านร่วมกับเขา ฉีกเขาออกจากพื้นจากโครงสร้างทางจิตตามปกติของเขา และโยนเขาเข้าสู่โลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง - ลึกลับ น่ากลัว คาดเดาไม่ได้ แต่มีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ .

โครงร่างหลักของเรื่องราวแผ่ออกไปรอบ ๆ Way of the Warrior ซึ่งเป็นโลกทัศน์พิเศษและวิถีชีวิตที่สอดคล้องกัน ซึ่งค่อย ๆ เปลี่ยนบุคคลทางสังคมธรรมดา ๆ ให้เป็นปราชญ์ตัวจริง ผู้รอบรู้ แนวคิดทั้งสองนี้มีเงื่อนไข เนื่องจากไม่มีกองกำลังพิเศษและไม่มีความรู้ที่เป็นความลับเป็นการบอกเป็นนัยในที่นี้ นี่เป็นเพียงภาพที่สื่อถึงจิตวิญญาณอันโหดร้ายของการเผชิญหน้ากับปีศาจของตัวเองได้เป็นอย่างดี

ในประเพณีอื่น ๆ วิถีแห่งนักรบสอดคล้องกับระบบการปฏิบัติที่จำเป็นในการชำระล้างและเตรียมจิตสำนึกสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และการรู้แจ้งที่เกิดขึ้นเมื่อจิตสำนึกพร้อมในที่สุดสอดคล้องกับสถานะของบุคคลที่มีความรู้ ดังที่ดอนฮวนกล่าวไว้ว่า "เมื่อคุณเป็นผู้รอบรู้ เส้นทางของนักรบจะสิ้นสุดลง"

ดังนั้น เส้นทางของนักรบจึงเป็นสะพานชนิดหนึ่งจากสภาวะจิตสำนึกที่มีเงื่อนไขทางสังคม ไปสู่สถานะที่อยู่เหนืออนุสัญญาทั้งหมด เพื่อบรรลุอิสรภาพซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของเส้นทางใดๆ

หลักการของวิถีแห่งนักรบโดยไม่มีข้อขัดแย้งใด ๆ รวมถึงจิตวิทยาสมัยใหม่ทั้งหมด และยิ่งกว่านั้น นอกเหนือไปจากขอบเขตของมัน ไม่ว่า Castaneda จะได้รับแรงบันดาลใจจากคำสอนที่มีอยู่หรือสร้างบางสิ่งของเขาเองก็ไม่สำคัญเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นเพียงการรวบรวมที่มีพรสวรรค์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าของมันลดลง

ภาษาของ Castaneda นั้นเรียบง่ายและกัดกินเขาทำให้ผู้อ่านไม่มีโอกาสหนีจากความจริงเกี่ยวกับตัวเขาเอง และด้วยความชัดเจนที่แสดงออกของสูตรและความเฉียบคมของการสังเกตที่ทำขึ้น Castaneda เอาชนะนักจิตวิทยาเชิงวิชาการทุกคนอย่างง่ายดายซึ่งถูกบังคับให้ต้องทุบตีด้วยเหตุผลด้านความถูกต้องทางการเมือง Castaneda มีพรสวรรค์ในการเรียกจอบเสียม และนักจิตวิทยาทุกคนควรเรียนรู้จากเขา

มันไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายฐานทางทฤษฎีและภาคปฏิบัติของวิถีแห่งนักรบที่นี่ - นักวิจัยที่ครุ่นคิดเขียนทั้งเล่มในหัวข้อนี้ หากมีความสนใจดังกล่าว หัวข้อนี้จะดำเนินการต่อในบทความอื่นได้ ดังนั้นเขียนความคิดเห็นที่สนใจ ตราบใดที่เรายังก้าวต่อไป

สว่านสำหรับสบู่

ผู้คนเข้าสู่ความลึกลับโดยทั่วไปได้อย่างไร? ความปรารถนาที่จะแลกเปลี่ยนชีวิตที่คุ้นเคยที่อบอุ่นและสบายเพื่อความยากลำบากและความยากลำบากของวิถีแห่งนักรบมาจากไหน?

เหตุผลแรก ที่พบบ่อยที่สุดและไม่ดีต่อสุขภาพที่สุดคือการหลอกตัวเองของผู้แพ้ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันจะไปหาพวกนักรบ คนเหล่านี้เป็นแกนหลักของการเคลื่อนไหวที่ลึกลับ พวกเขาถูกดึงดูดโดยโอกาสที่จะยืนในท่าทางและแสดงให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวพวกเขาเห็นถึงความแปลกประหลาดอันสูงส่งของพวกเขา บางคนผ่านขั้นตอนนี้และไปต่อในขณะที่บางคนติดอยู่ในนั้นจนจบ

เหตุผลที่สองคือความไม่ลงรอยกันทางจิตวิญญาณ ความโรแมนติกของการค้นหาหรือการหลีกหนีจากความเบื่อหน่าย สำหรับคนเหล่านี้ Way of the Warrior กลายเป็นงานอดิเรก - งานอดิเรกที่ไม่ธรรมดาซึ่งคุณสามารถใช้เวลาว่างแล้วคุยโวเกี่ยวกับการค้นพบของพวกเขากับเพื่อน ๆ อีกครั้ง บางคนก็ย้ายไป แต่ส่วนใหญ่ก็หาความบันเทิงอื่น ๆ สำหรับตัวเอง

กลุ่มที่สามคือกลุ่มที่เล็กที่สุด - กลุ่มที่ชีวิตได้เลือกไว้ก่อน กลุ่มที่เอาชีวิตรอดใกล้เข้ามา และวิถีแห่งนักรบกลายเป็นทางออกเดียวที่เป็นไปได้จากสถานการณ์นี้ มีคนไม่กี่คน บางครั้งพวกเขาได้พบกับดอนฮวนเช่นเดียวกับในกรณีของ Castaneda (โดยวิธีการแล้วเขาเกือบจะฆ่าตัวตาย) บางครั้งพวกเขาก็คลำหาหนทางของพวกเขาบางครั้งพวกเขาก็พบครูของพวกเขาอยู่ข้างในเช่นเดียวกับกรณีของ Jung

ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจะไม่มีใครออกจากบ้านโดยสมัครใจ

มีเพียงหม้อรั่วเท่านั้นที่สามารถพยายามเป็นคนที่มีความรู้ได้ คนที่มีสติสัมปชัญญะจะต้องถูกดึงเข้าสู่เส้นทางด้วยไหวพริบ มีผู้คนจำนวนมากที่ยินดีต้องการเรียนรู้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่นับรวม มักจะแตกอยู่แล้ว เหมือนขวดน้ำเต้าแห้งๆ ที่ดูดี แต่เริ่มรั่วตั้งแต่นาทีที่เติมน้ำเข้าไป

ดีเอช

และนี่คือคำพูดจากโลกแห่งจิตวิทยา

การบีบบังคับเท่านั้นที่ทำให้ธรรมชาติเคลื่อนไหว รวมถึงธรรมชาติของมนุษย์ด้วย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงโดยไม่จำเป็น อย่างน้อยมนุษย์ทุกคน เป็นแบบอนุรักษ์นิยมอย่างน่ากลัวหากไม่เฉื่อยชา มีเพียงความต้องการที่รุนแรงที่สุดเท่านั้นที่สามารถทำให้เธอตกใจกลัวได้ ดังนั้น การพัฒนาบุคลิกภาพจึงไม่ขึ้นอยู่กับความปรารถนา ไม่เป็นไปตามคำสั่ง และไม่ต้องเป็นไปตามเจตนา แต่ขึ้นอยู่กับความจำเป็นเท่านั้น บุคลิกภาพต้องการแรงกระตุ้นที่บีบบังคับในส่วนของโชคชะตา ซึ่งมาจากภายในหรือมาจากภายนอก

…แต่การตัดสินใจทางศีลธรรมอย่างมีสติก็ต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการพัฒนาตนเองด้วย ถ้าสิ่งแรกคือความจำเป็นขาดไป สิ่งที่เรียกว่าการพัฒนาจะเป็นเพียงกายกรรมแห่งเจตจำนง หากสิ่งหลังคือการตัดสินใจอย่างมีสติขาดหายไป การพัฒนาจะจมอยู่ในระบบอัตโนมัติโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม คุณสามารถตัดสินใจเลือกเส้นทางของคุณเองได้ก็ต่อเมื่อดูเหมือนว่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเท่านั้น

ซี จี จุง
วิถีแห่งนักรบเป็นเพียงสิ่งถ่วงดุลกับชีวิตทางสังคมทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คุณค่าที่เป็นอิสระ จำเป็นต้องใช้ระบบค่านิยม "ทหาร" เพื่อดึงคนออกจากร่องตามปกติออกจากระบบมุมมองปกติ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเปลี่ยนสว่านเป็นสบู่ สาระสำคัญและจุดประสงค์ของวิถีแห่งนักรบไม่ใช่การยอมจำนนต่อค่านิยมที่ถูกต้องมากขึ้น แต่เป็นการละทิ้งค่านิยมโดยสิ้นเชิง

มิฉะนั้น หากไม่มีการปฏิเสธคุณค่าทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ บุคคลนั้นจะถูกตรึงบนไม้กางเขนของหลักการที่ขัดแย้งกัน ความเชื่อในความชอบธรรมของวิถีแห่งนักรบไม่อนุญาตให้คน ๆ หนึ่งสนุกกับเกมทางสังคมทั่วไปอีกต่อไป และผลประโยชน์ทางสังคมที่ถูกกดขี่ แต่ไม่ละทิ้ง ไม่อนุญาตให้คน ๆ หนึ่งอุทิศตนอย่างเต็มที่เพื่อวิถีชีวิตของนักรบ

ความขัดแย้งภายในที่น่ากลัวเกิดขึ้นซึ่งคน ๆ หนึ่งเริ่มไม่แน่ใจในตัวเองเป็นทวีคูณ: ตอนนี้เขาเป็นสมาชิกที่ไร้ประโยชน์ของสังคมและเป็นนักรบที่มีหมัด - ไม่ว่าสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น และสิ่งนี้ทำให้จิตวิญญาณเป็นเรื่องยากมาก

วิถีแห่งนักรบเป็นเพียงลิ่มตอกลิ่มอีกอัน ไม่มีอีกแล้ว ท้ายที่สุดแล้ว ความจงรักภักดีต่อตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่วิถีชีวิตแบบใดแบบหนึ่ง ระบบค่านิยมของ Way of the Warrior มีความสำคัญในฐานะที่ตั้งหลักที่คุณสามารถใช้เพื่อเปลี่ยนโลกของมุมมองที่เป็นนิสัยของคุณ การทำให้เสียศาสนาเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง

มหาอำนาจแทนการตรัสรู้

โยคีมีคำเปรียบเปรยที่ยอดเยี่ยมที่อธิบายปัญหานี้ได้ดี พวกเขาบอกว่ามีทางและมีดอกไม้อยู่ตามทาง ดอกไม้เหล่านี้สวยงามและมีกลิ่นที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเขาไม่ใช่จุดประสงค์ของการเดินทาง พวกเขาแค่มากับเธอ และถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็น

โลกของผู้วิเศษที่ Castaneda อธิบายด้วยความสามารถในการกลายเป็นสัตว์เคลื่อนไหวในอวกาศได้ทันทีและอยู่ในสองแห่งในเวลาเดียวกัน - นี่เป็นเพียงดอกไม้ข้างถนน สาระสำคัญของ Path of the Warrior ไม่ใช่การพัฒนาทักษะเหล่านี้ในตัวเอง และความก้าวหน้าที่แท้จริงตามเส้นทางนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขาแต่อย่างใด ต้นไม้ถูกตัดลง - ชิปบิน แต่ไม่ใช่ในทางกลับกัน

มหาอำนาจส่วนใหญ่เสพติดแค่พวกขี้แพ้ที่ไม่สามารถตั้งตัวในสังคมได้ และตอนนี้พวกเขาต้องการล้างจมูกของทุกคนด้วยเล่ห์กลของพวกเขา บางครั้งพวกเขาก็ทำสำเร็จ แต่ในทางจิตใจแล้วพวกเขายังคงเป็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่ไร้เดียงสาที่มีความทะเยอทะยานสูงเกินไป

Castaneda ให้ความสนใจกับความจริงที่ว่าเป้าหมายสูงสุดของเส้นทางคืออิสรภาพและประการแรกคืออิสรภาพจากความต้องการในการยืนยันตนเองการปลอบใจการยอมรับ ความรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญเป็นภาระที่หนักมาก คุณสามารถเป็นนักมายากลตัวจริงได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงไม่มีตัวตนที่สมบูรณ์

และดูว่าฟอรัมของคนรัก Castaneda เต็มไปด้วยอะไร - การหลงตัวเองอย่างต่อเนื่องและการแสวงหาเทคนิคพิเศษ ตามที่ชาวฮินดูทำนายในยุคของ Kali Yuga ความลึกลับเชิงสาธิตราคาถูกกลายเป็นที่นิยมอย่างมาก

วิถีแห่งนักรบที่แท้จริงนั้นไม่ซับซ้อนเลย - ไม่มีอะไรจะอวดและไม่ต้องบอกใคร ไม่มีหลังคาคลุมศีรษะ ไม่มีพื้นแข็งใต้ฝ่าเท้า - ความไม่แน่นอนต่อเนื่องและความโดดเดี่ยวเดียวดาย "นักรบไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีครอบครัว ไม่มีชื่อ ไม่มีบ้านเกิดเมืองนอน มีเพียงชีวิตที่จะมีชีวิตอยู่" - ใครต้องการการเดินทางเช่นนี้?

การกระทำของการพัฒนาส่วนบุคคลในความเห็นของคนนอกองค์กรที่ไม่เป็นที่นิยมการเบี่ยงเบนที่ไม่พึงประสงค์จากเส้นทางตรงความคิดริเริ่มที่สันโดษ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่นึกถึงการผจญภัยที่แปลกประหลาดเช่นนี้ หากพวกเขาทั้งหมดเป็นคนโง่ เราก็มีสิทธิ์ที่จะแยกพวกเขาออกจากสาขาที่เราสนใจในฐานะ "บุคคลส่วนตัว" ทางจิตวิญญาณ อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่บุคลิกภาพมักเป็นวีรบุรุษในตำนานของมนุษยชาติ ผู้ซึ่งก่อให้เกิดความชื่นชม ความรัก และการบูชา บุตรที่แท้จริงของพระเจ้า ซึ่งมีชื่อว่า เป็นดอกไม้และผลไม้ที่แท้จริง เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ให้กำเนิดต้นไม้แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์

ซี จี จุง

ลัทธิบุคลิกภาพที่ขาดหายไป

อันตรายอีกประการหนึ่งที่รอคอยนักรบที่เติบโตในบ้านคือความปรารถนาที่จะเข้าร่วมชุมชนคนรัก Castaneda ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ROC ที่นับถือในหนังสือของเขาเกี่ยวกับการศึกษานิกาย (นิยม) ระบุองค์กรหลายแห่งที่ดำเนินงานในทิศทางนี้ รวมทั้งในรัสเซีย

เอกสารที่น่าสงสัยนี้เรียก Castaneda ผู้ก่อตั้งนิกาย แต่ชี้นำการวิจารณ์หลักไม่ใช่สาระสำคัญของการสอน แต่ไปที่กิจกรรมของศูนย์กลุ่มและสังคมเดียวกันที่เป็นพยานของสาวกของ Castaneda

แต่อันตรายไม่ได้อยู่ที่ตามสมมุติฐานแล้ว เราอาจตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของนิกายที่โชคร้ายเหล่านี้จาก Castaneda แต่ในความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะหาที่หลบภัยทางจิตวิญญาณ กลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิดที่มีใจเดียวกัน

รอบ ๆ การสอนที่สำคัญไม่ช้าก็เร็วทุกฝ่ายเริ่มเกิดขึ้น ผู้คนติดต่อสื่อสารกัน แบ่งปันประสบการณ์ การค้นพบและประสบการณ์ และในบางขั้นตอนการแลกเปลี่ยนดังกล่าวอาจมีส่วนช่วยในการพัฒนาที่แท้จริง แต่ถ้าคุณอยู่ในปาร์ตี้นานเกินความจำเป็น มันจะหยุดให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและกลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาต่อไป

ในกรณีของการสอนของ Kastanedov ทุกอย่างซับซ้อนยิ่งขึ้นเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันหมายถึงการสร้างกลุ่มของตัวเอง Don Juan มีกลุ่มนักมายากล Castaneda ก็มีกลุ่มหนึ่ง ดังนั้นผู้อ่านจึงรู้สึกว่าพวกเขาจำเป็นต้องหากลุ่มสำหรับตัวเองอย่างเร่งด่วนหรือรวบรวมกลุ่มของพวกเขาเอง

เช่นเดียวกับการค้นหาดอนฮวนส่วนตัวของคุณ มีการกล่าวถึงหลายครั้งในหนังสือว่าครูเท่านั้นที่จะแสดงให้นักเรียนเห็น "ด้านมืดของพลัง" และตอนนี้ผู้ติดตามของ Castaneda จากทั่วทุกมุมโลกกำลังไปที่ Sonora รวบรวมคริสตัลมองหา Mescalito ท่องทะเลทรายด้วยสายตาของพวกเขาเป็นกองพะเนินเทินทึกและรบกวนชาวอินเดียแก่ ๆ ที่สวมหมวกซอมซ่อ และคนอื่น ๆ ที่ไม่สามารถจ่ายได้และไม่ชอบการค้นหาที่กระตือรือร้นเช่นนี้ถอนหายใจและปฏิเสธการค้นหาใด ๆ - ไม่มีดอนฮวนอยู่ในมือซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตตามปกติ

อย่างไรก็ตาม การค้นหาที่แท้จริงมักเกิดขึ้นในความสันโดษ ตามลำพังกับตนเอง และยิ่งคุณไปไกลเท่าใด ความสันโดษภายในที่ลึกล้ำก็ยิ่งต้องการ ครู คุรุ หรือผู้มีพระคุณ แม้จะปรารถนาอย่างสุดใจ ก็ไม่สามารถสร้างบุรุษผู้รอบรู้จากศิษย์ได้ พวกเขาสามารถกระตุ้น ผลักดัน เป็นตัวอย่าง แต่ตัวนักเรียนเองเท่านั้นที่สามารถปลูกฝังบุคลิกภาพใหม่ได้ เขาเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวสำหรับผลการค้นหาของเขา

ดอนฮวนกล่าวว่า "จงเชื่อในความแข็งแกร่งของตนเอง เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว" "แต่ฉันถูกเลือกสำหรับเส้นทางนี้?" นักเรียนสงสัย และมีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น: ระดับของการเลือกของตนเองสามารถกำหนดได้โดยตัวนักเรียนเองโดยเข้าสู่เส้นทางและเดินไปตามทาง

การพัฒนาบุคลิกภาพหมายถึงความซื่อสัตย์ต่อกฎหมายของตนเอง ในการถ่ายทอดคำว่า "ความสัตย์ซื่อ" สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าคำภาษากรีกจากพันธสัญญาใหม่ซึ่งแปลว่า "ศรัทธา" เนื่องจากความเข้าใจผิดนั้นเหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตามพูดอย่างเคร่งครัดหมายถึงความไว้วางใจความภักดีที่ไว้วางใจ ความภักดีต่อกฎของตนเองคือความไว้วางใจในกฎนี้ การรอคอยอย่างภักดีและความหวังที่ไว้วางใจ และในขณะเดียวกัน ทัศนคติที่คล้ายคลึงกับทัศนคติที่ผู้เชื่อควรมีต่อพระเจ้า

ซี จี จุง

เพื่อก้าวไปตามเส้นทางของคุณ คุณไม่ต้องการครู คุณไม่ต้องการเพื่อนร่วมเดินทาง และคุณไม่ต้องการคำสอน คุณแค่ต้องการศรัทธาในตัวคุณเองและโชคชะตาของคุณ และด้วยศรัทธานี้เท่านั้นที่คุณจะเป็น ได้รับรางวัล

และยังคง…

ในหนังสือเล่มสุดท้ายของ Castaneda การหลอกลวงบางอย่างหายไปและการเคลื่อนไหว Tensegrity ที่เขาเริ่มต้นในคลื่นลูกใหม่ดูขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าตัวเขาเองนำพื้นฐานที่อธิบายได้มาใช้สำหรับกรณีนี้ แต่มันดูงุ่มง่ามและไม่ได้สร้างความมั่นใจ

อาจสันนิษฐานได้ว่าเหตุการณ์พลิกผันนี้เกี่ยวข้องกับความต้องการใช้เงิน แต่ก็ดูไม่ค่อยน่าเชื่อนัก เนื่องจากค่าลิขสิทธิ์สำหรับหนังสือที่พิมพ์ซ้ำอย่างต่อเนื่องทั่วโลกต้องเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ บางทีเขาอาจยุ่งเหยิงจนยุ่งเหยิง บางทีเขาอาจยุ่งอยู่กับการไม่ทำ หรือบางทีเขาอาจถอยห่างจากการทดลองของเขาในที่สุด

มีการถกเถียงกันมากมายเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของ Castaneda เกี่ยวกับสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ และเขาสอดคล้องกับอุดมคติของ Way of the Warrior มากแค่ไหน มีเรื่องราวมากมาย - จะเชื่อหรือไม่ให้ทุกคนตัดสินใจด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ยังมีการคาดเดาอย่างต่อเนื่องและอาจไม่มีวันสิ้นสุดว่าดอนฮวนเป็นคนจริงหรือเป็นเพียงภาพรวม Castaneda ยึดติดกับตำนานของเขาจนถึงที่สุดและยืนยันว่า Don Juan และสายพ่อมดของเขามีอยู่จริงและเขาได้รับการฝึกฝนจากพวกเขาจริงๆ

ยังเป็นที่น่าสงสัยว่า Castaneda บรรลุเป้าหมายสูงสุดของเขาหรือไม่ ข่าวมรณกรรมกล่าวว่า Castaneda เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับในปี 2541 บนอินเทอร์เน็ตมีการสแกนใบมรณบัตรอย่างเป็นทางการของ Carlos Castaneda บางคน แต่สำหรับ "ผู้เชื่อใน Castaneda" มีความหวังเสมอว่า Don Carlos ยังคงอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกและหากไม่เป็นเช่นนั้น ก็ไม่ใช่เพราะเขาจบชีวิตลง ด้วยโรคของปุถุชนธรรมดา แต่เนื่องจากเวลาของเขามาถึงแล้ว และเขาถูกไฟเผาจากภายในตามที่ควรจะเป็นสำหรับคนที่มีความรู้อย่างแท้จริง

และยังคง…หนังสือของ Carlos Castaneda สำหรับหลาย ๆ คนกลายเป็นโอกาสลูกบาศก์เซนติเมตรเดียวกันซึ่งเปิดทางสู่อิสรภาพที่แท้จริง จิตวิญญาณของผู้ชายที่แข็งกร้าวในนิทานเรื่อง Force คือสิ่งที่ขาดหายไปในวัฒนธรรมสมัยใหม่ จมอยู่ในความเป็นผู้หญิงไร้กระดูกของเด็กแรกเกิด

The Way of the Warrior คือการต่อสู้ที่อันตรายถึงตายเพื่ออิสรภาพของคุณเอง การต่อสู้ด้วยความกลัวและปิศาจของคุณ ซึ่งยังไม่รู้ว่าใครจะชนะ Castaneda ไม่ได้พูดถึงความรักและการให้อภัยจากสวรรค์ เขาไร้ความปรานีในการตัดสินของเขา สังคมจมปลักอยู่กับการสมเพชตัวเอง ผู้คนอ่อนแอและงี่เง่า แต่ทุกคนมีโอกาสที่จะดึงตัวเองออกจากนิทรานี้ได้

และขอจบด้วยอีกคำพูดหนึ่งจาก Don Carlos ชาวสวิส ผู้แบ่งปันและเทศนาค่านิยมเดียวกันนี้

อะไรกระตุ้นให้คน ๆ หนึ่งเลือกเส้นทางของตัวเองและแยกตัวออกจากม่านหมอกจากตัวตนที่ไม่ได้สติพร้อมกับมวล? ไม่จำเป็น เพราะความต้องการนั้นมาถึงทุกคน และทุกคนก็ได้รับความรอดโดยอนุสัญญา ไม่สามารถเป็นทางเลือกทางศีลธรรมได้เช่นกัน เพราะผู้คนมักจะเลือกแบบแผน ถ้าอย่างนั้น อะไรล่ะที่โน้มน้าวทางเลือกที่เข้าข้างสิ่งพิเศษอย่างไม่รู้จักจบสิ้น?

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าจุดประสงค์ ปัจจัยไร้เหตุผลบางอย่างที่ผลักดันการปลดปล่อยจากฝูงด้วยวิธีการตี คนจริงมีจุดประสงค์และเชื่อในสิ่งนั้นเสมอ มี pistis สำหรับเขาเช่นเดียวกับพระเจ้า แม้ว่านี่จะเป็น - อย่างที่คนทั่วไปอาจพูดได้ - เป็นเพียงความรู้สึกของโชคชะตาของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม ชะตากรรมนี้ดำเนินไปในฐานะกฎแห่งสวรรค์ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยง ความจริงที่ว่าคนจำนวนมากต้องพินาศไปตามวิถีทางของพวกเขาเองนั้นไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับคนที่มีโชคชะตา เขาต้องเชื่อฟังกฎของเขาเอง ราวกับว่ามันเป็นปีศาจที่ล่อลวงเขาด้วยวิธีแปลกๆ ใหม่ๆ ผู้ใดมีชะตากรรมที่ได้ยินเสียงแห่งความลึกจะถึงวาระ

ซี จี จุง

ป.ล.

หากคุณยังคิดว่านี่เป็นคำวิจารณ์ของ Castaneda ฉันขอแสดงความยินดีกับคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ - คุณไม่เข้าใจอะไรเลย! โยนอคติทั้งหมดออกจากหัวแล้วอ่านใหม่ หากบทความนี้มีชื่อว่า "อะไรคืออันตรายของมีดผ่าตัด" และพูดถึงความง่ายที่พวกเขากรีดตัวเองเพราะความโง่เขลา คุณจะมองว่าเป็นการวิจารณ์มีดผ่าตัดด้วยหรือไม่

บทความนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการที่ Castaneda ไม่ดีในทางใดทางหนึ่ง เช่นเดียวกับเครื่องมืออื่น ๆ มันมีจุดแข็งและจุดอ่อน แต่บทความนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้น - มันเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากคนรู้จักผิวเผินและการใช้เครื่องมือใด ๆ อย่างไม่รับผิดชอบ

คาร์ลอส คาสตาเนด้า

คาร์ลอส คาสตาเนด้า(ภาษาอังกฤษ คาร์ลอส Castaneda)

หลายคนพูดว่า "Castaneda เป็นนักเขียน!" สมมติว่าเราเห็นด้วยกับสิ่งนี้และปล่อยให้ทุกสิ่งที่เขาเขียนไม่ใช่เวทย์มนต์หรือไสยศาสตร์ ให้หนังสือที่ทรงพลังที่สุดของเขาทั้งหมด สมมุติว่าห้าเล่มแรกถือเป็นผลงานของนักเขียน: การพรรณนาเชิงเปรียบเทียบเชิงศิลปะของปัญหาบางอย่างในรูปแบบสีชาติพันธุ์
หากคุณเรียกนักเขียน Castaneda คุณต้องเข้าใจว่านักเขียนคือบุคคลที่สะท้อนปัญหาในยุคของเขาในรูปแบบศิลปะปัญหาของเรื่องในยุคของเขา
"นักเขียน Castaneda" เขียนเกี่ยวกับอะไร? เขาพยายามที่จะแก้ปัญหาเดียวกันกับที่ใน<послевоенные 50-80 года>เป็นปัญหาของยุค: ปัญหาของเสรีภาพ, ปัญหาของวิวัฒนาการต่อไปของมนุษย์, ปัญหาความระส่ำระสายทางสังคมและความไม่แน่นอนของโอกาส มันสะท้อนให้เห็นถึงแรงบันดาลใจและความหวังในช่วงเวลานั้นในแง่สังคม จิตวิทยา มานุษยวิทยา
คนเหล่านี้ที่เรียก Castaneda เป็นนักเขียนแสดงสาระสำคัญของสิ่งที่เขาเป็นนักเขียนที่ไหน? โดยคำว่า "นักเขียน" พวกเขาหมายถึงคำว่า "นักฝัน" พวกเขาบอกว่า Castaneda เป็นนักฝันเกี่ยวกับเวทย์มนต์ และพวกเขาบอกว่าพวกเขาเข้าใจสิ่งนี้มากกว่า Castaneda ที่ "พุ่งพรวด"
ในความเป็นจริงแม้ในฐานะนักเขียน Castaneda ก็เป็นหิน เขาเสนอความพยายามโดยละเอียดเพื่ออธิบายวิธีการและตัวเลือก (แบบจำลอง) สำหรับการแก้ปัญหาของสังคมและมนุษย์ในช่วงเวลาของเขา ในแง่หนึ่ง Castaneda ต้องการกำจัดความโดดเดี่ยวในระดับส่วนตัว - นี่คือ ala Freudianism การแยกบุคคลออกจากกันในความพยายามตามสัญชาตญาณหุนหันพลันแล่นเพื่อให้บรรลุสิ่งที่ตัวเขาเองไม่รู้ แต่หาเหตุผลเข้าข้างตนเองอย่างต่อเนื่องในรูปแบบของ เทพนิยาย เขายกประเด็นเรื่องความเป็นหุ่นยนต์ซึ่งสังคมเสนอ และที่นี่ Hubbard, Gurdjieff และคนอื่นๆ ก็หันมาสนใจเรื่องพฤติกรรมนิยมทันที
และเมื่อคนโง่บางคนพูดว่า "เขาเป็นแค่นักเขียน" เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังเข้าสู่สนามที่เขาไม่มีอะไรให้พึ่งพาเลย<для аргументации своей позиции>. หากผู้ติดยายังคงรู้สึกขุ่นเคืองใจเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าหลังจากเสพยาเสพติดแล้ว ปาฏิหาริย์ที่ Castaneda อธิบายไว้จะไม่เกิดขึ้นและถามคำถามเขาเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ ดังนั้นผู้คนที่ละทิ้งเวทมนตร์และพูดว่า "Castaneda เป็นนักเขียน" คือ แถลงการณ์ต่อต้านอย่างสิ้นเชิงเพราะในฐานะนักเขียน Castaneda ได้ยกชั้นและปัญหาที่คนเหล่านี้ไม่มีความคิด
ผู้ที่ถือว่า Castaneda เป็นนักเขียนไม่สามารถแสดงอะไรให้เขาเห็นได้เพราะพวกเขาไม่มีความคิดแม้แต่น้อยเกี่ยวกับแนวทางที่ลึกลับ - นั่นคือเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องมีการตีความตามโครงสร้างและฐานข้อมูลเชิงตรรกะบางอย่างเสมอด้วยความเข้าใจว่ารูปแบบใดที่จะสร้างความขัดแย้ง คาสตาเนด้า. คุณยังคงต้องเข้าสู่คำสอนที่ Castaneda กำหนดไว้ ข้ามวงกลมลึกลับและกลายเป็นคนวงในนั่นคือเข้าใจในเรื่องนี้
และคนเหล่านี้ยืนอยู่นอกวงโคจร พวกเขาเห็นบางสิ่งที่ไหลวนที่ Castaneda และตีความในแบบของพวกเขาเองในทางจิตวิทยาหรือปรัชญา พวกเขาเริ่มเขียนเวอร์ชันของตนเอง นั่นคือ หาเหตุผลเข้าข้างตนเองในภาพลักษณ์และอุปมาอุปไมยของ Castaneda ความปรารถนาและแรงบันดาลใจภายในของพวกเขา ในการวิเคราะห์ทางจิตวิเคราะห์สิ่งนี้เรียกว่า "การหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง" - ความปรารถนาที่เป็นความลับสวมเปลือกบางอย่างเพื่อเหตุผลในตนเอง คนเหล่านี้มีส่วนร่วมในการหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองนั่นคือการตามใจ
ดังนั้น คนเหล่านี้จึงปล่อยตัวปล่อยใจไปตามที่คาสตาเนดาเขียนถึง
หากมีใครต้องการพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับ Castaneda ให้ถามคำถาม - เราจะพูดคุยในมุมมองใด ประวัติศาสตร์ Castaneda นักเขียน เรียงความ และนักมานุษยวิทยาสังคมในยุคของเขาอยู่ที่ไหน? ไสยเวท? ปฏิวัติ? ร่อแร่? และถ้ามีคนพูดว่าทุกอย่างรวมอยู่ในหนึ่งเดียว มันเป็นไปไม่ได้ มันควรจะเป็นสำเนียง<и соответствующая база данных>.
และที่นี่คนเหล่านี้เต็มไปด้วยดวงตาแห่งปัญญาและพิจารณาว่า Castaneda เป็นนักเขียนกลายเป็นเปลือกที่ว่างเปล่า พวกเขาไม่มีอะไรจะต่อต้านนอกจากการหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง

หากเราพิจารณาคลังข้อมูลของหนังสือสองเล่ม (ไฟจากภายใน, พลังแห่งความเงียบงัน) จากนั้น Castaneda จะจัดตั้งโดยอ้อมโดยอ้อม ประเพณีทางปรัชญาตะวันตก.
ดังนั้น Castaneda แสดงให้เห็นว่าเป็นประเพณีทางปรัชญาตะวันตกและอย่างที่คุณทราบ เธอขโมยและดัดแปลงปรัชญาตะวันออกตลอดประวัติศาสตร์ของเธอ
มันพูดว่าอะไร? จำเป็นต้องอ่าน Castaneda ในบริบทเฉพาะ หากคุณรู้จักเขา คำที่พูดพล่อยๆ ของคาสตาเนดาก็เริ่มขึ้น Castaneda แนะนำคำศัพท์เพื่อไม่ให้แยกตัวออกจากประเพณี แต่เพื่อสร้างโครงสร้างที่มีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ของตัวเอง เช่นเดียวกับนักมานุษยวิทยาโครงสร้าง เขาเล่าให้คุณฟังถึงรูปทรงเรขาคณิตหรือคณิตศาสตร์ของสิ่งลี้ลับ เนื้อหานี้ไม่เหมาะสำหรับคนโง่

ด้วย Castaneda ทุกเทอมเป็นหนังสือเดินทางหลายใบ การสะกดรอยตาม, ความฝัน, ความสำคัญในตนเอง, ประวัติส่วนตัว - สิ่งเหล่านี้เป็นแนวคิดเชิงความหมายมากมายที่ตีความทั้งภายในโครงสร้างของการสอนที่กำหนดโดย Castaneda และในระดับฐานข้อมูลคู่ขนาน เพื่อที่จะก้าวหน้าในทางปฏิบัติ ค่าเหล่านี้จะต้องสามารถคำนวณและเชื่อมต่อได้
<...>คุณเคยเชื่อมโยงมุมมอง แนวทาง และผลสำเร็จของพระพุทธศาสนากับ Castaneda หรือไม่? ศิลปะแห่งการรับรู้คือการมองเห็น ความเพ้อฝัน (การย้ายจุดรวม) เป็นเส้นทาง และการติดตาม (กำหนดจุดรวม) เป็นผล

ฉันไม่มีความสนใจในการศึกษาหรือความรู้ ฉันคิดไม่ออก ฉันไม่สามารถพูดก่อนที่จะเข้ามา<мир магов>. ฉันเป็นคนหนึ่งที่เติบโตมาโดยเรียนรู้ว่าคุณไม่ควรพูดเว้นแต่ว่าคุณกำลังพูดคุยด้วย ("เด็ก ๆ ควรมองเห็น แต่ไม่ควรได้ยิน") ไม่มีทางที่จะแสดงออกอย่างแท้จริง ไม่เกิดความคิดรวบยอดขึ้นมาได้ ความคิดเชิงนามธรรมเป็นสิ่งแปลกสำหรับฉัน เพราะฉันสนใจแต่เรื่องในชีวิตประจำวัน การพบปะผู้คน การค้นหาความรัก ทุกสิ่งที่สนใจผู้หญิงในวัยนี้
ฉันก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นพวกเขาจึงสั่งให้ฉันไปมหาวิทยาลัยและได้รับการศึกษาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกเวทมนตร์ของฉัน และเหตุผลนี้ไม่เพียงเปลี่ยนความคาดหวังของสังคมที่มีต่อผู้หญิงเท่านั้น<...>
การได้รับการศึกษามีสองด้าน อย่างแรกคือมันบ่อนทำลายความคาดหวังของฉันที่มีต่อความสามารถของฉัน ความสามารถของฉัน หรือความคาดหวังของคนอื่นที่มีต่อฉัน ประการที่สอง มันทำให้ฉันมีโอกาสคิดวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจ (มโนภาพ), เข้าใจ (เข้าใจ)เวทมนตร์คืออะไร เพราะแม้ว่าพวกเขาจะสอนเทคนิค แนวทางปฏิบัติ ระเบียบปฏิบัติบางอย่างแก่เรา แต่พวกเขาก็ให้แนวคิดที่เป็นนามธรรมมากแก่เรา (แนวคิด)เกี่ยวกับเวทมนตร์คืออะไร สนใจว่าพ่อมดรับรู้อย่างไร (รับรู้)โลกที่พวกเขาเห็น (ดู)ความจริง - ต้องใช้สติปัญญาที่เฉียบแหลมมากในการทำความเข้าใจสาระสำคัญของสิ่งที่พวกเขากำลังพูด มิฉะนั้น คุณอยู่ในระดับหนึ่ง และคุณมองเวทมนตร์ในแนวทางนี้ สมมุติว่า นักมานุษยวิทยามองจากภายนอก และเห็นแค่ผิวเผิน และคุณคิดว่าเวทมนตร์เกี่ยวข้องกับการร้องเพลง การรักษา การเต้นรำ การสวมหน้ากาก การแสดงพิธีกรรมแปลกๆ นี่คือแนวคิดของเราจากมุมมองของสังคมของเราเกี่ยวกับเวทมนตร์และสิ่งที่นักมายากลทำ
ในตอนนั้นฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเวทมนตร์และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันถูกสอนอะไร แต่มันก็เกิดขึ้นทีละเล็กละน้อย ฉันต้องเข้าใจไม่เพียงแค่ความเงาของพื้นผิวเท่านั้น (ผิวมันเงา)ว่าเวทมนตร์คืออะไร แต่จริงๆ แล้วเกี่ยวข้องกับอะไร และคุณจะต้องมีสติปัญญาเฉียบแหลมและมีการศึกษาอย่างลึกซึ้งเพื่อให้สามารถเข้าใจแนวคิดเหล่านี้ได้

เราไม่ต้องการพิธีกรรม "การชำระล้าง" "การป้องกัน" "เครื่องราง" "ของขลัง"เป็นต้น การป้องกันและเสนอต่อวิญญาณที่ดีที่สุดเท่าที่คุณทำได้คือกำจัด "ความสำคัญ" ของคุณและดำเนินตามเส้นทางที่ไร้ตำหนิ "แนวทางด้วยหัวใจ"

Castaneda ไม่ได้เขียนเกี่ยวกับเวทมนตร์

"เราต้องหาคำอื่นสำหรับนักมายากล" เขากล่าว "มันมืดมนเกินไป เราเชื่อมโยงกับความไร้เหตุผลในยุคกลาง: พิธีกรรม, ปีศาจ ฉันชอบ 'นักรบ' หรือ 'นักเดินเรือ' นั่นคือสิ่งที่พ่อมดทำ - การนำทาง"
เขาเขียนว่าคำนิยามการทำงานของคำว่านักมายากลคือ "เข้าใจพลังงานโดยตรง"

คนธรรมดาไม่สามารถรับพลังงานในการรับรู้นอกชีวิตประจำวันได้ เรียกพื้นที่แห่งเวทมนตร์การรับรู้ที่ไม่ธรรมดา

การเรียกพวกเขาว่าผู้วิเศษไม่ใช่ความตั้งใจของฉัน "Brujo" หรือ "bruja" ซึ่งแปลว่าพ่อมดหรือแม่มด เป็นคำภาษาสเปนสำหรับชายหรือหญิงที่ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ฉันมักจะไม่พอใจความหมายเพิ่มเติมพิเศษของคำเหล่านี้ แต่พ่อมดเองก็ทำให้ฉันมั่นใจด้วยการอธิบายครั้งแล้วครั้งเล่าว่า "เวทมนตร์" หมายถึงบางสิ่งที่ค่อนข้างเป็นนามธรรม: วิชาที่คนบางคนพัฒนาขึ้นเพื่อขยายขอบเขตของการรับรู้ทั่วไป ในกรณีเช่นนี้ ลักษณะที่เป็นนามธรรมของเวทมนตร์จะไม่รวมความหมายเชิงบวกหรือเชิงลบของชื่อที่ใช้อ้างถึงบุคคลที่ฝึกฝนเวทมนตร์โดยอัตโนมัติ

Castaneda ไม่ได้เขียนเกี่ยวกับสะพานและผี

Silvio Manuel ตัดสินใจใช้สะพาน (เกิดความคิดในการใช้สะพาน - คิด ความคิดใช้สะพาน)ยังไง เครื่องหมาย (เครื่องหมาย) ทางแยกที่เกิดขึ้นจริง.

พันธมิตรสามารถรับรู้ได้ว่าเป็นคุณภาพของความรู้สึกเท่านั้น (คุณภาพของประสาทสัมผัส). นั่นคือเนื่องจากพันธมิตรนั้นไม่มีรูปร่าง การปรากฏตัวของมันจึงถูกสังเกตได้จากผลกระทบที่มีต่อนักเวทย์เท่านั้น ดอนฮวนจำแนกเอฟเฟกต์เหล่านี้ว่ามีคุณสมบัติคล้ายมนุษย์.