Lyudmila Grigorievna Puchko กำลังดาวโหลดสำหรับทุกคน ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองของบุคคล

มุ่งมั่นเพื่อทุกคน ระบบ
การวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเอง
บุคคล

จากสำนักพิมพ์

การแนะนำ

ส่วนที่หนึ่ง แบบจำลองหลายระดับของร่างกายมนุษย์

บทที่ 1 ร่างทั้งเจ็ด (ช่วงการสั่นสะเทือนเจ็ดช่วง) ของมนุษย์ ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองโดยธรรมชาติของมนุษย์

ร่างกาย

ร่างกายอีเทอร์ริก (พลังงาน)

ร่างกายที่บอบบาง (ดวงดาว สัญชาตญาณ สาเหตุ จิตใจ จิตวิญญาณ)

บทที่ 2 ร่างกาย Etheric (พลังงาน)

2.1. แบบจำลองข้อมูลพลังงานชีวภาพของร่างกายอีเทอร์ริก การเชื่อมต่อโครงสร้าง สภาวะสมดุลของพลังจิต

2.5. ระบบควบคุมตนเอง

2.6. การติดเชื้อเป็นกลไกในการเลือกพลังงานในร่างกายอีเทอร์ริก รังสีเจ็ดช่วงจากเชื้อโรคของโรคติดเชื้อ

บทที่ 3 ห้าร่างที่ละเอียดอ่อน

3.1. Macrocosm และ Microcosm ความสัมพันธ์ของพวกเขา กฎจักรวาลขั้นพื้นฐาน

3.2 แนวคิดเรื่องร่างกายที่ละเอียดอ่อน โครงสร้างของร่างกายที่ละเอียดอ่อน รูปร่าง และความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเหล่านั้น

3.3. การจำแนกความเสียหายต่อร่างกายบาง

3.4. วิธีการขจัดความเสียหายต่อร่างกายที่บอบบาง

3.4.1. การกำจัดการบาดเจ็บทางหูที่เกิดจากหน่วยงานทางหู

3.4.2. การกำจัดโครงสร้างพลังงานของมนุษย์ต่างดาว (วิญญาณของโลก)

3.4.3. การกำจัดเอนแกรม

3.4.4. การกำจัดโปรแกรม

3.4.5. กำจัดการละเมิดรูปร่างของร่างกายที่บอบบาง การเชื่อมต่อโครงสร้าง และการซิงโครไนซ์ระหว่างกัน

บทที่ 4. การวินิจฉัยระบบ อัลกอริธึมสำหรับการตรวจจับและกำจัดสาเหตุของความเสียหายต่อร่างกายมนุษย์ทั้งเจ็ด การเชื่อมต่อกับจิตใต้สำนึก

บทที่ 5 ชุดการสั่นสะเทือนเชิงตัวเลข เรขาคณิต และคอมโพสิต

บทที่ 6 มันดาลาเชิงตัวเลขกราฟิก - วิธีกำหนดค่าจิตใต้สำนึกสำหรับงานรังสีความงาม

บทที่ 7 ร่างกาย การวินิจฉัยความผิดปกติทางอินทรีย์และวิธีการกำจัด

ส่วนที่สอง วิธีการฉายแสงเพื่อการฟื้นฟูสุขภาพ

บทที่ 8 เอฟเฟกต์รังสีและการทำงานกับลูกตุ้ม

บทที่ 9 วิธีปฏิบัติในการวิจัยคลื่นวิทยุเกี่ยวกับช่องพลังงานและอิทธิพลต่อช่องพลังงานเหล่านั้น

9.1. ช่องปอด

9.2. ช่องโคลอน

9.3. ช่องท้อง

9.4. ช่องม้าม-ตับอ่อน

9.5. ช่องหัวใจ

9.6. ช่องลำไส้เล็ก

9.7. ช่องกระเพาะปัสสาวะ

9.8. ช่องไต

9.9. คลองเยื่อหุ้มหัวใจ (คลองทางเพศ)

9.10. ช่องสามส่วนของร่างกาย

9.11. ช่องถุงน้ำดี

9.12. ช่องตับ

9.13. คลองแอนเทอโรมีเดียน

9.14. คลองตรงกลางที่ 3

9.15. คำอธิบายของโครงร่างการเชื่อมต่อพลังงานชีวภาพระหว่างช่อง (อวัยวะ)

9.16. การนวดด้วยพลังงานชีวภาพ (รูปแบบทั่วไปของการนวดช่องพลังงานภายนอก)

9.17. การบำบัดด้วยสุญญากาศ

9.18. การนวดช่องพลังงานภายใน

9.19. การนวดบำบัดและป้องกันตามระบบโดอิน

9.20. ระเบียบวิธีในการตรวจจับด้วยรังสีความงามของปลั๊กพลังงานและวิธีการกำจัดปลั๊กพลังงานในช่อง

9.21. ขจัดพลังงานที่ติดขัดด้วยการ “เปิด” สติ

9.22. การกำหนดโดยวิธี R ของการมีอยู่ของพลังงานในจักระและพลังงาน "การจราจรติดขัด" ในการเชื่อมต่อจักระ

9.23. การวินิจฉัยด้วยรังสีรักษาเส้นเมอริเดียน “ปาฏิหาริย์”

9.24. การตรวจวินิจฉัยด้วยรังสีความงามของอวัยวะภายในโดยใช้ม่านตา ใบหู ฝ่าเท้าและฟัน

9.25. จุดแทรกแซงในกรณีฉุกเฉิน

9.26. ศึกษาแผนการติดเชื้อของมนุษย์ด้วยวิธี P

บทที่ 10 ขอบเขตอื่นๆ ของการประยุกต์วิธี p ในทางปฏิบัติ

10.1. การระบุผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพต่ำ (ไนเตรต กัมมันตภาพรังสี ฯลฯ) การระบุสารก่อภูมิแพ้ในอาหาร การเลือกขนาดยาและวิธีปฏิบัติ

10.2. การกำหนดอาหารส่วนบุคคลสำหรับโรคของอวัยวะใด ๆ

10.3. การกำหนดโซน geopathogenic

10.4. การหาปริมาณรังสีอันไม่พึงประสงค์จากเสื้อผ้า รองเท้า ครีมเครื่องสำอาง ต้นไม้ ภาพวาด ฯลฯ

บทที่ 11 ประสบการณ์การใช้วิธีฉายรังสีในทางการแพทย์

เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของวิธี R ซึ่งฉันใช้ในทางการแพทย์

วรรณกรรม

หนึ่งในเทคนิคบูรณาการที่ทันสมัยที่สุด การหายใจแบบโฮโลโทรปิกหรือปอดบวม ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน S. Grof [ 14 ] ผู้ซึ่งพัฒนาหลักคำสอนเรื่องโรคจิตได้แนะนำแนวคิดของระบบประสบการณ์แบบควบแน่น (SEX) ซึ่งเป็นการก่อตัวทางพยาธิสภาพที่มั่นคงในจิตไร้สำนึกของเราซึ่งเกิดขึ้นรอบ ๆ โรคจิตเริ่มต้น แม้จะตระหนักดีว่าระบบ COEX ยังคงไม่สามารถควบคุมได้อย่างมีสติและยังคงมีอิทธิพลต่อจิตใจของเรา (ร่างกายที่บอบบาง) การเปลี่ยนรูปและการปิดกั้นพฤติกรรมของเราต่อไป การทำลายล้างและการทำลายล้างของระบบ COEX ดังกล่าวเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการรักษาจิตใจ การตื่นขึ้นของขุมทรัพย์อันล้ำลึก และการทำงานร่วมกับโลกที่ละเอียดอ่อน ต่อมาได้มีการสร้างเทคนิคเชิงบูรณาการรุ่นใหม่ซึ่งเป็นการพัฒนาเพิ่มเติมของโรคปอดบวม [ 40 , 63 ].

วิธีการที่ระบุไว้ทั้งหมดของทั้งกลุ่มที่หนึ่งและกลุ่มที่สองซึ่งมุ่งเป้าไปที่การฟื้นฟูร่างกายที่ละเอียดอ่อนนั้นเป็นกฎที่ซับซ้อนห่างไกลจากความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอนสำหรับการใช้งานจริงโดยอิสระและไม่มีประสิทธิภาพมากนัก

ในเวลาเดียวกันก็มีวิธีการง่ายๆ ที่แยบยลซึ่งมนุษยชาติรู้จักมาตั้งแต่สมัยโบราณด้วยความช่วยเหลือซึ่งบุคคลใด ๆ ที่ไม่มีความไวต่อประสาทสัมผัสภายนอกโดยใช้ความรู้ระดับสมัยใหม่เกี่ยวกับโครงสร้างหลายระดับของบุคคลสามารถ ในด้านหนึ่ง ค้นพบระบบการวินิจฉัยที่มีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์ และใช้มันเพื่อตรวจจับความเสียหายในร่างกายทั้งหมดของคุณอย่างอิสระ นั่นคือค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลกระทบของโรคของคุณ: บน ในทางกลับกัน เมื่อใช้ระบบเดียวกันจะกำจัดความเสียหายที่พบ โดยไม่ต้องใช้วิธีตะวันตกและตะวันออกโบราณที่ซับซ้อนที่สุด ซึ่งเราขอย้ำอีกครั้งว่ายังห่างไกลจากความปลอดภัยและไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการใช้งานจริง

นี่เป็นวิธีการแบบไหน? นี่คือสิ่งที่เรียกว่า วิธีการฉายรังสี รู้จักกันดีในชื่อดาวซิ่ง คำว่า "radiesthesia" แปลเป็นภาษารัสเซียหมายถึง "ความรู้สึกของคลื่นการสั่นสะเทือน"

สาระสำคัญของวิธีนี้คืออะไร?

เป็นที่รู้กันว่าวัตถุทุกชนิดในโลกที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตเปล่งออกมา แต่ความรู้สึกจากการได้รับรังสีเหล่านี้ในรูปของความร้อน ความเย็น การรู้สึกเสียวซ่า เป็นต้น โดยธรรมชาติแล้วจะมีอยู่ในคนที่มีพรสวรรค์พิเศษเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตามสถิติของอเมริกา มีคนประเภทนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น: เพียง 2-4% เท่านั้น

ในทางชีววิทยาแล้ว คนทั่วไปไม่รู้สึกถึงรังสีจากวัตถุที่อยู่รอบๆ ทางกายภาพ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ระบบการรับรังสีในธรรมชาติของมนุษย์มีระดับขีดจำกัด และระดับรังสีที่ได้รับจากวัตถุโดยรอบสำหรับคนโดยเฉลี่ยทางชีววิทยานั้นต่ำกว่าระดับเกณฑ์ของระบบทางชีววิทยาของเขา ดังนั้น คนโดยเฉลี่ยทางชีววิทยาจึงไม่ประสบกับ ความรู้สึกทางกายภาพใด ๆ อย่างไรก็ตาม ประมาณ 25% ของคนโดยเฉลี่ยทางชีววิทยา เมื่อปรับ (เน้นความสนใจ) บนวัตถุบางอย่างและรับรังสีจากวัตถุนั้น การกระทำของอุดมคติจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และหากบุคคลนี้มีกรอบ ลูกตุ้ม เถาวัลย์ หรือเพียงแค่ใบปลิวในนั้น มือของเขา จากนั้นก็เริ่มหมุน นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเอฟเฟกต์ Radiaesthetic ซึ่งมนุษยชาติรู้จักมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสต์ศักราช รูปปั้นนี้มีอายุย้อนกลับไปถึงภาพวาดบนหินที่แสดงภาพชายคนหนึ่งถือเถาวัลย์อยู่ในมือ

ผลกระทบของรังสีสุนทรียศาสตร์เป็นที่รู้จักในทุกทวีปไปจนถึงผู้คนหลากหลาย ตั้งแต่ชาวโพลีนีเซียน ชาวเปรู อินเดีย และสิ้นสุดด้วยชาวอียิปต์ เปอร์เซีย โรมัน กรีก ดรูอิด สลาฟ ฯลฯ ซึ่งถูกใช้โดยประชากรกลุ่มต่างๆ ตั้งแต่ จักรพรรดิ์ กษัตริย์ กษัตริย์ นักบวช และคนงานเหมือง เพื่อประโยชน์ต่างๆ ดังนั้น ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์จึงเป็นที่รู้จักเมื่อกษัตริย์โซโลมอน แคทเธอรีนที่ 2 บิดาของนักปฏิรูปคริสตจักรคาทอลิก มาร์ติน ลูเธอร์ ซึ่งเป็นคนงานเหมือง [ 41 , 42 , 65 ] M. Lomonosov, I.-V. มีความสนใจในปรากฏการณ์ความงามทางรังสี เกอเธ่และบุคคลที่โดดเด่นอื่นๆ ตามคำสั่งสูงสุดของแคทเธอรีนที่ 2 สัญลักษณ์ของการแผ่รังสี - เถาวัลย์ - ถูกนำเข้าสู่เสื้อคลุมแขนของเมืองเปโตรซาวอดสค์

Dowsers (ในคำศัพท์สมัยใหม่ นักรังสีวิทยา dowsers หรือตัวดำเนินการ) ใช้เอฟเฟกต์รังสีเมื่อค้นหาแร่ธาตุ น้ำ คนสูญหาย ฯลฯ เป็นที่ทราบกันดีว่าในเยอรมนีมากกว่า 60% ของเงินฝากจากการขุดถูกค้นพบโดยนักรังสีวิทยา [ 41 ] ในซาอุดิอาระเบียนักรังสีวิทยาได้พบแหล่งน้ำในทะเลทรายอาหรับในยุคของเราแล้วจึงปฏิเสธ "โครงการแห่งศตวรรษ" ที่มีราคาแพงตามที่เสนอให้ละลายน้ำแข็งเพื่อชลประทานในทะเลทรายอาหรับ ของมหาสมุทรอาร์กติกและขนส่งน้ำนี้ไปยังทะเลทรายผ่านท่อที่วางเป็นพิเศษ

ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 19 วิธี R เริ่มถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในเยอรมนีเพื่อวัตถุประสงค์ในการวินิจฉัยและการรักษา [ 41 ] นักวินิจฉัยที่ดีที่สุดถือเป็นแพทย์ที่รู้วิธี R มีการเสนอวิธีการนี้ในการฝึกอบรมที่สถาบันการแพทย์ แต่เมื่อนำมาใช้ในการฝึกสอน พบว่ามีนักเรียนเพียงหนึ่งในสี่เท่านั้นที่สามารถเชี่ยวชาญวิธี R ได้ ส่วนที่เหลือ ลูกตุ้มหรือโครงไม่หมุน ซึ่งบ่งชี้ว่าขาดการรับรังสี [ 41 , 65 ].

ทฤษฎีการฉายรังสียังไม่มีอยู่ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ป้องกันชาวเยอรมันจากการใช้วิธี R อย่างจริงจังในทางปฏิบัติ และเยอรมนีสามารถเรียกได้ว่าเป็นแหล่งกำเนิดของการกำเนิดครั้งที่สองของการฉายรังสีอย่างถูกต้อง ในเยอรมนีเป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 20 ของศตวรรษนี้ที่วิธี P เริ่มถูกนำมาใช้เพื่อตรวจจับโซน geopathogenic ในประเทศเยอรมนีที่บ้านที่เรียกว่า "มะเร็ง" (บ้านที่ตั้งอยู่ในเขต geopathogenic เป็น ผลจากการมีชีวิตอยู่ในพวกเขานำไปสู่มะเร็ง) ) และในประเทศเยอรมนีนั้น บริษัท ต่างๆ ที่ผลิตวัสดุป้องกันต่างๆ จากการแผ่รังสีทางธรณีวิทยาเริ่มมีการจัดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เยอรมนีมีการนำวิธี R มาใช้เป็นครั้งแรกในโลกในการตรวจทางคลินิกทางการแพทย์ของผู้ป่วย การเลือกใช้ยา ยา สมุนไพร ฯลฯ สำหรับพวกเขาเป็นรายบุคคล ปัจจุบันวิธี R ใช้ในคลินิกในอังกฤษและฝรั่งเศส [ 31 , 41 ].

เป็นที่ทราบกันว่าความรู้สึกของคลื่นนั้นมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก (พืช สัตว์ แมลง ปลา ฯลฯ) แน่นอนว่ามันมีอยู่ในตัวทุกคน แต่การสำแดงของมันในบุคคลที่มีค่าเฉลี่ยทางชีววิทยา (ยกเว้นผู้ปฏิบัติงาน) ไม่ได้ลงทะเบียนเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ระดับรังสีที่ได้รับในบุคคลที่มีค่าเฉลี่ยทางชีววิทยานั้นต่ำกว่าเกณฑ์ความไวของระบบทางชีววิทยาของเขา: มันคือ อย่างที่เคยเป็น ระดับย่อย

คำถามเกิดขึ้นว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเพิ่มความไวของการรับสัญญาณด้วยวิธีเทียมบางอย่างและจากนั้นสามารถบันทึกเอฟเฟกต์การฉายรังสีในบุคคลใดก็ตามที่อยู่ห่างไกลจากความสามารถพิเศษทางประสาทสัมผัส พบเทคนิคดังกล่าวและประกอบด้วยการเลือกโลหะของลูกตุ้ม ได้รับการพิสูจน์เชิงประจักษ์แล้วว่าโลหะห้าชนิด ได้แก่ อลูมิเนียม ทองแดง ไทเทเนียม ทองเหลือง ทองแดง สามารถเพิ่มความไวในการรับรังสีในคนโดยเฉลี่ยทางชีววิทยา ด้วยการเลือกโลหะชนิดใดชนิดหนึ่งเหล่านี้อย่างถูกต้อง ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้เทคนิคง่ายๆ ด้านล่างนี้ บุคคลที่มีค่าเฉลี่ยทางชีวภาพในเวลาเกือบ 15 นาทีจะสามารถค้นพบความสามารถในการรับรังสี และค้นพบผลของการระงับความรู้สึกด้วยรังสี ผลการฉายรังสีสามารถตรวจพบได้ในคนเกือบ 95-98% ข้อยกเว้นคือผู้ที่มีโครงสร้างพลังงานแปลกปลอมจำนวนมาก (ความเสียหายในออร่า) ซึ่งก่อนที่จะตื่นขึ้นเอฟเฟกต์กัมมันตภาพรังสีจำเป็นต้องล้างออร่าของโครงสร้างเหล่านี้ก่อน

บุคคลที่ติดอาวุธด้วยวิธี R สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดาย โดยไม่ต้องหันไปพึ่งการฝึกทางจิตทางจิตวิญญาณที่ซับซ้อนที่สุดที่ใช้ในระบบตะวันออกและห่างไกลจากความปลอดภัยสำหรับบุคคลที่มีจิตสำนึกที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ และโดยไม่ต้องใช้เทคนิคตะวันตกเชิงบูรณาการที่ซับซ้อน ทำสิ่งต่อไปนี้ให้สำเร็จ:

1. สำรวจโครงสร้างที่แท้จริงของบุคคลประกอบด้วย 7 ร่าง (ช่วงการสั่นสะเทือน) โดยใช้ความรู้ที่มีมาแต่โบราณกาลและเป็นรากฐานของการแพทย์ตะวันออกแบบโบราณและสมัยใหม่ (จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโด-ทิเบต) ).

ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนได้จัดระบบความรู้ด้านการแพทย์แผนตะวันออกซึ่งค่อนข้างกระจัดกระจายไปตามระบบต่างๆ ของตะวันออก โดยอาศัยการจัดระบบ เพื่อสร้างแบบจำลองหลายระดับของร่างกายมนุษย์ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ภายใต้กรอบที่บุคคลใดมีความเชี่ยวชาญใน วิธี P สามารถทำการวิจัยเกี่ยวกับร่างกายของเขาโดยใช้การวินิจฉัยเชิงระบบ ซึ่งเป็นแนวคิดที่นำมาใช้ครั้งแรกในเอกสารฉบับนี้

2. ตรวจสอบความเสียหายต่อร่างกายที่บอบบาง (เส้นเขตแดนดาว (อารมณ์) จิตใจ (จิตใจ) กรรม จิตวิญญาณและสภาวะทางอารมณ์) ค้นหาสาเหตุของความเสียหายต่อร่างบอบบาง (โปรแกรมที่คนอื่นชักจูง โปรแกรมตัวเอง เอนแกรม เอนทิตีในออร่า เหตุผลแห่งกรรม ฯลฯ)

3. กำจัดความเสียหายให้กับศพทั้งเจ็ดโดยไม่ต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนที่สุดที่พัฒนาในระบบตะวันออกและมนุษย์ต่างดาวอีกครั้งและไม่ปลอดภัยสำหรับเราซึ่งเกิดในดินแดนที่เป็นที่ยอมรับของศาสนาคริสต์และเลี้ยงดูทางวิญญาณและจิตใจจากคริสเตียนผู้นับถือศาสนาคริสต์

4. ป้องกันตนเองจากสภาพแวดล้อมทางจิตใจและกายที่เป็นมลภาวะ (ลบโปรแกรมป้องกันตนเองจากบุคลิกที่กดขี่สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย) โดยใช้สัญลักษณ์การสั่นสะเทือนเชิงตัวเลขและเรขาคณิตซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำสอนลึกลับที่เปิดเผยต่อเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและมี ได้รับการตีความทางรังสีฟิสิกส์ในระดับความรู้สมัยใหม่

ระเบียบวิธีในการเลือกสัญลักษณ์ทางเรขาคณิตและตัวเลขแต่ละรายการ พัฒนาโดย Peremykina L.A. ร่วมกับผู้เขียนเป็นต้นฉบับและตีพิมพ์เป็นครั้งแรก (ในทางตะวันตกวิธีการรวบรวมที่เรียกว่ารหัสตัวเลข [ 13 ] แสดงถึงความลับทางการค้า) ผู้เขียนพิจารณาว่าเป็นไปได้ที่จะเผยแพร่เนื้อหานี้โดยคำนึงถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่คนสมัยใหม่ได้ค้นพบตัวเองซึ่งอยู่ภายใต้แอกแห่งความต่ำช้ามาเป็นเวลานานด้วยการตีความวัตถุนิยมที่หยาบคายของโลกรอบตัวและการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ของโลกอันละเอียดอ่อนซึ่งมีความเป็นจริงพอ ๆ กับโลกแห่งวัตถุและมีอิทธิพลอย่างมากต่อขอบเขตจิตวิญญาณและจิตใจของมนุษย์

การป้องกันเชิงป้องกันจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่เป็นมลภาวะ ได้แก่ ความสามารถในการเลือกโดยใช้วิธี R อาหาร รองเท้า เสื้อผ้า ของใช้ในครัวเรือนที่ไม่มีรังสีที่เป็นอันตราย สมุนไพร ยารักษาโรค คัดเลือกเป็นรายบุคคลสำหรับร่างกายของเรา เป็นรายบุคคล และไม่มีการป้องกัน (ในขณะที่ต้นฉบับกำลังพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ "Eternal Life" ฉบับที่ 4, 1995 มีข้อความปรากฏว่า E.Ya. Meltsev เพื่อนร่วมชาติของเราเป็นครั้งแรกในโลกที่ได้รับสิทธิบัตร (เลขที่ 2021749) สำหรับการคำนวณโดยวิธีดาวซิ่ง ปฏิกิริยาระหว่างพืชกับพลังงานของมนุษย์)

5. ต่อสู้กับการติดเชื้อที่แฝงอยู่ (“อยู่เฉยๆ”) การติดเชื้อที่ช้า (ซบเซา) โดยสามารถเลือกวิธีการได้อย่างแน่นอน (สมุนไพร แร่ธาตุ สัญลักษณ์ทางเรขาคณิตและตัวเลข ฯลฯ) ที่จะฆ่าเชื้อโรคและการติดเชื้อทางระบบประสาทโดยเฉพาะ

วิธีการฉายรังสีแบบโบราณผสมผสานกับความรู้สมัยใหม่เกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของร่างกายมนุษย์ในฐานะระบบทางชีววิทยาที่สำคัญตลอดจนประสบการณ์ที่มนุษย์สั่งสมมานับพันปีสามารถเรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์การแผ่รังสีแห่งศตวรรษที่ 20 ได้อย่างถูกต้อง .

พื้นฐานของวิธีการฉายรังสีเพื่อศึกษาโครงสร้างและการทำงานของร่างกายในฐานะระบบทางชีววิทยาเดี่ยวมีการนำเสนอไว้ในส่วนแรกของหนังสือเล่มนี้ ส่วนที่สองอธิบายเทคนิคการปฏิบัติโดยละเอียดเพียงพอสำหรับการเรียนรู้วิธี R ซึ่งจริงๆ แล้วทุกคนสามารถเข้าถึงได้

ส่วนที่หนึ่ง

แบบจำลองหลายระดับของร่างกายมนุษย์

เจ็ดร่างกาย (เจ็ดช่วงการสั่นสะเทือน) ของมนุษย์ ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองที่เกิดขึ้นในธรรมชาติของมนุษย์

“รู้จักตัวเอง” ปราชญ์โบราณแนะนำ โดยเชื่อว่าการรู้จักตัวเองเป็นความรู้สูงสุดที่บุคคลควรแสวงหา โดยธรรมชาติแล้ว กระบวนการรู้จักตัวเองไม่ได้มาจากการตรวจสอบความรู้สึกของตนเองอย่างไร้เหตุผลและไร้ผล ซึ่งอาจจบลงด้วยสภาวะที่เจ็บปวดสำหรับบุคคลได้ ด้วยกระบวนการรู้ตนเอง ปราชญ์โบราณจึงเข้าใจความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างที่แท้จริงของบุคคล ซึ่งทำให้สามารถเปิดเผย "ฉัน" ของแต่ละบุคคลได้อย่างครอบคลุม

แหล่งความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างมนุษย์นี้มาจากอะไร? มีสามคน

แหล่งแรก - ประสบการณ์ทางศาสนา . ศาสนาทั้งเจ็ดของโลก (ศาสนาคริสต์ พุทธศาสนา พุทธศาสนานิกายเซน (ญี่ปุ่น) ลัทธิเต๋า (จีน) ศาสนาฮินดู อิสลาม และศาสนายิว) รวมกันเป็นหนึ่งเดียวในความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของมนุษย์ มนุษย์คือการทรงสร้างของพระเจ้า เขาถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาและอุปมาของพระเจ้า และประกอบด้วยสามส่วน: ร่างกาย จิตวิญญาณ และจิตวิญญาณ ไม่มีความแตกต่างระหว่างนิกายทางศาสนาในการทำความเข้าใจจุดประสงค์ของส่วนต่างๆ ของมนุษย์ วิญญาณถูกมอบให้แก่มนุษย์เพื่อการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า ผสมผสานกับพระเจ้า จิตวิญญาณ - เพื่อความรู้ตนเองการพัฒนาตนเอง ร่างกายที่มีอวัยวะรับความรู้สึกโดยธรรมชาติ - เพื่อทำความเข้าใจโลกรอบตัว การเบี่ยงเบนไปจากชะตากรรมของบุคคลนั้นถูกลงโทษด้วยโรคภัยไข้เจ็บมากมาย

ดังนั้น บุคคลคือร่างกาย จิตวิญญาณ และจิตวิญญาณ

แหล่งกำเนิดที่สอง - ความรู้ที่เก็บตัว . มันคืออะไร?

ตลอดเวลามีคนที่ใช้ช่องทางธรรมชาติของสัญชาตญาณ การมีญาณทิพย์ การมีญาณทิพย์ การฝึกจิตทางจิตวิญญาณ องค์ประกอบของการทำสมาธิ การหยั่งรู้สามารถได้รับความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างที่แท้จริงของมนุษย์ ความรู้ที่เก็บตัวที่ได้รับในเวลาต่างกันเป็นพื้นฐานของโรงเรียนและทิศทางทางจิตวิญญาณ ประการแรกคือโรงเรียนแห่งความลับตะวันออกและตะวันตก - โรงเรียนโยคะ, พุทธศาสนา, พุทธศาสนานิกายเซน, ผู้นับถือมุสลิม, เทววิทยา, มานุษยวิทยา, ไสยเวท, โรงเรียนพีทาโกรัส, อนุสาวรีย์แห่งเวทย์มนต์กรีกโบราณและอื่น ๆ

ดูเหมือนว่าความรู้แบบเก็บตัวนั้นมีองค์ประกอบของความเป็นอัตวิสัย ดังนั้นจึงไม่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม การยืนยันการมีอยู่ของหลักการที่เป็นรูปธรรมในความรู้นี้คือ ประการแรก ความรู้นี้ที่ได้รับในยุคที่แตกต่างกัน โดยผู้คนต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในทวีปต่าง ๆ เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน และในช่วงเวลาสำคัญ ๆ มักจะเสริมซึ่งกันและกัน โดยบรรยายถึง คนที่มีด้านต่างกัน ประการที่สอง ความสามารถในการทำซ้ำและการทำซ้ำของผลลัพธ์ของการทดลอง

ความคิดของมนุษย์ไม่ได้หยุดนิ่ง และตลอดหลายชั่วอายุคน วิธีการและเทคนิคได้รับการพัฒนาเพื่อทำให้การได้มาซึ่งความรู้นี้ง่ายขึ้น ในขณะนี้ ผู้ปฏิบัติงานโดยเฉลี่ยใด ๆ และเมื่อเชี่ยวชาญวิธี R ซึ่งเป็นคำอธิบายที่หนังสือเล่มนี้ทุ่มเทให้กับบุคคลธรรมดาทางชีววิทยาใด ๆ ที่ไม่มีพรสวรรค์ในการมีญาณทิพย์สามารถดูองค์ประกอบโครงสร้างทั้งหมดของร่างกายของเขาและสำหรับ สิ่งนี้เขาไม่จำเป็นต้องตกอยู่ในภวังค์หรือหันไปพึ่งการฝึกจิตทางจิตวิญญาณที่ซับซ้อนเหมือนที่เคยทำในตะวันออกโบราณ และสุดท้าย ประการที่สาม องค์ประกอบของความรู้แบบเก็บตัวได้รับการยืนยันโดยการค้นพบทางทฤษฎีสมัยใหม่ในสาขาฟิสิกส์พื้นฐาน [ 69 ] แต่จะเพิ่มเติมในภายหลัง

โครงสร้างของมนุษย์ในแง่ของความรู้แบบเก็บตัวคืออะไร? ตามที่ระบุไว้ข้างต้น เหล่านี้คือร่างกายทั้งเจ็ดซึ่งมีร่างกายที่หนาแน่นที่สุด (ร่างกาย) เป็นกรอบ ซึ่งเหมือนกับตุ๊กตาทำรัง มีการร้อยร่างหรือเปลือกหอยอีกหกชิ้นซึ่งเราพบแตกต่างออกไปในชีวิตประจำวัน

หน่วยงานในสำนักจิตวิญญาณต่างๆ ของตะวันออกและตะวันตกมีชื่อที่แตกต่างกัน คำศัพท์ทั่วไปในที่นี้ยังไม่มีการกำหนดขึ้น ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จะนำเสนอคำศัพท์ที่ใช้บ่อยที่สุด [ 33 ]: ทางกายภาพ ไม่มีตัวตน (พลังงาน) ดวงดาว (อารมณ์) สัญชาตญาณ (จิตวิญญาณ) สาเหตุ (กรรม) มีประสบการณ์ของการกลับชาติมาเกิดในอดีต จิตใจ (ความคิด) จิตวิญญาณ (ตัว “ฉัน” นั่นเอง) ลำดับของการจัดเรียง ของร่างกายและความเชื่อมโยงกับศูนย์มนุษย์ด้านพลังงานแตกต่างกันในสิ่งพิมพ์ต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความยากลำบากนี้ ผู้เขียนบางคน [ 33 ] เสนอว่าร่างบอบบางสี่ตัวสุดท้ายที่อยู่ในหมวดจิตถูกกำหนดด้วยตัวเลข Ml, M2, M3, M4 (ดูรูปที่ 26).

ในศาสนาคริสต์ แนวคิดเรื่องเปลือกจิตวิญญาณ (ร่างกายที่ใช้งานง่าย) มีความหมายกว้างกว่า ในคำอธิบายของหลวงพ่อ [ 24 ] วิญญาณเป็นสารความรู้สึกและความเข้าใจ กล่าวคือ ในการตีความของเรา วิญญาณเป็นเปลือกที่ครบถ้วน รวมถึงร่างกายทางดาวและจิตใจ ยิ่งไปกว่านั้น ในคำสอนของพวกนอสติกคริสเตียนยุคแรก [ 46 ] วิญญาณรวมถึงประสบการณ์ของการจุติในอดีตนั่นคือเปลือกกรรม

ตามแนวคิดเกี่ยวกับจักรวาล [ 9 ] ร่างกายมนุษย์ทั้งเจ็ดประกอบด้วยเปลือกเจ็ดชั้น ช่วงการสั่นสะเทือนเจ็ดช่วง (เจ็ดสถานะของสสาร) ซึ่งแต่ละชั้นแบ่งออกเป็นเจ็ดช่วงย่อย

ดังนั้น โครงสร้างของมนุษย์จึงประกอบด้วยร่างกายเจ็ดส่วน (เปลือกหอย) ซึ่งมีช่วงการสั่นสะเทือนเจ็ดช่วง (สสารเจ็ดสถานะ)

แหล่งที่สาม - วิทยาศาสตร์พื้นฐาน . จนถึงปี 1993 เธอสามารถใช้สมการทางคณิตศาสตร์เพื่ออธิบายสถานะของสสารได้เพียงสี่สถานะเท่านั้น ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ และพลาสมา ซึ่งก็คือองค์ประกอบของร่างกาย การศึกษาความสามารถอันน่าอัศจรรย์ของมนุษย์ เช่น การมีญาณทิพย์ กระแสจิต กระแสจิต ฯลฯ ทำให้นักฟิสิกส์ต้องสร้างแนวความคิดและสมมติฐานเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของบางสาขาที่ฟิสิกส์ไม่รู้จัก แนวคิดของ Okhatrin-Istskhakov แพร่หลายมากที่สุด [ 15 ] เกี่ยวกับการมีอยู่ของโฮโลแกรมไมโครเลปตันรอบตัวมนุษย์ ตามแนวคิดนี้ จุดออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (BAP) บนร่างกายมนุษย์จะปล่อยอนุภาค (ไมโครเลปตัน) ที่มีขนาดเล็กกว่าอิเล็กตรอน ด้วยความช่วยเหลือของสนามไมโครเลปตัน บุคคลจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและโลกรอบตัวเขา และความจริงของการโต้ตอบนั้นถูกบันทึกด้วยอุปกรณ์ที่สร้างโดย Okhatrin อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าทฤษฎีกึ่งปริมาณและกึ่งคุณภาพนี้ไม่สามารถตอบสนองวิทยาศาสตร์พื้นฐานได้ และในปี 1993 G.I. เพื่อนร่วมชาติของเรา Shipov (รัสเซียยังไม่หมดความสามารถ!) จากการคำนวณทางเรขาคณิตของสมการของไอน์สไตน์ จึงมีการสร้างทฤษฎีทางกายภาพพื้นฐานขึ้น [ 69 ] ซึ่งสามารถอธิบายสถานะของสสารได้อีกสามสถานะ ทำให้สามารถอธิบายร่างกายมนุษย์ทั้งเจ็ดได้ในขณะนี้ สถานะที่ห้าของสสารคือสุญญากาศทางกายภาพหรืออีเทอร์ ซึ่งช่วยให้เราอธิบายร่างกายอีเทอร์ริกของมนุษย์ได้ สถานะที่หกคือสุญญากาศเหนือ: เหล่านี้เป็นทุ่งบิดหรือทุ่งบิดซึ่งทำให้สามารถอธิบายร่างกายที่บอบบางของเราได้ (ร่างดาวและจิตสามดวง) สถานะที่เจ็ดคือ "ไม่มีอะไร" โดยสมบูรณ์ซึ่ง "ทุกสิ่ง" ไหลออกมาซึ่งช่วยให้เราสามารถอธิบายร่างกายทางจิตวิญญาณของเราการดำรงอยู่ของเอนทิตีพลังงานในอวกาศและอธิบายข้อเท็จจริงมากมายที่ได้รับจากประสบการณ์ทางศาสนา

รูปแบบใหม่ของ G.I. Shipov เป็นการยากที่จะประเมินค่าสูงไป ทฤษฎีพื้นฐานของเขาซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล ไม่เพียงแต่ทำให้สามารถอธิบายแนวคิดทางศาสนาและความลับมากมายเกี่ยวกับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณระดับสูงเท่านั้น แต่ยังพยายามครั้งแรกที่จะรวมความรู้ด้านศาสนาและวิทยาศาสตร์เข้าไว้ในภาพองค์รวมเดียวของโลก .

การพัฒนาทางทฤษฎีของคำอธิบายของร่างกายมนุษย์ทั้งเจ็ดที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของสมการ Shipov-Einstein พื้นฐานนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะทำโดยนักฟิสิกส์และนักชีวฟิสิกส์รุ่นต่อไป

เรามาพิจารณาโดยละเอียดว่าร่างกายมนุษย์ทั้งเจ็ดนั้นเป็นตัวแทนของอะไร

ร่างกาย

เรารู้อะไรเกี่ยวกับร่างกาย? สิทธิพิเศษในการศึกษาร่างกายเป็นของวิทยาศาสตร์ยุโรปตะวันตกซึ่งศึกษาองค์ประกอบ โครงสร้าง โครงสร้างของอวัยวะในร่างกายในการต่อสู้กับหลักคำสอนของคริสตจักรยุคกลางอย่างยากลำบาก ขอให้เราระลึกว่าคริสตจักรคริสเตียนในยุคกลางห้ามการศึกษาเกี่ยวกับร่างกายโดยประกาศว่าเนื้อหนังมีบาป เป็นที่ทราบกันดีว่าคริสตจักรคริสเตียนได้ผ่านช่วงเวลามืดมนเจ็ดช่วงในประวัติศาสตร์ รวมถึงการสืบสวนในยุคกลาง เมื่อชาวคริสต์ทำลายล้างคริสเตียน ความรู้ หนังสือ [ 70 ] ดังนั้นการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ของยุโรปตะวันตกทุกครั้งจึงถือเป็นเหตุการณ์ที่เกือบจะเป็นการสร้างยุคสมัย เช่น การค้นพบระบบไหลเวียนโลหิต

วิทยาศาสตร์ยุโรปตะวันตกได้ประสบกับความรู้สึกอิ่มเอิบใจในการค้นพบครั้งแรก จึงได้ข้อสรุปที่ไม่ถูกต้องว่ามนุษย์เป็นเพียงกลุ่มของอะตอมและโมเลกุลทางกายภาพและเคมีเท่านั้น และไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่นอกจากร่างกาย ลองนึกถึงคำกล่าวอันโด่งดังของ Cabanis ที่ว่าสมองหลั่งความคิดในลักษณะเดียวกับที่ตับหลั่งน้ำดี ต่อมาเขาได้ละทิ้งแนวคิดนี้ โดยยอมรับทฤษฎีของพลังนิยม (พลังงานชีวิต) แต่แนวคิดนี้ยังคงพบผู้ตามอยู่

วิทยาศาสตร์ยุโรปตะวันตกศึกษาร่างกายอย่างไร? มันง่ายมาก: เธอแบ่งมันออกเป็นอวัยวะและระบบต่างๆ และสร้างสถาบันเพื่อศึกษาพวกมัน - สถาบันสมอง, ตา, ระบบทางเดินปัสสาวะ, ระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ ด้วยการแบ่งออกเป็นส่วน ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ระบบของร่างกายถูกโยนทิ้งไป - สิ่งเหล่านี้คือการเชื่อมต่อข้อมูลและพลังงานที่มีอยู่ระหว่างอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นตัวแทนของไม่มีอะไรมากไปกว่าร่างกายที่สองที่มีพลังหรือมีพลัง อยู่ในนั้นเมื่อการไหลเวียนของพลังงานหยุดชะงักความผิดปกติในการทำงานหลายอย่างเกิดขึ้นซึ่งวิทยาศาสตร์ของยุโรปตะวันตกสร้างแบบจำลองไซเบอร์เนติกส์สำหรับอวัยวะแต่ละส่วนโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอวัยวะอื่น ๆ ไม่ได้เรียนรู้ที่จะวินิจฉัยโดยมีการวินิจฉัยที่สมบูรณ์แบบในการกำจัด เครื่องมือเช่นเครื่องเอกซเรย์ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลนับประสาอะไรกับการรักษาและสร้างการเตรียมสารเคมีที่สมบูรณ์แบบ

ร่างกายที่สำคัญ (พลังงาน)

สิทธิพิเศษในการศึกษากายที่สอง (อีเธอร์ริกหรืออีเทอร์เจติก) เป็นของการแพทย์แผนตะวันออกสาขาต่างๆ ได้แก่ อินโด-ทิเบต จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และอื่นๆ การแพทย์แผนตะวันออกไม่ได้วิเคราะห์การทำงานของอวัยวะต่างๆ ด้วยตนเอง ความสนใจหลักในการแพทย์ตะวันออกคือการหมุนเวียนของพลังงานที่สำคัญ ซึ่งเรียกว่า Chi หรือ Qi ในหมู่ชาวจีน Ki ในหมู่ชาวญี่ปุ่น และ Prana ในหมู่ชาวอินเดีย เชื่อกันว่าหากพลังงานหมุนเวียนอย่างถูกต้องและรักษาสมดุลของพลังงาน (สภาวะสมดุลของพลังงานชีวภาพ) อวัยวะต่างๆ จะไม่ป่วย เนื่องจากพวกมันกินพลังงานที่สำคัญนี้และสารอาหารที่ให้พลังงานอย่างเพียงพอช่วยให้อวัยวะต่างๆ มีสุขภาพที่ดี

การแพทย์แผนตะวันออกสาขาต่างๆ ศึกษาส่วนพลังงานต่างๆ ของร่างกายอีเทอร์ริก ดังนั้นสาขาอินโด - ทิเบตจึงมีส่วนร่วมในการศึกษากระบวนการสะสมและการเปลี่ยนแปลงของพลังงานสำคัญในศูนย์พลังงาน (จักระ) เป็นหลัก การพัฒนาคำแนะนำสำหรับการอนุรักษ์พลังงานในนั้นและการไหลเวียนของพลังงานที่เหมาะสมไปตามทางหลวงพลังงานหลัก - กระดูกสันหลัง (สุชุมนา ) และทางหลวงสองฝั่ง (อิดา และปิงเกลนาดี) การแพทย์อินโด-ทิเบตรู้จักช่องทางเล็กๆ 64,000 ช่องที่พลังงานสำคัญหมุนเวียนผ่าน การค้นพบช่องทางเล็ก ๆ ใหม่และการค้นหาวิธีการมีอิทธิพลต่อช่องทางเหล่านี้เพื่อการรักษายังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้ (สาขาเกาหลี - ซูโจ๊ก)

การแพทย์แผนตะวันออกสาขาจีนค้นพบจุดออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (BAP) บนร่างกายมนุษย์ ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อกันในลำดับที่แน่นอน จะก่อให้เกิดช่องทาง (เส้นเมอริเดียน) ที่พลังงานสำคัญไหลเวียน การแพทย์แผนจีนศึกษา 14 ช่องหลักหรือเส้นเมอริเดียน เกือบทั้งหมดยกเว้น posteromedial, anteromedial และ meridian ของเครื่องทำความร้อนทั้งสามเครื่องมีชื่อของอวัยวะที่ให้พลังงาน: ช่องทางของปอด, ลำไส้ใหญ่, กระเพาะอาหาร, ม้าม - ตับอ่อน, หัวใจ, เล็ก ลำไส้, กระเพาะปัสสาวะ, เยื่อหุ้มหัวใจ (ทางเพศ), ถุงน้ำดี, ตับ

ทุกช่องเชื่อมต่อกันอย่างกระตือรือร้น การละเมิดการไหลเวียนของพลังงานอย่างอิสระ (การก่อตัว พลังงานติดขัด ) ในช่องหรือการเชื่อมต่อระหว่างช่องทำให้เกิดความผิดปกติในการทำงานมากมายการศึกษาซึ่งทำให้สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ได้ (กลุ่มอาการหยิน - หยาง - ขาดหรือพลังงานมากเกินไป) ตามที่สามารถทำการวินิจฉัยได้และเท่านั้น หลังจากนั้นจึงสามารถเริ่มการบำบัดได้ กล่าวคือ สามารถสร้างการไหลเวียนของพลังงานในช่องได้

สาขาการแพทย์แผนตะวันออกของญี่ปุ่นได้ศึกษาการไหลของพลังงานในวงจรทางชีววิทยาชั่วคราวอย่างถี่ถ้วน ซึ่งเรียกว่าเส้นเมอริเดียน "ปาฏิหาริย์" แปดเส้น ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อการไหลเวียนของพลังงานในทุกช่องทางหยุดชะงัก และทำการศึกษาเส้นเมอริเดียน "มหัศจรรย์" ต่อไป (แหล่งพลังงาน) รวมแนวคิดเหล่านี้เข้ากับจักระแนวคิด ทิศทางใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นในสาขาญี่ปุ่น - อาคุโยคะซึ่งมีพื้นฐานมาจากแนวคิดของเส้นเมอริเดียนที่ "มหัศจรรย์" ข้อมูลเบื้องต้นที่ปรากฏในการแพทย์แผนจีนโบราณและจักระซึ่งได้รับการอธิบายครั้งแรกในสาขาอินโด - ทิเบต .

ในที่สุดหนึ่งในสาขาของการแพทย์แผนตะวันออกสมัยใหม่ (PRC) ได้ศึกษาโซนข้อมูลพลังงานคำสั่งบนศีรษะอย่างละเอียดซึ่งการหยุดชะงักซึ่งทำให้เกิดโรคที่มาจากส่วนกลาง

เนื่องจากความรู้ที่ได้รับจากสาขาต่างๆ ของการแพทย์ตะวันออกเป็นความลับมานานหลายศตวรรษ โดยที่ยังคงรักษาสิทธิพิเศษของผู้ใกล้ชิดกับจักรพรรดิจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และคำสอนโยคะ แน่นอนว่าความรู้เหล่านั้นไม่ได้ถูกส่งออกไปยังตะวันตก (ยกเว้น ข้อมูลที่เป็นชิ้นเป็นอัน) จนถึงทศวรรษที่ 50 ศตวรรษของเราเมื่อเพื่อนร่วมชาติของเราถ่ายภาพร่างกายอีเธอร์เป็นครั้งแรก - คู่สมรสของ Kirlian โดยใช้วิธีการถ่ายภาพความถี่สูง ดังนั้นเมื่อศึกษาการแพทย์แผนตะวันออกจึงขาดแนวทางที่เป็นระบบในการอธิบายร่างกายของอีเทอร์ริก (พลังงาน) อย่างชัดเจน

ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เสนอการนำเสนอความรู้อย่างเป็นระบบที่กระจัดกระจายไปตามสาขาต่างๆ ของการแพทย์ตะวันออก ภายใต้กรอบของแบบจำลองของร่างกายอีเทอร์ริก (พลังงาน) ที่เขาสร้างขึ้น คำอธิบายซึ่งอุทิศให้กับส่วนแรกของส่วนแรกของ หนังสือ.

ร่างกายที่ละเอียดอ่อน (ดวงดาว, สัญชาตญาณ, สาเหตุ, จิตใจ, จิตวิญญาณ)

ระบบโยคะต่างๆ มีไว้สำหรับคำอธิบายเกี่ยวกับร่างกายที่บอบบาง [ 29 , 33 , 63 ] ตามความรู้ที่เก็บตัว แต่ละร่างกายที่ละเอียดอ่อนมีวัตถุประสงค์การใช้งาน รูปร่าง โครงสร้างของตัวเอง คำอธิบายโดยละเอียดซึ่งแสดงไว้ด้านล่าง มีการเชื่อมต่อทางโครงสร้างระหว่างร่างกายที่บอบบาง นอกจากนี้ ร่างที่บอบบางแต่ละร่างก็มีจังหวะการทำงานเป็นของตัวเอง ซึ่งประสานกับจังหวะชีวภาพของร่างกายที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ การเชื่อมต่อนี้มองเห็นได้ไม่เพียงแต่ระหว่างร่างที่ละเอียดอ่อนทั้งห้าเท่านั้น แต่ยังมองเห็นระหว่างร่างกายแบบอีเธอร์กับร่างกายที่ละเอียดอ่อนทั้งหมดด้วย ในเวลาเดียวกัน ร่างกายอีเธอร์ซึ่งส่งผ่านศูนย์พลังงาน (จักระ) จะส่งวัสดุก่อสร้างหลัก (การสั่นสะเทือน) ให้กับชีวิตของร่างกายที่บอบบางทั้งหมด ดังนั้นบทบาทอย่างมากของร่างกายอีเธอร์ในการรักษาสภาวะสมดุลทางจิตและพลังงานชีวภาพทั่วไปของบุคคล และเป็นร่างกายอีเทอร์ริกที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพของมนุษย์

ร่างกายที่บอบบางสามารถได้รับความเสียหายในลักษณะเดียวกับร่างกายและอีเทอร์ริก รูปร่างและโครงสร้างของร่างกายที่ละเอียดอ่อนอาจถูกรบกวน และอาจมีความล้มเหลวในการประสานการทำงานของร่างกายทั้งหมด อารมณ์เชิงลบที่บุคคลอยู่ภายใต้หากพวกเขามีเสถียรภาพสามารถดึงดูด (ตามกฎจักรวาลซึ่งจะกล่าวถึงในรายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่าง) การสั่นสะเทือนที่คล้ายกันจากอวกาศจากนั้นเครือข่ายความเสียหายทั้งหมดจะถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของ การดำรงอยู่ในรัศมี (จำนวนทั้งสิ้นของร่างกายที่ละเอียดอ่อนทั้งหมด) ของบุคคล - หน่วยงานเกี่ยวกับหู ในร่างกายอีเธอร์ - หน่วยงานที่ไม่มีตัวตนที่นำไปสู่ความผิดปกติทางจิตมากมาย (เปิดเผย ซ่อนเร้น และเส้นเขตแดน) และโรคทางจิต

ความเสียหายต่อร่างกายบอบบางสามารถเกิดขึ้นได้ในมนุษย์ตั้งแต่ระยะก่อนคลอด (มดลูก) [ 64 ] ในระดับเซลล์แล้ว มีการบันทึกความรู้สึกเชิงลบทั้งหมดและภูมิหลังที่เกี่ยวข้อง (ความเจ็บปวดทางกาย คำพูดของคนรอบข้าง เสียง ฯลฯ) ซึ่งต่อมาสร้างความเสียหายต่อร่างกายที่บอบบาง

บันทึกเหล่านี้ในการติดตามพื้นที่อยู่อาศัยชั่วคราวทั้งหมดถูกเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ธนาคารข้อมูลยังถูกเก็บไว้ที่นี่เกี่ยวกับความเสียหายที่มาจากชาติในอดีตของบุคคลซึ่งในอนาคตอาจนำไปสู่โรคกรรมได้ บันทึกความเสียหายที่เก็บไว้ที่ด้านล่างของจิตใต้สำนึกเป็นพื้นฐานของระบบการวินิจฉัยที่มีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์ แต่ละคนสามารถวินิจฉัยตัวเองได้หากเขาเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับจิตใต้สำนึกของเขาและดึงข้อมูลเกี่ยวกับความเสียหายต่อร่างกายทั้งหมดของเขาจากที่นั่น

มีหลายวิธีในการสื่อสารกับจิตใต้สำนึกดังที่กล่าวไปแล้ว วิธีที่ง่ายที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเข้าถึงได้สำหรับคนทั่วไปทางชีววิทยาทุกคนซึ่งไม่ได้รับพรสวรรค์ด้านการมีญาณทิพย์ การมีญาณทิพย์ การมองเห็นจิตวิญญาณ ฯลฯ คือวิธี R ซึ่งมีคำอธิบายซึ่งเป็นหัวข้อของหนังสือเล่มนี้

นอกเหนือจากระบบการวินิจฉัยแล้วธรรมชาติยังช่วยให้แต่ละคนมีความสามารถในการรักษาตนเองโดยวางระบบในการรับรังสีจากวัตถุสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตรอบตัวบุคคลในตัวเขา ด้วยการใช้เทคนิคง่ายๆ ที่อธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้ บุคคลที่มีค่าเฉลี่ยทางชีววิทยาสามารถค้นพบระบบการรับรังสีในตัวเอง ซึ่งแสดงออกมาในลักษณะของการกระทำของไอโอมอเตอร์ที่รับประกันการตรึงผลของรังสีสุนทรียศาสตร์

ปรากฎว่าสำหรับการรักษาตัวเองคุณสามารถใช้ผีได้ซึ่งเราจะเข้าใจการแสดงข้อมูลพลังงานของอวัยวะและระบบต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ในรูปต่อไป การสร้างภาพหลอนนั้นง่ายมาก เพียงวางนิ้ว รูปถ่าย หรือปอยผมของผู้ป่วยลงบนภาพวาดที่แสดงถึงอวัยวะหรือระบบที่กำลังศึกษา และการเชื่อมโยงข้อมูลด้านพลังงานจะถูกสร้างขึ้นทันทีระหว่างผู้ป่วยรายนี้กับภาพวาด .

เมื่อใช้รูปถ่ายหรือปอยผม คุณต้องติดกระดาษระบุวันที่ทำการตรวจ หากรูปถ่ายหรือปอยผมอ้างอิงถึงจุดอื่นในเวลา

ด้วยการเคลื่อนลูกตุ้มไปตามรูปแบบอย่างราบรื่นและสังเกตการหมุนของมันอย่างระมัดระวังกล่าวอีกนัยหนึ่งคือการจ้องมองด้วยการจ้องมอง (สนามบิด) คุณสามารถระบุความเสียหายในระบบใด ๆ ของร่างกายผู้ป่วยได้ทันทีโดยการเปลี่ยนทิศทางการหมุนของลูกตุ้ม

เมื่อพบความเสียหาย ผู้ป่วยโดยใช้อัลกอริธึมการวินิจฉัยระบบที่ให้ไว้ในบท “การวินิจฉัยระบบ” ได้กำหนดชื่อของสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายนี้ในระบบร่างกายที่กำลังศึกษาไว้อย่างชัดเจน ในกรณีนี้ด้วยความช่วยเหลือของคำพูดทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างจิตสำนึกของผู้ป่วยและจิตใต้สำนึก เมื่อระบุสาเหตุของความเสียหายต่อระบบได้อย่างแม่นยำ ลูกตุ้มจะเริ่มหมุนราวกับว่าอยู่เหนืออวัยวะที่มีสุขภาพดี สาเหตุของความเสียหายทั้งหมดได้รับการจำแนกตามผู้เขียน นอกจากนี้ โดยการเลือกวิธีที่รู้จักซึ่งใช้ในการแพทย์แผนโบราณและการแพทย์ทางเลือกอย่างมีสติ (อาจรวมถึงการสวดมนต์ ยาสมุนไพร การวิ่ง การนวดด้วยพลังงานชีวภาพ วารีบำบัด ชุดการสั่นสะเทือน ซึ่งจะกล่าวถึงในรายละเอียดด้านล่าง การใช้ยา เป็นต้น) ผู้ป่วยจะปฏิบัติตาม การหมุนที่สอดคล้องกัน ลูกตุ้มค้นหาวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการกำจัดความเสียหายในระบบที่กำลังศึกษา ถัดไปกำหนดขนาดยาในลักษณะเดียวกัน นี่เป็นอีกครั้งที่การเชื่อมโยงระหว่างจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกถูกใช้ผ่านคำพูดด้วยวาจา จิตใต้สำนึกรู้และจดจำทุกสิ่ง

สิ่งที่น่าสังเกตโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเอฟเฟกต์อันน่าอัศจรรย์ที่เราได้รับจากการใช้สัญลักษณ์ทางเรขาคณิตและตัวเลขของการสั่นสะเทือนเพื่อกำจัดความเสียหายต่อร่างกายที่บอบบางของบุคคลนั่นคือความเสียหายที่อยู่ในทรงกลมทางจิตของบุคคล ก่อนอื่น ให้เรากำหนดว่าสัญลักษณ์การสั่นสะเทือนทางเรขาคณิตและตัวเลขคืออะไร ตามกฎจักรวาลดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ทุกสิ่งสั่นสะเทือน ทุกสิ่งแผ่รังสี ปรากฎว่ากระแสการสั่นสะเทือนทั้งหมดของกลุ่มดาวนักษัตร ดาวเคราะห์ รังสีคอสมิก ตัวอักษร ตัวเลข รูปทรงเรขาคณิต ฯลฯ เป็นไปได้ แสดงเป็นสัญลักษณ์ทางเรขาคณิตและตัวเลข เป็นที่รู้กันว่า [ 3 ] ภาษาสัญลักษณ์นั้น (โดยเฉพาะภาษาของรูปทรงเรขาคณิต) เป็นภาษาสากลที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติเอง มันถูกอธิบายไว้ในคำสอนลึกลับที่เป็นความลับและเป็นที่รู้จักของผู้ประทับจิต

หากภาพเป็นของโลกดวงดาว สัญลักษณ์ก็อยู่ในโลกเชิงสาเหตุอันละเอียดอ่อน (โลกแห่งความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล) และด้วยการใช้สัญลักษณ์ทางเรขาคณิตและตัวเลข เราตั้งใจออกไปกำจัดความเสียหายต่อร่างกายมนุษย์ทั้งหมดโดยระบุอย่างแม่นยำ สาเหตุของความเสียหายนี้ ด้วยความช่วยเหลือของจิตใต้สำนึกโดยใช้วิธี R เราเลือกสัญลักษณ์หรือชุดสัญลักษณ์ที่จะให้สเปกตรัมรังสีที่จำเป็นในการแก้ปัญหาที่กำหนดโดยจิตสำนึก (ตัวอย่างเช่นเพื่อกำจัดความเสียหายในร่างกายดาว) ถ้าชุดสัญลักษณ์ที่จิตใต้สำนึกเลือกแทนตัวเลขเท่านั้น ก็คือ - ชุดการสั่นสะเทือนเชิงตัวเลข . หากมีเฉพาะสัญลักษณ์ทางเรขาคณิตเราก็มี แถวการสั่นสะเทือนทางเรขาคณิต . หากนอกเหนือจากตัวเลขแล้ว ยังมีสัญลักษณ์ทางเรขาคณิตหรือภาพคน สัตว์ พืช ฯลฯ แถวการสั่นสะเทือนแบบผสม .

ทันทีที่คุณใส่จุดหลังจากสัญลักษณ์สุดท้ายที่พบ ชุดการสั่นสะเทือนที่เลือกโดยจิตใต้สำนึกจะเริ่มทำงาน และ (ดูเถิด!) ทรงกลมทางจิตทั้งหมดของคุณจะเริ่มเปลี่ยนแปลงทันที โดยกำจัดทุกสิ่งที่รบกวนชีวิตที่กลมกลืนของคุณ: ต่างๆ สภาวะซึมเศร้า ความคิดเชิงลบ ฯลฯ .d. ด้วยความช่วยเหลือของซีรีย์การสั่นสะเทือนคุณสามารถรับมือกับโรคพิษสุราเรื้อรังได้โดยไม่ต้องหันไปใช้วิธีการเย็บในหลอดที่น่ากลัว ด้วยการสูบบุหรี่ ด้วยการตั้งโปรแกรมด้วยตนเอง (มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ไม่มีความสุข) เป็นต้น ชุดสัญลักษณ์เรขาคณิตและตัวเลขแบบสั่นจะทำงานหากจิตใต้สำนึกของผู้ป่วยตกลงที่จะกำจัดโรคพิษสุราเรื้อรัง การสูบบุหรี่ ฯลฯ ด้วยความช่วยเหลือของซีรีส์การสั่นสะเทือน คุณสามารถรับมือกับเอนทิตีทางหูและอีเธอร์ริกได้ ด้วยโปรแกรมใด ๆ ที่เกิดจากภายนอก เช่น ที่รู้จักกันแพร่หลายในชื่อ "ตาชั่วร้าย" "ความเสียหาย"

ซีรีส์การสั่นสะเทือนถูกสร้างขึ้นโดยเอนทิตีจักรวาล Light High Creative ปัจจุบันความรู้นี้ได้เปิดกว้างสำหรับคนยุคใหม่ในการต่อสู้กับโรคและความชั่วร้าย จิตใต้สำนึกของมนุษย์รู้ว่าต้องใช้คลื่นความถี่เท่าใดเพื่อกำจัดความเสียหายต่อร่างกาย นี่คือสาระสำคัญของระบบการรักษาตนเอง มีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์นั่นเอง

ความแตกต่างระหว่างวิธี R ที่เสนอในการฟื้นฟูร่างกายมนุษย์จากวิธีการที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิมต่างๆ (พิเศษประสาทสัมผัสการใช้โมดูลโดย R.G. Shakaev [ 53 ], วิธีการแพทย์แผนโบราณ ฯลฯ ) ได้มีการค้นพบ สาเหตุที่แท้จริง ความเสียหายและการกำหนดสิ่งที่เกี่ยวข้อง รายบุคคล วิธีการรักษาโดยใช้ระบบการรับรังสีที่มีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์เอง

ตามกฎจักรวาลซึ่งกำหนดขึ้นเมื่อ 8,000 ปีก่อนการประสูติของพระเยซูคริสต์โดย Hermes Trismegistus (Thrice Great Hermes) และส่วนใหญ่ได้รับการยืนยันจากวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ทุกสาเหตุมีผล ผลทุกอย่างมีเหตุ หากไม่มีสาเหตุก็ไม่สามารถรักษาได้ แต่สามารถกำจัดผลได้เท่านั้นนั่นคือได้รับการบรรเทาชั่วคราว

ดังนั้นเราจึงขอเชิญชวนผู้อ่านให้ดำดิ่งสู่โลกของ "ฉัน" ของเขาเองและเรียนรู้โครงสร้างที่แท้จริงของร่างกายของเขา ในเวลาเดียวกัน คุณสามารถตรวจจับความเสียหายทั้งหมดในร่างกายของคุณได้อย่างง่ายดายโดยใช้วิธี R และกำจัดความเสียหายเหล่านั้นโดยการเลือกวิธีการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ด้วยเหตุนี้ เราจะเจาะลึกร่างกายมนุษย์ทั้งหมด โครงสร้าง ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และวิธีการกำจัดพวกมัน ก่อนอื่นให้เราพิจารณาร่างกายแบบอีเทอร์ซึ่งเป็นสภาวะปกติที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพ

ร่างกายที่สำคัญ (พลังงาน)

2.1. แบบจำลองข้อมูลพลังงานชีวภาพของร่างกายอีเทอร์ริก การเชื่อมต่อโครงสร้าง สภาวะสมดุลของพลังจิต

ร่างกายอีเทอร์ริกเป็นระบบข้อมูลพลังงานชีวภาพที่ควบคุมตนเองและรักษาตัวเองได้ ภูมิปัญญาตะวันออกกล่าวว่า: “ร่างกายมนุษย์มีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการรักษาที่สมบูรณ์”

ตัวอีเทอร์ริกประกอบด้วยหน่วยโครงสร้างต่อไปนี้ ซึ่งแต่ละหน่วยทำหน้าที่เฉพาะ ( (รูปที่ 1)):

ปัจจัยการผลิตพลังงาน

ศูนย์พลังงาน (จักระ)

ศูนย์พลังงานชีวภาพของสมองและไขสันหลัง - แผงควบคุมคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับบางพื้นที่บนศีรษะ

อุปกรณ์ควบคุมตนเอง

ช่องพลังงาน (เส้นเมอริเดียน)

ผู้ใช้พลังงาน (อวัยวะและร่างกายที่บอบบาง)

ผลผลิตพลังงานเหลือทิ้ง

พลังงานที่ป้อนเข้าไป ได้แก่ ตา หู ปาก จมูก เท้า จุดที่เกิดปฏิกิริยาทางชีวภาพ จักระ สุชุมนา (ทางหลวงพลังงานส่วนกลางที่วิ่งไปตามกระดูกสันหลัง) ไอดาและปิงคลานาดี (ทางหลวงพลังงานด้านข้างสองเส้นขนานกับกระดูกสันหลังและสิ้นสุดทางด้านขวา และรูจมูกซ้าย ตามลำดับ)

พลังงานแสงผ่านดวงตา พลังงานเสียงผ่านหู พลังงานอากาศผ่านจมูก พลังงานรังสีจากโลกผ่านเท้า พลังงานจักรวาลผ่าน BAT จักระ สุชุมนา อิดา และปิงคลานาดี

พลังงานของบรรพบุรุษ (ทางพันธุกรรม) ที่ได้รับจากบรรพบุรุษแม้กระทั่งก่อนการเกิดของบุคคลจะสะสมในไตและแพร่กระจายผ่านเส้นลมปราณของเครื่องทำความร้อนทั้งสามเครื่องซึ่งเป็นตัวกำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของร่างกาย

พลังงานที่หลากหลายทั้งหมดนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็เปลี่ยนเป็นรูปแบบเดียวซึ่งได้รับชื่อรหัส พลังงานชีวภาพ และกล่าวถึงผู้บริโภคอย่างเคร่งครัดต่อไป พลังงานชีวภาพเข้าสู่ศูนย์กลางพลังงานชีวภาพของสมองและไขสันหลังเป็นหลัก (แผงควบคุมคำสั่ง) ผ่าน Sushumna, Ida และ Pingala nadi เมื่อผ่านทางหลวงพลังงานกลาง พลังงานไม่เพียงแต่ถูกเปลี่ยน แต่ยังสะสมอยู่ในศูนย์พลังงานอีกด้วย (จักระ) . ตามการแพทย์แผนโบราณของอินโด-ทิเบต มีเจ็ดอย่าง ตามข้อมูลเก็บตัวสมัยใหม่ จำนวนของพวกเขามีขนาดใหญ่กว่ามากและมีจำนวน 18 [ 1 , 72 ] ในจักระ การรับและการเปลี่ยนแปลงพลังงานจักรวาลหลักเป็นพลังงานของการสั่นสะเทือนอื่นๆ ที่ป้อนเข้าสู่ร่างกายที่ละเอียดอ่อนก็เกิดขึ้นเช่นกัน จักระแต่ละอันเชื่อมต่อกับร่างกายอันละเอียดอ่อนของตัวเองและจัดหาวัสดุก่อสร้าง (การสั่นสะเทือน) เพื่อชีวิตปกติ นี่แสดงให้เห็นถึงบทบาทอันยิ่งใหญ่ของจักระในฐานะตัวรับ ตัวสะสม และผู้แปลงพลังงาน เห็นได้ชัดว่าความพยายามทั้งหมดของการแพทย์อินโดทิเบตมุ่งเป้าไปที่การเรียนรู้ที่จะควบคุมจักระและรักษาสมดุลพลังงานในจักระเหล่านั้น เพื่อจุดประสงค์นี้ได้มีการพัฒนาคลังแสงทั้งหมดที่มีอิทธิพลต่อจักระ: เสียง, สี, องค์ประกอบย่อย, อาสนะ, แบบฝึกหัดการหายใจ, มันดาลากราฟิก ฯลฯ วิธีการมีอิทธิพลและควบคุมจักระทั้งหมดจะกล่าวถึงโดยละเอียดในหัวข้อ “ศูนย์พลังงาน (จักระ)”

พลังงานที่สะสมในจักระจะถูกกระจายต่อไปอีกผ่านช่องทางกลาง 14 เส้น (เส้นเมอริเดียน) และเครือข่ายช่องสัญญาณเล็กๆ (มี 64,000 ช่อง) ไปยังอวัยวะต่างๆ หล่อเลี้ยง จากนั้นพลังงานที่เสียก็กระจายออกไปสู่พื้นที่โดยรอบอย่างกระจาย (จาก พื้นผิวของร่างกาย) หรือเฉพาะที่ เช่น ผ่านทางดวงตา

การกระจายพลังงานผ่าน 14 ช่องทางหลักได้รับการศึกษาโดยสาขาการแพทย์ตะวันออกของจีนโบราณ เธอพัฒนาชุดกฎที่ระบุการละเมิดการไหลเวียนของพลังงานอย่างอิสระซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการวินิจฉัยเส้นลมปราณซึ่งจะอธิบายสาระสำคัญไว้ด้านล่าง

การมีส่วนร่วมอย่างทองของการแพทย์แผนจีนโบราณในการศึกษาร่างกายมนุษย์ถือได้อย่างปลอดภัยว่าเป็นการค้นพบการเชื่อมโยงพลังงานระหว่างช่องทางและระหว่างอวัยวะซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปโดยสิ้นเชิงในการแพทย์แผนตะวันตก การเชื่อมโยงเหล่านี้อยู่ภายใต้กฎสามข้อ ซึ่งอธิบายไว้ในการแพทย์แผนจีนโบราณว่า "เที่ยงวัน-เที่ยงคืน", "แม่-ลูก", "สามี-ภรรยา" ซึ่งทำให้มีอิทธิพลต่ออวัยวะผ่านอวัยวะหรือระบบอวัยวะอื่นได้ ในแบบจำลองไซเบอร์เนติกส์ที่สร้างขึ้นเพื่ออธิบายโรคใด ๆ ในวิทยาศาสตร์การแพทย์ของยุโรปตะวันตกไม่มีพารามิเตอร์อินพุตหลัก - พารามิเตอร์ที่คำนึงถึงการเชื่อมต่อที่มีพลังของอวัยวะหนึ่งกับอวัยวะอื่น

สมมุติฐานหลักของการแพทย์ตะวันออกโบราณคือสมมุติฐานเกี่ยวกับ สภาวะสมดุลทางจิตชีวภาพ (ความคงที่ของพลังงาน) ตามการเชื่อมโยงทั้งหมดที่ประกอบกันเป็นระบบพลังงาน (ตัวอีเทอร์ริก) ทำงานในลักษณะที่จะรักษาระดับพลังงานชีวภาพให้คงที่ในระดับหนึ่ง สภาวะสมดุลของพลังงานทางจิตเป็นแนวคิดใหม่สำหรับวิทยาศาสตร์การแพทย์ออร์โธดอกซ์ของยุโรปตะวันตก ซึ่งรู้จักตัวควบคุมชีวมวลสี่ตัว ได้แก่:

เครื่องควบคุมที่รักษาความดันโลหิตและอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ผ่านทางน้ำเหลืองซึ่งเชื่อมโยงอวัยวะทั้งหมดผ่านสารเคมี

ต่อมไร้ท่อซึ่งให้การควบคุมกระบวนการสำคัญของร่างกายด้วยความช่วยเหลือของฮอร์โมน

ระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) ซึ่งควบคุมความสัมพันธ์ของร่างกายกับสภาพแวดล้อมภายนอก ควบคุมปฏิกิริยาทางพฤติกรรม ประสานกิจกรรมของอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย

ระบบประสาทอัตโนมัติ (ANS) ซึ่งควบคุมการทำงานของอวัยวะภายใน ต่อมไร้ท่อและต่อมไร้ท่อ เลือดและต่อมน้ำเหลือง และกล้ามเนื้อบางส่วน

หากการเชื่อมโยงพลังงานทั้งหมดของวัตถุอีเทอร์ริกต้องทำงานในลักษณะที่จะรักษาความคงที่ของพลังงานในระดับหนึ่ง แต่ละลิงก์จะต้องมีฟังก์ชันการรักษาตนเองและการควบคุมตนเอง นั่นคือ ระบบควบคุมตนเอง ต้องทำงานในร่างกายอีเทอร์ริก ในช่องทางและทางเข้าของพลังงานระบบนี้ถูกค้นพบโดยการแพทย์แผนจีนโบราณในรูปแบบของการก่อตัวของวงจรทางชีวภาพชั่วคราว - ที่เรียกว่าเส้นเมอริเดียน "ปาฏิหาริย์" ซึ่งการศึกษายังคงดำเนินต่อไปโดยสาขาการแพทย์ตะวันออกของญี่ปุ่น ซึ่งบรรยายถึงวิถีของตนอย่างละเอียดถี่ถ้วน นี่เป็นการค้นพบที่สำคัญมากซึ่งในกรณีที่เกิดการหยุดชะงักในการไหลเวียนของพลังงานในช่องหลัก (การก่อตัวของพลังงานติดขัด) ระบบควบคุมตนเองของช่องสัญญาณจะเปิดโดยอัตโนมัติ ส่วนพิเศษของหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับคำอธิบายของระบบการควบคุมตนเอง

เหตุใดการเรียนรู้วิธีจัดการระบบควบคุมตนเองและติดตามการรักษาสภาวะสมดุลทางจิตและพลังงานชีวภาพของคุณจึงเป็นเรื่องสำคัญ ความจริงก็คือไม่มีการบำบัดด้วยพลังงานชีวภาพภายนอก (เช่น การใช้ประสาทสัมผัสภายนอก) จะให้ผลลัพธ์ที่มั่นคงและยั่งยืนจนกว่าระบบควบคุมตนเองในร่างกายมนุษย์จะเริ่มทำงาน ดังนั้นความเปราะบางของผลลัพธ์ของการรักษาพิเศษที่ไม่ทราบกลไกภายในนี้

การใช้วิธี P ตามวิธีการที่อธิบายไว้ในหนังสือคุณสามารถค้นหาการจราจรติดขัดในช่องสัญญาณและการเชื่อมต่อระหว่างช่องสัญญาณได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายตลอดจนในระบบเส้นเมอริเดียน "มหัศจรรย์" แปดเส้น ตรวจจับความผิดปกติในการทำงานของพื้นที่บนศีรษะ (แผงควบคุมคำสั่ง) ดูว่าจักระเปิดหรือปิด ตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ออร์แกนถูกชาร์จหรือคายประจุแล้วหรือไม่ ระบุความเสียหายอื่น ๆ ในร่างกายอีเทอร์ริก จากนั้นเรียนรู้ที่จะควบคุมร่างกายแบบอีเทอร์โดยใช้จิตใต้สำนึกเพื่อเลือกวิธีการที่จะขจัดความเสียหายในร่างกายแบบอีเธอร์

เมื่อค้นหาความเสียหายต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการศึกษาโรคติดเชื้อ แผนการติดเชื้อถือเป็นจุดอ่อนของการแพทย์ตะวันออก: ไม่ใช่สาขาเดียวของการแพทย์ตะวันออกที่อธิบายวิธีการค้นหาการติดเชื้อ ซึ่งในร่างกายอีเทอร์ริกทำหน้าที่เป็นกลไกในการเลือกพลังงานและขัดขวางสภาวะสมดุลของพลังงานชีวภาพ

วิธี P ช่วยเติมเต็มช่องว่างนี้ หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยวิธีการค้นหาการติดเชื้อและวิธีการคัดเลือกตัวแทนที่ทำลายการติดเชื้อประเภทเฉียบพลัน แฝง (“อยู่เฉยๆ”) และติดเชื้อช้า (ซบเซา) ได้อย่างแม่นยำและเลือกสรร เนื้อหาส่วนพิเศษของหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงวิธีการวิจัยโรคติดเชื้อโดยเฉพาะ

2.2. การเชื่อมโยงพลังงานชีวภาพหลักของร่างกายอีเทอร์

ให้เราพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์ประกอบแต่ละอย่าง (ลิงก์) ของร่างกายอีเทอร์ริก: ช่องทาง, ศูนย์พลังงาน (จักระ), บริเวณบนศีรษะ, อุปกรณ์ควบคุมตนเอง เริ่มจากช่องกันก่อน

2.2.1. ช่องพลังงาน (เส้นเมอริเดียน) และการเชื่อมต่อระหว่างช่อง

ช่องพลังงาน (เส้นเมริเดียน) ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น คือการรวมตัวกันของจุดออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (BAP) ที่อยู่ในร่างกาย ช่องทางคือเส้นทางที่กระจายพลังงานไปหล่อเลี้ยงอวัยวะของร่างกาย

BAP ถูกค้นพบโดยการแพทย์แผนจีนโบราณเมื่อ 40 ศตวรรษก่อน สิ่งเหล่านี้แตกต่างจากจุดใกล้เคียงในร่างกายเนื่องจากการใช้ออกซิเจนที่เพิ่มขึ้น ค่าการนำไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ความไวต่อความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมอุณหภูมิแบบพิเศษ ในตอนแรกมีการค้นพบ 365 รายการ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักมากกว่า 5,000 รายการ

เส้นเมอริเดียนเป็นระบบบอกทิศทางของทางหลวงสายหลักซึ่งมีพลังงานไหลเวียนอยู่ นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายคลองขนาดเล็กที่กว้างขวาง (64,000 แห่ง) การแพทย์แผนจีนโบราณศึกษา 14 ช่องทางหลัก ได้แก่ ปอด ลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ม้าม-ตับอ่อน หัวใจ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ ไต เยื่อหุ้มหัวใจ (ช่องทางเพศ) อุ่นสามเท่า ถุงน้ำดี ตับ ด้านหลัง ค่ามัธยฐานด้านหน้า

คลองสิบสองช่องมีความสมมาตรหรือจับคู่กัน ส่วนคลองสองช่อง (ค่ามัธยฐานด้านหลังและค่ามัธยฐานด้านหน้า) ไม่มีการจับคู่ พวกมันควบคุมระบบประสาทส่วนกลางของเราโดยให้พลังงานแก่มัน

การแพทย์แผนจีนโบราณแย้งว่าการไหลเวียนของพลังงานเริ่มต้นที่ปอด อากาศเป็นผู้จัดหาพลังงานหลัก พลังงานจะเคลื่อนผ่านเส้นเมอริเดียนคู่หลักทั้ง 12 เส้นตามลำดับใน 24 ชั่วโมง โดยคงอยู่ในเส้นเมอริเดียนแต่ละเส้นเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ช่องสัญญาณที่ไม่ได้จับคู่สองช่องทำงานตลอดเวลา แต่ละช่องมีศักยภาพพลังงานขั้นต่ำและสูงสุดของตัวเอง ค่าสูงสุดจะเกิดขึ้นในขณะที่พลังงานผ่าน ขั้นต่ำ - หลังจาก 12 ชั่วโมง ดังนั้นเมื่อเริ่มไหลเวียนในเส้นลมปราณของปอดตั้งแต่ 3 ถึง 5 นาฬิกาพลังงานจะผ่านเข้าไปในช่องลำไส้ใหญ่ซึ่งเวลาทำงานที่เหมาะสมที่สุดคือตั้งแต่ 5 ถึง 7 นาฬิกา พลังงานสูงสุดในช่องปอดคือตั้งแต่ 3 ถึง 5 โมงเช้าพลังงานขั้นต่ำคือตั้งแต่ 15 ถึง 17 นาฬิกา ดังนั้นพลังงานสูงสุดในช่องลำไส้ใหญ่คือตั้งแต่ 5 ถึง 7 โมงเช้า ขั้นต่ำคือ 17 ถึง 19 ชั่วโมง การทราบระดับพลังงานสูงสุดและต่ำสุดที่อยู่ในช่องเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกเวลาที่กระทบต่อช่องสัญญาณทั้งทางตรงและทางอ้อม

พลังงานมีขั้ว: อาจเป็นค่าบวก - "หยาง" ซึ่งทำหน้าที่กระบวนการกระตุ้นในร่างกายและค่าลบ - "หยิน" ซึ่งทำหน้าที่กระบวนการยับยั้ง การแสดงพลังงานเมื่อไหลเวียนผ่านช่องทางนั้นเป็นกลางเนื่องจากมีความสมดุลโดยการกระทำของสองหลักการ - "หยาง" และ "หยิน" โรคต่างๆ เกิดขึ้นเมื่อความไม่สมดุลปรากฏขึ้นในทิศทางใดก็ตาม

การเปลี่ยนพลังงานจากช่องหนึ่งไปอีกช่องหนึ่งจะกำหนดความมีอยู่ของการเชื่อมต่อพลังงานระหว่างช่องสัญญาณ (การสื่อสารระหว่างช่องสัญญาณ) การแพทย์แผนจีนโบราณศึกษาการเชื่อมต่อระหว่างช่องสัญญาณหลักสามประเภท: การเชื่อมต่อทางตรงและทางอ้อมสองประเภทที่มีอยู่ระหว่างช่องสัญญาณ (อวัยวะ) และนำเสนอในรูปแบบของแผนภาพที่ปรากฎ รูปที่.24หลักคำสอนของความเชื่อมโยงเหล่านี้จะนำเสนอด้านล่าง

2.2.2. พลังงานติดขัดในช่องสัญญาณและการเชื่อมต่อระหว่างช่องสัญญาณ นำไปสู่ความผิดปกติในการทำงานในร่างกายมนุษย์ การวินิจฉัยเมริเดียน กลุ่มอาการ "หยินหยาง" วิธีการขจัดปัญหารถติด

มีการกำหนดช่องต่างประเทศที่เทียบเท่ากันสามช่อง: อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน เราจะใช้สัญกรณ์ภาษาฝรั่งเศส

BAT ทั้งหมดที่เป็นของช่องใดช่องหนึ่งจะมีหมายเลขกำกับตามช่องนี้ ในแต่ละช่องมีสิ่งที่เรียกว่า คะแนนมาตรฐาน (คะแนน):

น่าตื่นเต้น (ยาชูกำลัง);

สงบเงียบ (ยากล่อมประสาท);

การวินิจฉัย (สัญญาณ จุดประกาศ จุดแจ้งเตือน);

- "จุดแท้จริง" (จุดเปลี่ยนพลังงานจากช่องหนึ่งไปอีกช่องหนึ่ง)

ที่มา(ผู้ช่วย);

เห็นใจ.

บทบาทและความสำคัญของประเด็นเหล่านี้จะชัดเจนขึ้นเมื่อเราพิจารณาช่องทางต่างๆ ต่อไป ที่นี่เราทราบเพียงว่าจุดมาตรฐานแตกต่างจากจุดอื่นๆ ของเส้นลมปราณในด้านประสิทธิภาพการรักษาที่มากกว่า

พลังงานหมุนเวียนในช่องในทิศทางจากจุดแรกไปยังจุดสุดท้าย การละเมิดการไหลเวียนของพลังงานอย่างอิสระ (การก่อตัวของพลังงาน "ปลั๊ก") ในช่องหรือการเชื่อมต่อระหว่างช่องเป็นสาเหตุของความผิดปกติในการทำงานหลายอย่างในร่างกาย ดังนั้นการก่อตัวของปลั๊กพลังงานเพียงอันเดียวในช่องถุงน้ำดีจึงนำไปสู่การเกิดขึ้นของ 32 ประเภทของโรค สาเหตุของการละเมิดการไหลเวียนของพลังงานอย่างอิสระแบ่งออกเป็น:

ทำให้เกิดการนอนอยู่ในร่างกายบอบบาง (เอนแกรม โปรแกรม หน่วยงานเกี่ยวกับหู)

ทำให้เกิดการนอนอยู่ในร่างกายและร่างกาย (สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีตัวตน การติดเชื้อ อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตรายทั้งภายนอกและภายใน ความผิดปกติทางอินทรีย์)

ยาจีนโบราณศึกษาสาเหตุเพียงประเภทเดียวอย่างถี่ถ้วน - ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เธอจัดระบบสัญญาณทางชีวภาพของแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อการไหลเวียนของพลังงานในช่องใดช่องหนึ่งหยุดชะงัก และรวบรวมกลุ่มอาการที่เรียกว่ากลุ่มอาการ "หยินหยาง" ที่มาพร้อมกับความผิดปกติในการทำงานต่างๆ

การหยุดชะงักของการไหลเวียนของพลังงานสามารถสังเกตได้ทั้งในช่องภายนอกและภายใน จังหวะภายนอก เป็นส่วนผสมของ BAP บนผิว ย้ายภายใน - นี่คือส่วนหนึ่งของช่องทางที่ผ่านเข้าไปในร่างกายมนุษย์และส่งพลังงานโดยตรงไปยังอวัยวะ

ในช่วงระยะเวลาการทำงานที่เหมาะสมที่สุด (ระยะเวลาการเติมพลังงานสูงสุด) ของแต่ละช่องซึ่งกินเวลาสองชั่วโมง อวัยวะที่เชื่อมต่อกับช่องจะถูกชาร์จด้วยพลังงาน เมื่อพลังงานออกจากช่องที่กำหนดแล้วไปสู่อีกช่องหนึ่ง (และพลังงานออกไป 80%) อวัยวะจะยังคงถูกชาร์จด้วยพลังงานที่เหลืออีก 20% หากอวัยวะถูกปลดประจำการ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้:

ไม่มีพลังงานในจักระ

เกิดความผิดปกติในการทำงานของแผงควบคุมคำสั่ง (สมองและไขสันหลัง)

ระบบควบคุมตนเองไม่ทำงาน

ปลั๊กพลังงานก่อตัวขึ้นในทางเดินภายนอกหรือภายในของช่อง

เหตุผลเหล่านี้ตรวจพบได้ง่ายมากโดยวิธี P

ในการแพทย์แผนจีนโบราณ ปลั๊กพลังงานถูกตรวจพบโดยใช้เส้นลมปราณ ชีพจร และการวินิจฉัยประเภทอื่นๆ

ในบรรดาวิธีการวินิจฉัยทุกประเภทที่ใช้โดยการแพทย์แผนจีนโบราณ วิธีที่ง่ายที่สุดและเข้าถึงได้มากที่สุดสำหรับการใช้งานด้วยตนเองในวงกว้างคือวิธีการ การวินิจฉัยเส้นลมปราณ ซึ่งตามที่ผู้เชี่ยวชาญ [ 34 ] ไม่ด้อยไปกว่าการวินิจฉัยชีพจรซึ่งต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเชี่ยวชาญ

สาระสำคัญของการวินิจฉัยเส้นลมปราณมีดังนี้

แพทย์จีนโบราณสังเกตว่าเมื่อการทำงานของอวัยวะหยุดชะงัก BAP บางตัวที่อยู่ตามเส้นลมปราณที่สอดคล้องกันจะแข็งตัวด้วยพลังงานส่วนเกินและรู้สึกเจ็บปวดเมื่อสัมผัส ในบางกรณีอาจเกิดความเจ็บปวดโดยไม่ได้สัมผัส การขาดพลังงานจะแสดงออกด้วยการบวมและความรู้สึกไม่ชัดเจนของจุดต่างๆ

การวินิจฉัยเมอริเดียนนั้นใช้หลักการนี้ซึ่งจำเป็นต้องใส่ใจกับสถานที่บนพื้นผิวของร่างกายที่มีสัญญาณทางชีวภาพจากแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติ (ปวด, คัน, ผื่น, ต้ม, บวม, ไฝ ฯลฯ ) . ต่อไปคุณควรพิจารณาว่าเส้นลมปราณเส้นใดที่ผ่านส่วนนี้ของร่างกาย จากนั้นเปรียบเทียบอาการของคุณกับกลุ่มอาการ “หยินหยาง” และสรุปเกี่ยวกับการหยุดชะงักของการไหลเวียนของพลังงานในช่องนี้

การแพทย์แผนจีนโบราณจำแนกสถานะของโรคเชิงคุณภาพได้ 4 สถานะ:

“ หยางมาก” - พลังงานส่วนเกินจำนวนมาก

"หยาง" คือพลังงานส่วนเกินธรรมดาๆ

"หยิน" คือการขาดพลังงานง่ายๆ

“หยินมาก” คือการขาดพลังงานอย่างมาก

เมื่อศึกษาช่องสัญญาณ เราจะใช้กลุ่มอาการ "หยางมาก" และ "หยินมาก" ที่เกิดจากพลังงานติดขัดและสอดคล้องกับค่าเบี่ยงเบนสูงสุดจากบรรทัดฐาน เราจะใช้การวินิจฉัยเส้นแวงเป็นตัวช่วย หลักหนึ่งคือ การวินิจฉัยระบบ .

เพื่อทำลายการอุดตันของพลังงานในช่องต่างๆ แพทย์แผนจีนโบราณใช้วิธีการทั้งหมด สิ่งสำคัญที่สุดคือการฝังเข็ม การรมควัน การนวดด้วยสุญญากาศ การนวดด้วยพลังงานชีวภาพ และการกดจุด

วิธีการสมัยใหม่ที่มีอิทธิพลต่อช่องสัญญาณ ได้แก่ การสัมผัสกับ BAP ด้วยกระแสตรงหรือกระแสสลับของความถี่และแอมพลิจูดที่แน่นอน (การฝังเข็มด้วยไฟฟ้า) การเปิดรับแสงเลเซอร์ (การฉีดด้วยแสง) การเปิดรับแสงอัลตราซาวนด์ และวิธีการผสมผสานต่างๆ

เราจะใช้อิทธิพลหกประเภทในช่องเพื่อกำจัดปลั๊กไฟ:

การปฐมพยาบาล (การกดจุดบนจุดที่สำคัญที่สุดบางจุดของช่อง รวมถึงจุดช่วยชีวิต) ในกรณีนี้อาการ (ปวดหรือชา) จะลดลง แต่ไม่มีวิธีรักษา

การนวดด้วยพลังงานชีวภาพตามแนวคลองด้านนอก มันแตกต่างจากการนวดแบบสวีดิชคลาสสิก (เพื่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ) ตรงที่เราใช้สนามพลังชีวภาพของเราโดยไม่มีแรงกดดัน โดยใช้วิธีสัมผัสแบบสัมผัส เพื่อทำให้การไหลเวียนของพลังงานตามช่องเป็นปกติ การนวดพลังงานชีวภาพจะดำเนินการในช่วงเวลาทำงานที่เหมาะสมของช่องทางที่กำหนดหรือผ่านช่องทางอื่นที่เชื่อมต่อกับช่องทางนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม

มีอิทธิพลต่อทางเดินภายในของช่องโดยกลั้นลมหายใจตามแบบแผน: หายใจเข้าลึก ๆ - กลั้นไว้สูงสุด - หายใจออก - หน่วงเวลา - หายใจออกครั้งสุดท้าย - หายใจเข้าอีกครั้ง ฯลฯ ;

การได้รับรังสีของสมุนไพรที่ใช้ในการแพทย์พื้นบ้านแต่โดยการคัดเลือกเฉพาะบุคคลโดยใช้วิธี P โดยใช้ Phantom

ทำความสะอาดคลองด้วยการจ้องมอง (สนามบิด) ตามวิธีการแพทย์อาหรับ

การได้รับรังสีจากแถวการสั่นสะเทือน

วิธีการมีอิทธิพลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นมีการกล่าวถึงด้านล่าง

2.3. ศูนย์พลังงาน (จักระ)

2.3.1. จักระหลักและรอง

พลังงานในรูปแบบของกระแสสั่นสะเทือนเคลื่อนไปตามกระดูกสันหลังไปตามทางหลวงพลังงานหลักซึ่งในการแพทย์อินโด - ทิเบตเรียกว่า "สุชุมนา" เช่นเดียวกับทางหลวงคู่ขนานสองด้าน ("อิเดะ" และ "ปิงคลา" นาดี) ก่อตัวเป็นเจ็ด กระแสน้ำวนรูปกรวยซึ่งในภาษาสันสกฤตได้รับชื่อจักระ นาฑี เป็นช่องทางที่เชื่อมจักระกับอวัยวะต่างๆ มีทั้งหมด 64,000 ช่องทาง ในการแพทย์อินโดธิเบต (สาขาโยคี) มีความสำคัญเป็นพิเศษถึง 3 ช่องทาง คือ สุชุมนา อิดา และปิงคลา

การแพทย์อินโด-ทิเบตระบุจักระหลักเจ็ดจักระ ซึ่งมีชื่อภาษาสันสกฤตต่อไปนี้ (หมายเลขจากล่างขึ้นบน) และตำแหน่ง:

1. มูลธาร (บริเวณก้นกบ)

2. สวาธิษฐาน (ระหว่างหัวหน่าวกับสะดือ)

3. มณีปุระ (ช่องท้องแสงอาทิตย์)

4. อนหะตะ (ระดับหัวใจ)

5. วิศุทธะ (โคนคอ)

6. อัจนะ (สามเหลี่ยมหน้าผาก บริเวณระหว่างคิ้ว)

7. สหัสราระ (ส่วนบนของศีรษะ)

ภาพกราฟิก (มันดาลา) ของจักระและตำแหน่งของจักระบนร่างกายมนุษย์ตามแทนทของอินเดียถูกนำเสนอบน ข้าว. 2, 3

หน้าที่หลักของจักระคือการรับและการสร้างพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการสะสม ข้อมูลและการกระจายพลังงานระหว่างจักระและอวัยวะ ตลอดจนระหว่างจักระและร่างกายที่ละเอียดอ่อน

การเชื่อมโยงจักระหลักกับร่างกายและอวัยวะที่ละเอียดอ่อนในร่างกายตลอดจนอิทธิพลของจักระแต่ละอันต่อสภาพร่างกายและจิตใจของร่างกายมนุษย์ด้วยความสมดุลและความไม่สมดุลของพลังงานในจักระนำเสนอใน ตารางที่ 1.ดังที่เห็นได้จากตาราง การหยุดชะงักของพลังงานในจักระหนึ่งหรือหลายจักระนำไปสู่โรคจากการทำงานที่ร้ายแรงเป็นลำดับแรก และจากนั้นนำไปสู่ความผิดปกติทางอินทรีย์และทางจิต

นอกจากจักระหลักทั้งเจ็ดแล้ว ยังมีจักระเพิ่มเติมที่เชื่อมต่อถึงกันด้วยการไหลของพลังงานและการเชื่อมต่อจักระ [ 72 ].

มีการนำเสนอจักระเพิ่มเติมและการเชื่อมต่อระหว่างกัน ข้าว. 4-8. เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ จะมีการให้หมายเลขจักระหลักและจักระเพิ่มเติมในรูป โดยเริ่มจาก “อัจนะ” ซึ่งกำหนดด้วยหมายเลข 1

สถานะของจักระศีรษะเพิ่มเติม (4, 5, 6, 7) มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อร่างกาย [ 72 ] การหยุดชะงักของการทำงานปกติของจักระเพิ่มเติม 4, 5 และจักระหลัก 1, 2 ทำให้เกิดสภาวะทางพยาธิสภาพของสมองหลายประการ - โรคจิตเภท, โรคลมบ้าหมู, โรคลมบ้าหมู, โรคไขข้ออักเสบ ฯลฯ จักระเพิ่มเติม 6, 7 ร่วมกับจักระ 3 รวบรวมพลังงานจักรวาลของ ชนิดที่ต้องการแปลงเป็นพลังงานสำคัญ ( กี จิ พรานา)

การปรากฏตัวของ "การจราจรติดขัด" ในการเชื่อมต่อจักระรวมถึงการแตกหักหรือความไม่สมดุลอย่างสมบูรณ์ซึ่งเป็นผลมาจากสาเหตุเช่นเอนแกรมโปรแกรมการติดเชื้อที่อยู่เฉยๆ หน่วยงานทางหู ฯลฯ นำไปสู่โรคที่ซับซ้อนเช่นโรคเบาหวานความอ่อนแอของระบบประสาท , หลายเส้นโลหิตตีบ ฯลฯ สัญญาณที่ชัดเจนของโรคจิตเภทคือการปรากฏตัวของการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างจักระ 6, 7, 2 เพิ่มเติมและพื้นที่ (“เขาปีศาจ”) (รูปที่ 8). ดังนั้นจึงเป็นที่พึงปรารถนาในการวินิจฉัยด้วยรังสีสุนทรีย์ของจักระทั้งหลักและเพิ่มเติมรวมทั้งการกำหนดพยาธิสภาพของการเชื่อมต่อจักระซึ่งดำเนินการโดยใช้อัลกอริธึมการวินิจฉัยระบบ (ดูบทที่ 4)

2.3.2 วิธีการควบคุมศูนย์พลังงาน (จักระ)

วิธีการควบคุมจักระมีต้นกำเนิดมาจากการพิจารณาโครงสร้างของจักระซึ่งถูกค้นพบเมื่อ 40 ศตวรรษก่อนโดยใช้วิธีเก็บตัว

จักระคืออะไร?

องค์ประกอบต่อไปนี้มีความโดดเด่นในจักระ:

ช่องสะท้อนที่ตอบสนองต่อความยาวคลื่น (สี) และเสียงบางอย่าง (มนต์)

ศูนย์ควบคุมคำสั่งที่ติดอยู่ภายในคลองไขสันหลัง (ปัทมา);

เส้นประสาทช่องท้อง;

ต่อมไร้ท่อที่อยู่บริเวณโคนจักระแต่ละอัน

ธาตุทั้งสี่สามารถได้รับผลกระทบได้

ยาอินโด-ทิเบตได้พัฒนาคลังแสงทั้งหมดที่มีอิทธิพลต่อจักระหลักทั้งเจ็ด เหล่านี้ได้แก่ การฝึกโยคะหฐิ (อาสนะ) การฝึกหายใจ (ปราณยามะ) เทคนิคพิเศษของเอฟเฟกต์สีและเสียง (สวดมนต์) การทำสมาธิในการแสดงจักระ (มันดาลา) ในรูปแบบกราฟิก และอื่นๆ

การฝึกอาสนะ (โดยเฉพาะท่ากลับหัว) หากไม่ได้เริ่มในวัยเด็กและไม่มีครูผู้มีประสบการณ์ จะไม่ปลอดภัยสำหรับชาวตะวันตกที่มักจะประสบปัญหากระดูกสันหลังอุดตันเมื่ออายุ 25 ปี คำเตือนเดียวกันนี้ใช้กับปราณยามะซึ่งมีผลเสียต่อร่างกายหากใช้ไม่ถูกต้อง ในเมืองที่มีมลพิษ เราสามารถฝึกปราณายามะได้โดยใช้จิตใจเท่านั้น

ใน ตารางที่ 1คอลัมน์ล่างทั้งห้าแสดงวิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ป่วยในการควบคุมจักระแต่ละอันอย่างอิสระ

คอลัมน์ “มนต์” (บิจนา) แสดงการผสมผสานหลักของเสียง (บิจน่า) ซึ่งการออกเสียงจะเพิ่มศักยภาพพลังงานในจักระ

ตัวอย่างเช่น หากใช้วิธี R คุณจะพบว่าจักระ Muladhara ของคุณปิดอยู่ การออกเสียงคำว่า “ลำ” ซ้ำๆ จะเพิ่มศักยภาพพลังงานในจักระนี้ จำนวนคำพูดต้องเป็นทวีคูณของ 3 (3, 6, 9 ฯลฯ) สวดมนต์อย่างน้อย 36 ครั้ง จักระเดียวเท่านั้นที่ได้รับการชำระล้างในครั้งเดียว

การบำบัดด้วยเสียงสมัยใหม่ซึ่งมีชื่อเรียกว่า เมโลเทอราพี . ปัจจุบันนักประพันธ์เพลงสมัยใหม่ได้สร้างสรรค์บทเพลงพิเศษที่ช่วยเพิ่มพลังในจักระ ในหมู่พวกเขาองค์ประกอบของนักแต่งเพลงชาวฝรั่งเศส Jean Michel Jaret "Oxygen" มีความโดดเด่นซึ่งส่งผลต่อจักระทั้ง 7 หลังจากประเมินประสิทธิผลของอิทธิพลนี้ พระภิกษุได้นำอิทธิพลนี้ไปสักการะในวัดพุทธของญี่ปุ่น

ศูนย์ดนตรีเมโลเธอราพีที่ใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ในปารีส ซึ่งมีคลังเพลงมากมายที่มีผลงานดนตรีให้เลือกมากมาย โดยคัดเลือกเป็นรายบุคคลสำหรับคนไข้ ตั้งแต่ผลงานคลาสสิก (Bach, Mozart, Haydn ฯลฯ) ไปจนถึงดนตรีร็อคสมัยใหม่

ความหลงใหลในดนตรีร็อคเพียงด้านเดียวนำไปสู่ความไม่สมดุลของการเชื่อมต่อจักระที่เชื่อมต่อจักระ Muladhara ตอนล่างกับจักระที่เหลือ และเต็มไปด้วยผลที่ตามมาที่ทำลายล้างต่อร่างกาย รวมถึงความผิดปกติทางจิต

เนื่องจากมนต์ "OM" และ "AUM" ช่วยสร้างความสัมพันธ์กับระนาบจิตวิญญาณที่สูงขึ้นและเชื่อมต่อกับ Egregor ตะวันออกคริสตจักรออร์โธดอกซ์เตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่แนะนำให้ฝึกสวดมนต์เหล่านี้ ดังนั้นในตารางแทนที่จะใช้มนต์ "OM" จะมีการระบุการรวมกันของเสียง "BOM" ซึ่งชวนให้นึกถึงเสียงระฆังดังขึ้นและแทนที่จะเป็น "AUM" จะมีการรวมกัน "อาเมน" ซึ่งสิ้นสุดคริสเตียนทั้งหมด คำอธิษฐาน

ใน ตารางที่ 1คอลัมน์ “สี” แสดงสีที่ส่งผลต่อจักระหลักทั้ง 7 อิทธิพลของสีที่ง่ายที่สุดเกี่ยวข้องกับการที่ผู้ป่วยสวมใส่เสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำแต่ละสีในสีใดสีหนึ่ง ตลอดจนการสร้างองค์ประกอบสีที่บ้านโดยเน้นสีหรือสเปกตรัมสีเป็นหลักซึ่งไม่มีออร่าของผู้ป่วย โดยปกติแล้วบุคคลนั้นจะเอื้อมมือออกไปหาสีที่สามารถช่วยเขาชำระจักระที่เกี่ยวข้องได้โดยสัญชาตญาณ หลักการนี้เป็นพื้นฐานสำหรับการวินิจฉัยโรคทางจิตและจิตตั้งแต่เนิ่นๆ พัฒนาโดยนักจิตวิทยาชาวออสเตรีย Lüscher (แบบทดสอบ Lüscher ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากลและมีการใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งที่นี่และต่างประเทศเมื่อจ้างงาน ทำสัญญาการแต่งงาน ฯลฯ)

การบำบัดด้วยสีสมัยใหม่มีพื้นฐานมาจากหลักการของอิทธิพลของสีที่มีต่อจักระ ศูนย์บำบัดสีสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ในลอนดอน

คอลัมน์ถัดไปคือองค์ประกอบขนาดเล็ก วิธีที่ง่ายที่สุดในการสัมผัสคือการรวมไว้ในอาหารประจำวันของคุณที่มีองค์ประกอบย่อยมากมาย เช่น น้ำผึ้ง ขนมปังผึ้ง (ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง) น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล นม ช็อคโกแลต สาหร่ายทะเล ฯลฯ การเลือกผลิตภัณฑ์อาหารต้องเป็นรายบุคคลอย่างเคร่งครัดและดำเนินการโดยใช้วิธี R บางครั้งเพียงนำน้ำผึ้งหวีมาคัดเลือกทีละอย่างด้วยวิธี R และมีทั้งน้ำผึ้งและขนมปังผึ้ง ก็เป็นไปได้ที่จะขจัดความไม่สมดุลของพลังงานในจักระบนทั้งสอง (อัจนะและสหัสราระ) และป้องกันการพัฒนาของเนื้องอกในสมองใน ผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมานจากความผิดปกติที่ซับซ้อนมากซึ่งเกี่ยวข้องกับการปิดจักระเหล่านี้

คอลัมน์ "จุดฝังเข็ม" หมายถึงจุดฝังเข็ม การเปิดรับโดยใช้แรงกดปานกลางเป็นเวลา 2-5 วินาที จะทำให้จักระกลับสู่ปกติ ซึ่งควบคุมโดยวิธี R

คอลัมน์ “ของแข็งสงบ” แสดงรูปทรงเรขาคณิต ซึ่งสวมใส่ในตำแหน่งโดยประมาณของจักระ หรือรวมภาพเหล่านั้นในชุดการสั่นสะเทือนแบบผสม ให้ผลดีในการขจัดความไม่สมดุลของพลังงานในจักระที่เกี่ยวข้อง สิ่งเหล่านี้เรียกว่ารูปแบบผลึก (ของแข็งพลาโตนิก) ซึ่งมีอิทธิพลต่อศูนย์พลังงานที่ถูกค้นพบในสมัยโบราณ คุณสามารถสร้างรูปทรงเรขาคณิตเหล่านี้จากลวดทองแดงที่มีขนาดตั้งแต่ 10 ถึง 30 ซม. วางร่างทั้งห้าบนโซนฉายจักระที่สอดคล้องกันบนร่างกาย และนอนพักผ่อนอย่างล้ำลึกสักพัก การทดลองที่ดำเนินการที่นี่และในสหรัฐอเมริกาได้แสดงให้เห็นว่าแบบจำลองเฟรมของของแข็งพลาโตนิกซึ่งทำจากลวดทองแดง มีผลในการประสานและกระตุ้นอันทรงพลังต่อจักระ [ 63 ].

การเลือกวิธีการมีอิทธิพลต่อจักระนั้นดำเนินการโดยใช้วิธี R โดยใช้ Phantom

2.4. โซนข้อมูลพลังงานบนศีรษะ

สาขาหนึ่งของการแพทย์แผนตะวันออกสมัยใหม่ (PRC) ได้ศึกษาโซนข้อมูลพลังงานบนศีรษะ ซึ่งในการนวดกดจุดสะท้อนสมัยใหม่เรียกว่า โซนเจาะกะโหลก [ 74 ] โซนเหล่านี้สอดคล้องกับการฉายภาพของอวัยวะที่อยู่บนพื้นผิวของเปลือกสมองและในร่างกายอีเทอร์ริกของมนุษย์พวกมันมีบทบาทเป็นโซนควบคุมคำสั่ง การแพทย์แผนตะวันออกโดยรวมมี 18 โซน Proskurin V.V. มีการค้นพบอีกสามโซน [ 74 ]: 19, 20, 21 การเชื่อมต่อของโซนกับช่องพลังงานที่โซนเหล่านี้มีอิทธิพลแสดงไว้ในตารางที่ 2

ตารางที่ 2. การเชื่อมต่อระหว่างโซนบนศีรษะและช่องพลังงาน

โซน	ช่องพลังงานและการกำหนด
13	ปอด (พี)
16	ลำไส้ใหญ่ (GI)
12	ท้อง (อี)
2	ม้าม-ตับอ่อน (RP)
13	หัวใจ (C)
16	ลำไส้เล็ก (IG)
2	กระเพาะปัสสาวะ (V) และไต (R)
14	เยื่อหุ้มหัวใจ (MC)
15	ถุงน้ำดี (VB) และตับ (F)

ปีที่ออก: 2005

ประเภท:การแพทย์ทางเลือก

รูปแบบ:ดีเจวู

คุณภาพ:หน้าที่สแกน

คำอธิบาย:หนังสือ “ดาวซิ่งสำหรับทุกคน” วิเคราะห์คำสอนพื้นฐานของประเทศต่างๆ ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงคำสุดท้ายของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เกี่ยวกับสุขภาพและพยาธิวิทยาของมนุษย์ ซึ่งผ่านแบบจำลองหลายระดับของร่างกายมนุษย์ที่สร้างขึ้นโดยผู้เขียน รวมกันเป็นระบบเดียวที่ใช้งานได้จริงและปรับให้เหมาะกับคนยุคใหม่ แบบจำลองของร่างกายมนุษย์ที่พัฒนาโดยผู้เขียนใช้วิธีการโบราณของการแผ่รังสี (การดาวซิ่ง) โดยคำนึงถึงความรู้สมัยใหม่ให้วิธีการวินิจฉัยและการวินิจฉัยตนเองที่ชัดเจนและที่สำคัญที่สุดคือการรักษาและการใช้ยาด้วยตนเอง หลักการหลักของการแพทย์แผนโบราณ "รู้จักตัวเอง" ในที่สุดก็ได้มาซึ่งรูปแบบที่เป็นรูปธรรมและเป็นรูปธรรม
เบื้องหลังความสะดวกและความเรียบง่ายภายนอกของการอธิบายบทบัญญัติหลักคือปัญหาพื้นฐานของโครงสร้างของจักรวาลซึ่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่พยายามตอบ (A. Einstein, 1925, G. I. Shipov, 1993, P. P. Garyaev, 1994) . เมื่อคำนึงถึงความรู้นี้ จึงได้พัฒนาระบบการวินิจฉัยและการรักษาแอล.จี. ปุชโก.
วิทยาศาสตร์รู้ดีว่ารูปแบบหลักของสถานะของพิภพเล็ก (มนุษย์) และจักรวาลมหภาค (จักรวาล) คือสสารและพลังงาน พิภพเล็ก ๆ หรือบุคคลนอกเหนือจากร่างกายหรือวัตถุแล้วยังมีร่างกายอีเทอร์ริก (พลังงาน) และร่างกายที่ละเอียดอ่อนอีกห้าซึ่งประกอบเป็นกรอบโครงสร้างของร่างกาย
การเชื่อมต่อระหว่างร่างกายฝ่ายวัตถุ ซึ่งรวมถึงเส้นประสาทและศูนย์สมองที่ควบคุมกระบวนการทางร่างกายและจิตใจทั้งหมดในร่างกาย กับร่างกายอื่นๆ จะดำเนินการผ่านระบบศูนย์พลังงาน (จักระ) และช่องพลังงาน (เส้นเมอริเดียน) ในกระบวนการนี้ ผู้เข้าร่วมที่กระตือรือร้นคือจิตสำนึก (ความรู้ การคิด) และจิตใต้สำนึก (ข้อมูลทั้งหมดที่หมดสติของโลกรอบข้าง ข้อมูลทางพันธุกรรมส่วนบุคคล และต้นแบบ) ปริมาณข้อมูลที่รับรู้โดยจิตสำนึกนั้นมีจำกัดอย่างมาก (1.6 บิต/วินาที) ในขณะที่จิตใต้สำนึกรับรู้ข้อมูลที่หมดสติเกือบทั้งหมด (109 บิต/วินาที)
ทุกสิ่งในจักรวาลเปล่งออกมาและรับพลังงาน จิตใต้สำนึกของเราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลก็ทำหน้าที่เหล่านี้เช่นกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาเองและผ่านช่องทางข้อมูลเกี่ยวกับจักรวาล

ผู้เขียนใช้วิธีการที่เขาพัฒนาขึ้นเสนอให้รับข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองจากจิตใต้สำนึกโดยใช้วิธีโบราณง่ายปลอดภัยและทันสมัยที่สุด - การฉายรังสีโดยใช้ลูกตุ้มซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การรับรู้ข้อมูลจิตใต้สำนึกที่เหนือความรู้สึกเพื่อจุดประสงค์ ของการวินิจฉัยและการรักษา
วิธีการฉายรังสีที่ใช้อย่างถูกต้องไม่มีขอบเขตในการระบุความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดของศักยภาพส่วนบุคคล ธรรมชาติของรัศมีและเอฟเฟกต์ทางสุนทรีย์ยังไม่ชัดเจนอย่างสมบูรณ์ ความเข้าใจที่ใกล้เคียงที่สุดคือทฤษฎีไมโครเลปตันของเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนโบราณและพลังงานชีวภาพแห่งรัสเซียซึ่งอธิบายปฏิกิริยาของลูกตุ้มโดยการมีอยู่ของรังสีไมโครเลปตันจากวัตถุทั้งหมดของโลกวัตถุ (ไมโครเลปตอนเป็นอนุภาคที่เบาเป็นพิเศษและมีปฏิกิริยาโต้ตอบน้อย)
บุคคลที่ใช้ร่างกายพลังงานและร่างกายที่บอบบางปรับจูนวัตถุที่กำลังศึกษาเข้าสู่คลื่นสะท้อน (โดยใช้กลไกโฮโลแกรมและโซลิตัน) อ่านข้อมูลผ่านประสาทสัมผัสดั้งเดิมและประสาทสัมผัสลำดับที่สอง: การมีญาณทิพย์ ผู้มีญาณทิพย์ ผู้มีญาณทิพย์
สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือส่วนที่เกี่ยวกับคำอธิบายการทำงานกับภูตผี วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยังพยายามอธิบายปรากฏการณ์นี้ด้วยความช่วยเหลือของการพัฒนาทางทฤษฎีและการทดลองของธรรมชาติโฮโลแกรมและโซลิตัน (โซลิตันเป็นคลื่นยืนแบบวงกลม ส่วนโซลิตันโฮโลแกรมเป็นคลื่นยืนแบบสามมิติ)
เป็นที่ทราบกันว่าแหล่งข้อมูลหลักเกี่ยวกับการเจริญเติบโตและการพัฒนาของเซลล์ เนื้อเยื่อ หรือสิ่งมีชีวิตโดยรวมคือโครโมโซม เมื่อใช้วิธีการทางพันธุศาสตร์ทางภาษาศาสตร์และภาษาศาสตร์ทางคณิตศาสตร์ พบว่าลำดับนิวคลีโอไทด์ของโครโมโซมดีเอ็นเอเป็นโครงสร้างคล้ายคำพูดซึ่งมีปฏิสัมพันธ์กับจิตสำนึกและคำพูดของมนุษย์
ภาษาของจีโนม (โครโมโซม DN K) และคำพูดของมนุษย์มีรากที่เหมือนกันและมีไวยากรณ์สากล สันนิษฐานว่าสนามโซลิตันของโครโมโซม DNA สามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางคลื่นระหว่างรหัสภายนอกของคำพูดของมนุษย์และรหัสภายในของอุปกรณ์โครโมโซม
ยอมรับเวอร์ชันของการทำงานของจีโนมที่มีจิตสำนึกเสมือนโดยธรรมชาติ แสดงให้เห็นว่าคอมพิวเตอร์ชีวภาพดังกล่าวมีหน่วยความจำโฮโลแกรมและด้วยเหตุนี้ความสามารถในการสร้างและจดจำภาพซึ่งเป็นกรณีพิเศษที่สามารถเป็นได้ "คำ". นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการกำหนดการตั้งค่าด้วยวาจาที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อวาดชุดการสั่นสะเทือน
ผู้เขียนหนังสือ "ดาวซิ่งสำหรับทุกคน" เสนอการใช้การสัมผัสระหว่างจิตใต้สำนึกและจิตสำนึกอย่างสมเหตุสมผลซึ่งดำเนินการผ่านเครื่องมือโครโมโซมด้วยความช่วยเหลือของคำพูดซึ่งสอดคล้องกับตำแหน่งพื้นฐานของพันธุศาสตร์ทางภาษา

วิธีการที่นำเสนอซึ่งพัฒนาโดยผู้เขียนโดยคำนึงถึงความรู้สมัยใหม่มีความปลอดภัยมีประสิทธิภาพไม่ต้องใช้เวลาและเงินมากและมีความน่าเชื่อถือในระดับสูง เกือบทุกคนมีความสามารถในการดาวซิ่งที่แฝงอยู่ และด้วยการฝึกฝนและการทำงานหนัก คุณสามารถพัฒนาความสามารถเหล่านี้ได้สูงสุด
วิธีการฉายรังสีซึ่งใช้ตามรูปแบบที่อธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้สามารถระบุความเบี่ยงเบนทางพยาธิวิทยาของร่างกายที่มองไม่เห็นและยังไม่สามารถวัดได้ด้วยวิธีการทางเทคนิคอื่น ๆ นั่นคือสามารถวินิจฉัยสภาพของสิ่งมีชีวิตได้ และที่สำคัญที่สุดคือฟื้นฟูการทำงานและโครงสร้างของอวัยวะ ระบบต่างๆ และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดโดยรวม
ความรู้ที่นำเสนอมีความสำคัญและเกี่ยวข้องอย่างยิ่ง
หนังสือ “ดาวซิ่งสำหรับทุกคน” มีไว้สำหรับแพทย์ นักชีววิทยา นักวิทยาศาสตร์ รวมถึงทุกคนที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีและมีความสุข

"ดาวซิ่งสำหรับทุกคน"

แบบจำลองหลายระดับของร่างกายมนุษย์
เจ็ดร่างกาย (เจ็ดช่วงการสั่นสะเทือน) ของระบบการวินิจฉัยตนเองของมนุษย์และการรักษาตนเองที่ก่อตั้งขึ้นในธรรมชาติของมนุษย์
ร่างกายที่สำคัญ (พลังงาน)
แบบจำลองข้อมูล-พลังงานชีวภาพของร่างกายอีเทอร์ริก การเชื่อมต่อเชิงโครงสร้าง สภาวะสมดุลของพลังจิต
การเชื่อมโยงพลังงานชีวภาพหลักของร่างกายอีเทอร์

• 2.2.1. ช่องพลังงาน (เส้นเมอริเดียน) และการเชื่อมต่อระหว่างช่อง
• 2.2.2. พลังงานติดขัดในช่องสัญญาณและการเชื่อมต่อระหว่างช่องสัญญาณ นำไปสู่ความผิดปกติในการทำงานในร่างกายมนุษย์ การวินิจฉัยเมริเดียน กลุ่มอาการ "หยินหยาง" วิธีการขจัดปัญหารถติด

ศูนย์พลังงาน (จักระ)

• 2.3.1. จักระหลักและรอง
• 2.3.2 วิธีการควบคุมศูนย์พลังงาน (จักระ)

โซนข้อมูลพลังงานบนศีรษะ
ระบบควบคุมตนเอง
การติดเชื้อเป็นกลไกในการเลือกพลังงานในร่างกายอีเทอร์ริก ช่วงรังสีเจ็ดช่วงสำหรับเชื้อโรคของโรคติดเชื้อ
ห้าร่างกายที่ละเอียดอ่อน
Macrocosm และ Microcosm ความสัมพันธ์ของพวกเขา กฎจักรวาลขั้นพื้นฐาน
แนวคิดเรื่องร่างกายที่ละเอียดอ่อน โครงสร้างของร่างกายที่ละเอียดอ่อน รูปร่าง และความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเหล่านั้น
การจำแนกความเสียหายต่อร่างกายบาง
วิธีการขจัดความเสียหายต่อร่างกายที่บอบบาง

• การกำจัดการบาดเจ็บทางหูที่เกิดจากหน่วยงานทางหู
• การกำจัดโครงสร้างพลังงานของมนุษย์ต่างดาว (วิญญาณของโลก)
• การกำจัดเอนแกรม
• การกำจัดโปรแกรม
• กำจัดการละเมิดรูปร่างของร่างกายที่บอบบาง การเชื่อมต่อโครงสร้าง และการซิงโครไนซ์ระหว่างกัน

การวินิจฉัยระบบ อัลกอริธม์สำหรับการตรวจจับและกำจัดสาเหตุของความเสียหายต่อร่างกายมนุษย์ทั้งเจ็ด การเชื่อมต่อกับจิตใต้สำนึก
ซีรีส์การสั่นสะเทือนเชิงตัวเลข เรขาคณิต และคอมโพสิต
มันดาลาเชิงตัวเลขเชิงกราฟิก - วิธีการปรับจิตสำนึกใต้สำนึกสำหรับงานทางรังสี
ร่างกาย. การวินิจฉัยความผิดปกติทางอินทรีย์และวิธีการกำจัด
วิธีการฟื้นฟูสุขภาพแบบรังสี
เอฟเฟกต์รังสีและทำงานร่วมกับลูกตุ้ม
วิธีปฏิบัติในการศึกษาทางรังสีการศึกษาช่องทางพลังงานและอิทธิพลต่อช่องทางเหล่านั้น
ช่องปอด
ช่องโคลอน
ช่องท้อง
ช่องม้าม-ตับอ่อน
ช่องหัวใจ
ช่องลำไส้เล็ก
ช่องกระเพาะปัสสาวะ
ช่องไต
คลองเยื่อหุ้มหัวใจ (คลองทางเพศ)
ช่องสามส่วนของร่างกาย
ช่องถุงน้ำดี
ช่องตับ
คลองแอนเทอโรมีเดียน
คลองหลังการผ่าตัด
คำอธิบายของโครงร่างการเชื่อมต่อพลังงานชีวภาพระหว่างช่อง (อวัยวะ)
การนวดด้วยพลังงานชีวภาพ (รูปแบบทั่วไปของการนวดช่องพลังงานภายนอก)
การบำบัดด้วยสุญญากาศ
การนวดช่องพลังงานภายใน
การนวดบำบัดและป้องกันตามระบบโดอิน
ระเบียบวิธีในการตรวจจับด้วยรังสีความงามของปลั๊กพลังงานและวิธีการกำจัดปลั๊กพลังงานในช่อง
ขจัดพลังงานที่ติดขัดด้วยการ “เปิด” สติ
การกำหนดโดยวิธี R ของการมีอยู่ของพลังงานในจักระและพลังงาน "การจราจรติดขัด" ในการเชื่อมต่อจักระ
การวินิจฉัยด้วยรังสีรักษาเส้นเมอริเดียน “ปาฏิหาริย์”
การตรวจวินิจฉัยด้วยรังสีความงามของอวัยวะภายในโดยใช้ม่านตา ใบหู ฝ่าเท้าและฟัน
จุดแทรกแซงในกรณีฉุกเฉิน
ศึกษาแผนการติดเชื้อของมนุษย์ด้วยวิธี P
พื้นที่อื่น ๆ ของการประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติของวิธี R
การระบุผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพต่ำ (ไนเตรต กัมมันตภาพรังสี ฯลฯ) การระบุสารก่อภูมิแพ้ในอาหาร การเลือกขนาดยาและวิธีปฏิบัติ
การกำหนดอาหารส่วนบุคคลสำหรับโรคของอวัยวะใด ๆ
การกำหนดโซน geopathogenic
การหาปริมาณรังสีอันไม่พึงประสงค์จากเสื้อผ้า รองเท้า ครีมเครื่องสำอาง ต้นไม้ ภาพวาด ฯลฯ
ประสบการณ์การประยุกต์ใช้วิธีการฉายรังสีในเวชปฏิบัติ
วรรณกรรม

Puchko Lyudmila Grigorievna (19 กุมภาพันธ์ 2480 - 24 ตุลาคม 2553) - นักวิชาการของสถาบันวิศวกรรมรัสเซียและนานาชาติผู้สมัครสาขาวิทยาศาสตร์เทคนิคนักฟิสิกส์วิทยุผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการสื่อสารอวกาศ เธอทุ่มเทเวลาประมาณ 40 ปีในการศึกษาร่างกายมนุษย์และพัฒนาวิธีการรู้จักตนเอง การวินิจฉัยตนเอง และการรักษาตนเอง

ในปี 2549 ได้มีการพัฒนาแนวทางใหม่ในการวินิจฉัย (ด้วยตนเอง) และการรักษา (ด้วยตนเอง) ของบุคคล โดยมีการวางรากฐานไว้ในหนังสือ "Dowsing for Everyone", "การแพทย์หลายมิติ" และ "Radiesthetic Human Cognition" ” ผู้เขียนได้รับรางวัลระดับนานาชาติพร้อมประกาศนียบัตร “ ผู้นำด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซีย” เขาเป็นผู้เขียนร่วมของ "วิธีการวินิจฉัยพยาธิวิทยาของวัตถุ" ซึ่งได้รับการออกสิทธิบัตรในสหพันธรัฐรัสเซีย

หนังสือ (8)

ดาวซิ่งสำหรับทุกคน ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองของบุคคล

หนังสือเล่มนี้สรุประบบการวินิจฉัย (ตนเอง) และการรักษา (ตนเอง) ของบุคคลที่พัฒนาโดยผู้เขียนและไม่มีสิ่งที่คล้ายคลึงกันในโลกโดยอาศัยวิธี radioesthesia (dowsing) และใช้สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดจากการแพทย์แผนตะวันออกโบราณ ความสำเร็จของการแพทย์แผนปัจจุบันและวิทยาศาสตร์พื้นฐานโดยทั่วไป ผลการวิจัย และประสบการณ์เชิงปฏิบัติของผู้เขียนและนักศึกษา

เมื่อใช้ระบบนี้ คุณสามารถแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติหลายอย่างได้อย่างง่ายดาย เช่น: เป็นไปได้ไหมที่จะกินสิ่งนี้หรือผลิตภัณฑ์นั้น, สวมใส่เสื้อผ้าชิ้นนี้หรือชิ้นนั้น, เครื่องประดับ, ใช้เครื่องสำอางชิ้นนี้หรือนั้น, สร้างบ้านในสถานที่ที่เลือก, วิธีจัดเตรียม เฟอร์นิเจอร์อย่างปลอดภัยต่อสุขภาพในบ้านและสำนักงาน ฯลฯ

การแพทย์หลายมิติ

ไดอะแกรมและสัญลักษณ์ใหม่ แผนที่ที่สมบูรณ์

หนังสือเล่มนี้โดย L.G. Puchko “การแพทย์หลายมิติ ไดอะแกรมและสัญลักษณ์ใหม่ Complete Atlas” เปิดโอกาสใหม่ให้กับผู้ที่ใช้เทคนิค “การแพทย์หลายมิติ” ในชีวิต

ในการตีพิมพ์ ผู้เขียนได้รวบรวม จัดระบบ และแก้ไขข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการทำงานที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ: เครื่องมือแนวความคิดของการแพทย์หลายมิติ ตัวอย่างของหลักการพื้นฐาน อัลกอริธึมสำหรับการสร้างอนุกรมการสั่นสะเทือน ชุดไดอะแกรมของการแพทย์หลายมิติครบชุด ฯลฯ

หนังสือเล่มนี้นำเสนอสัญลักษณ์ใหม่เป็นครั้งแรก (สัญลักษณ์ของอักษรก่อนและสัญลักษณ์คริสตัล) ซึ่งการใช้จะช่วยขจัดปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล กรรม “ปม” เป็นต้น การใช้งานจริงของสิ่งเหล่านี้ สัญลักษณ์ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่สูง สิ่งพิมพ์ยังมีระเบียบวิธีในการทำการทดลองที่พัฒนาโดย G.A. Nepokoichitsky เพื่อตรวจสอบความแม่นยำของการทำงานของรังสี

การแพทย์หลายมิติในคำถามและคำตอบ

หนังสือที่นำเสนอแก่ผู้อ่านนั้นอุทิศให้กับการวิเคราะห์วิธีการใหม่ในการรักษาบุคคลจากโรคต่างๆ ซึ่งบางครั้งสามารถหลอกหลอนบุคคลได้เกือบทั้งชีวิตของเขา ด้วยจดหมายจำนวนมากจากผู้อ่าน ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองของบุคคลที่พัฒนาโดย L.G. Puchko ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและผู้คนจำนวนมากเข้าถึงได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ชายหลายมิติ

ผู้ชายหลายมิติ อัลกอริธึมใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการรักษาตนเองของมนุษย์และการรักษาสัตว์

หนังสือเล่มนี้อุทิศให้กับวิธีการรักษาแบบใหม่โดยพื้นฐานจากโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายและรักษาไม่หายซึ่งสามารถหลอกหลอนบุคคลได้เกือบตลอดชีวิตของเขา

อัลกอริธึมที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการวินิจฉัย (ด้วยตนเอง) และการรักษา (ด้วยตนเอง) ของบุคคลนั้นมีพื้นฐานอยู่บนสมมติฐานที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็มีร่างกายที่ "บอบบาง" เช่นกัน ดังนั้น ผู้เขียนจึงถือว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามมี "หลายมิติ" สันนิษฐานว่าวัตถุเหล่านี้มีรังสีในช่วงความถี่สูงพิเศษ น่าเสียดายที่ในปัจจุบันไม่มีอุปกรณ์ทางเทคนิคที่สามารถวัดความถี่เหล่านี้ได้ดังนั้นตัวแทนของยาวิทยาศาสตร์สมัยใหม่จึงปฏิเสธการดำรงอยู่ของพวกเขา

L.G. Puchko แนะนำว่าสาเหตุลึกของโรคนั้นอยู่ในร่างกายที่ "บอบบาง" ของบุคคล โดยไม่ต้องกำจัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่บุคคลจะรักษาได้

การรับรู้ทางรังสีของมนุษย์

“การรับรู้ทางรังสีความงามของมนุษย์ ระบบการวินิจฉัยตนเอง การรักษาตนเอง และความรู้ตนเองของบุคคล”

นอกเหนือจากการขจัดปัญหาที่มีอยู่ในร่างกายแล้ว ในหนังสือเล่มใหม่ของเขา L. G. Puchko ยังเสนออัลกอริทึมสำหรับป้องกันผลที่ตามมาของสถานการณ์ชีวิตเชิงลบ เช่น ปัญหาครอบครัว ความขัดแย้งในที่ทำงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้พัฒนาอัลกอริทึมสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อระหว่าง "ตัวตนที่สูงขึ้น" ของบุคคลกับผู้คนรอบตัวเขาซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในสังคม คลี่คลายบรรยากาศที่ตึงเครียดในครอบครัว และด้วยเหตุนี้จึงป้องกันการเกิดสถานการณ์ชีวิตเชิงลบที่มี ส่งผลเสียต่อสุขภาพเช่นนี้

หนังสือเล่มนี้สามารถเป็นตำราสำหรับแพทย์เฉพาะทางทุกสาขาที่สนใจการแพทย์ทางเลือกและสำหรับทุกคนที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีและมีความสุข

ชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ในคำถามและคำตอบของการแพทย์หลายมิติ

หนังสือ “ชีวิตมนุษย์และสุขภาพในคำถามและคำตอบของการแพทย์หลายมิติ” เป็นชุดตัวอักษรที่รวมหนังสือสองเล่ม: “การแพทย์หลายมิติในคำถามและคำตอบ” ​​และ “การแพทย์หลายมิติ” คำถามใหม่และคำตอบใหม่”

เอกสารฉบับนี้นำเสนอจดหมายจากผู้ที่เชี่ยวชาญพื้นฐานของการแพทย์หลายมิติ ผู้เขียนจดหมายพูดถึงกรณีการรักษาตนเองที่น่าทึ่ง อัลกอริธึมของพวกเขาในการกำจัดโรคที่ซับซ้อนที่สุดเป็นที่สนใจอย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับผู้ติดตามความคิดสร้างสรรค์ของ L.G. Puchko

การแพทย์หลายมิติ

การแพทย์หลายมิติ ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองของบุคคล

การแพทย์หลายมิติเป็นการผสมผสานระหว่างความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ตะวันตกและตะวันออก ความรู้ลึกลับทั้งโบราณและสมัยใหม่ และประสบการณ์ของผู้ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าของศาสนาสำคัญๆ ทั่วโลก ซึ่งทำให้สามารถอธิบายโครงสร้างหลายมิติของบุคคลอย่างเป็นระบบ ซึ่งประกอบด้วยร่างกายทั้งเจ็ด - ร่างกายและ กรอบพลังงานหกชั้นล้อมรอบร่างกาย

ผู้เขียนจัดการเพื่อพัฒนาอัลกอริธึมด้วยความช่วยเหลือและด้วยวิธี Radiesthesia (Dowsing) คุณสามารถระบุเมทริกซ์การบันทึกแต่ละรายการในรูปแบบคลื่นของโรคเรื้อรังที่เกิดจากสาเหตุพื้นฐานในแต่ละคนและกำจัดพวกเขาโดยใช้ วิธีการสั่นสะเทือนแบบอนุกรมซึ่งไม่มีระบบอะนาล็อกในโลก

วิธีนี้ใช้ง่าย ปลอดภัย ได้ผล และแนะนำสำหรับทุกคนที่ต้องการกำจัดโรคเรื้อรังที่ซับซ้อนโดยไม่คำนึงถึงระยะเวลาของโรค

การแพทย์หลายมิติ คำถามใหม่และคำตอบใหม่

“การแพทย์หลายมิติ คำถามใหม่และคำตอบใหม่" เป็นความต่อเนื่องของบทสนทนาระหว่างผู้เขียนและผู้อ่านซึ่งเริ่มต้นในหนังสือเล่มแรกของชุดนี้ "การแพทย์หลายมิติในคำถามและคำตอบ"

เอกสารฉบับนี้ประกอบด้วยจดหมายอีกหลายฉบับที่ผู้ที่เชี่ยวชาญพื้นฐานของการแพทย์หลายมิติพูดคุยเกี่ยวกับกรณีการรักษาตนเองที่น่าทึ่ง อัลกอริธึมของพวกเขาในการกำจัดโรคที่ซับซ้อนที่สุดเป็นที่สนใจอย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับผู้ติดตามความคิดสร้างสรรค์ของ L.G. Puchko ผู้เขียนเรียกจดหมายบางฉบับจากผู้อ่านที่รวมอยู่ในหนังสือเล่มใหม่ว่า “ขุมทองแห่งภูมิปัญญาพื้นบ้าน”

ความคิดเห็นของผู้อ่าน

ไอรีน่า/ 26/04/2019 เพื่อบอกบุคคลเกี่ยวกับเรื่องที่สูงกว่า ฉันดูเมทริกซ์ตัวเลขพีทาโกรัสเบา ๆ... หากมีคนมาที่ขั้นตอนการกราวด์ - ฉันและบ้านของฉัน - การใช้พลังงานของคุณในการเลี้ยงลูกของเขาจะไม่ได้ผลมากนัก แรงสั่นสะเทือน...ใช่ มันเป็นไปได้และอันตราย

ยาซานา/ 04/22/2019 สวัสดี. เมื่อเจ็ดปีที่แล้วฉันพยายามอ่านหนังสือของ Lyudmila Puchko แต่ดูเหมือนว่าตอนนั้นฉันยังไม่พร้อม ตอนนี้ฉันกำลังค้นพบทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองอีกครั้งเนื่องจากฉันทำงานในคลินิกการแพทย์ทางเลือก การทดสอบ Bio-resonance สำหรับบางคนสิ่งนี้ดูอันตราย แปลก ท่านสุภาพบุรุษ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพร้อมของบุคคลที่จะซึมซับความรู้นี้และนำไปใช้ ทุกสิ่ง ในเวลาที่กำหนด อย่าด่วนสรุป.

แอนนา/ 14/02/2019 ครึ่งถนนกำลังทำอยู่ การแพทย์หลายมิติเป็นความคิดที่ดีและทุกอย่างช่วยได้

จูเลีย/ 23/11/2561 ฝน / 05/7/2561. บอกชื่อหนังสือเล่มล่าสุดของปุชโกที่พูดถึงการป้องกันตัว

ไมเคิล/ 19/11/2018 ฉันไม่ได้อ่านหนังสือเหล่านี้ ตอนนี้ฉันสนใจแค่วิทยาศาสตร์ลวงตาเท่านั้น - เมื่อภรรยาของฉันเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวชหลังจากทำงานด้วยวิธีของ Puchko และ Pavlov คิดสิบครั้งก่อนที่จะทำเช่นนี้ และดูรูป/วิดีโอ - ในความคิดของฉัน Puchko เองก็ดูไม่เจ๋งนัก

ลีอาห์/ 31/10/2018 มีเขียนไว้ในหนังสือพื้นฐาน: เนื้อหนังแต่ละชนิดตื่นขึ้นเพื่อรักษาตัวเอง

อ็อกซาน่า/ 06/22/2018 ตัวบ่งชี้ว่าประเทศกำลังเริ่มกำจัดมรดกแห่งยุค 90 และฟื้นฟูสังคมที่มีสุขภาพดีคือเมื่อตัวเลขเหล่านี้เริ่มถูกคุมขัง อย่างน้อยคุณควรดูตัวเลขเหล่านี้ แม้แต่ในวิดีโอของการสัมมนาก็ตาม และเปรียบเทียบอย่างน้อยกับผู้ฝึกสอนฟิตเนสที่มีชื่อเสียง คนหลายมิติเหล่านี้มีสุขภาพไม่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างเห็นได้ชัด และคำพูดเกี่ยวกับการยืดอายุของเยาวชนจากริมฝีปากของ Puchko มักฟังดูตลก เริ่มจากความจริงที่ว่าเธอดูแย่มากในทุกแง่มุมในการสัมมนาเดียวกันและเธอก็เสียชีวิตก่อนอายุเฉลี่ยในรัสเซียด้วยซ้ำ แต่สำหรับคนที่มองหรือคิดไม่ออก บะหมี่เส้นนี้ดูเหมาะมาก

คอนสแตนติน/ 06/03/2018 วันดี - ใครทำงานในคาร์คอฟ - ตอบกลับ ไม่เช่นนั้นการทำงานด้วยตัวเองเป็นเรื่องยาก - เขียนถึง --- ( [ป้องกันอีเมล]) .

ฝน/ 05/07/2018 ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด สิ่งนี้กำลังทำงานร่วมกับพลังธาตุจากอีกโลกหนึ่ง สิ่งที่เรียกว่าธาตุ (อย่าสับสนกับธาตุ) เมื่อคุณสร้างแรงสั่นสะเทือน ซีรีส์ด้วยความช่วยเหลือของลูกตุ้ม (ลูกตุ้มเป็นเพียงเครื่องมือมันถูกหมุนโดยวิญญาณสามารถบริสุทธิ์หรือไม่วิธีการค้นหา - Puchko เขียนในหนังสือเล่มหลัง ๆ สิ่งนี้สำคัญมาก) พลังองค์ประกอบเหล่านี้เริ่มต้นขึ้น ในการทำงานสร้างสิ่งที่กำหนดไว้ในการติดตั้งสำหรับแถวการสั่นสะเทือนอย่างแม่นยำ ใช่ เอฟเฟกต์นั้นน่าทึ่งมาก แต่ก็สร้างความประทับใจไม่ได้ (แม้ว่าจะมีคนที่ลูกตุ้มไม่ "เปิด") ก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ Puchko ไม่ได้เขียนในหนังสือของเธอเลย แต่เป็นสิ่งที่มาดามบลาวัตสกีเตือน: หลังจากการสั่นสะเทือน ธาตุเหล่านี้ (ไม่มีแก่นสาร) เริ่มเร่งเร้าด้วยความเร็วอันน่าสยดสยอง กรรมจึงเร่งขึ้น และถ้ากรรมเดิมยืดเยื้อไปเนิ่นนาน ต่อมาเริ่มเร่งเร้า บุคคลอาจไม่ สามารถทนได้และนั่นคือสาเหตุที่เกือบทุกคนเริ่มกลับมามีโรคภัยไข้เจ็บทั้งหมดและมีโรคใหม่เพิ่มขึ้นซึ่งฉันยังคิดไม่ถึงด้วยซ้ำ เธอเขียนว่ามีเพียงนักเวทย์มนตร์เท่านั้น (ที่สามารถระบุได้ด้วยมือข้างเดียว) เท่านั้นที่สามารถป้องกันสิ่งนี้ได้ และพวกเราก็เป็นเพียงปุถุชนที่ไม่ได้รับการปกป้อง นั่นคือปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ยังไม่พบยาครอบจักรวาล สมัครพรรคพวกเก็บความลับไว้อย่างดีจนเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่าน ขับรถ หรือบินบนเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขามีบ้านที่แท้จริง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ถือว่าอันตรายที่สุดในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิต จะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ถิ่นที่อยู่ของพวกเขายกเว้นผู้ที่พวกเขาเลือก (เช่น Blavatsky เป็นต้น) ดังนั้นฉันขอแนะนำให้ใช้เทคนิคของ Puchko (เฉพาะหนังสือเล่มล่าสุดที่เธอพูดถึงการปกป้องเป็นพิเศษ) หากญาติของคุณ (ไม่ใช่ตัวคุณเอง ) เพราะมันไม่มีประโยชน์) มีคนโรคจิต โรคต่างๆ รวมถึงโรคจิตเภท นี่เอฟเฟคมาก วิธีการช่วยคุณและครอบครัวของคุณอย่างรวดเร็วและง่ายดายจากความทุกข์ทรมานจากการครอบงำจิตใจ (คุณจะเห็นว่าโรคจิตเภทคือการครอบครองวิญญาณที่ไม่สะอาดซึ่งติดอยู่กับความคิดที่ไม่สะอาดของเจ้าของ) เนื่องจากเป็นในกรณีของโรคจิต . โรคของ. ยารักษาโรคและคริสตจักรแทบไม่มีพลังอำนาจเลย และต้องใช้เวลาหลายปีและตลอดชีวิต ในกรณีอื่นๆ เฉพาะในกรณีที่อันตรายที่สุดเท่านั้น ขอให้โชคดี.

เอเลน่า/ 04/29/2018 สวัสดีตอนบ่าย! โปรดบอกฉัน! มีผู้เชี่ยวชาญที่เชี่ยวชาญวิธีนี้จาก Rostov-on-Don หรือไม่?

อันดอร์รา/ 02/19/2018 ยาก..แต่ได้ผล....ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ...

กาลินา/ 02/06/2018 ทำไมคุณถึงเขียนเรื่องไร้สาระหนังสือถูกโพสต์อย่างน้อยก็เปิดมัน เพิ่งเริ่มเรียน หัวหมุน แน่นอนว่าข้อมูลเยอะมาก หยิบไม่ได้แล้ว สำหรับผม ผ่านการฝึกฝนมาหลากหลายแต่ไม่เคยแก้ปัญหาหลักๆ ได้ นี่คือเครื่องมือ ทุกสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ได้รับการยืนยันในหนังสือ แต่คุณต้องเรียนรู้ที่จะทำงานตามวิธีการ และนี่คือเครื่องมือของคุณเองไปตลอดชีวิต

แมว/ 27/10/2017 แม่ฉันก็เรียนเหมือนกัน ฉันนั่งด้วยลูกตุ้มพวกเขาตัดวงกลมที่มีเครื่องหมายสวัสดิกะออกแล้วเผาอะไรบางอย่าง สรุปว่าจบแบบเลวร้าย เธอเริ่มจางลง หยุดกิน ไม่ได้กินมา 15 วัน ฉันถูกบังคับให้โทรหาจิตแพทย์ พวกเขารับมันและสูบมันออกมา ตอนนี้ก็ปกติแล้ว ฉันไม่มีความคิดบ้าๆ ผู้รับบำนาญธรรมดา อบพาย เขาสื่อสารกับลูกหลานของเขา สรุป: บุคคลไม่ควรเจาะลึกเข้าไปในพื้นที่หลอกวิทยาศาสตร์ มันอาจจะจบลงอย่างเลวร้าย

แอนนา/ 10.26.2017 วิธีการนี้มีเอกลักษณ์และไม่มีใครเทียบได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณไม่จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อหรือต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แค่ทำงานหนักและปรารถนาที่จะมีสุขภาพที่ดี! ใช้เวลานานมากโดยเฉพาะในช่วงแรก มันคุ้มค่า! ข้อดีประการหนึ่งคือคุณสามารถออกกำลังกายได้ทุกเมื่อและกับใครก็ได้ที่คุณต้องการ! คุณแก้ปัญหาสุขภาพสำหรับตัวคุณเอง หรือคนที่คุณรัก หรือสัตว์! หรือดีกว่ากับคนรอบข้าง! อิสระในการเลือกเสมอ! หากคุณทำไม่ได้ ให้คิดให้รอบคอบและอ่านเนื้อหาในฟอรัม ตามทฤษฎีแล้ว มันควรจะดีกว่าเสมอ โดยหลักการแล้ว ไม่มีใครควรจะแย่กว่านั้น มองหาเหตุผลในตัวเอง ผู้เขียนวิธีนี้คือ Puchko L.G. - บุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ในยุคของเรา! เธอให้อัลกอริธึมมา และเราสามารถค้นหาการใช้งานของมันได้ในสาขาต่างๆ อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ใช้ได้ผลไม่เพียงแต่กับสุขภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาในด้านอื่น ๆ ในเวลาเดียวกันด้วย ขอบคุณมาก Lyudmila Grigorievna!

การแพทย์หลายมิติ L.G. Puchko เป็นเทคนิคการรักษาที่น่าตื่นเต้นโดยใช้ความสามารถที่มีอยู่ในตัวทุกคน ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการรักษาและวินิจฉัยโรคอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนเข้าถึงได้

ในบทความ:

การแพทย์หลายมิติ L.G. Puchko - มันคืออะไร?

การแพทย์หลายมิติ L.G. ตัวคานเป็นโลหะผสม การแพทย์ทางเลือกตะวันออกและความรู้ทางการแพทย์ตะวันตก. พัฒนาการสมัยใหม่ของนักลึกลับจากยุโรปและเอเชียก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของฐานทางวิทยาศาสตร์ซึ่งมีหนังสือห้าเล่มเขียนเกี่ยวกับวิธีการรักษาที่เป็นเอกลักษณ์โดยไม่ต้องใช้ยาและแพทย์ นอกจาก, บันทึกโบราณของนักเล่นแร่แปรธาตุและนักมายากลวิธีการที่พบโดยผู้เขียนก็เป็นพื้นฐานเช่นกัน

ลุดมิลา กริกอรีฟนา ปุชโก

ก่อนที่จะสร้างเทคนิคที่เรียกว่าการแพทย์หลายมิติ L.G. ปุชโกศึกษาและ ประสบการณ์การรักษาของทุกศาสนาในโลก. ในเกือบทุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับตัวแทนของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ไม่เพียงแต่มีการอธิบายกรณีการรักษาเท่านั้น ทูตสวรรค์และผู้ส่งสารอื่นๆ ของพระเจ้ามักให้คำแนะนำแก่ผู้คนเกี่ยวกับการรักษาโรคและการป้องกันโรค

ยาสั่นสะเทือนหลายมิติ L.G. ลำแสงนั้นขึ้นอยู่กับความจริงที่ว่าบุคคลนั้นประกอบด้วยมากกว่าร่างกายที่ทุกคนสามารถมองเห็นได้ นอกจากนั้น ยังมีร่างกายมนุษย์ที่บอบบางอีกหกตัวผู้เขียนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีเจ็ดศพ และกายภาพคือองค์ที่แปด ร่างที่บอบบางจำนวนนี้เกิดจากจำนวนจักระซึ่งมีเจ็ดจักระ อย่างไรก็ตามแอล.จี. Puchko ไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยนี้

ร่างกายที่บอบบางของบุคคลซึ่งมีความซับซ้อนคือออร่าสร้างการปกป้องจากการโจมตีด้วยพลังงาน นี่คือการป้องกันตามธรรมชาติที่ทุกคนมี สามารถป้องกันได้ทั้งความเจ็บป่วยและโรคภัยไข้เจ็บหากแข็งแรงเพียงพอสำหรับสิ่งนี้ มีเทคนิคพิเศษเพื่อเพิ่มการป้องกันนี้

นอกจากนี้ร่างกายบอบบางยังมีข้อมูลเกี่ยวกับโรคของมนุษย์ ตามที่ผู้เขียนวิธีการและผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางเลือกอื่นๆ กล่าวไว้ ความเจ็บป่วยทางกายเริ่มต้นจากโรคภายในร่างกายที่บอบบาง โรคต่างๆ จะถูกบันทึกไว้ในเมทริกซ์ในรูปแบบคลื่น และเทคนิคของ Puchko มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุและทำลายโรคเหล่านั้น

“การแพทย์หลายมิติ - ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองของบุคคล” และหนังสืออื่น ๆ โดย L.G. ปุชโก

แอล.จี. ปุชโก “ดาวซิ่งสำหรับทุกคน ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองของบุคคล (ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการแพทย์หลายมิติ)”

หนังสือเล่มแรกของ L.G. ปุชโกกลายเป็น “ดาวซิ่งสำหรับทุกคน ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองของบุคคล (ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการแพทย์หลายมิติ)”. สรุปสาระสำคัญของวิธี Puchko รวมถึงหลักการพื้นฐานของระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองประกอบด้วยประสบการณ์ของผู้เขียนและนักเรียนตลอดจนผลการวิจัยทางการแพทย์ที่ยืนยันประสิทธิผลของวิธีการต่างๆ นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดาวซิ่ง เช่น โภชนาการ การใช้เสื้อผ้าและเครื่องประดับ การสร้างบ้านและสำนักงาน ตลอดจนการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ในเรื่องเหล่านี้สามารถเปลี่ยนชีวิตของบุคคลได้อย่างสมบูรณ์ดังที่ผู้เขียนรับรอง

หนังสือเล่มแรกมีไว้สำหรับแพทย์ที่สนใจการแพทย์ทางเลือก แพทย์ผู้มีประสบการณ์ และนักชีววิทยา แต่ห้ามมิให้อ่านและเรียนรู้เทคนิคการรักษาและตัวแทนของอาชีพอื่น ๆ หากมีความปรารถนาที่จะมีสุขภาพดีและมีความสุข

การแพทย์หลายมิติ - ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองของมนุษย์

หนังสือเล่มที่สองมีชื่อว่า “การแพทย์หลายมิติ - ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองของมนุษย์”. โดยจะอธิบายวิธีการวินิจฉัยและรักษาโรคโดยละเอียดโดยไม่ต้องใช้หลักการแพทย์แผนโบราณ หนังสือเล่มนี้ได้รับการดัดแปลงอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับการรับรู้ของผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการรักษาหรือการศึกษาทางการแพทย์ มีไว้สำหรับวิธีการสั่นสะเทือนแบบอนุกรมโดยเฉพาะซึ่งไม่มีระบบอะนาล็อก

การรับรู้ทางรังสีวิทยาของบุคคล ระบบการวินิจฉัยตนเอง การรักษาตนเอง และความรู้ตนเองของบุคคล

หนังสือเล่มที่สามของปุชโก - “การรับรู้ทางรังสีวิทยาของบุคคล ระบบการวินิจฉัยตนเอง การรักษาตนเอง และความรู้ตนเองของบุคคล". มีความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ "ฉัน" ของตัวเอง รวมถึงขจัดสถานการณ์ชีวิตเชิงลบ ทุกความขัดแย้งในครอบครัวหรือเหตุการณ์ในที่ทำงานส่งผลกระทบต่อสนามพลังชีวิตของบุคคล คุณสามารถเรียนรู้วิธีจัดการกับปัญหานี้ได้จากหนังสือเล่มนี้โดยนักเขียนชื่อดัง ความรู้ที่มีอยู่ในนั้นจะช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตโดยไม่ทำร้ายตัวเองและผู้อื่น

ผู้ชายหลายมิติ อัลกอริธึมใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการรักษาตนเองของมนุษย์และการรักษาสัตว์

เล่มที่สี่มีชื่อว่า “มนุษย์หลายมิติ อัลกอริธึมใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการรักษาตนเองของมนุษย์และการรักษาสัตว์". เกือบทั้งหมดอุทิศให้กับวิธีการใหม่ในการรักษาโรคเรื้อรัง สำหรับวิธีการรักษาแอลจีที่ระบุไว้ในหนังสือ ปุชโกได้รับรางวัลระดับนานาชาติและประกาศนียบัตร "ผู้นำด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซีย" อีกทั้งยังมีการพัฒนาเทคนิคให้เหมาะสมกับการรักษาสัตว์อีกด้วย สาระสำคัญของพวกเขายังคงเหมือนเดิม - การระบุโรคในร่างกายที่บอบบางของบุคคลและการรักษา

การแพทย์หลายมิติในคำถามและคำตอบ

หนังสือเล่มที่ห้าและเล่มสุดท้ายของ Puchko - “การแพทย์หลายมิติในคำถามและคำตอบ”. มีไว้เพื่อตอบคำถามจากผู้ที่เคยอ่านหนังสือเล่มก่อน ๆ นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ยังประกอบด้วยการวิเคราะห์โดยละเอียดเกี่ยวกับโรคทั้งของมนุษย์และสัตว์ ตลอดจนวิธีการรักษาที่มีอยู่ทั้งหมด ตั้งแต่แบบดั้งเดิมไปจนถึงแบบไม่ดั้งเดิม

แอล.จี. Puchko - ดาวซิ่งสำหรับทุกคน

กำหนดไว้ในหนังสือของ L.G. บีมดาวซิ่งมีให้สำหรับทุกคน ใครๆ ก็สามารถใช้วิธีการของผู้เขียนคนนี้ได้ มีประสิทธิภาพแม้ในโรคเรื้อรังโดยไม่คำนึงถึงระยะเวลา

เมื่อพิจารณาจากบทวิจารณ์แล้ว หนังสือของ Puchko ค่อนข้างเข้าใจยาก เธอได้แนะนำคำศัพท์ใหม่มากมาย คุณจะต้องเข้าใจคำจำกัดความเหล่านี้หากคุณต้องการฟื้นตัวโดยไม่ต้องใช้ยาและเดินทางไปคลินิก

นอกจากนี้ ด้วยความช่วยเหลือจากสิ่งที่ L.G. คุณสามารถรับหลักการมากมายได้อย่างรวดเร็ว การทำงานกับมันทั้งง่ายและซับซ้อนในเวลาเดียวกัน ในทางเทคนิคแล้วไม่มีปัญหาใด ๆ เนื่องจากในการทำงานกับลูกตุ้มคุณไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญไพ่ทาโรต์ 78 ความหมายหรือซื้อเครื่องมือวิเศษราคาแพง ในทางกลับกัน ต้องใช้ประสบการณ์

ชุดการสั่นสะเทือน Puchko - วิธีการและประสิทธิผล

โรคเรื้อรังได้ ธรรมชาติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นมากกว่าที่คนทั่วไปเชื่อกัน เริ่มต้นจากระนาบละเอียดอ่อนของบุคคล และหากไม่กำจัดให้หมดทันเวลา โรคต่างๆ ก็จะกลายเป็นรูปแบบทางกายภาพ แต่ละคนมีเมทริกซ์การบันทึก ซึ่งจัดเรียงเป็นรายบุคคล เช่น ลายนิ้วมือ

โรคต่างๆ จะถูกบันทึกไว้ในเมทริกซ์ของโครงสร้างพลังงานชีวภาพของมนุษย์ในรูปคลื่นเพื่อระบุสิ่งเหล่านี้ จะใช้วิธี radoesthesia พูดง่ายๆ ก็คือ วิธีนี้ใช้ได้ผลกับลูกตุ้ม ซึ่งคนส่วนใหญ่สนใจเรื่องการทำนายดวงชะตา ซีรีส์การสั่นสะเทือนของ Puchko มุ่งเป้าไปที่การทำลายโรคที่ถูกค้นพบโดยใช้ลูกตุ้ม

ซีรี่ส์การสั่นสะเทือน

ซีรี่ส์การสั่นสะเทือนของ Puchko มีการจำแนกประเภทเป็นของตัวเอง ตัวอย่างเช่น มีแถวการสั่นสะเทือนป้องกัน การแก้ไข การชำระบัญชี การบูรณะ และอื่นๆ พวกเขาแตกต่างกันในการตั้งค่าพื้นฐาน การเลือกการตั้งค่าพื้นฐานคือจุดเริ่มต้นการทำงานกับแถวการสั่นสะเทือน ตัวอย่างการติดตั้ง:

ฉันสร้างซีรีส์การสั่นสะเทือนที่เหมาะกับฉันเท่านั้น ตามหลักการ "อย่าทำอันตราย" กับฉันและสิ่งมีชีวิตโดยรอบ ด้วยการแผ่รังสีจากธาตุไฟ ขจัดโปรแกรมแห่งความเกลียดชังที่กำหนดโดย Irina ในเดือนสิงหาคม 1980 ซึ่ง ทำลายช่องทางไปข้างหน้าและย้อนกลับในการควบคุมคอมพิวเตอร์ชีวภาพส่วนกลาง (CBC) ของระบบทางเดินปัสสาวะ - ในระดับเซลล์ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดหลังและยังกำจัดโรคเรโซแนนซ์ทั้งหมดที่เหลืออยู่หลังจากการกำจัดพยาธิสภาพหลัก

เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของช่วงการสั่นสะเทือน คุณสามารถเพิ่มพลังขององค์ประกอบต่างๆ เช่น ไฟ ตามที่อธิบายไว้ในตัวอย่างการติดตั้ง พลังงานแห่งการสร้างสรรค์สามารถใช้ได้เฉพาะในกรณีที่รุนแรงเท่านั้น เนื่องจากมีการฟื้นฟูช้ามาก คุณสามารถตั้งค่าอะไรก็ได้ในการติดตั้ง เช่น การถอดนิ่วในไต อาจเพิ่มประสิทธิภาพสมุนไพรหรือยาที่คุณมักใช้

หลังจากนี้คุณสามารถเริ่มทำงานกับไดอะแกรมที่มีอยู่ในหนังสือของ L.G. ปุชโก. ชุดการสั่นสะเทือนเป็นชุดสัญลักษณ์ที่ต้องกำหนดโดยใช้ตารางและเนื้อหาอื่นๆ จากผู้เขียน การรวมกันของสัญลักษณ์ทำให้เกิดคลื่นที่ลบสาเหตุของโรคในระดับคลื่น ในการทำงานกับไดอะแกรม Puchko คุณจะต้องมีลูกตุ้มซึ่งคุณสามารถซื้อหรือทำเองก็ได้

บันทึกโรคอาจปรากฏเป็นคลื่นเดี่ยวหรือโซลิตัน โซลิตันในการแพทย์หลายมิติคืออะไร? โซลิตันโฮโลแกรมเป็นเพียงวิธีการบันทึกโรคเท่านั้น การทำงานกับมันไม่ต่างจากการทำงานกับคลื่นลูกเดียว โซลิตันเคลื่อนตัวไปทั่วร่างกาย ทำให้เกิดอาการต่างๆ มากมายที่ปรากฏตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คลื่นนั้นเชื่อมโยงกับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์

หลักการทำงานกับลูกตุ้มตามหลักปุชโก

ตามคำกล่าวของปุชโก ลูกตุ้มเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างชุดการสั่นสะเทือนที่ช่วยรักษาโรค ตลอดจนวินิจฉัยคน สัตว์ แม้กระทั่งสถานที่และสินค้าอุปโภคบริโภค การเรียนรู้มันไม่ยากอย่างที่คิด อย่างไรก็ตามคุณไม่ควรหักโหมจนเกินไปในตอนแรกอย่าทำการวินิจฉัยด้วยลูกตุ้มเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง

ลุดมิลา ปุชโก
มุ่งมั่นเพื่อทุกคน ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองของมนุษย์

เนื้อหา
จากสำนักพิมพ์
คำนำ
จากผู้เขียน
การแนะนำ
ส่วนที่หนึ่ง แบบจำลองหลายระดับของร่างกายมนุษย์
บทที่ 1 ร่างทั้งเจ็ด (ช่วงการสั่นสะเทือนเจ็ดช่วง) ของมนุษย์ ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองโดยธรรมชาติของมนุษย์
ร่างกาย
ร่างกายอีเทอร์ริก (พลังงาน)
ร่างกายที่บอบบาง (ดวงดาว สัญชาตญาณ สาเหตุ จิตใจ จิตวิญญาณ)
บทที่ 2 ร่างกาย Etheric (พลังงาน)
2.1. แบบจำลองข้อมูลพลังงานชีวภาพของร่างกายอีเทอร์ริก การเชื่อมต่อโครงสร้าง สภาวะสมดุลของพลังจิต

2.2.2. พลังงานติดขัดในช่องสัญญาณและการเชื่อมต่อระหว่างช่องสัญญาณ นำไปสู่ความผิดปกติในการทำงานในร่างกายมนุษย์ การวินิจฉัยเมริเดียน กลุ่มอาการ "หยินหยาง" วิธีการขจัดปัญหารถติด
2.3. ศูนย์พลังงาน (จักระ)
2.3.1. จักระหลักและรอง
2.3.2 วิธีการควบคุมศูนย์พลังงาน (จักระ)
2.4. โซนข้อมูลพลังงานบนศีรษะ
2.5. ระบบควบคุมตนเอง
2.6. การติดเชื้อเป็นกลไกในการเลือกพลังงานในร่างกายอีเทอร์ริก รังสีเจ็ดช่วงจากเชื้อโรคของโรคติดเชื้อ
บทที่ 3 ห้าร่างที่ละเอียดอ่อน
3.1. Macrocosm และ Microcosm ความสัมพันธ์ของพวกเขา กฎจักรวาลขั้นพื้นฐาน
3.2 แนวคิดเรื่องร่างกายที่ละเอียดอ่อน โครงสร้างของร่างกายที่ละเอียดอ่อน รูปร่าง และความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเหล่านั้น
3.3. การจำแนกความเสียหายต่อร่างกายบาง
3.4. วิธีการขจัดความเสียหายต่อร่างกายที่บอบบาง
3.4.1. การกำจัดการบาดเจ็บทางหูที่เกิดจากหน่วยงานทางหู
3.4.2. การกำจัดโครงสร้างพลังงานของมนุษย์ต่างดาว (วิญญาณของโลก)
3.4.3. การกำจัดเอนแกรม
3.4.4. การกำจัดโปรแกรม
3.4.5. กำจัดการละเมิดรูปร่างของร่างกายที่บอบบาง การเชื่อมต่อโครงสร้าง และการซิงโครไนซ์ระหว่างกัน
บทที่ 4. การวินิจฉัยระบบ อัลกอริธึมสำหรับการตรวจจับและกำจัดสาเหตุของความเสียหายต่อร่างกายมนุษย์ทั้งเจ็ด การเชื่อมต่อกับจิตใต้สำนึก
บทที่ 5 ชุดการสั่นสะเทือนเชิงตัวเลข เรขาคณิต และคอมโพสิต
บทที่ 6 มันดาลาเชิงตัวเลขกราฟิก - วิธีกำหนดค่าจิตใต้สำนึกสำหรับงานรังสีความงาม
บทที่ 7 ร่างกาย การวินิจฉัยความผิดปกติทางอินทรีย์และวิธีการกำจัด
ส่วนที่สอง วิธีการฉายแสงเพื่อการฟื้นฟูสุขภาพ
บทที่ 8 เอฟเฟกต์รังสีและการทำงานกับลูกตุ้ม
บทที่ 9 วิธีปฏิบัติในการวิจัยคลื่นวิทยุเกี่ยวกับช่องพลังงานและอิทธิพลต่อช่องพลังงานเหล่านั้น
9.1. ช่องปอด
9.2. ช่องโคลอน
9.3. ช่องท้อง
9.4. ช่องม้าม-ตับอ่อน
9.5. ช่องหัวใจ
9.6. ช่องลำไส้เล็ก
9.7. ช่องกระเพาะปัสสาวะ
9.8. ช่องไต
9.9. คลองเยื่อหุ้มหัวใจ (คลองทางเพศ)
9.10. ช่องสามส่วนของร่างกาย
9.11. ช่องถุงน้ำดี
9.12. ช่องตับ
9.13. คลองแอนเทอโรมีเดียน
9.14. คลองตรงกลางที่ 3
9.15. คำอธิบายของโครงร่างการเชื่อมต่อพลังงานชีวภาพระหว่างช่อง (อวัยวะ)
9.16. การนวดด้วยพลังงานชีวภาพ (รูปแบบทั่วไปของการนวดช่องพลังงานภายนอก)
9.17. การบำบัดด้วยสุญญากาศ
9.18. การนวดช่องพลังงานภายใน
9.19. การนวดบำบัดและป้องกันตามระบบโดอิน
9.20. ระเบียบวิธีในการตรวจจับด้วยรังสีความงามของปลั๊กพลังงานและวิธีการกำจัดปลั๊กพลังงานในช่อง
9.21. ขจัดพลังงานที่ติดขัดด้วยการ “เปิด” สติ
9.22. การกำหนดโดยวิธี R ของการมีอยู่ของพลังงานในจักระและพลังงาน "การจราจรติดขัด" ในการเชื่อมต่อจักระ
9.23. การวินิจฉัยด้วยรังสีรักษาเส้นเมอริเดียน “ปาฏิหาริย์”
9.24. การตรวจวินิจฉัยด้วยรังสีความงามของอวัยวะภายในโดยใช้ม่านตา ใบหู ฝ่าเท้าและฟัน
9.25. จุดแทรกแซงในกรณีฉุกเฉิน
9.26. ศึกษาแผนการติดเชื้อของมนุษย์ด้วยวิธี P
บทที่ 10 ขอบเขตอื่นๆ ของการประยุกต์วิธี p ในทางปฏิบัติ
10.1. การระบุผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพต่ำ (ไนเตรต กัมมันตภาพรังสี ฯลฯ) การระบุสารก่อภูมิแพ้ในอาหาร การเลือกขนาดยาและวิธีปฏิบัติ
10.2. การกำหนดอาหารส่วนบุคคลสำหรับโรคของอวัยวะใด ๆ
10.3. การกำหนดโซน geopathogenic
10.4. การหาปริมาณรังสีอันไม่พึงประสงค์จากเสื้อผ้า รองเท้า ครีมเครื่องสำอาง ต้นไม้ ภาพวาด ฯลฯ
บทที่ 11 ประสบการณ์การใช้วิธีฉายรังสีในทางการแพทย์
เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของวิธี R ซึ่งฉันใช้ในทางการแพทย์
วรรณกรรม

หนึ่งในเทคนิคบูรณาการที่ทันสมัยที่สุด - การหายใจแบบโฮโลโทรปิกหรือปอดบวมถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน S. Grof ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "14" 14] ซึ่งพัฒนาหลักคำสอนเรื่องโรคจิต แนะนำแนวคิดของประสบการณ์ระบบแบบย่อ (SKO) - การก่อตัวทางพยาธิสภาพที่มั่นคงในจิตไร้สำนึกของเราซึ่งเกิดขึ้นรอบ ๆ โรคจิตเริ่มแรก แม้จะตระหนักดีว่าระบบ COEX ยังคงไม่สามารถควบคุมได้อย่างมีสติและยังคงมีอิทธิพลต่อจิตใจของเรา (ร่างกายที่บอบบาง) การเปลี่ยนรูปและการปิดกั้นพฤติกรรมของเราต่อไป การทำลายล้างและการทำลายล้างของระบบ COEX ดังกล่าวเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการรักษาจิตใจ การตื่นขึ้นของขุมทรัพย์อันล้ำลึก และการทำงานร่วมกับโลกที่ละเอียดอ่อน ต่อมาก็ได้มีการสร้างเทคนิคบูรณาการยุคใหม่ขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาเพิ่มเติมของโรคปอดบวม ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "40" 40, "besu.boom.ru/apteka/biookazia/ iteratura.htm" "63" 63].
วิธีการที่ระบุไว้ทั้งหมดของทั้งกลุ่มที่หนึ่งและกลุ่มที่สองซึ่งมุ่งเป้าไปที่การฟื้นฟูร่างกายที่ละเอียดอ่อนนั้นเป็นกฎที่ซับซ้อนห่างไกลจากความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอนสำหรับการใช้งานจริงโดยอิสระและไม่มีประสิทธิภาพมากนัก
ในเวลาเดียวกันก็มีวิธีการง่ายๆ ที่แยบยลซึ่งมนุษยชาติรู้จักมาตั้งแต่สมัยโบราณด้วยความช่วยเหลือซึ่งบุคคลใด ๆ ที่ไม่มีความไวต่อประสาทสัมผัสภายนอกโดยใช้ความรู้ระดับสมัยใหม่เกี่ยวกับโครงสร้างหลายระดับของบุคคลสามารถ ในด้านหนึ่ง ค้นพบระบบการวินิจฉัยที่มีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์ และใช้มันเพื่อตรวจจับความเสียหายในร่างกายทั้งหมดของพวกเขาอย่างอิสระ นั่นคือ ค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลกระทบของโรคของพวกเขา: บน ในทางกลับกัน เมื่อใช้ระบบเดียวกันจะกำจัดความเสียหายที่พบ โดยไม่ต้องใช้วิธีตะวันตกและตะวันออกโบราณที่ซับซ้อนที่สุด ซึ่งเราขอย้ำอีกครั้งว่ายังห่างไกลจากความปลอดภัยและไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการใช้งานจริง
นี่เป็นวิธีการแบบไหน? นี่เป็นวิธีการที่เรียกว่า Radiesthesia หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Dowsing คำว่า "radiesthesia" แปลเป็นภาษารัสเซียหมายถึง "ความรู้สึกของคลื่นการสั่นสะเทือน"
สาระสำคัญของวิธีนี้คืออะไร?
เป็นที่รู้กันว่าวัตถุทุกชนิดในโลกที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตเปล่งออกมา แต่ความรู้สึกจากการได้รับรังสีเหล่านี้ในรูปของความร้อน ความเย็น การรู้สึกเสียวซ่า เป็นต้น โดยธรรมชาติแล้วจะมีอยู่ในคนที่มีพรสวรรค์พิเศษเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตามสถิติของอเมริกา มีคนประเภทนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น: เพียง 2-4% เท่านั้น
ในทางชีววิทยาแล้ว คนทั่วไปไม่รู้สึกถึงรังสีจากวัตถุที่อยู่รอบๆ ทางกายภาพ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ระบบการรับรังสีในธรรมชาติของมนุษย์มีระดับขีดจำกัด และระดับรังสีที่ได้รับจากวัตถุโดยรอบสำหรับคนโดยเฉลี่ยทางชีววิทยานั้นต่ำกว่าระดับเกณฑ์ของระบบทางชีววิทยาของเขา ดังนั้น คนโดยเฉลี่ยทางชีววิทยาจึงไม่ประสบกับ ความรู้สึกทางกายภาพใด ๆ อย่างไรก็ตาม ประมาณ 25% ของคนโดยเฉลี่ยทางชีววิทยา เมื่อปรับ (เน้นความสนใจ) บนวัตถุบางอย่างและรับรังสีจากวัตถุนั้น การกระทำของอุดมคติจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และหากบุคคลนี้มีกรอบ ลูกตุ้ม เถาวัลย์ หรือเพียงแค่ใบปลิวในนั้น มือของเขา จากนั้นก็เริ่มหมุน นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเอฟเฟกต์ Radiaesthetic ซึ่งมนุษยชาติรู้จักมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสต์ศักราช รูปปั้นนี้มีอายุย้อนกลับไปถึงภาพวาดบนหินที่แสดงภาพชายคนหนึ่งถือเถาวัลย์อยู่ในมือ
ผลกระทบของรังสีสุนทรียศาสตร์เป็นที่รู้จักในทุกทวีปไปจนถึงผู้คนหลากหลาย ตั้งแต่ชาวโพลีนีเซียน ชาวเปรู อินเดีย และสิ้นสุดด้วยชาวอียิปต์ เปอร์เซีย โรมัน กรีก ดรูอิด สลาฟ ฯลฯ ซึ่งถูกใช้โดยประชากรกลุ่มต่างๆ ตั้งแต่ จักรพรรดิ์ กษัตริย์ กษัตริย์ นักบวช และคนงานเหมือง เพื่อประโยชน์ต่างๆ ดังนั้น ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์จึงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วเมื่อกษัตริย์โซโลมอน แคทเธอรีนที่ 2 บิดาของนักปฏิรูปคริสตจักรคาทอลิก มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นคนทำงานเหมืองแร่ ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura. htm" "41" 41, "besu .boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "42" 42, "besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "65" 65] M. Lomonosov, I.-V. มีความสนใจในปรากฏการณ์ความงามทางรังสี เกอเธ่และบุคคลที่โดดเด่นอื่นๆ ตามคำสั่งสูงสุดของแคทเธอรีนที่ 2 สัญลักษณ์ของการแผ่รังสี - เถาวัลย์ - ถูกนำเข้าสู่เสื้อคลุมแขนของเมืองเปโตรซาวอดสค์
Dowsers (ในคำศัพท์สมัยใหม่ นักรังสีวิทยา dowsers หรือตัวดำเนินการ) ใช้เอฟเฟกต์รังสีเมื่อค้นหาแร่ธาตุ น้ำ คนสูญหาย ฯลฯ เป็นที่ทราบกันว่าในเยอรมนีมากกว่า 60% ของเงินฝากในเหมืองถูกค้นพบโดยนักรังสีวิทยา ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "41" 41] ในซาอุดิอาระเบียนักรังสีวิทยาได้พบแหล่งน้ำในทะเลทรายอาหรับในยุคของเราแล้วจึงปฏิเสธ "โครงการแห่งศตวรรษ" ที่มีราคาแพงตามที่เสนอให้ละลายน้ำแข็งเพื่อชลประทานในทะเลทรายอาหรับ ของมหาสมุทรอาร์กติกและขนส่งน้ำนี้ไปยังทะเลทรายผ่านท่อที่วางเป็นพิเศษ
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 วิธี P เริ่มถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในเยอรมนีเพื่อวัตถุประสงค์ในการวินิจฉัยและรักษาโรค ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "41" 41] นักวินิจฉัยที่ดีที่สุดถือเป็นแพทย์ที่รู้วิธี R มีการเสนอวิธีการนี้ในการฝึกอบรมที่สถาบันการแพทย์ แต่เมื่อนำมาใช้ในการฝึกสอน พบว่ามีนักเรียนเพียงหนึ่งในสี่เท่านั้นที่สามารถเชี่ยวชาญวิธี R ได้ สำหรับส่วนที่เหลือ ลูกตุ้มหรือเฟรมไม่หมุน ซึ่งบ่งชี้ว่าขาดการรับรังสี ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "41" 41, "besu.boom.ru/apteka/ biookazia/iteratura.htm" "65" 65]
ทฤษฎีการฉายรังสียังไม่มีอยู่ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ป้องกันชาวเยอรมันจากการใช้วิธี R อย่างจริงจังในทางปฏิบัติ และเยอรมนีสามารถเรียกได้ว่าเป็นแหล่งกำเนิดของการกำเนิดครั้งที่สองของการฉายรังสีอย่างถูกต้อง ในเยอรมนีเป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 20 ของศตวรรษนี้ที่วิธี P เริ่มถูกนำมาใช้เพื่อตรวจจับโซน geopathogenic ในประเทศเยอรมนีที่บ้านที่เรียกว่า "มะเร็ง" (บ้านที่ตั้งอยู่ในเขต geopathogenic เป็น ผลจากการมีชีวิตอยู่ในพวกเขานำไปสู่มะเร็ง) ) และในประเทศเยอรมนีนั้น บริษัท ต่างๆ ที่ผลิตวัสดุป้องกันต่างๆ จากการแผ่รังสีทางธรณีวิทยาเริ่มมีการจัดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เยอรมนีมีการนำวิธี R มาใช้เป็นครั้งแรกในโลกในการตรวจทางคลินิกทางการแพทย์ของผู้ป่วย การเลือกใช้ยา ยา สมุนไพร ฯลฯ สำหรับพวกเขาเป็นรายบุคคล ปัจจุบันวิธี R ใช้ในคลินิกในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteracazia.htm" "31" 31, "besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "41 " 41].
เป็นที่ทราบกันว่าความรู้สึกของคลื่นนั้นมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก (พืช สัตว์ แมลง ปลา ฯลฯ) แน่นอนว่ามันมีอยู่ในตัวทุกคน แต่การสำแดงของมันในบุคคลที่มีค่าเฉลี่ยทางชีววิทยา (ยกเว้นผู้ปฏิบัติงาน) ไม่ได้ลงทะเบียนเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ระดับรังสีที่ได้รับในบุคคลที่มีค่าเฉลี่ยทางชีววิทยานั้นต่ำกว่าเกณฑ์ความไวของระบบทางชีววิทยาของเขา: มันคือ อย่างที่เคยเป็น ระดับย่อย
คำถามเกิดขึ้นว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเพิ่มความไวของการรับสัญญาณด้วยวิธีเทียมบางอย่างและจากนั้นสามารถบันทึกเอฟเฟกต์การฉายรังสีในบุคคลใดก็ตามที่อยู่ห่างไกลจากความสามารถพิเศษทางประสาทสัมผัส พบเทคนิคดังกล่าวและประกอบด้วยการเลือกโลหะของลูกตุ้ม ได้รับการพิสูจน์เชิงประจักษ์แล้วว่าโลหะห้าชนิด ได้แก่ อลูมิเนียม ทองแดง ไทเทเนียม ทองเหลือง ทองแดง สามารถเพิ่มความไวในการรับรังสีในคนโดยเฉลี่ยทางชีววิทยา ด้วยการเลือกโลหะชนิดใดชนิดหนึ่งเหล่านี้อย่างถูกต้อง ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้เทคนิคง่ายๆ ด้านล่างนี้ บุคคลที่มีค่าเฉลี่ยทางชีวภาพในเวลาเกือบ 15 นาทีจะสามารถค้นพบความสามารถในการรับรังสี และค้นพบผลของการระงับความรู้สึกด้วยรังสี ผลการฉายรังสีสามารถตรวจพบได้ในคนเกือบ 95-98% ข้อยกเว้นคือผู้ที่มีโครงสร้างพลังงานแปลกปลอมจำนวนมาก (ความเสียหายในออร่า) ซึ่งก่อนที่จะตื่นขึ้นเอฟเฟกต์กัมมันตภาพรังสีจำเป็นต้องล้างออร่าของโครงสร้างเหล่านี้ก่อน
บุคคลที่ติดอาวุธด้วยวิธี R สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดาย โดยไม่ต้องหันไปพึ่งการฝึกทางจิตทางจิตวิญญาณที่ซับซ้อนที่สุดที่ใช้ในระบบตะวันออกและห่างไกลจากความปลอดภัยสำหรับบุคคลที่มีจิตสำนึกที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ และโดยไม่ต้องใช้เทคนิคตะวันตกเชิงบูรณาการที่ซับซ้อน ทำสิ่งต่อไปนี้ให้สำเร็จ:
1. สำรวจโครงสร้างที่แท้จริงของบุคคลประกอบด้วย 7 ร่าง (ช่วงการสั่นสะเทือน) โดยใช้ความรู้ที่มีมาแต่โบราณกาลและเป็นรากฐานของการแพทย์ตะวันออกแบบโบราณและสมัยใหม่ (จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโด-ทิเบต) ).
ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนได้จัดระบบความรู้ด้านการแพทย์แผนตะวันออกซึ่งค่อนข้างกระจัดกระจายไปตามระบบต่างๆ ของตะวันออก โดยอาศัยการจัดระบบ เพื่อสร้างแบบจำลองหลายระดับของร่างกายมนุษย์ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ภายใต้กรอบที่บุคคลใดมีความเชี่ยวชาญใน วิธี P สามารถทำการวิจัยเกี่ยวกับร่างกายของเขาโดยใช้การวินิจฉัยเชิงระบบ ซึ่งเป็นแนวคิดที่นำมาใช้ครั้งแรกในเอกสารฉบับนี้
2. ตรวจสอบความเสียหายต่อร่างกายที่บอบบาง (เส้นเขตแดนดาว (อารมณ์) จิตใจ (จิตใจ) กรรม จิตวิญญาณและสภาวะทางอารมณ์) ค้นหาสาเหตุของความเสียหายต่อร่างบอบบาง (โปรแกรมที่คนอื่นชักจูง โปรแกรมตัวเอง เอนแกรม เอนทิตีในออร่า เหตุผลแห่งกรรม ฯลฯ)
3. กำจัดความเสียหายให้กับศพทั้งเจ็ดโดยไม่ต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนที่สุดที่พัฒนาในระบบตะวันออกและมนุษย์ต่างดาวอีกครั้งและไม่ปลอดภัยสำหรับเราซึ่งเกิดในดินแดนที่เป็นที่ยอมรับของศาสนาคริสต์และเลี้ยงดูทางวิญญาณและจิตใจจากคริสเตียนผู้นับถือศาสนาคริสต์
4. ป้องกันตนเองจากสภาพแวดล้อมทางจิตใจและกายที่เป็นมลภาวะ (ลบโปรแกรมป้องกันตนเองจากบุคลิกที่กดขี่สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย) โดยใช้สัญลักษณ์การสั่นสะเทือนเชิงตัวเลขและเรขาคณิตซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำสอนลึกลับที่เปิดเผยต่อเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและมี ได้รับการตีความทางรังสีฟิสิกส์ในระดับความรู้สมัยใหม่
ระเบียบวิธีในการเลือกสัญลักษณ์ทางเรขาคณิตและตัวเลขแต่ละรายการ พัฒนาโดย Peremykina L.A. ร่วมกับผู้เขียนเป็นต้นฉบับและตีพิมพ์เป็นครั้งแรก (ในโลกตะวันตก วิธีการรวบรวมสิ่งที่เรียกว่ารหัสตัวเลข ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "13" 13] เป็นความลับทางการค้า) ผู้เขียนพิจารณาว่าเป็นไปได้ที่จะเผยแพร่เนื้อหานี้โดยคำนึงถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่คนสมัยใหม่ได้ค้นพบตัวเองซึ่งอยู่ภายใต้แอกแห่งความต่ำช้ามาเป็นเวลานานด้วยการตีความวัตถุนิยมที่หยาบคายของโลกรอบตัวและการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ของโลกอันละเอียดอ่อนซึ่งมีความเป็นจริงพอ ๆ กับโลกแห่งวัตถุและมีอิทธิพลอย่างมากต่อขอบเขตจิตวิญญาณและจิตใจของมนุษย์
การป้องกันเชิงป้องกันจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่เป็นมลภาวะ ได้แก่ ความสามารถในการเลือกโดยใช้วิธี R อาหาร รองเท้า เสื้อผ้า ของใช้ในครัวเรือนที่ไม่มีรังสีที่เป็นอันตราย สมุนไพร ยารักษาโรค คัดเลือกเป็นรายบุคคลสำหรับร่างกายของเรา เป็นรายบุคคล และไม่มีการป้องกัน (ในขณะที่ต้นฉบับกำลังพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ "Eternal Life" ฉบับที่ 4, 1995 มีข้อความปรากฏว่า E.Ya. Meltsev เพื่อนร่วมชาติของเราเป็นครั้งแรกในโลกที่ได้รับสิทธิบัตร (เลขที่ 2021749) สำหรับการคำนวณโดยวิธีดาวซิ่ง ปฏิกิริยาระหว่างพืชกับพลังงานของมนุษย์)
5. ต่อสู้กับการติดเชื้อที่แฝงอยู่ (“อยู่เฉยๆ”) การติดเชื้อที่ช้า (ซบเซา) โดยสามารถเลือกวิธีการได้อย่างแน่นอน (สมุนไพร แร่ธาตุ สัญลักษณ์ทางเรขาคณิตและตัวเลข ฯลฯ) ที่จะฆ่าเชื้อโรคและการติดเชื้อทางระบบประสาทโดยเฉพาะ
วิธีการฉายรังสีแบบโบราณผสมผสานกับความรู้สมัยใหม่เกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของร่างกายมนุษย์ในฐานะระบบทางชีววิทยาที่สำคัญตลอดจนประสบการณ์ที่มนุษย์สั่งสมมานับพันปีสามารถเรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์การแผ่รังสีแห่งศตวรรษที่ 20 ได้อย่างถูกต้อง .
พื้นฐานของวิธีการฉายรังสีเพื่อศึกษาโครงสร้างและการทำงานของร่างกายในฐานะระบบทางชีววิทยาเดี่ยวมีการนำเสนอไว้ในส่วนแรกของหนังสือเล่มนี้ ส่วนที่สองอธิบายเทคนิคการปฏิบัติโดยละเอียดเพียงพอสำหรับการเรียนรู้วิธี R ซึ่งจริงๆ แล้วทุกคนสามารถเข้าถึงได้

ส่วนที่หนึ่ง
แบบจำลองหลายระดับของร่างกายมนุษย์

บทที่ 1
เจ็ดร่างกาย (เจ็ดช่วงการสั่นสะเทือน) ของมนุษย์ ระบบการวินิจฉัยตนเองและการรักษาตนเองที่เกิดขึ้นในธรรมชาติของมนุษย์
“รู้จักตัวเอง” ปราชญ์โบราณแนะนำ โดยเชื่อว่าการรู้จักตัวเองเป็นความรู้สูงสุดที่บุคคลควรแสวงหา โดยธรรมชาติแล้ว กระบวนการรู้จักตัวเองไม่ได้มาจากการตรวจสอบความรู้สึกของตนเองอย่างไร้เหตุผลและไร้ผล ซึ่งอาจจบลงด้วยสภาวะที่เจ็บปวดสำหรับบุคคลได้ ด้วยกระบวนการรู้ตนเอง ปราชญ์โบราณจึงเข้าใจความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างที่แท้จริงของบุคคล ซึ่งทำให้สามารถเปิดเผย "ฉัน" ของแต่ละบุคคลได้อย่างครอบคลุม
แหล่งความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างมนุษย์นี้มาจากอะไร? มีสามคน
แหล่งแรกคือประสบการณ์ทางศาสนา ศาสนาทั้งเจ็ดของโลก (ศาสนาคริสต์ พุทธศาสนา พุทธศาสนานิกายเซน (ญี่ปุ่น) ลัทธิเต๋า (จีน) ศาสนาฮินดู อิสลาม และศาสนายิว) รวมกันเป็นหนึ่งเดียวในความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของมนุษย์ มนุษย์คือการทรงสร้างของพระเจ้า เขาถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาและอุปมาของพระเจ้า และประกอบด้วยสามส่วน: ร่างกาย จิตวิญญาณ และจิตวิญญาณ ไม่มีความแตกต่างระหว่างนิกายทางศาสนาในการทำความเข้าใจจุดประสงค์ของส่วนต่างๆ ของมนุษย์ วิญญาณถูกมอบให้แก่มนุษย์เพื่อการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า ผสมผสานกับพระเจ้า จิตวิญญาณ - เพื่อความรู้ตนเองการพัฒนาตนเอง ร่างกายที่มีอวัยวะรับความรู้สึกโดยธรรมชาติ - เพื่อทำความเข้าใจโลกรอบตัว การเบี่ยงเบนไปจากชะตากรรมของบุคคลนั้นถูกลงโทษด้วยโรคภัยไข้เจ็บมากมาย
ดังนั้น บุคคลคือร่างกาย จิตวิญญาณ และจิตวิญญาณ
แหล่งที่สองคือความรู้ที่เก็บตัว มันคืออะไร?
ตลอดเวลามีคนที่ใช้ช่องทางธรรมชาติของสัญชาตญาณ การมีญาณทิพย์ การมีญาณทิพย์ การฝึกจิตทางจิตวิญญาณ องค์ประกอบของการทำสมาธิ การหยั่งรู้สามารถได้รับความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างที่แท้จริงของมนุษย์ ความรู้ที่เก็บตัวที่ได้รับในเวลาต่างกันเป็นพื้นฐานของโรงเรียนและทิศทางทางจิตวิญญาณ ประการแรกคือโรงเรียนแห่งความลับตะวันออกและตะวันตก - โรงเรียนโยคะ, พุทธศาสนา, พุทธศาสนานิกายเซน, ผู้นับถือมุสลิม, เทววิทยา, มานุษยวิทยา, ไสยเวท, โรงเรียนพีทาโกรัส, อนุสาวรีย์แห่งเวทย์มนต์กรีกโบราณและอื่น ๆ
ดูเหมือนว่าความรู้แบบเก็บตัวนั้นมีองค์ประกอบของความเป็นอัตวิสัย ดังนั้นจึงไม่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม การยืนยันการมีอยู่ของหลักการที่เป็นรูปธรรมในความรู้นี้คือ ประการแรก ความรู้นี้ที่ได้รับในยุคที่แตกต่างกัน โดยผู้คนต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในทวีปต่าง ๆ เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน และในช่วงเวลาสำคัญ ๆ มักจะเสริมซึ่งกันและกัน โดยบรรยายถึง คนที่มีด้านต่างกัน ประการที่สอง ความสามารถในการทำซ้ำและการทำซ้ำของผลลัพธ์ของการทดลอง
ความคิดของมนุษย์ไม่ได้หยุดนิ่ง และตลอดหลายชั่วอายุคน วิธีการและเทคนิคได้รับการพัฒนาเพื่อทำให้การได้มาซึ่งความรู้นี้ง่ายขึ้น ในขณะนี้ ผู้ปฏิบัติงานโดยเฉลี่ยใด ๆ และเมื่อเชี่ยวชาญวิธี R ซึ่งเป็นคำอธิบายที่หนังสือเล่มนี้ทุ่มเทให้กับบุคคลธรรมดาทางชีววิทยาใด ๆ ที่ไม่มีพรสวรรค์ในการมีญาณทิพย์สามารถดูองค์ประกอบโครงสร้างทั้งหมดของร่างกายของเขาและสำหรับ สิ่งนี้เขาไม่จำเป็นต้องตกอยู่ในภวังค์หรือหันไปพึ่งการฝึกจิตทางจิตวิญญาณที่ซับซ้อนเหมือนที่เคยทำในตะวันออกโบราณ และประการที่สาม องค์ประกอบของความรู้แบบเก็บตัวได้รับการยืนยันโดยการค้นพบทางทฤษฎีสมัยใหม่ในสาขาฟิสิกส์พื้นฐาน ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "69" 69] แต่จะเพิ่มเติมในภายหลัง
โครงสร้างของมนุษย์ในแง่ของความรู้แบบเก็บตัวคืออะไร? ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น เหล่านี้คือศพทั้ง 7 ร่าง ซึ่งในจำนวนนั้นหนาแน่นที่สุด (ร่างกาย) เป็นกรอบที่ร้อยร่างหรือเปลือกหอยอีก 6 ศพไว้ เช่นเดียวกับตุ๊กตาทำรัง ซึ่งเราสัมผัสได้แตกต่างออกไปในชีวิตประจำวัน
หน่วยงานในสำนักจิตวิญญาณต่างๆ ของตะวันออกและตะวันตกมีชื่อที่แตกต่างกัน คำศัพท์ทั่วไปในที่นี้ยังไม่มีการกำหนดขึ้น ดังนั้น หนังสือเล่มนี้จะนำเสนอคำศัพท์ที่ใช้บ่อยที่สุด ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "33" 33]: กายภาพ ไม่มีตัวตน (พลังงาน) ดวงดาว (อารมณ์) สัญชาตญาณ (จิตวิญญาณ) สาเหตุ (กรรม) ที่มีประสบการณ์การกลับชาติมาเกิดในอดีต จิตใจ (ความคิด) จิตวิญญาณ (ตัว "ฉัน") ลำดับของการจัดเรียงของร่างกายและการเชื่อมต่อกับศูนย์พลังงานของมนุษย์แตกต่างกันไปในสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เพื่อแก้ไขความยากลำบากนี้ ผู้เขียนบางคน ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "33" 33] เสนอว่าร่างกายบอบบางสี่ตัวสุดท้ายที่อยู่ในหมวดหมู่จิตถูกกำหนดด้วยตัวเลข M, M2, MZ, M4 "besu .boom.ru/apteka/biookazia/risunki2.htm" "26" (ดูรูปที่ 26)
ในศาสนาคริสต์ แนวคิดเรื่องเปลือกจิตวิญญาณ (ร่างกายที่ใช้งานง่าย) มีความหมายกว้างกว่า ในคำอธิบายของพระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "24" 24] จิตวิญญาณเป็นสารความรู้สึกและความเข้าใจนั่นคือในการตีความของเรา มันเป็นเปลือกที่สำคัญ รวมทั้งกายดาวและจิตด้วย นอกจากนี้ ในคำสอนของพวกนอสติคคริสเตียนยุคแรก ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "46" 46] จิตวิญญาณได้รวมประสบการณ์ของการจุติเป็นมนุษย์ในอดีต นั่นคือ เปลือกกรรม
ตามแนวคิดจักรวาลวิทยา ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "9" 9] ร่างกายมนุษย์ทั้งเจ็ดประกอบด้วยเปลือกเจ็ดชั้น ช่วงการสั่นสะเทือนเจ็ดช่วง (เจ็ดสถานะของสสาร) ซึ่งแต่ละสถานะเป็น แบ่งออกเป็นเจ็ดวงย่อย
ดังนั้น โครงสร้างของมนุษย์จึงประกอบด้วยร่างกายเจ็ดส่วน (เปลือกหอย) ซึ่งมีช่วงการสั่นสะเทือนเจ็ดช่วง (สสารเจ็ดสถานะ)
แหล่งที่สามคือวิทยาศาสตร์พื้นฐาน จนถึงปี 1993 เธอสามารถใช้สมการทางคณิตศาสตร์เพื่ออธิบายสถานะของสสารได้เพียงสี่สถานะเท่านั้น ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ และพลาสมา ซึ่งก็คือองค์ประกอบของร่างกาย การศึกษาความสามารถอันน่าอัศจรรย์ของมนุษย์ เช่น การมีญาณทิพย์ กระแสจิต กระแสจิต ฯลฯ ทำให้นักฟิสิกส์ต้องสร้างแนวความคิดและสมมติฐานเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของบางสาขาที่ฟิสิกส์ไม่รู้จัก แนวคิดที่แพร่หลายที่สุดคือ Okhatrin-Istskhakov ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "15" 15] เกี่ยวกับการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าโฮโลแกรมไมโครเลปโทนิกรอบตัวบุคคล ตามแนวคิดนี้ จุดออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (BAP) บนร่างกายมนุษย์จะปล่อยอนุภาค (ไมโครเลปตัน) ที่มีขนาดเล็กกว่าอิเล็กตรอน ด้วยความช่วยเหลือของสนามไมโครเลปตัน บุคคลจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและโลกรอบตัวเขา และความจริงของการโต้ตอบนั้นถูกบันทึกด้วยอุปกรณ์ที่สร้างโดย Okhatrin อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าทฤษฎีกึ่งปริมาณและกึ่งคุณภาพนี้ไม่สามารถตอบสนองวิทยาศาสตร์พื้นฐานได้ และในปี 1993 G.I. เพื่อนร่วมชาติของเรา Shipov (รัสเซียยังไม่หมดความสามารถ!) จากการคำนวณทางเรขาคณิตของสมการของไอน์สไตน์ จึงมีการสร้างทฤษฎีทางกายภาพพื้นฐานขึ้น ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "69" 69] ซึ่งก็คือ สามารถอธิบายสถานะของสสารได้อีกสามสถานะ ทำให้มีโอกาสอธิบายร่างกายมนุษย์ทั้งเจ็ดได้ในขณะนี้ สถานะที่ห้าของสสารคือสุญญากาศทางกายภาพหรืออีเทอร์ ซึ่งช่วยให้เราอธิบายร่างกายอีเทอร์ริกของมนุษย์ได้ สถานะที่หกคือสุญญากาศเหนือ: เหล่านี้เป็นทุ่งบิดหรือทุ่งบิดซึ่งทำให้สามารถอธิบายร่างกายที่บอบบางของเราได้ (ร่างดาวและจิตสามดวง) สถานะที่เจ็ดคือ "ไม่มีอะไร" โดยสมบูรณ์ซึ่ง "ทุกสิ่ง" ไหลออกมาซึ่งช่วยให้เราสามารถอธิบายร่างกายทางจิตวิญญาณของเราการดำรงอยู่ของเอนทิตีพลังงานในอวกาศและอธิบายข้อเท็จจริงมากมายที่ได้รับจากประสบการณ์ทางศาสนา
รูปแบบใหม่ของ G.I. Shipov เป็นการยากที่จะประเมินค่าสูงไป ทฤษฎีพื้นฐานของเขาซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล ไม่เพียงแต่ทำให้สามารถอธิบายแนวคิดทางศาสนาและความลับมากมายเกี่ยวกับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณระดับสูงเท่านั้น แต่ยังพยายามครั้งแรกที่จะรวมความรู้ด้านศาสนาและวิทยาศาสตร์เข้าไว้ในภาพองค์รวมเดียวของโลก .
การพัฒนาทางทฤษฎีของคำอธิบายของร่างกายมนุษย์ทั้งเจ็ดที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของสมการ Shipov-Einstein พื้นฐานนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะทำโดยนักฟิสิกส์และนักชีวฟิสิกส์รุ่นต่อไป
เรามาพิจารณาโดยละเอียดว่าร่างกายมนุษย์ทั้งเจ็ดนั้นเป็นตัวแทนของอะไร
ร่างกาย
เรารู้อะไรเกี่ยวกับร่างกาย? สิทธิพิเศษในการศึกษาร่างกายเป็นของวิทยาศาสตร์ยุโรปตะวันตกซึ่งศึกษาองค์ประกอบ โครงสร้าง โครงสร้างของอวัยวะในร่างกายในการต่อสู้กับหลักคำสอนของคริสตจักรยุคกลางอย่างยากลำบาก ขอให้เราระลึกว่าคริสตจักรคริสเตียนในยุคกลางห้ามการศึกษาเกี่ยวกับร่างกายโดยประกาศว่าเนื้อหนังมีบาป เป็นที่ทราบกันดีว่าคริสตจักรคริสเตียนผ่านยุคมืดเจ็ดช่วงในประวัติศาสตร์ รวมถึงการสืบสวนในยุคกลาง เมื่อคริสเตียนทำลายล้างคริสเตียน ความรู้และหนังสือถูกทำลาย ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "70" 70]. ดังนั้นการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ของยุโรปตะวันตกทุกครั้งจึงถือเป็นเหตุการณ์ที่เกือบจะเป็นการสร้างยุคสมัย เช่น การค้นพบระบบไหลเวียนโลหิต
วิทยาศาสตร์ยุโรปตะวันตกได้ประสบกับความรู้สึกอิ่มเอิบใจในการค้นพบครั้งแรก จึงได้ข้อสรุปที่ไม่ถูกต้องว่ามนุษย์เป็นเพียงกลุ่มของอะตอมและโมเลกุลทางกายภาพและเคมีเท่านั้น และไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่นอกจากร่างกาย ลองนึกถึงคำกล่าวอันโด่งดังของ Cabanis ที่ว่าสมองหลั่งความคิดในลักษณะเดียวกับที่ตับหลั่งน้ำดี ต่อมาเขาได้ละทิ้งแนวคิดนี้ โดยยอมรับทฤษฎีของพลังนิยม (พลังงานชีวิต) แต่แนวคิดนี้ยังคงพบผู้ตามอยู่
วิทยาศาสตร์ยุโรปตะวันตกศึกษาร่างกายอย่างไร? มันง่ายมาก: เธอแบ่งมันออกเป็นอวัยวะและระบบต่างๆ และสร้างสถาบันเพื่อศึกษาพวกมัน - สถาบันสมอง, ตา, ระบบทางเดินปัสสาวะ, ระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ ด้วยการแบ่งออกเป็นส่วน ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ระบบของร่างกายถูกโยนทิ้งไป - สิ่งเหล่านี้คือการเชื่อมต่อข้อมูลและพลังงานที่มีอยู่ระหว่างอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นตัวแทนของไม่มีอะไรมากไปกว่าร่างกายที่สองที่มีพลังหรือมีพลัง อยู่ในนั้นเมื่อการไหลเวียนของพลังงานหยุดชะงักความผิดปกติในการทำงานหลายอย่างเกิดขึ้นซึ่งวิทยาศาสตร์ของยุโรปตะวันตกสร้างแบบจำลองไซเบอร์เนติกส์สำหรับอวัยวะแต่ละส่วนโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอวัยวะอื่น ๆ ไม่ได้เรียนรู้ที่จะวินิจฉัยโดยมีการวินิจฉัยที่สมบูรณ์แบบในการกำจัด เครื่องมือเช่นเครื่องเอกซเรย์ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลนับประสาอะไรกับการรักษาและสร้างการเตรียมสารเคมีที่สมบูรณ์แบบ
ร่างกายที่สำคัญ (พลังงาน)
สิทธิพิเศษในการศึกษากายที่สอง (อีเธอร์ริกหรืออีเทอร์เจติก) เป็นของการแพทย์แผนตะวันออกสาขาต่างๆ ได้แก่ อินโด-ทิเบต จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และอื่นๆ การแพทย์แผนตะวันออกไม่ได้วิเคราะห์การทำงานของอวัยวะต่างๆ ด้วยตนเอง ความสนใจหลักในการแพทย์ตะวันออกคือการหมุนเวียนของพลังงานที่สำคัญ ซึ่งเรียกว่า Chi หรือ Qi ในหมู่ชาวจีน Ki ในหมู่ชาวญี่ปุ่น และ Prana ในหมู่ชาวอินเดีย เชื่อกันว่าหากพลังงานหมุนเวียนอย่างถูกต้องและรักษาสมดุลของพลังงาน (สภาวะสมดุลของพลังงานชีวภาพ) อวัยวะต่างๆ จะไม่ป่วย เนื่องจากพวกมันกินพลังงานที่สำคัญนี้และสารอาหารที่ให้พลังงานอย่างเพียงพอช่วยให้อวัยวะต่างๆ มีสุขภาพที่ดี
การแพทย์แผนตะวันออกสาขาต่างๆ ศึกษาส่วนพลังงานต่างๆ ของร่างกายอีเทอร์ริก ดังนั้นสาขาอินโด - ทิเบตจึงมีส่วนร่วมในการศึกษากระบวนการสะสมและการเปลี่ยนแปลงของพลังงานสำคัญในศูนย์พลังงาน (จักระ) เป็นหลัก การพัฒนาคำแนะนำสำหรับการอนุรักษ์พลังงานในนั้นและการไหลเวียนของพลังงานที่เหมาะสมไปตามทางหลวงพลังงานหลัก - กระดูกสันหลัง (สุชุมนา ) และทางหลวงสองฝั่ง (อิดา และปิงเกลนาดี) การแพทย์อินโด-ทิเบตรู้จักช่องทางเล็กๆ 64,000 ช่องที่พลังงานสำคัญหมุนเวียนผ่าน การค้นพบช่องทางเล็ก ๆ ใหม่และการค้นหาวิธีการมีอิทธิพลต่อช่องทางเหล่านี้เพื่อการรักษายังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้ (สาขาเกาหลี - ซูโจ๊ก)
การแพทย์แผนตะวันออกสาขาจีนค้นพบจุดออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (BAP) บนร่างกายมนุษย์ ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อกันในลำดับที่แน่นอน จะก่อให้เกิดช่องทาง (เส้นเมอริเดียน) ที่พลังงานสำคัญไหลเวียน การแพทย์แผนจีนศึกษา 14 ช่องหลักหรือเส้นเมอริเดียน เกือบทั้งหมดยกเว้น posteromedial, anteromedial และ meridian ของเครื่องทำความร้อนทั้งสามเครื่องมีชื่อของอวัยวะที่ให้พลังงาน: ช่องทางของปอด, ลำไส้ใหญ่, กระเพาะอาหาร, ม้าม - ตับอ่อน, หัวใจ, เล็ก ลำไส้, กระเพาะปัสสาวะ, เยื่อหุ้มหัวใจ (ทางเพศ), ถุงน้ำดี, ตับ
ทุกช่องเชื่อมต่อกันอย่างกระตือรือร้น การหยุดชะงักของการไหลเวียนของพลังงานอย่างอิสระ (การก่อตัวของพลังงาน "ปลั๊ก") ในช่องหรือการเชื่อมต่อระหว่างช่องสัญญาณทำให้เกิดความผิดปกติในการทำงานมากมายซึ่งการศึกษานี้ได้ทำให้สามารถจัดทำชุดกฎ (“กลุ่มอาการหยินหยาง” ได้ - ขาดหรือพลังงานส่วนเกิน) ตามที่สามารถทำการวินิจฉัยได้และหลังจากนั้นให้เริ่มทำการรักษานั่นคือเพื่อสร้างการไหลเวียนของพลังงานในช่อง
สาขาการแพทย์แผนตะวันออกของญี่ปุ่นได้ศึกษาการไหลของพลังงานในวงจรทางชีววิทยาชั่วคราวอย่างถี่ถ้วน ซึ่งเรียกว่าเส้นเมอริเดียน "ปาฏิหาริย์" แปดเส้น ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อการไหลเวียนของพลังงานในทุกช่องทางหยุดชะงัก และทำการศึกษาเส้นเมอริเดียน "มหัศจรรย์" ต่อไป (แหล่งพลังงาน) รวมแนวคิดเหล่านี้เข้ากับจักระแนวคิด ทิศทางใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นในสาขาญี่ปุ่น - อาคุโยคะซึ่งมีพื้นฐานมาจากแนวคิดของเส้นเมอริเดียนที่ "มหัศจรรย์" ข้อมูลเบื้องต้นที่ปรากฏในการแพทย์แผนจีนโบราณและจักระซึ่งได้รับการอธิบายครั้งแรกในสาขาอินโด - ทิเบต .
ในที่สุดหนึ่งในสาขาของการแพทย์แผนตะวันออกสมัยใหม่ (PRC) ได้ศึกษาโซนข้อมูลพลังงานคำสั่งบนศีรษะอย่างละเอียดซึ่งการหยุดชะงักซึ่งทำให้เกิดโรคที่มาจากส่วนกลาง
เนื่องจากความรู้ที่ได้รับจากสาขาต่างๆ ของการแพทย์ตะวันออกเป็นความลับมานานหลายศตวรรษ โดยที่ยังคงรักษาสิทธิพิเศษของผู้ใกล้ชิดกับจักรพรรดิจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และคำสอนโยคะ แน่นอนว่าความรู้เหล่านั้นไม่ได้ถูกส่งออกไปยังตะวันตก (ยกเว้น ข้อมูลที่เป็นชิ้นเป็นอัน) จนถึงทศวรรษที่ 50 ศตวรรษของเราเมื่อเพื่อนร่วมชาติของเราถ่ายภาพร่างกายอีเธอร์เป็นครั้งแรก - คู่สมรสของ Kirlian โดยใช้วิธีการถ่ายภาพความถี่สูง ดังนั้นเมื่อศึกษาการแพทย์แผนตะวันออกจึงขาดแนวทางที่เป็นระบบในการอธิบายร่างกายของอีเทอร์ริก (พลังงาน) อย่างชัดเจน
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เสนอการนำเสนอความรู้อย่างเป็นระบบที่กระจัดกระจายไปตามสาขาต่างๆ ของการแพทย์ตะวันออก ภายใต้กรอบของแบบจำลองของร่างกายอีเทอร์ริก (พลังงาน) ที่เขาสร้างขึ้น คำอธิบายซึ่งอุทิศให้กับส่วนแรกของส่วนแรกของ หนังสือ.
ร่างกายที่ละเอียดอ่อน (ดวงดาว, สัญชาตญาณ, สาเหตุ, จิตใจ, จิตวิญญาณ)
ระบบโยคะต่างๆ อุทิศให้กับคำอธิบายของร่างกายที่บอบบาง ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "29" 29, "besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "33" 33, "besu .boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "63" 63]. ตามความรู้ที่เก็บตัว แต่ละร่างกายที่ละเอียดอ่อนมีวัตถุประสงค์การใช้งาน รูปร่าง โครงสร้างของตัวเอง คำอธิบายโดยละเอียดซึ่งแสดงไว้ด้านล่าง มีการเชื่อมต่อทางโครงสร้างระหว่างร่างกายที่บอบบาง นอกจากนี้ ร่างที่บอบบางแต่ละร่างก็มีจังหวะการทำงานเป็นของตัวเอง ซึ่งประสานกับจังหวะชีวภาพของร่างกายที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ การเชื่อมต่อนี้มองเห็นได้ไม่เพียงแต่ระหว่างร่างที่ละเอียดอ่อนทั้งห้าเท่านั้น แต่ยังมองเห็นระหว่างร่างกายแบบอีเธอร์กับร่างกายที่ละเอียดอ่อนทั้งหมดด้วย ในเวลาเดียวกัน ร่างกายอีเธอร์ซึ่งส่งผ่านศูนย์พลังงาน (จักระ) จะส่งวัสดุก่อสร้างหลัก (การสั่นสะเทือน) ให้กับชีวิตของร่างกายที่บอบบางทั้งหมด ดังนั้นบทบาทอย่างมากของร่างกายอีเธอร์ในการรักษาสภาวะสมดุลทางจิตและพลังงานชีวภาพทั่วไปของบุคคล และเป็นร่างกายอีเทอร์ริกที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพของมนุษย์
ร่างกายที่บอบบางสามารถได้รับความเสียหายในลักษณะเดียวกับร่างกายและอีเทอร์ริก รูปร่างและโครงสร้างของร่างกายที่ละเอียดอ่อนอาจถูกรบกวน และอาจมีความล้มเหลวในการประสานการทำงานของร่างกายทั้งหมด อารมณ์เชิงลบที่บุคคลอยู่ภายใต้หากพวกเขามีเสถียรภาพสามารถดึงดูด (ตามกฎจักรวาลซึ่งจะกล่าวถึงในรายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่าง) การสั่นสะเทือนที่คล้ายกันจากอวกาศจากนั้นเครือข่ายความเสียหายทั้งหมดจะถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของ การดำรงอยู่ในรัศมี (จำนวนทั้งสิ้นของร่างกายที่ละเอียดอ่อนทั้งหมด) ของบุคคล - หน่วยงานเกี่ยวกับหู ในร่างกายอีเธอร์ - หน่วยงานที่ไม่มีตัวตนที่นำไปสู่ความผิดปกติทางจิตมากมาย (เปิดเผย ซ่อนเร้น และเส้นเขตแดน) และโรคทางจิต
ความเสียหายต่อร่างกายที่บอบบางสามารถเกิดขึ้นได้ในมนุษย์ตั้งแต่ช่วงก่อนคลอด (มดลูก) ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "64" 64] ในระดับเซลล์แล้ว มีการบันทึกความรู้สึกเชิงลบทั้งหมดและภูมิหลังที่เกี่ยวข้อง (ความเจ็บปวดทางกาย คำพูดของคนรอบข้าง เสียง ฯลฯ) ซึ่งต่อมาสร้างความเสียหายต่อร่างกายที่บอบบาง
บันทึกเหล่านี้ในการติดตามพื้นที่อยู่อาศัยชั่วคราวทั้งหมดถูกเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ธนาคารข้อมูลยังถูกเก็บไว้ที่นี่เกี่ยวกับความเสียหายที่มาจากชาติในอดีตของบุคคลซึ่งในอนาคตอาจนำไปสู่โรคกรรมได้ บันทึกความเสียหายที่เก็บไว้ที่ด้านล่างของจิตใต้สำนึกเป็นพื้นฐานของระบบการวินิจฉัยที่มีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์ แต่ละคนสามารถวินิจฉัยตัวเองได้หากเขาเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับจิตใต้สำนึกของเขาและดึงข้อมูลเกี่ยวกับความเสียหายต่อร่างกายทั้งหมดของเขาจากที่นั่น
มีหลายวิธีในการสื่อสารกับจิตใต้สำนึกดังที่กล่าวไปแล้ว วิธีที่ง่ายที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเข้าถึงได้สำหรับคนทั่วไปทางชีววิทยาทุกคนซึ่งไม่ได้รับพรสวรรค์ด้านการมีญาณทิพย์ การมีญาณทิพย์ การมองเห็นจิตวิญญาณ ฯลฯ คือวิธี R ซึ่งมีคำอธิบายซึ่งเป็นหัวข้อของหนังสือเล่มนี้
นอกเหนือจากระบบการวินิจฉัยแล้วธรรมชาติยังช่วยให้แต่ละคนมีความสามารถในการรักษาตนเองโดยวางระบบในการรับรังสีจากวัตถุสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตรอบตัวบุคคลในตัวเขา ด้วยการใช้เทคนิคง่ายๆ ที่อธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้ บุคคลที่มีค่าเฉลี่ยทางชีววิทยาสามารถค้นพบระบบการรับรังสีในตัวเอง ซึ่งแสดงออกมาในลักษณะของการกระทำของไอโอมอเตอร์ที่รับประกันการตรึงผลของรังสีสุนทรียศาสตร์
แล้วบางสิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็เริ่มต้นขึ้น แต่ก็มีพื้นฐานที่แท้จริงและให้โอกาสในการรักษาตนเองแก่บุคคลใดก็ตามที่เชี่ยวชาญวิธีการฉายรังสี
ปรากฎว่าสำหรับการรักษาตัวเองคุณสามารถใช้ผีได้ซึ่งเราจะเข้าใจการแสดงข้อมูลพลังงานของอวัยวะและระบบต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ในรูปต่อไป การสร้างภาพหลอนนั้นง่ายมาก เพียงวางนิ้ว รูปถ่าย หรือปอยผมของผู้ป่วยลงบนภาพวาดที่แสดงถึงอวัยวะหรือระบบที่กำลังศึกษา และการเชื่อมโยงข้อมูลด้านพลังงานจะถูกสร้างขึ้นทันทีระหว่างผู้ป่วยรายนี้กับภาพวาด .
เมื่อใช้รูปถ่ายหรือปอยผม คุณต้องติดกระดาษระบุวันที่ทำการตรวจ หากรูปถ่ายหรือปอยผมอ้างอิงถึงจุดอื่นในเวลา
ด้วยการเคลื่อนลูกตุ้มไปตามรูปแบบอย่างราบรื่นและสังเกตการหมุนของมันอย่างระมัดระวังกล่าวอีกนัยหนึ่งคือการจ้องมองด้วยการจ้องมอง (สนามบิด) คุณสามารถระบุความเสียหายในระบบใด ๆ ของร่างกายผู้ป่วยได้ทันทีโดยการเปลี่ยนทิศทางการหมุนของลูกตุ้ม
เมื่อพบความเสียหาย ผู้ป่วยโดยใช้อัลกอริธึมการวินิจฉัยระบบที่ให้ไว้ในบท “การวินิจฉัยระบบ” ได้กำหนดชื่อของสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายนี้ในระบบร่างกายที่กำลังศึกษาไว้อย่างชัดเจน ในกรณีนี้ด้วยความช่วยเหลือของคำพูดทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างจิตสำนึกของผู้ป่วยและจิตใต้สำนึก เมื่อระบุสาเหตุของความเสียหายต่อระบบได้อย่างแม่นยำ ลูกตุ้มจะเริ่มหมุนราวกับว่าอยู่เหนืออวัยวะที่มีสุขภาพดี สาเหตุของความเสียหายทั้งหมดได้รับการจำแนกตามผู้เขียน นอกจากนี้ โดยการเลือกวิธีที่รู้จักซึ่งใช้ในการแพทย์แผนโบราณและการแพทย์ทางเลือกอย่างมีสติ (อาจรวมถึงการสวดมนต์ ยาสมุนไพร การวิ่ง การนวดด้วยพลังงานชีวภาพ วารีบำบัด ชุดการสั่นสะเทือน ซึ่งจะกล่าวถึงในรายละเอียดด้านล่าง การใช้ยา เป็นต้น) ผู้ป่วยจะปฏิบัติตาม การหมุนที่สอดคล้องกัน ลูกตุ้มค้นหาวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการกำจัดความเสียหายในระบบที่กำลังศึกษา ถัดไปกำหนดขนาดยาในลักษณะเดียวกัน นี่เป็นอีกครั้งที่การเชื่อมโยงระหว่างจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกถูกใช้ผ่านคำพูดด้วยวาจา จิตใต้สำนึกรู้และจดจำทุกสิ่ง
สิ่งที่น่าสังเกตโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเอฟเฟกต์อันน่าอัศจรรย์ที่เราได้รับจากการใช้สัญลักษณ์ทางเรขาคณิตและตัวเลขของการสั่นสะเทือนเพื่อกำจัดความเสียหายต่อร่างกายที่บอบบางของบุคคลนั่นคือความเสียหายที่อยู่ในทรงกลมทางจิตของบุคคล ก่อนอื่น ให้เรากำหนดว่าสัญลักษณ์การสั่นสะเทือนทางเรขาคณิตและตัวเลขคืออะไร ตามกฎจักรวาลดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ทุกสิ่งสั่นสะเทือน ทุกสิ่งแผ่รังสี ปรากฎว่ากระแสการสั่นสะเทือนทั้งหมดของกลุ่มดาวนักษัตร ดาวเคราะห์ รังสีคอสมิก ตัวอักษร ตัวเลข รูปทรงเรขาคณิต ฯลฯ เป็นไปได้ แสดงเป็นสัญลักษณ์ทางเรขาคณิตและตัวเลข ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "3" 3] เป็นที่ทราบกันว่าภาษาสัญลักษณ์ (โดยเฉพาะภาษาของรูปทรงเรขาคณิต) เป็นภาษาสากลที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติ มันถูกอธิบายไว้ในคำสอนลึกลับที่เป็นความลับและเป็นที่รู้จักของผู้ประทับจิต
หากภาพเป็นของโลกดวงดาว สัญลักษณ์ก็อยู่ในโลกเชิงสาเหตุอันละเอียดอ่อน (โลกแห่งความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล) และด้วยการใช้สัญลักษณ์ทางเรขาคณิตและตัวเลข เราตั้งใจออกไปกำจัดความเสียหายต่อร่างกายมนุษย์ทั้งหมดโดยระบุอย่างแม่นยำ สาเหตุของความเสียหายนี้ ด้วยความช่วยเหลือของจิตใต้สำนึกโดยใช้วิธี R เราเลือกสัญลักษณ์หรือชุดสัญลักษณ์ที่จะให้สเปกตรัมรังสีที่จำเป็นในการแก้ปัญหาที่กำหนดโดยจิตสำนึก (ตัวอย่างเช่นเพื่อกำจัดความเสียหายในร่างกายดาว) ถ้าชุดสัญลักษณ์ที่จิตใต้สำนึกเลือกแทนตัวเลขเท่านั้น นี่จะเป็นชุดการสั่นของตัวเลข หากมีสัญลักษณ์ทางเรขาคณิตเพียงอย่างเดียว เราก็มีชุดการสั่นทางเรขาคณิต นอกเหนือจากตัวเลขแล้ว หากมีสัญลักษณ์ทางเรขาคณิตหรือรูปภาพของมนุษย์ สัตว์ พืช ฯลฯ ก็จะได้ชุดการสั่นสะเทือนแบบผสม
ทันทีที่คุณใส่จุดหลังจากสัญลักษณ์สุดท้ายที่พบ ชุดการสั่นสะเทือนที่เลือกโดยจิตใต้สำนึกจะเริ่มทำงาน และ (ดูเถิด!) ทรงกลมทางจิตทั้งหมดของคุณจะเริ่มเปลี่ยนแปลงทันที โดยกำจัดทุกสิ่งที่รบกวนชีวิตที่กลมกลืนของคุณ: ต่างๆ สภาวะซึมเศร้า ความคิดเชิงลบ ฯลฯ .d. ด้วยความช่วยเหลือของซีรีย์การสั่นสะเทือนคุณสามารถรับมือกับโรคพิษสุราเรื้อรังได้โดยไม่ต้องหันไปใช้วิธีการเย็บในหลอดที่น่ากลัว ด้วยการสูบบุหรี่ ด้วยการตั้งโปรแกรมด้วยตนเอง (มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ไม่มีความสุข) เป็นต้น ชุดสัญลักษณ์เรขาคณิตและตัวเลขแบบสั่นจะทำงานหากจิตใต้สำนึกของผู้ป่วยตกลงที่จะกำจัดโรคพิษสุราเรื้อรัง การสูบบุหรี่ ฯลฯ ด้วยความช่วยเหลือของซีรีส์การสั่นสะเทือน คุณสามารถรับมือกับเอนทิตีทางหูและอีเธอร์ริกได้ ด้วยโปรแกรมใด ๆ ที่เกิดจากภายนอก เช่น ที่รู้จักกันแพร่หลายในชื่อ "ตาชั่วร้าย" "ความเสียหาย"
ซีรีส์การสั่นสะเทือนถูกสร้างขึ้นโดยเอนทิตีจักรวาล Light High Creative ปัจจุบันความรู้นี้ได้เปิดกว้างสำหรับคนยุคใหม่ในการต่อสู้กับโรคและความชั่วร้าย จิตใต้สำนึกของมนุษย์รู้ว่าต้องใช้คลื่นความถี่เท่าใดเพื่อกำจัดความเสียหายต่อร่างกาย นี่คือสาระสำคัญของระบบการรักษาตนเอง มีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์นั่นเอง
ความแตกต่างระหว่างวิธี P ที่เสนอในการฟื้นฟูร่างกายมนุษย์จากวิธีการที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม (การใช้ประสาทสัมผัสพิเศษ การใช้โมดูลของ R.G. Shakaev ["besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "53" 53) วิธีการแพทย์แผนโบราณ ฯลฯ d.) ประกอบด้วยการค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของความเสียหายและกำหนดวิธีการรักษาแต่ละวิธีที่เหมาะสมโดยใช้ระบบการรับรังสีที่มีอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์
ตามกฎจักรวาลซึ่งกำหนดขึ้นเมื่อ 8,000 ปีก่อนการประสูติของพระเยซูคริสต์โดย Hermes Trismegistus (Thrice Great Hermes) และส่วนใหญ่ได้รับการยืนยันจากวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ทุกสาเหตุมีผล ผลทุกอย่างมีเหตุ หากไม่มีสาเหตุก็ไม่สามารถรักษาได้ แต่สามารถกำจัดผลได้เท่านั้นนั่นคือได้รับการบรรเทาชั่วคราว
ดังนั้นเราจึงขอเชิญชวนผู้อ่านให้ดำดิ่งสู่โลกของ "ฉัน" ของเขาเองและเรียนรู้โครงสร้างที่แท้จริงของร่างกายของเขา ในเวลาเดียวกัน คุณสามารถตรวจจับความเสียหายทั้งหมดในร่างกายของคุณได้อย่างง่ายดายโดยใช้วิธี R และกำจัดความเสียหายเหล่านั้นโดยการเลือกวิธีการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ด้วยเหตุนี้ เราจะเจาะลึกร่างกายมนุษย์ทั้งหมด โครงสร้าง ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และวิธีการกำจัดพวกมัน ก่อนอื่นให้เราพิจารณาร่างกายแบบอีเทอร์ซึ่งเป็นสภาวะปกติที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพ
บทที่ 2
ร่างกายที่สำคัญ (พลังงาน)
2.1. แบบจำลองข้อมูลพลังงานชีวภาพของร่างกายอีเทอร์ริก การเชื่อมต่อโครงสร้าง สภาวะสมดุลของพลังจิต
ร่างกายอีเทอร์ริกเป็นระบบข้อมูลพลังงานชีวภาพที่ควบคุมตนเองและรักษาตัวเองได้ ภูมิปัญญาตะวันออกกล่าวว่า: “ร่างกายมนุษย์มีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการรักษาที่สมบูรณ์”
ร่างกายที่ไม่มีตัวตนประกอบด้วยหน่วยโครงสร้างดังต่อไปนี้ ซึ่งแต่ละหน่วยทำหน้าที่เฉพาะ ("besu.boom.ru/apteka/biookazia/risunki.htm" "1" (รูปที่ 1)):
- ปัจจัยการผลิตพลังงาน
- ศูนย์พลังงาน (จักระ)
- ศูนย์พลังงานชีวภาพของสมองและไขสันหลัง - แผงควบคุมคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่บางส่วนบนศีรษะ
- อุปกรณ์ควบคุมตนเอง
- ช่องพลังงาน (เส้นเมอริเดียน)
- ผู้ใช้พลังงาน (อวัยวะและร่างกายที่บอบบาง)
- ผลผลิตพลังงานเหลือทิ้ง
พลังงานที่ป้อนเข้าไป ได้แก่ ตา หู ปาก จมูก เท้า จุดที่เกิดปฏิกิริยาทางชีวภาพ จักระ สุชุมนา (ทางหลวงพลังงานส่วนกลางที่วิ่งไปตามกระดูกสันหลัง) ไอดาและปิงคลานาดี (ทางหลวงพลังงานด้านข้างสองเส้นขนานกับกระดูกสันหลังและสิ้นสุดทางด้านขวา และรูจมูกซ้าย ตามลำดับ)
พลังงานแสงผ่านดวงตา พลังงานเสียงผ่านหู พลังงานอากาศผ่านจมูก พลังงานรังสีจากโลกผ่านเท้า พลังงานจักรวาลผ่าน BAT จักระ สุชุมนา อิดา และปิงคลานาดี
พลังงานของบรรพบุรุษ (ทางพันธุกรรม) ที่ได้รับจากบรรพบุรุษแม้กระทั่งก่อนการเกิดของบุคคลจะสะสมในไตและแพร่กระจายผ่านเส้นลมปราณของเครื่องทำความร้อนทั้งสามเครื่องซึ่งเป็นตัวกำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของร่างกาย
พลังงานที่หลากหลายทั้งหมดนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็ถูกเปลี่ยนเป็นรูปแบบเดียวซึ่งได้รับชื่อทั่วไปของพลังงานชีวภาพและถูกส่งไปยังผู้บริโภคอย่างเคร่งครัด พลังงานชีวภาพเข้าสู่ศูนย์กลางพลังงานชีวภาพของสมองและไขสันหลังเป็นหลัก (แผงควบคุมคำสั่ง) ผ่าน Sushumna, Ida และ Pingala nadi เมื่อผ่านทางหลวงพลังงานกลาง พลังงานไม่เพียงแต่ถูกเปลี่ยน แต่ยังสะสมอยู่ในศูนย์พลังงาน (จักระ) ตามการแพทย์แผนโบราณของอินโด-ทิเบต มีเจ็ดอย่าง ตามข้อมูลที่เก็บตัวสมัยใหม่ จำนวนของพวกเขามีขนาดใหญ่กว่ามากและมีจำนวน 18 [ "besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura.htm" "1" 1, "besu.boom.ru/apteka/biookazia/iteratura htm" " 72" 72]. ในจักระ การรับและการเปลี่ยนแปลงพลังงานจักรวาลหลักเป็นพลังงานของการสั่นสะเทือนอื่นๆ ที่ป้อนเข้าสู่ร่างกายที่ละเอียดอ่อนก็เกิดขึ้นเช่นกัน จักระแต่ละอันเชื่อมต่อกับร่างกายอันละเอียดอ่อนของตัวเองและจัดหาวัสดุก่อสร้าง (การสั่นสะเทือน) เพื่อชีวิตปกติ นี่แสดงให้เห็นถึงบทบาทอันยิ่งใหญ่ของจักระในฐานะตัวรับ ตัวสะสม และผู้แปลงพลังงาน เห็นได้ชัดว่าความพยายามทั้งหมดของการแพทย์อินโดทิเบตมุ่งเป้าไปที่การเรียนรู้ที่จะควบคุมจักระและรักษาสมดุลพลังงานในจักระเหล่านั้น เพื่อจุดประสงค์นี้ได้มีการพัฒนาคลังแสงทั้งหมดที่มีอิทธิพลต่อจักระ: เสียง, สี, องค์ประกอบย่อย, อาสนะ, แบบฝึกหัดการหายใจ, มันดาลากราฟิก ฯลฯ วิธีการมีอิทธิพลและควบคุมจักระทั้งหมดจะกล่าวถึงโดยละเอียดในหัวข้อ “ศูนย์พลังงาน (จักระ)”
พลังงานที่สะสมในจักระจะถูกกระจายต่อไปอีกผ่านช่องทางกลาง 14 เส้น (เส้นเมอริเดียน) และเครือข่ายช่องสัญญาณเล็กๆ (มี 64,000 ช่อง) ไปยังอวัยวะต่างๆ หล่อเลี้ยง จากนั้นพลังงานที่เสียก็กระจายออกไปสู่พื้นที่โดยรอบอย่างกระจาย (จาก พื้นผิวของร่างกาย) หรือเฉพาะที่ เช่น ผ่านทางดวงตา
การกระจายพลังงานผ่าน 14 ช่องทางหลักได้รับการศึกษาโดยสาขาการแพทย์ตะวันออกของจีนโบราณ เธอพัฒนาชุดกฎที่ระบุการละเมิดการไหลเวียนของพลังงานอย่างอิสระซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการวินิจฉัยเส้นลมปราณซึ่งจะอธิบายสาระสำคัญไว้ด้านล่าง
การมีส่วนร่วมอย่างทองของการแพทย์แผนจีนโบราณในการศึกษาร่างกายมนุษย์ถือได้อย่างปลอดภัยว่าเป็นการค้นพบการเชื่อมโยงพลังงานระหว่างช่องทางและระหว่างอวัยวะซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปโดยสิ้นเชิงในการแพทย์แผนตะวันตก การเชื่อมโยงเหล่านี้อยู่ภายใต้กฎสามข้อ ซึ่งอธิบายไว้ในการแพทย์แผนจีนโบราณว่า "เที่ยงวัน-เที่ยงคืน", "แม่-ลูก", "สามี-ภรรยา" ซึ่งทำให้มีอิทธิพลต่ออวัยวะผ่านอวัยวะหรือระบบอวัยวะอื่นได้ ในแบบจำลองไซเบอร์เนติกส์ที่สร้างขึ้นเพื่ออธิบายโรคใด ๆ ในวิทยาศาสตร์การแพทย์ของยุโรปตะวันตกไม่มีพารามิเตอร์อินพุตหลัก - พารามิเตอร์ที่คำนึงถึงการเชื่อมต่อที่มีพลังของอวัยวะหนึ่งกับอวัยวะอื่น
หลักการหลักของการแพทย์ตะวันออกโบราณคือสมมุติฐานของสภาวะสมดุลของพลังงานทางจิตชีวภาพ (ความคงตัวของพลังงาน) ตามที่การเชื่อมโยงทั้งหมดที่ประกอบขึ้นเป็นระบบพลังงาน (ร่างกายอีเธอร์) ทำงานในลักษณะที่จะรักษาระดับพลังงานชีวภาพให้คงที่ สภาวะสมดุลของพลังงานทางจิตเป็นแนวคิดใหม่สำหรับวิทยาศาสตร์การแพทย์ออร์โธดอกซ์ของยุโรปตะวันตก ซึ่งรู้จักตัวควบคุมชีวมวลสี่ตัว ได้แก่:
- เครื่องควบคุมที่รักษาความดันโลหิตและอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ผ่านทางน้ำเหลืองซึ่งรวมอวัยวะทั้งหมดเข้าด้วยกันด้วยสารเคมี
- ต่อมไร้ท่อซึ่งให้การควบคุมกระบวนการสำคัญของร่างกายด้วยความช่วยเหลือของฮอร์โมน
- ระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) ซึ่งควบคุมความสัมพันธ์ของร่างกายกับสภาพแวดล้อมภายนอก ควบคุมปฏิกิริยาทางพฤติกรรม ประสานกิจกรรมของอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย
- ระบบประสาทอัตโนมัติ (ANS) ซึ่งควบคุมการทำงานของอวัยวะภายใน ต่อมไร้ท่อและต่อมไร้ท่อ เลือดและต่อมน้ำเหลือง และกล้ามเนื้อบางส่วน
หากการเชื่อมโยงพลังงานทั้งหมดของวัตถุอีเทอร์ริกต้องทำงานในลักษณะที่จะรักษาความคงที่ของพลังงานในระดับหนึ่ง แต่ละลิงก์จะต้องมีฟังก์ชันการรักษาตนเองและการควบคุมตนเอง นั่นคือ ระบบควบคุมตนเอง ต้องทำงานในร่างกายอีเทอร์ริก ในช่องทางและทางเข้าของพลังงานระบบนี้ถูกค้นพบโดยการแพทย์แผนจีนโบราณในรูปแบบของการก่อตัวของวงจรทางชีวภาพชั่วคราว - ที่เรียกว่าเส้นเมอริเดียน "ปาฏิหาริย์" ซึ่งการศึกษายังคงดำเนินต่อไปโดยสาขาการแพทย์ตะวันออกของญี่ปุ่น ซึ่งบรรยายถึงวิถีของตนอย่างละเอียดถี่ถ้วน นี่เป็นการค้นพบที่สำคัญมากซึ่งในกรณีที่เกิดการหยุดชะงักในการไหลเวียนของพลังงานในช่องหลัก (การก่อตัวของพลังงานติดขัด) ระบบควบคุมตนเองของช่องสัญญาณจะเปิดโดยอัตโนมัติ ส่วนพิเศษของหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับคำอธิบายของระบบการควบคุมตนเอง
เหตุใดการเรียนรู้วิธีจัดการระบบควบคุมตนเองและติดตามการรักษาสภาวะสมดุลทางจิตและพลังงานชีวภาพของคุณจึงเป็นเรื่องสำคัญ ความจริงก็คือไม่มีการบำบัดด้วยพลังงานชีวภาพภายนอก (เช่น การใช้ประสาทสัมผัสภายนอก) จะให้ผลลัพธ์ที่มั่นคงและยั่งยืนจนกว่าระบบควบคุมตนเองในร่างกายมนุษย์จะเริ่มทำงาน ดังนั้นความเปราะบางของผลลัพธ์ของการรักษาพิเศษที่ไม่ทราบกลไกภายในนี้
การใช้วิธี P ตามวิธีการที่อธิบายไว้ในหนังสือคุณสามารถค้นหาการจราจรติดขัดในช่องสัญญาณและการเชื่อมต่อระหว่างช่องสัญญาณได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายตลอดจนในระบบเส้นเมอริเดียน "มหัศจรรย์" แปดเส้น ตรวจจับความผิดปกติในการทำงานของพื้นที่บนศีรษะ (แผงควบคุมคำสั่ง) ดูว่าจักระเปิดหรือปิด ตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ออร์แกนถูกชาร์จหรือคายประจุแล้วหรือไม่ ระบุความเสียหายอื่น ๆ ในร่างกายอีเทอร์ริก จากนั้นเรียนรู้ที่จะควบคุมร่างกายแบบอีเทอร์โดยใช้จิตใต้สำนึกเพื่อเลือกวิธีการที่จะขจัดความเสียหายในร่างกายแบบอีเธอร์
เมื่อค้นหาความเสียหายต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการศึกษาโรคติดเชื้อ แผนการติดเชื้อถือเป็นจุดอ่อนของการแพทย์ตะวันออก: ไม่ใช่สาขาเดียวของการแพทย์ตะวันออกที่อธิบายวิธีการค้นหาการติดเชื้อ ซึ่งในร่างกายอีเทอร์ริกทำหน้าที่เป็นกลไกในการเลือกพลังงานและขัดขวางสภาวะสมดุลของพลังงานชีวภาพ
วิธี P ช่วยเติมเต็มช่องว่างนี้ หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยวิธีการค้นหาการติดเชื้อและวิธีการคัดเลือกตัวแทนที่ทำลายการติดเชื้อประเภทเฉียบพลัน แฝง (“อยู่เฉยๆ”) และติดเชื้อช้า (ซบเซา) ได้อย่างแม่นยำและเลือกสรร เนื้อหาส่วนพิเศษของหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงวิธีการวิจัยโรคติดเชื้อโดยเฉพาะ
2.2. การเชื่อมโยงพลังงานชีวภาพหลักของร่างกายอีเทอร์
ให้เราพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์ประกอบแต่ละอย่าง (ลิงก์) ของร่างกายอีเทอร์ริก: ช่องทาง, ศูนย์พลังงาน (จักระ), บริเวณบนศีรษะ, อุปกรณ์ควบคุมตนเอง เริ่มจากช่องกันก่อน
2.2.1. ช่องพลังงาน (เส้นเมอริเดียน) และการเชื่อมต่อระหว่างช่อง
ช่องพลังงาน (เส้นเมริเดียน) ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น คือการรวมตัวกันของจุดออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (BAP) ที่อยู่ในร่างกาย ช่องทางคือเส้นทางที่กระจายพลังงานไปหล่อเลี้ยงอวัยวะของร่างกาย
BAP ถูกค้นพบโดยการแพทย์แผนจีนโบราณเมื่อ 40 ศตวรรษก่อน สิ่งเหล่านี้แตกต่างจากจุดใกล้เคียงในร่างกายเนื่องจากการใช้ออกซิเจนที่เพิ่มขึ้น ค่าการนำไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ความไวต่อความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมอุณหภูมิแบบพิเศษ ในตอนแรกมีการค้นพบ 365 รายการ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักมากกว่า 5,000 รายการ
เส้นเมอริเดียนเป็นระบบบอกทิศทางของทางหลวงสายหลักซึ่งมีพลังงานไหลเวียนอยู่ นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายคลองขนาดเล็กที่กว้างขวาง (64,000 แห่ง) การแพทย์แผนจีนโบราณศึกษา 14 ช่องทางหลัก ได้แก่ ปอด ลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ม้าม-ตับอ่อน หัวใจ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ ไต เยื่อหุ้มหัวใจ (ช่องทางเพศ) ตะปุ่มตะป่ำ ถุงน้ำดี