หอคอยมืด นาฬิกาบนหอคอยมืดนัดหยุดงาน ฉันไม่ยิงด้วยมือของผู้ที่ยิง

Cinemafia ดูการดัดแปลงของ Stephen King และรวบรวมไว้สำหรับคุณ ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์

หนึ่งในภาพยนตร์ที่ได้รับการคาดหวังมากที่สุดในปีนี้ (แม้ว่าจะไม่แยกจากกันมานานหลายทศวรรษ) เริ่มต้นที่บ็อกซ์ออฟฟิศในวันพฤหัสบดี การปะทะกันของ Idris Elba และ Matthew McConaughey ในฐานะกองกำลังแห่งความดีและความชั่วในภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากงานลัทธิของ Stephen King มือปืนปกป้องหอคอยแห่งความมืด ซึ่งเป็นศูนย์กลางของโลกทั้งใบ และชายในชุดดำพยายามที่จะทำลายมัน และมีเด็กชายคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กซึ่งเห็นฮีโร่เหล่านี้ในความฝันของเขา อาจทำให้เสียดุลอำนาจได้ แต่จะไปในทิศทางไหน?

1. ประวัติของ "Dark Tower" มีเกือบ 50 ปี

การตีพิมพ์ครั้งแรกเกี่ยวกับ Strelka คือในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2521 ใน นิตยสารแฟนตาซีและนิยายวิทยาศาสตร์. ในเวลาเดียวกัน King กล่าวว่าเขาเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อแปดปีก่อน ในปี พ.ศ. 2525 เรื่องราวอีก 4 เรื่องได้รับการปล่อยตัว ซึ่งรวมเป็นเล่มเดียว

2. ประวัติการปรับตัวก็ไม่สั้นเช่นกัน ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน

JJ Abrams และ Damon Lindelof ผู้ร่วมแสดงเรื่อง Lost เป็นคนแรกที่คิดเกี่ยวกับการปรับตัวในปี 2550 แต่อีกสองปีต่อมา พวกเขาละทิ้งความคิดนี้ หลีกทางให้กับรอน ฮาวเวิร์ด ผู้กำกับซีรีส์ลัทธิที่เป็นไปได้

ฮาวเวิร์ดร่วมกับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สและนักเขียนบทภาพยนตร์ อากิวา โกลด์สแมน วางแผนไตรภาคของภาพยนตร์ที่สลับกับซีรีส์โทรทัศน์สองซีซันที่จะเชื่อมช่องว่างระหว่างภาพยนตร์ Javier Bardem ได้รับเลือกให้เป็น บทบาทนำและทีมงานภาพยนตร์ก็เริ่มภาคต่อของการดัดแปลง แต่ในไม่ช้ายูนิเวอร์แซลก็ตัดสินใจยกเลิกโครงการทั้งหมดเนื่องจากความล่าช้าในการถ่ายทำและปัญหาด้านงบประมาณ

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา Sony ร่วมมือกับ Media Rights Capital เพื่อเติมชีวิตให้กับหน้าจอให้กับผลงานการสร้างสรรค์ของ King และในที่สุด Howard ก็ยังคงเป็นผู้อำนวยการสร้าง โกลด์แมนยังถูกระบุว่าเป็นผู้เขียนบท แม้ว่า Nikolai Arcel จะเขียนบทใหม่สำหรับโปรเจกต์ของ Sony

3. ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคต่อของหนังสือชุด

สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้อ่าน หนังสือชุด Dark Tower มีลักษณะเป็นวัฏจักร กล่าวคือ หนังสือเล่มสุดท้ายเป็นเล่มก่อนหน้าของเล่มแรก ภาพยนตร์ของ Arcel เป็นภาคต่อทางเลือกของหนังสือเล่มล่าสุด

4. Elba เพิ่มเวทย์มนต์ให้กับฮีโร่ของเขา

Idris Elba อธิบาย Roland ในการให้สัมภาษณ์: มันมีเวทย์มนต์อยู่ในนั้นแน่นอน เขามีอายุประมาณ 200 ปี เขาอยู่ในโลกนี้มานานมาก และด้วยเหตุนี้จึงผูกพันอย่างลึกซึ้งกับองค์ประกอบลึกลับทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันจะบอกว่า Roland เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของเรื่องนั้น เมื่อผู้ชมเห็นเขาเป็นครั้งแรก เขาเป็นตัวละครที่นิ่งเงียบและอดทน แต่เมื่อคุณรู้จักเขามากขึ้น คุณจะเข้าใจว่าเขารู้เกี่ยวกับโลกนี้และประวัติศาสตร์มากแค่ไหน».

5. นักแสดงนำแลกเปลี่ยนทวีตที่น่ารักหลังจากการประกาศรายชื่อนักแสดงอย่างเป็นทางการ

6. สตีเฟ่น คิง ชอบมัน

แน่นอนว่าทุกคนกังวลว่าผู้เขียนจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่กษัตริย์ผู้เคร่งครัดตรัสว่า มันไม่ใช่เรื่องราวของฉันทั้งหมด แต่มันรักษาอารมณ์และธีมไว้ได้ ดังนั้นฉันจึงมีความสุข».

7. มีความลับหลายอย่างซ่อนอยู่ในโปสเตอร์

แน่นอนว่าหลายคนสังเกตเห็นว่าโปสเตอร์ของ The Dark Tower นั้นคล้ายกับโปสเตอร์ของ Inception มาก แต่มันมีความลึกลับมากกว่าที่คุณไม่ได้สนใจในทันที โครงร่างของหอคอยซึ่งสร้างขึ้นจากตึกระฟ้ากลับหัวของนิวยอร์กนั้นค่อนข้างชัดเจน และตัวละครหลักสามารถมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อเทียบกับพื้นหลังของเธอ แต่ตัวร้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ - ชายในชุดดำ - ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด หากต้องการค้นหา ให้มองไปทางขวาของยอดหอคอย

8. Tom Taylor และการแสดงความเคารพต่อ Jake Chambers ฮีโร่ของเขา

ทอมได้รับเลือกสำหรับบทบาทนี้จากผู้สมัครหลายสิบคน และสำหรับการประกาศบทบาทอย่างเป็นทางการ เขาเลือกวลีที่เป็นที่รู้จักกันดีของฮีโร่ของเขา

9. คำพูดกับรูปภาพ

จากการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ พอร์ทัลหนึ่งสร้างสาม วลีที่มีชื่อเสียงจากหนังสือพร้อมภาพ ลองมือของคุณด้วย คำตอบอยู่ที่ท้ายบทความ

10. ไข่อีสเตอร์

The Dark Tower เป็นส่วนหนึ่งของลิขสิทธิ์อันกว้างใหญ่ของ Stephen King ดังนั้นในภาพยนตร์จึงมีสถานที่สำหรับการอ้างอิงถึงผลงานอื่น ๆ และการดัดแปลงของผู้แต่ง ตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์คุณจะเห็นเพนนีไวส์ และหนึ่งในนักแสดง - นิโคลัส แฮมิลตัน - รับบทเป็นลูคัส แฮนสันใน The Dark Tower และอีกไม่นานเราจะได้เห็นเขาใน It

11. แล้วจะมีซีรีส์

มีการประกาศในสัปดาห์นี้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นภาคก่อนของซีรี่ส์ Arrow ยังไม่ทราบว่า Idris Elba จะกลับมารับบทนี้หรือไม่ แต่แน่นอนว่าเขาจะปรากฏตัวในทีมนักแสดง ซีรีส์นี้จะอำนวยการสร้างโดยอากิวา โกลด์สแมน, รอน ฮาวเวิร์ด และไบรอัน เกรเซอร์ ซึ่งเดิมตั้งใจจะนำหนังสือของคิงออกฉายทางโทรทัศน์ มีการวางแผนไว้ 10-13 ตอน การถ่ายทำจะเริ่มในปี 2561

1. ครั้งแรกคือรอยยิ้ม ตามมาด้วยเรื่องโกหก ในตอนท้ายภาพ
2. การต่อสู้ที่กินเวลา 5 นาทีก่อให้เกิดตำนานที่มีมานานนับพันปี
3. ฉันไม่ได้เล็งด้วยมือของฉัน
   ผู้ที่เล็งด้วยมือของตนก็ลืมหน้าบิดาของตน
   ฉันเล็งด้วยตาของฉัน
   ฉันไม่ยิงด้วยมือของฉัน
   คนที่ยิงด้วยมือของเขาลืมหน้าพ่อของเขา
   ฉันยิงจิตใจ
   ฉันไม่ฆ่าด้วยอาวุธ
   ผู้ที่ฆ่าด้วยอาวุธก็ลืมหน้าบิดาของตน
   ฉันฆ่าด้วยหัวใจของฉัน

บนหน้าจอของคนทั้งโลก "The Dark Tower" - ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากผลงานหลักของนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน Stephen King วัฏจักรของนวนิยายเกี่ยวกับ Arrow Roland ที่กำลังมองหา Dark Tower ในใจกลางจักรวาลได้กลายเป็นลัทธิสำหรับแฟน ๆ หลายคนของผลงานของ "King of Horrors" และตอนนี้ - การดัดแปลงภาพยนตร์ที่รอคอยมานานซึ่งโดยหลักการแล้วถือว่าไม่เหมาะสำหรับการดัดแปลงภาพยนตร์

หนังค่อนข้างชวนให้นึกถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์” ยามราตรี"และนวนิยายของ Vladislav Krapivin ในเวลาเดียวกัน (โดยทั่วไปความขัดแย้งในครอบครัวทำให้เกิดความรู้สึกเดจาวูกับเรื่องราวของ Krapivin" Three from the Carronade Square ") เด็กชาย Jake มีพรสวรรค์ในการมีญาณทิพย์และพลังพิเศษที่ไม่จำเป็นสำหรับพ่อแม่ ผู้ทรมานเด็กอย่างไร้ค่า - ชายในชุดดำ - ต้องการใช้เพื่อทำลายเสาหลักของจักรวาล วายร้ายโจมตี Dark Tower อย่างไม่ซับซ้อนด้วย "น้ำตาเด็ก" ใส่สายพาน โชคดีที่เด็กชายไปขวางทาง Archer Roland และพวกเขาร่วมกันจัดการต่อสู้เพื่อสันติภาพที่ไม่มีหินใดเหลืออยู่

ทั้งหมดนี้น่าประทับใจ เจตนาดี ปรมาจารย์มาก - ด้วย ค่านิยมของครอบครัวและปกป้องหอคอยซึ่งเป็นศูนย์รวมความดีของโลกจากความชั่วร้ายของโลก มีฉากในพันธสัญญาใหม่ทั้งหมดในภาพยนตร์ - การจู่โจมโดยคนใช้ของวายร้ายในหมู่บ้านเพื่อค้นหาเด็กชายที่ฆ่าเด็กทุกคนที่พวกเขาพบ - น้ำบริสุทธิ์การสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์

อย่างไรก็ตามตามความถูกต้องทางเชื้อชาติของฮอลลีวูด Arrow ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นตามตัวละครของ Clint Eastwood ในภาพยนตร์ของ Sergio Leone รับบทโดย ... Idris Alba นักแสดงผิวดำ ในนิวยอร์ก แน่นอนว่าเขาดูไม่เหมือนอัศวินจากคำสั่งโบราณจากมิติอื่นของโลก แต่เหมือนก๊อปนิก "จากเขต" นั่นแหละ เขาจะเริ่มแร็ป

แต่ตัวร้ายแน่นอนว่าต้องขาวและมีมารยาทแบบผู้ดีอย่างแท้จริงอย่างแน่นอน ดังนั้น Matthew McConaughey ซึ่งเพิ่งได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ท้าชิงบทบาทของ Shooter เองก็เข้าสู่มุมมืด - แน่นอนว่าความชั่วร้ายต้องเป็นสีขาวด้วยคุณสมบัติที่ละเอียดอ่อนและการประชดประชันที่ประณีต

ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมโดยรวม สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้อ่านต้นฉบับ - นวนิยายของ Stephen King ซึ่งโดยทั่วไปเกี่ยวกับสิ่งอื่น นี่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการค้นหาความลับของจักรวาล ถ้าไม่ใช่พระเจ้า และไม่มีบีเวอร์ปะทะลาอีกต่อไป หอคอยมืดเป็นสัญลักษณ์ของเซลติกเก่าแก่ที่เป็นศูนย์กลางของประเพณี ตัวอย่างเช่นเราสามารถจำบทกวีที่มีชื่อเสียงของ W.B. ยีสต์

ได้ยิน: ที่ยามบนหอคอยสีดำ
ไวน์เปรี้ยวและอาหารไม่ดี
แต่โดยไม่ต้องฝันถึงแปรงที่ดีกว่า
นักรบมักจะซื่อสัตย์ต่อคำสาบานของพวกเขา
พวกเขาเฝ้าดูหอคอย:
แบนเนอร์ของศัตรูจะไม่ผ่าน

คนตายยืนอยู่ในโลงศพ เต็มความสูง,
ลมพัดมาจากฝั่ง
กระดูกเก่าดังเอี๊ยด

ป้ายมาขู่ติดสินบน
พวกเขากระซิบว่า: "กษัตริย์ของคุณถูกลืมไปนานแล้ว
ใหม่ขึ้นสู่บัลลังก์แล้ว
คุณสนใจไหม”
แต่ถ้าผุพังไปนานๆ
อะไรที่เอาชนะความกลัวของคุณได้?

ในโลงศพ - แสงสลัวของดวงจันทร์และดวงดาว
ลมพัดมาจากฝั่ง
เสียงคำรามของลมกรรโชกแรง
กระดูกเก่าดังเอี๊ยด

แม่ครัวเก่าของเราว่าไงกับรุ่งอรุณแรก
ปีนขึ้นไปจับนกด้วยบ่วง
เขายืนยันกับเราและสาบานกับเราว่า:
เหมือนเขาหลวงเป่า
ทุกอย่างจะโกหกเก่า!
กองทัพของเราปฏิบัติตามคำสาบาน

ความมืดแห่งรัตติกาลปกคลุมโลงศพ
ลมพัดมาจากฝั่ง
เสียงคำรามของลมกรรโชกแรง
กระดูกเก่าดังเอี๊ยด

(แปลโดย อ. เซเรเบรนนิคอฟ)

แต่หอคอยที่เป็นภาพลักษณ์ของประเพณีและความรู้นั้นอยู่นอกเหนือขอบเขตทางจริยธรรมโดยสิ้นเชิง ในนวนิยายของคิง The Shooter หลังจากพูดคุยกับชายในชุดดำ (ซึ่งไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นผู้นำทาง) ก้าวข้ามความตายของเด็กชาย Jake อย่างง่ายดายและรีบเร่งค้นหาความลับต่อไป ความคิดที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าอย่างหมดจด - ความรู้ (โดยพื้นฐานแล้ว - ลึกลับ) นั้นสูงกว่าความดี มโนธรรม และชีวิต

เส้นทางความรู้ทางปัญญานี้จบลงค่อนข้างแย่ เมื่อถึงจุดสิ้นสุดของเรื่อง Roland ได้ค้นพบเบื้องหลังประตูบานสุดท้าย ... จุดเริ่มต้นของเรื่องราวและตกอยู่ในความทรงจำที่ถูกลบไป วงกลมใหม่กระรอกวิ่งในวงล้อ ไม่มีความจริงที่สูงกว่า ระดับสูงไม่ มีเพียงอัตตาที่หายไปเป็นวงกลมไม่รู้จบเท่านั้น

รูปถ่าย: www.globallookpress.com

ฮีโร่ของพระราชาย้ำคำสอนของมือปืนตลอดเวลา:

"ฉันไม่ได้เล็งด้วยมือของฉัน
ผู้ที่เล็งด้วยมือของตนก็ลืมหน้าบิดาของตน
ฉันเล็งด้วยตาของฉัน
ฉันไม่ยิงด้วยมือของฉัน
คนที่ยิงด้วยมือของเขาลืมหน้าพ่อของเขา
ฉันยิงจิตใจ
ฉันไม่ฆ่าด้วยอาวุธ
ผู้ที่ฆ่าด้วยอาวุธก็ลืมหน้าบิดาของตน
ฉันฆ่าด้วยหัวใจของฉัน”

นักแปลภาพยนตร์ที่งี่เง่าของเราสร้างมันขึ้นมาใหม่เป็น "ทำให้พ่อของเขาอับอาย" แต่แน่นอนว่ามันไม่เกี่ยวกับปรมาจารย์ปรมาจารย์ แต่เกี่ยวกับจักรวาลที่หันหลังให้กับผู้สร้าง เทพนิยายของสตีเฟน คิง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกที่มีประเพณีและเกียรติยศ แต่ผู้ที่หลงลืมพระพักตร์ของพระบิดาและจมอยู่ในความสิ้นหวังของการหมุนเวียนชั่วนิรันดร์

ความไม่สอดคล้องกับหนังสือของกษัตริย์และความดั้งเดิมตกเป็นของ "Dark Tower" ประดิษฐ์ด้วยการยิง ดอกไม้ไฟ และแฮร์รี่ พอตเตอร์มือใหม่ ใจดีกว่า มีมนุษยธรรมมากกว่า และเข้าใกล้ค่านิยมของคริสเตียนมากขึ้น ถ้าในสมัยใหม่ วัฒนธรรมตะวันตกที่อื่นมีป้อมปราการแห่งค่านิยมคริสเตียนที่เรียบง่ายและดีต่อสุขภาพอยู่ในหอคอยมืดของฮอลลีวูด อย่างไรก็ตามจากนั้นพวกเขาก็ถูกบีบออกได้สำเร็จ

ดูรายการทีวี Tsargrad "โรงภาพยนตร์กับ Kholmogorov"

ฉันไม่ได้เล็งด้วยมือของฉัน คนที่เล็งด้วยมือของเขาลืมหน้าพ่อไปแล้ว ฉันเล็งด้วยตาของฉัน ฉันไม่ได้ยิงด้วยมือของฉัน ผู้ที่ยิงด้วยมือของเขาลืมหน้าพ่อของเขาไปแล้ว ฉันยิงจิตใจ ฉันไม่ฆ่าด้วยปืนลูกโม่ คนที่ฆ่าด้วยปืนลืมหน้าพ่อไปแล้ว ฉันฆ่าด้วยหัวใจของฉัน
เอส. คิง "หอคอยแห่งความมืด".

ถ้วยคริสตัลและถ้วยเงิน
เต็มไปด้วยไวน์แดง ราวกับเลือดแดง...
ขนมปังปิ้งถูกยกขึ้น...ม้าใส่อาน...และถึงเวลาของเรา...
ไม่ใช่ความจริงที่ว่าเราทุกคนจะกลับไป
อัศวินคนสุดท้ายของ Eld เป่าแตรของพวกเขา
วันนี้จะหนักเหมือนเมื่อวาน
และเราเลือกจากถนนสายอื่นนับพัน
ถนนสู่ทุ่งกุหลาบใกล้หอคอยทมิฬ
Scarlet King ส่งข้ารับใช้แห่งความมืดมาหาเรา
รังสีที่ยึดครองโลกกำลังฆ่าเวลา
เรากำลังรอการทรยศ เลือด และความเจ็บปวด
การสูญเสียเพื่อนและคนที่รัก คำสาบานเป็นภาระ
เป็นเวลานานที่ปืนพกสามารถเปลี่ยนใบมีดได้
แต่เมื่อเห็นลูกหลานของอาเธอร์ผู้คนก็เชื่อในตัวเรา
อัศวินคนสุดท้ายของ Eld เรียกว่า Arrows
คุณทำสิ่งที่คุณต้องทำ ... แล้ว? - และจะเป็นอะไร!

บทวิจารณ์

ดูเหมือนว่าคุณได้เพิ่มสิ่งใหม่ให้กับไตรภาคเกี่ยวกับ Dark Tower และ Arrow .. :) แต่ก็ดีเช่นกัน :)
สำหรับฉันแล้ว Dark Tower นั้นผสมผสานความรู้สึกกับ Talisman (แม้ว่าจะแตกต่างกัน แต่หนังสือเหล่านี้) ... เส้นนั้นไม่มั่นคง ...
แต่บรรทัดสุดท้ายของคุณเกี่ยวกับนายพลคนนี้ :)

ใช่ ฉันเข้าใจ - ที่นั่น ในหนังสือสองเล่มนี้ มีสปริงหนึ่งอัน ไม่ใช่สปริงในนาฬิกาปลุก แต่เป็นสปริงหลักใน อาวุธปืน..ไม่นับเวลาแต่เปลี่ยนครับ....

หนึ่งในหนังสือเล่มโปรดที่สุด :))) "The Dark Tower" หลงใหลเมื่อหลายปีก่อน ... 12 ปีที่แล้ว :)) จากนั้นหลังจากอ่านหนังสือเล่มที่สี่ฉันก็ให้ทุกคนมองหาหนังสือเล่มต่อไป :)) ) ใครจะไปรู้ว่า King เขียน "The Tower" มาตลอดชีวิต ... ตอนนี้ทุกอย่างเสร็จแล้ว ... เจ็ดเล่ม ... เลขอาถรรพ์เช่นเดียวกับตัวงานเอง

ขอบคุณสำหรับการตอบรับ...

และฤดูใบไม้ผลิ ... เรารักน้ำพุ ... มีคนอยู่กับฉัน ... น่าจะเป็นเธอเช่นกัน ... ไม่ใช่จากนาฬิกาปลุก :)))

ฉันไม่ใช่ท่อนเหล็ก - สปริง
ฉันงอไม่ได้หมายความว่ายอมแพ้
ฉันยอมจำนนและไม่เปลี่ยนแปลง
จนกว่านิ้วของคุณจะเมื่อยล้า

ขอบคุณ ... ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามีหนังสือเจ็ดเล่ม ... และเป็นเวลานานฉันคิดว่าถ้าเป็นไตรภาคก็จะเป็นเช่นนั้นตลอดไป .. แต่ปรากฎว่ายังมี ..
ฉันจะมองหา

ผู้เข้าชมพอร์ทัล Potihi.ru ในแต่ละวันมีผู้เยี่ยมชมประมาณ 200,000 คนซึ่งมียอดดูมากกว่าสองล้านหน้าตามตัวนับการเข้าชมซึ่งอยู่ทางด้านขวาของข้อความนี้ แต่ละคอลัมน์ประกอบด้วยตัวเลขสองตัว ได้แก่ จำนวนการดูและจำนวนผู้เยี่ยมชม

เอ๊ะ ... การถอนหายใจอย่างหนักนี้เกิดจากการดูภาพยนตร์ที่รอคอยมานานของ "The Dark Tower" โดย Stephen, ours, King ฉันเข้าใกล้การคัดกรองในฐานะคนที่ไม่สามารถอ่านหนังสือเล่มแรกได้ด้วยซ้ำ เพราะมันน่าเบื่อสุดๆ และถึงแม้จะมีเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยเช่นนี้ (และไม่มีความคาดหวังใดๆ) ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ฉันผิดหวังมากเป็นพิเศษ

โลกของเราไม่ได้มีอยู่เพียงแห่งเดียว คู่อริร่วมสาบาน Roland Deschain ซึ่งเป็นมือปืนคนสุดท้ายในลำดับ และ Walter O'Dimm หรือที่รู้จักในชื่อ Man in Black กำลังต่อสู้ดิ้นรนกันมานาน เดิมพันด้วย Dark Tower ในตำนาน ที่มั่นสุดท้ายและความหวังของจักรวาล หากไม่มีสิ่งนี้ โลกจะจมดิ่งสู่ความโกลาหลและการทำลายล้างโดยสิ้นเชิง กองกำลังแห่งความดีและความชั่วร้ายถูกกำหนดให้ปะทะกันในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เพราะ Roland Deschain เป็นคนเดียวที่สามารถหยุดชายในชุดดำได้ก่อนที่เขาจะทำลาย Dark Tower

ใช่ ในส่วนที่เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันขี้เกียจเกินกว่าจะบรรยายเนื้อเรื่องสั้น ๆ ด้วยคำพูดของฉันเอง พล็อตตัวเองแย่ และไม่ดี ไม่ใช่เพราะ "ไม่มีในหนังสือ!!!" แต่เป็นเพราะมันซ้ำซากและน่าเบื่ออย่างน่าขนลุก ตลอดทั้งเรื่อง ชายในชุดดำกำลังมองหาเด็กที่จะทำลายหอคอย และมือปืนกำลังมองหาชายในชุดดำเพื่อแก้แค้น ทั้งหมด. หนังไม่ไปไกลกว่านี้ และมันน่าอายเป็นบ้า แม้จะไม่คำนึงถึงแหล่งที่มาดั้งเดิมมากนัก แต่ใคร ๆ ก็สามารถคิดสิ่งที่น่าสนใจกว่านี้ได้ แต่ฉันจะให้เครดิตมีเรื่องตลกที่ดีที่นี่

ประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันมากที่สุด: นักแสดงและการแสดงของพวกเขา ฉันจะบอกทันทีว่าตั้งแต่เริ่มต้นฉันอยู่ข้าง Idris Elba เขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม และอย่างน้อยเขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วกับ Luther, Beasts of No Nation และ Long Road to Freedom และเนื่องจากฉันไม่ได้อ่านหนังสือ ฉันจึงไม่สนใจสีผิวของเขาเลย และหลังจากดู ฉันขอประกาศด้วยความรับผิดชอบทั้งหมด: Idris Elba สมบูรณ์แบบสำหรับบทบาทของ Strelka อย่างน้อยก็ในร่างอวตารในภาพยนตร์ของเขา มือปืนในเวอร์ชันภาพยนตร์คือชายผู้ซึ่งสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นผู้ทำลายล้าง และตอนนี้เขาถูกครอบงำด้วยความกระหายที่จะล้างแค้น และแม้แต่จุดประสงค์ของมือปืนก็คือการใส่มันลงบนกลองอย่างอ่อนโยน และเอลบาก็เหมาะกับบทบาทของมือปืนคนนี้เป็นอย่างดี ชายในชุดดำโดย Matthew Macanagi ที่ทุกคนชื่นชอบกลับกลายเป็นเรื่องแปลกเล็กน้อย Walter Padik ที่นี่ทำให้ฉันนึกถึง Killgrave จาก Jessica Jones แต่ด้วยเฉดสีของ Voldemort แม้ว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ เขาจะเตือนฉันด้วยพฤติกรรมของเขา ... Shaitanych จาก Hottabych กับ Tolokonnikov แต่ Makanagi ลากเสน่ห์ของเขาไม่มีคำถามสำหรับเขา แต่แผนสองไม่มีความสุขเลย เจคไม่มีสาระและดูคล้ายกับเอเคอร์ แม่ของเขา ซึ่งแสดงโดยแคเทอรีน วินนิค เข้ากันได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าแคเธอรีนจะสวยก็ตาม Jackie Earle Haley และ Abbey Lee มาก นักแสดงที่มีความสามารถผลักเข้าไปในฉากหลัง เช่นเดียวกับเดนนิส เฮย์สเบิร์ต ซึ่งปรากฏตัวเพียงสองฉากเท่านั้น

ด้านเทคนิคของหนังก็เช่นกัน พูดเบาๆ ก็ไม่ค่อยดีนัก ทั้งหมดนี้อาจถูกตัดออกจากงบประมาณ แต่มีสองสิ่งในภาพยนตร์ที่ไม่อนุญาต:

อย่างแรกคือไม่มีเอฟเฟกต์พิเศษหรือฉากในภาพยนตร์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก มีสถานที่แปลกตาไม่กี่แห่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ และฉากแอ็คชั่นที่เหลือเกิดขึ้นในนิวยอร์ก เอฟเฟ็กต์พิเศษมีเพียงการระเบิดสองสามครั้ง สัตว์ประหลาดสองสามตัว และดนตรีเบา ๆ อื่น ๆ

ประการที่สองคือความมืด แอ็คชั่นเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นในตอนกลางคืนหรือในที่มืด และมันยากสำหรับคุณที่จะดูด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนยิงใส่ใคร สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าสิ่งนี้ทำขึ้นโดยเจตนาเพื่อซ่อนความอนาถของกราฟิก และมันทำให้โกรธมาก

นอกจากนี้ ดนตรียังน่าผิดหวังอย่างมาก และเป็นเพียงเสียงที่ดังมาก ด้านที่ไม่คาดคิดเนื่องจาก Tom Holkenborg หรือที่รู้จักกันในชื่อ Junkie XL เป็นผู้รับผิดชอบด้านดนตรี ซาวด์แทร็กไม่สื่อความหมายและไม่น่าจดจำเลย ซึ่งก็แปลก เพราะฉันฟังเพลงประกอบของ Mad Max to the holes ภาคที่แล้ว นั่นเป็นการแทงข้างหลังจริงๆ

และอาจเป็นข้อเสียเปรียบหลักที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ตายสำหรับฉันคือความเบื่อ เบื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้น พวกเราสี่คนไปดูภาพยนตร์ ผลที่ตามมาคือ คนหนึ่งหลับไปครึ่งเรื่อง คนที่สองก็หลับเป็นบางครั้ง และคนที่สามก็คุยกันตลอดทั้งเรื่อง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่แสดงบนภาพยนตร์ หน้าจอและปีนขึ้นไปบนโทรศัพท์ และสำหรับภาพยนตร์ที่ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ สำหรับฉันแล้ว ดูเหมือนว่านี่คือโทษประหาร โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรจะพูดเพิ่มเติม ภาพยนตร์ที่น่าสะอิดสะเอียนและน่าเบื่อหน่ายแต่มีศักยภาพที่ห่วยแตก หนังฟอร์มยักษ์เล็ก ๆ การกระทำทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการใช้ปืนลูกโม่แบบเล็งอัตโนมัติ และสุดท้าย ผมอาจจะชี้ให้เห็นว่าผมไม่อยากโทษผู้กำกับ Nikolai Arcel ในเรื่องใดๆ เพราะในแง่ของงานกำกับแล้ว หนังไม่ได้แย่อะไรมากมาย เขาเพิ่งได้รับสคริปต์ที่น่ากลัวซึ่งในขณะถ่ายทำดูเหมือนสัตว์ประหลาดของแฟรงเกนสไตน์และนิโคไลเองในฐานะผู้มาใหม่ในฮอลลีวูดก็ไม่มีโอกาสมีอิทธิพลต่อสถานการณ์มากนัก โดยทั่วไปแล้ว ไปที่ Atomic Blonde ดีกว่า

ป.ล.
ฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมสยองขวัญถึงจัดอยู่ในประเภท? ความน่ากลัวจากคุณภาพของหนังบางที

ป.ป.ส.
ก่อนหนัง The Dark Tower จะเข้าฉาย จู่ๆ ตัวอย่างหนัง The Dark Tower ก็โผล่มา!!! อาจจะชอบ พรมแดนสุดท้ายพวกเขาพูดว่า “ไอ้หนู คุณไม่เข้าใจหรอกว่าคุณไปดูหนังเรื่องอะไรมา? ออกไปจากที่นี่ก่อนที่จะสายเกินไป!!!

ป.ป.ส.
อย่างไรก็ตามการพากย์ของเราก็ทำได้ดีอีกครั้งและสร้างลัทธิใหม่ "ลืมใบหน้าของพ่อ" ใน "ทำให้พ่อของเขาเสื่อมเสีย"