ซุสและครอบครัวของเขา เทพเจ้าแห่งกรีกโบราณซุส - เทพเจ้าแห่งฟ้าร้องดูเหมือนตำนานการกำเนิดของซุส

เทพเจ้าแห่งกรีกโบราณ Zeus เป็นที่รู้จักในฐานะเทพเจ้าองค์หลักของ Olympian ปกครองโลกทั้งโลก ท้องฟ้า ฟ้าร้องและสายฟ้า เทพเจ้าแห่งกรีกโบราณ Zeus มีความเกี่ยวข้องกับหินและโชคชะตาที่แท้จริง นี่เป็นเหตุผลที่ผู้คนได้รับการปกป้องจากเขา: การขอและการอธิษฐาน ซุสไม่เพียงเชื่อฟังอาสาสมัครเท่านั้น แต่ยังเชื่อฟังกษัตริย์และเทพเจ้าอื่น ๆ ด้วย

เทพเจ้ากรีกโบราณซุส

เทพเจ้ากรีกแยกแยะระหว่างความดีและความชั่ว แนะนำผู้คนให้รู้จักแนวคิดเรื่องความละอายใจและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี Zeus เทพเจ้าสูงสุดของ Olympus มีพี่น้องสามคนซึ่งเขาแบ่งปันอำนาจด้วย ที่ตั้งของพระเจ้าคือ Mount Olympus เนื่องจากปรมาจารย์ของ Zeus ถูกเรียกว่า Olympian พลังของผู้อุปถัมภ์ไม่พอใจพระเจ้าอื่น ๆ เพราะพวกเขาพยายามที่จะโค่นล้มเขาจากบัลลังก์ พวกเขาทำรัฐประหารไม่สำเร็จ ดังนั้น ผู้ฝ่าฝืนทั้งหมดจึงถูกลงโทษ

เทพเจ้าซุสมีลักษณะอย่างไร?

เทพเจ้าแห่งกรีกโบราณ ซุสเป็นบิดาของมนุษย์และเทพเจ้าทั้งปวง และเทพปกรณัมโรมันระบุว่าพระองค์คือดาวพฤหัสบดี ขอบคุณ Zeus กรีซมีระเบียบทางสังคมที่มั่นคง คำอธิบายดั้งเดิมของเทพเจ้าซุสเป็นภาพของชายผู้ใหญ่ที่มีใบหน้าสูงส่ง ผมหยิกหนาราวกับหิมะ หนวดเคราและค่ายทรงพลังที่แข็งแกร่ง แขนเรียวแข็งแรง ศิลปินในยุคต่อมาได้พรรณนาถึงพระเจ้าด้วยรูปลักษณ์ที่หลากหลาย โดยในบรรดารูปลักษณ์ของซุสนั้นดูเหมือนเป็นผู้หลอกลวงผู้หญิง ซึ่งเป็นตัวละครในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ

Zeus อุปถัมภ์อะไร?

บุตรชายคนที่สามของโครนอสนั้นแตกต่างจากเหล่าทวยเทพคนอื่นๆ เขาไม่เพียงเป็นผู้นำที่ยุติธรรม ซื่อสัตย์ และเหมาะสมเท่านั้น แต่ยังรับผิดชอบต่อสวัสดิภาพของประชากรทั้งหมดด้วย งานหลักของ Zeus คือ:

• ปกป้องชีวิตในเมือง
• ป้องกันความยุ่งเหยิงและความโกลาหล
• นำชีวิตไปในทิศทางที่ถูกต้อง
• ปกป้องทุกคนที่ขุ่นเคืองใจ
• ปกป้องครอบครัวเตาไฟ
• ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายและการปฏิบัติตามศุลกากร

นี่ไม่ใช่รายการทั้งหมดที่ Zeus รับผิดชอบ เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและฟ้าร้องของกรีกโบราณสามารถแก้ปัญหาเร่งด่วนใด ๆ สงบและปลอบโยนทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือในช่วงชีวิตของเขา ต้องขอบคุณ "พลัง" ของเขาที่ทำให้ทุกคนมั่นใจว่าความยุติธรรมจะมีชัยเหนือเสมอ พลังงานของพระเจ้าแผ่กระจายไปทั่วโอลิมปัสและยินดีกับความบริสุทธิ์ของมัน

คุณลักษณะของเทพเจ้าซุส

คุณลักษณะแต่ละอย่างทำให้ Zeus เป็น Thunderer และเป็นส่วนสำคัญของภาพรวม การเชื่อมโยงหลักกับ Zeus คือสายฟ้าซึ่งอยู่ในมือของผู้อุปถัมภ์และทำหน้าที่เป็นอาวุธสำคัญ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่คุณลักษณะทั้งหมดของพระเจ้า

1. สัญลักษณ์แห่งอำนาจประการแรกและประการหนึ่งคือนกอินทรีซึ่งเกี่ยวข้องกับซุส
2. โล่ของ Zeus เป็นสัญลักษณ์ของความโกรธและความเดือดดาล
3. รถม้าลากโดยนกอินทรี
4. คทา
5. ค้อนหรือห้องปฏิบัติการ

ครอบครัวซุส

Zeus อยู่ในรุ่นของไททัน โครนอสพ่อของเขารู้ตั้งแต่ก่อนเกิดว่าลูกชายของเขาจะล้มล้างอำนาจของพ่อ ดังนั้นเขาจึงกลืนทารกทุกคนที่เกิดมาเพื่อรีอา ตามตำนานการกำเนิดของ Zeus แม่ของเขาหลอก Kronos และให้กำเนิดทารกโดยซ่อนมันไว้ เป็นไปไม่ได้ที่จะทราบสถานที่เกิดที่แน่นอนของเด็ก แต่เกาะครีตถือเป็นผู้นำในทุกรุ่น เพื่อให้ Kronos ผู้ชาญฉลาดไม่ได้สังเกตเห็นการเกิดของลูกชายเขาจึงต้องกลืนก้อนหินลงในผ้าอ้อม ซุสที่เกิดหัวเราะเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ - หลังจากนั้นหมายเลข 7 ก็เริ่มถือว่าศักดิ์สิทธิ์

ตำนานของชาวครีตันยืนยันว่า Zeus ถูกเลี้ยงดูโดย Curetes และ Corybantes เลี้ยงด้วยนมแพะและกินน้ำผึ้งผึ้ง เป็นการยากที่จะพิจารณาว่าข้อมูลนี้เป็นข้อมูลจริงเพียงข้อมูลเดียว ตำนานอีกฉบับหนึ่งกล่าวว่าเด็กผู้ชายที่เลี้ยงด้วยนมแพะได้รับการคุ้มกันโดยยามทุกนาที ในกรณีที่เด็กร้องไห้ ผู้คุมก็ใช้หอกกระแทกกับโล่เพื่อหลอกให้โครนอสได้ยิน

เทพเจ้าที่เติบโตแล้วได้สร้างยาวิเศษซึ่งเขาได้ปลดปล่อยพี่น้องของเขาจากโครนอส พี่ชายผู้ยิ่งใหญ่เริ่มทะเลาะกับพ่อนานถึง 9 ปี หลังจากนั้นไม่นานก็ไม่สามารถตัดสินผู้ชนะได้ แต่ Zeus the Thunderer ผู้รอบรู้พบทางออกโดยปลดปล่อย Cyclopes และ Hundred-armed พวกเขาช่วยดึงไททันลงมาและดึงเขาลงมา หลังจากการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ ในที่สุดสามพี่น้องก็เข้ายึดครองเกาะแห่งนี้

พ่อของซุส

ตามตำนานกรีกโบราณ โครนอสเป็นเทพสูงสุด อีกฉบับหนึ่งยืนยันว่าโครนอส เทพเจ้าแห่งไททันส์ บิดาของซุสเป็นเทพเจ้าแห่งการเกษตร ถูกระบุร่วมกับโครโนส รัชกาลของโครนอสถือเป็นยุคทองของกรีก คุณสมบัติหลักของ Kronos คือเคียว โครนอสเป็นเทพเจ้าสูงสุด และด้วยความอาวุโส เขาจึงได้ขึ้นเป็นกษัตริย์

แม่ของซุส

แม่ของเทพเจ้า Zeus Rhea ถือเป็นเทพีแห่งโลกเป็น Titanide และเป็นลูกสาวของ Gaia และ Uranus Rhea เป็นแม่ของ Hestia - เทพีแห่งเตาไฟ, Demeter - เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ - เทพีแห่งครอบครัว, Hades, Poseidon, Zeus Rhea เป็นที่จดจำในตำนานว่าเป็นไททาไนด์ที่กล้าหาญและกล้าหาญซึ่งสามารถขัดต่อความต้องการของสามีของเธอโดยการให้กำเนิดลูกอย่างลับๆ Rhea มีพลังแห่งการรักษาซึ่งเป็นประโยชน์กับเธอเพื่อช่วยชีวิต Dionysus

ภรรยาของซุส

ตามตำนานบางตำนาน Zeus ผูกพันกับ Thetis มาก เขาต้องการแยกทางกับภรรยาเพื่อเห็นแก่เธอ อุปสรรคเดียวของสิ่งนี้คือคำทำนาย ซุสล่อลวงผู้ที่ถูกเลือกให้มีรูปร่างต่าง ๆ : หงส์, วัว, งู, ฝน, มด, นก, ด้วง ซุสไม่ได้โดดเด่นด้วยความมั่นคงและมีภรรยาและคู่รักมากมายในหมู่พวกเขา:

• เมทิสเป็นภรรยาคนเดียวของซุสที่ถูกกลืนกิน
• ธีมิส;
• เกรา - ภรรยาคนสุดท้ายพระเจ้า
• ดีมีเตอร์;
• ธีบ;
• พเธีย;
• ไอโทส ;
• แกนีมีด
• คัลลิรอย.

บุตรแห่งซุส

ซุสมีส่วนในการให้กำเนิดบุตรชายที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งสร้างรอยประทับในประวัติศาสตร์ของตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณ แต่ลูกชายที่แข็งแกร่งและกล้าหาญนั้นตรงกันข้ามกับลูกสาวที่อ่อนโยน ฉลาดหลักแหลม และอุดมสมบูรณ์ของซุส บุตรของซุสคือ:

• อีรอส เทพแห่งความรักที่เกิดจากแอโฟรไดท์;
• เทพเจ้าแห่งมวยปล้ำ Ares;
• Hephaestus เทพเจ้าแห่งไฟผู้อุปถัมภ์ช่างตีเหล็ก
• Hermes ผู้อุปถัมภ์การค้า;
• Sabazius ทารกที่มีเขา;
• เทพเจ้าแห่งไวน์ Dionysus;
• อพอลโลเป็นบุตรของซุส เทพแห่งแสง ดนตรี การแพทย์
• นกเอี้ยงพาน;
• ผู้อุปถัมภ์ฝูงแพน;
• คาร์โปส.

ลูกสาวของเทพเจ้าซุส

ซุสเป็นบิดาของเทพธิดาส่วนใหญ่ที่โลกรู้จัก ตามจำนวนของพวกเขา แบ่งออกเป็นกลุ่มตามงานที่ทำ

1. 9 Muses of Zeus นำโดย Euterpe, Thalia, Melpomene, Terpsichore, Erato, Polyhymnia, Urania และ Calliope เหล่าเทพธิดามีหน้าที่รับผิดชอบด้านวิทยาศาสตร์ บทกวี และศิลปะ
2. การกุศลรับผิดชอบความสนุกสนานความสุขในชีวิตและความสุข
3. มอยรารวมถึง Cloto, Atropos, Lachesis - รับผิดชอบ
4. Orami ควบคุมฤดูกาล
5. Erinyes กระทำการแก้แค้นและการกบฏ
6. ผู้อาวุโส ได้แก่ Telksiope, Aeda, Arch และ Melet

กรีก พระเจ้าซุสเป็นเจ้าแห่งแผ่นดินและคุกใต้ดิน พิพากษาคนตาย ซุสที่ยุติธรรมและแข็งแกร่งได้แสดงทั้งการกระทำที่ดีและการกระทำที่แท้จริงในนามของความดีส่วนรวม ซุสไม่ได้เป็นเพียงเทพเจ้าผู้สูงสุด ผู้อุปถัมภ์ และผู้นำที่แท้จริงเท่านั้น เขายังเป็นสัญลักษณ์ของความรักฉันพี่น้อง ความเฉลียวฉลาดและตรรกะ ตั้งแต่อายุยังน้อย Zeus แตกต่างจากคนรอบข้างในความกระหายที่จะมีชีวิตอยู่ ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและชัยชนะ ไททันในตำนานเป็นนักสู้ที่แท้จริงและเป็นผู้สร้างระเบียบทั่วไป

พ่อในอนาคตของ Zeus Kronos หรืออย่างอื่น - Kronos เป็นเด็กที่ยากลำบากตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาเริ่มต้นด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าเขาตัดตอนยูเรนัสพ่อของเขาเองด้วยเคียว จริงอยู่ เขาทำสิ่งนี้ตามคำยุยงของไกอา แม่ของเขา ซึ่งหมดแรงเพราะภาวะเจริญพันธุ์ที่ไม่ย่อท้อของสามี มาตรการที่รุนแรงดังกล่าวมีผล และตั้งแต่นั้นมาไททันซึ่งเป็นเจ้าของ Kron ก็กลายเป็นจ้าวแห่งจักรวาลอย่างแท้จริง

เด็กยาก

ควรสังเกตว่าดาวมฤตยูมักโชคร้ายที่มีลูกหลาน ในตอนแรก สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเกิดจากการแต่งงานกับไกอาซึ่งทำให้พ่อแม่ของพวกเขาหวาดกลัว ในหมู่พวกเขามีสัตว์ประหลาดเช่น hecatoncheirs ร้อยอาวุธและห้าสิบหัวและยักษ์ตาเดียว - ไซคลอป เราจะพูดถึงสิ่งเหล่านั้นและอื่น ๆ ในภายหลัง พวกเขาจะยังคงแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความสามารถอะไร ยูเรนัสหวาดกลัวความแข็งแกร่งและพลังที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของพวกเขาจนเขาคิดว่าเป็นการดีที่จะมัดลูก ๆ ของเขาแล้วโยนพวกเขาลงในทาร์ทารัส จากนั้นสิ่งต่าง ๆ ก็แย่ลงไปอีก พี่สาวไททานิคเจ็ดคนและพี่น้องไททันหกคนเกิดมาซึ่งน้องคนสุดท้องเป็นพ่อในอนาคตของซุสและฮาเดส - โครนัส

ไกอาผู้โชคร้าย หลั่งน้ำตาให้กับลูก ๆ ของเธอที่มีอาวุธครบร้อยตัวนอนอยู่ใต้ดิน ตัดสินใจแก้แค้นดาวยูเรนัส และเพื่อจุดประสงค์นี้จึงเตรียมการจลาจลของไททันและไททาไนด์ พวกเขาทำตามความประสงค์ของแม่ ทำร้ายพ่ออย่างทรยศ ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือหนึ่งในนั้น ชื่อโอเชี่ยน บทบาทพิเศษถูกกำหนดให้กับ Kron ไกอายื่นเคียวที่ทำจากวัสดุทนทานเป็นพิเศษให้เขา (บางทีอาจเป็นเพชรก็ได้) และด้วยเคียวนี้ เขาก็ทำให้พ่อของเขาขาดโอกาสในการผลิตลูกหลานต่อไป โดยวิธีการที่นักประวัติศาสตร์กล่าวว่าสิ่งนี้ค่อนข้างสอดคล้องกับประเพณีของโลกยุคโบราณ - เป็นเรื่องปกติที่จะตัดอวัยวะเพศของศัตรูและบันทึกเป็นรางวัล หลังจากทำตามคำแนะนำของแม่แล้ว โครนัสก็ขึ้นครองโลก

เวลาอันสง่างามของเฮลลาส

ตามคำให้การของกวีคนแรกในประวัติศาสตร์กรีกโบราณที่เชื่อถือได้ Hesiod ช่วงเวลาที่บิดาในอนาคตของ Zeus ปกครองโลกเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประวัติศาสตร์ในตำนานไม่ทราบ ตามที่เขาพูดผู้คนเป็นเหมือนเทพเจ้าและไม่รู้จักความเศร้าโศกหรือความโศกเศร้า ทำงานทุกวัน. เนื่องจากฉันไม่ต้องทำงาน แต่ฉันก็ยังต้องการที่จะครอบครองตัวเองกับบางสิ่งบางอย่างลูกชาย เฮลลาสโบราณแบ่งเป็นกวี จิตรกร และประติมากร ดังนั้นยุคที่อุดมสมบูรณ์ทำให้มนุษย์มีผลงานศิลปะชิ้นเอกนับไม่ถ้วน

กินลูกตัวเอง

บิดาในอนาคตของเทพเจ้า Zeus Kronos ได้ขึ้นครองราชสมบัติและได้แต่งงานกัน ในฐานะภรรยาของเขาเขาพาน้องสาวของเขา - ไททาไนด์ Rhea แต่การแต่งงานครั้งนี้แทบจะไม่สามารถเรียกได้ว่ามีความสุขและไม่ใช่เลยเพราะเขาเป็นญาติกัน - ในตำนานนี่เป็นเรื่องธรรมดา ไกอาแม่ของเขาซึ่งเป็นสตรีที่ฉลาดและมองการณ์ไกลเตือนว่าลูกชายในอนาคตของเขาจะทำกับเขาแบบเดียวกับที่เขาทำกับยูเรนัสพ่อของเขา: หากเขาไม่ตอน เขาก็จะสูญเสียอำนาจอย่างแน่นอน ไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่านี้แล้วสำหรับ Kron และเขาคิดอย่างหนักเกี่ยวกับวิธีช่วยความเศร้าโศก

บางทีผู้ปกครองสมัยใหม่อาจเลือกเส้นทางอื่น แต่เทพเจ้าโบราณมีความคิดของตนเองว่าอะไรถูกอะไรผิด Kron ไม่ได้คิดเป็นเวลานาน แต่ก็กินทารกทั้งหมดที่ Rhea สร้างขึ้นอย่างมากมาย “ครั้งแล้วครั้งเล่า มารยาท!” - นี่คือวิธีที่ซิเซโรนักปรัชญาชาวโรมันจะอุทานหลังจากผ่านไปหลายศตวรรษ แต่สิ่งที่เป็นโครนัสสำหรับชาวโรมันบางประเภท สิ่งสำคัญคือความแข็งแกร่งของอำนาจรัฐ และเพื่อให้บรรลุนั้น เส้นทางทั้งหมดเป็นสิ่งที่ดี

พ่อของ Zeus ถูกภรรยาของเขาหลอก

แต่มีเพียงชายคนหนึ่งเท่านั้นที่ตาบอดด้วยความรุ่งโรจน์ของรัศมีภาพเท่านั้นที่สามารถโต้เถียงเช่นนั้นได้ ภรรยาของเขาไม่เห็นด้วยกับมุมมองดังกล่าวเลย และวันหนึ่ง เมื่อได้รับการปลดเปลื้องจากภาระอีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจช่วยชีวิตลูกของเธอ แทนที่จะเป็นเหยื่อรายอื่น เธอกลับโยนหินโครนาที่ห่อด้วยผ้าอ้อม ความกลัวที่เกิดจากการทำนายของแม่กลายเป็นเรื่องใหญ่หลวงหรือผู้ปกครองโลกไม่เลือกปฏิบัติในเรื่องอาหารมากนัก แต่เขากลืนก้อนหินก้อนนี้ลงไปเหมือนขนมปังหวานและสงบลง

ในขณะเดียวกัน Rhea มีชัยชนะอยู่ในใจ เธอซ่อนลูกของเธอไว้ในถ้ำบนเกาะ Crete ซึ่งเธอเลี้ยงดูเขามา แม้ว่าสามีของเธอจะหลอกลวงก็ตาม เธอตั้งชื่อลูกชายของเธอว่า Zeus และมอบความคุ้มครองให้กับชาว Kurets ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว เป็นปีศาจ แต่ถูกเลี้ยงในบ้านอย่างสมบูรณ์ เฮเซียดที่กล่าวถึงแล้วในเรื่องเล่าว่าพวกเขากลบเสียงร้องและเสียงร้องของทารกด้วยเสียงคำราม ซึ่งช่วยรักษาสถานที่ที่เขาซ่อนไว้เป็นความลับ ภายใต้การดูแลเอาใจใส่ของพวกเขา Zeus วัยเยาว์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สวยงาม และฉลาดอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าได้รับผลกระทบทางพันธุกรรมและการเลี้ยงดู

เคล็ดลับของภรรยาของซุสหนุ่ม

เมื่อถึงวัยอันควร ชายหนุ่มก็ได้แต่งงานกับเมทิสผู้งดงาม ฉันต้องบอกว่าคนที่เขาเลือกนั้นมีแนวโน้มที่จะมีเล่ห์เหลี่ยมตั้งแต่เกิดและต้องการช่วยให้สามีของเธอบรรลุอำนาจสูงสุด ในเวลานี้ Kronos - บิดาของ Zeus - ปกครองโดยไม่สงสัยอะไรเลยและมั่นใจในความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ของเขา มันเป็นความเข้าใจผิดของเขาเองที่เมทิสฉวยโอกาส

เธอได้รับเครื่องดื่มมหัศจรรย์ซึ่ง Zeus แอบให้พ่อของเขาดื่ม มันไม่ใช่ยาพิษธรรมดา แต่เป็นสิ่งที่พิเศษ เมื่อได้ลิ้มรสแล้วพ่อของซุสผู้กระหายเลือดก็รู้สึกคลื่นไส้และเพื่อความสุขอย่างยิ่งของคนรอบข้างเขาสำรอกลูกในอดีตทั้งหมดของเขาออกจากตัวเขากลืนกินเขาตลอดระยะเวลาการแต่งงานของเขา ไม่จำเป็นต้องพูดว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ มีสุขภาพดี และเต็มไปด้วยพละกำลัง... ประวัติศาสตร์ได้รักษาชื่อของพวกเขาไว้: โพไซดอน ฮาเดส เฮร่า ดีมีเตอร์ และเฮสเทีย

สงครามสิบปี

พี่น้องได้รับการปลดปล่อยด้วยวิธีที่น่าอัศจรรย์ซึ่งนำโดยซุสประกาศสงครามกับไททัน - ญาติของพวกเขาซึ่งเกิดจากไกอาและยูเรนัสก่อนที่ฝ่ายหลังจะถูกตอน เนื่องจากโครนัสบิดาของซุสเป็นน้องชายของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นลุงและป้าของกลุ่มกบฏที่ได้รับการช่วยเหลือ มีไททันหกตัวและไททาไนด์หกตัว สงครามกับพวกเขากินเวลาถึงสิบปีและดำเนินต่อไปด้วยความสำเร็จที่แตกต่างกันไป

ซุสมีอาวุธลับ - ไซคลอปส์ซึ่งเขานำออกมาจากส่วนลึกอันมืดมนของทาร์ทารัสในโอกาสที่เกิดสงคราม สิ่งมีชีวิตตาเดียวที่ดุร้ายเหล่านี้ต่อสู้ด้วยความโกรธแค้นและความสิ้นหวัง แต่ไม่สามารถเอาชนะผู้ที่บิดาของซุสตั้งให้เป็นศัตรูกับพวกมันได้ พยานของการต่อสู้ครั้งนี้พูดถึงสายฟ้าที่น่ากลัวที่ตกลงมาจากท้องฟ้าบนไททันและฟ้าร้องที่เขย่าโลก แต่ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ และแล้วจุดเปลี่ยนที่รอคอยมานานก็มาถึงระหว่างการต่อสู้

เมื่อไททันพร้อมที่จะเฉลิมฉลองชัยชนะ ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตเฮคาทอนเชร่าที่มีอาวุธครบร้อยตัวก็ปรากฏตัวขึ้นจากส่วนลึกของโลก ซึ่งซุสได้ช่วยชีวิตไว้ที่นั่นในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด นอกจากแขนหนึ่งร้อยแขนแล้ว แต่ละหัวยังมีอีกห้าสิบหัว สัตว์ประหลาดเหล่านี้ยกหินทั้งก้อนขึ้นไปในอากาศและขว้างใส่คู่ต่อสู้เมื่อเข้าใกล้พอ นักเขียนโบราณไม่อ่านคำอธิบายของความสยองขวัญที่เกิดขึ้นท่ามกลางกองทัพของ Kron พ่อผู้โชคร้าย การแทรกแซงของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ตัดสินผลของคดี - ศัตรูพ่ายแพ้และได้รับความยุติธรรม

กวีนิพนธ์ของกรีกโบราณ

ทุกวันนี้ ผู้คลางแคลงบางคนซึ่งไม่อยากเชื่อถือคำให้การของเฮเซียด โฮเมอร์ และกวีคนอื่นๆ ที่บรรยายเหตุการณ์ในยุคนั้นในผลงานของพวกเขา เห็นว่าในสงครามสิบปีนี้เป็นเพียงภาพสะท้อนของภัยพิบัติทางธรรมชาติซึ่งครั้งหนึ่งเคยโหมกระหน่ำ ดาวเคราะห์. อย่าห้ามปรามพวกเขา - พวกเขาถูกลิดรอนความสามารถในการเพลิดเพลินไปกับการเล่นบทกวีแฟนตาซี ดูเหมือนว่าผู้เขียนโบราณเองไม่ได้อ้างว่าเป็นสารคดีเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำหนดไว้ แต่ด้วยบทกวีของพวกเขาทำให้หัวใจของผู้คนหลายชั่วอายุคนเย็นลง

การเฉลิมฉลองของผู้ชนะ

แต่ขอให้เรากลับไปที่ตีนเขาโอลิมปัส ที่ซึ่งทุกอย่างลุกเป็นไฟและสั่นสะท้านจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เต็มไปด้วยการต่อสู้ที่บ้าคลั่ง ที่นั่นมีความสงบสุขที่รอคอยมานาน พวกไททันตกใจเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่มีอาวุธครบร้อยตัว ตัวสั่นและหนีไป แต่ในไม่ช้าพวกมันก็ถูกโยนลงไปในส่วนลึกของบาดาลโลกและถูกล่ามโซ่ไว้ เทพเจ้าไททันซึ่งเป็นบิดาของซุสมีชะตากรรมร่วมกันและกลายเป็นนักโทษของทาร์ทารัส การครอบงำของพลังจักรวาลที่ดุร้ายและไม่มีตัวตนได้สิ้นสุดลงแล้ว พวกเขาถูกแทนที่ด้วยเทพมนุษย์ - นักกีฬาโอลิมปิก

จากแหล่งข้อมูลหลายแห่ง พ่อของ Zeus, Poseidon และ Hades - ชายชรา Kron - ได้รับการให้อภัยคืนดีกับลูก ๆ ของเขาและขึ้นครองราชย์เหนือมหาสมุทร - นั่นคือชื่อของแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคโบราณ โลกที่แยกอาณาจักรของสิ่งมีชีวิตออกจากโลกแห่งเงา เขาแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นผู้ปกครองที่ฉลาดและใจดีซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาที่เขาครองราชย์จึงถือว่ามีความสุขและมีความสุข ออกจากอาณาจักรแห่งความตาย บิดาขี้เล่นของโพไซดอนและซุสได้ทิ้งลูกไว้ข้างหลัง นอกเหนือจากลูกที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ยังรวมถึงลูกที่เป็นผลของงานอดิเรกชั่วขณะของเขาด้วย ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Chiron เซนทอร์ผู้ชาญฉลาดที่เกิดจากนางไม้ Filira

เวลาอมตะ

ควรสังเกตว่าตามความสอดคล้องของชื่อในนิรุกติศาสตร์ที่ยอมรับโดยทั่วไป ชื่อโครนอสมักถูกระบุด้วยชื่อของเทพเจ้าแห่งเวลา - โครโนส นักวิจัยหลายคนเห็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงรุ่นในเด็กที่เกิดและถูกกลืนกินโดย Kron นี่คือเหตุผลที่ในตำนานของชาวโรมันโบราณ บิดาของ Zeus Kron ได้รับการจุติใหม่ในรูปของดาวเสาร์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความไม่รู้จักพอและความไม่ยั่งยืนของเวลา

การเฉลิมฉลองอุทิศให้กับเขาซึ่งคนรับใช้และสุภาพบุรุษเปลี่ยนบทบาทราวกับแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนและความผันแปรของยุคสมัย โดยทั่วไปแล้ววันหยุดดังกล่าวเป็นกิจกรรมรื่นเริงที่สนุกสนาน บิดาของซุสชาวกรีกโบราณชื่ออะไร - Kronos หรือ Kronos ตอนนี้ยากที่จะพูด แต่ใน ภาษาสมัยใหม่มีคำที่มาจากรากศัพท์ซึ่งชื่อของเขาถูกรักษาไว้ เช่น: โครโนมิเตอร์, ลำดับเหตุการณ์, เวลา และอื่น ๆ ทั้งหมดนี้เชื่อมต่อกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งด้วยแนวคิดของ "เวลา" ในนั้นไททันบิดาของซุสพบความเป็นอมตะที่แท้จริงของเขา

ตามตำนานเกี่ยวกับเทพเจ้าของกรีกโบราณจักรวาลมีพื้นฐานมาจากความโกลาหล - ความว่างเปล่าดั้งเดิม, ความผิดปกติของโลก, ซึ่งต้องขอบคุณ Eros - พลังแรกที่ใช้งาน - เทพเจ้ากรีกโบราณองค์แรกถือกำเนิดขึ้น: ดาวยูเรนัส (ท้องฟ้า) และ Gaia (โลก) ซึ่งกลายเป็นคู่สมรส ลูกคนแรกของดาวยูเรนัสและไกอาคือยักษ์ที่มีอาวุธหลายร้อยตัว มีพละกำลังที่เหนือกว่า และไซคลอปตาเดียว (ไซคลอปส์) ยูเรนัสมัดพวกเขาทั้งหมดและโยนพวกเขาลงในทาร์ทารัส ก้นบึ้งอันมืดมิดของยมโลก จากนั้นไททันก็ถือกำเนิดขึ้น คนสุดท้องที่โครนอสตอนพ่อของเขาด้วยเคียวที่แม่ของเขามอบให้ เธอไม่สามารถยกโทษให้ยูเรนัสได้สำหรับการตายของลูกคนหัวปีของเธอ Erinyes ถือกำเนิดจากเลือดของดาวยูเรนัส - ผู้หญิงที่หน้าตาน่ากลัวเทพธิดาแห่งการล้างแค้นด้วยเลือด จากการสัมผัสส่วนหนึ่งของร่างกายของดาวยูเรนัสซึ่ง Kronos โยนลงทะเลพร้อมกับโฟมทะเลเกิดเทพธิดา Aphrodite ซึ่งตามแหล่งอื่นเป็นลูกสาวของ Zeus และ Titanides Dione

ยูเรนัสและไกอา โมเสกโรมันโบราณ 200-250 A.D.

หลังจากที่เทพยูเรนัสแยกตัวออกจากไกอา ไททันโครนอส รีอา โอเชียนัส เมเนโมซิน (เทพีแห่งความทรงจำ) เทมิส (เทพีแห่งความยุติธรรม) และคนอื่นๆ มายังพื้นผิวโลก ดังนั้นไททันจึงเป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกที่อาศัยอยู่บนโลก เทพเจ้าโครนอสซึ่งพี่น้องของเขาได้รับการปลดปล่อยจากการถูกคุมขังในทาร์ทารัสจึงเริ่มปกครองโลก เขาแต่งงานกับพี่สาวของเขา Rhea เนื่องจากยูเรนัสและไกอาทำนายว่าลูกชายของเขาเองจะสูญเสียอำนาจ เขาจึงกลืนลูกของเขาทันทีที่พวกเขาเกิด

เทพเจ้าแห่งกรีกโบราณ - ซุส

ดูเพิ่มเติมที่บทความแยกต่างหาก

ตามตำนานกรีกโบราณ เทพี Rhea รู้สึกเสียใจต่อลูก ๆ ของเธอ และเมื่อ Zeus ลูกชายคนสุดท้องของเธอเกิด เธอตัดสินใจหลอกลวงสามีของเธอและมอบก้อนหินที่ห่อด้วยผ้าห่อตัวให้กับ Kronos ซึ่งเขากลืนเข้าไป และเธอซ่อนซุสไว้บนเกาะครีตบนภูเขาไอด้า ที่ซึ่งเขาได้รับการเลี้ยงดูจากนางไม้ (เทพที่แสดงถึงพลังและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ - เทพแห่งน้ำพุ แม่น้ำ ต้นไม้ ฯลฯ) แพะ Amalthea เลี้ยงเทพเจ้า Zeus ด้วยน้ำนมของเธอ ซึ่ง Zeus ได้จัดให้เธออยู่ในกลุ่มดาว นี่คือดาราคนปัจจุบันของคาเพลลา เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ Zeus ตัดสินใจยึดอำนาจไว้ในมือของเขาเองและบังคับให้พ่อของเขาสำรอกเทพเจ้าเด็กทั้งหมดที่เขากลืนเข้าไป มีห้าคน: โพไซดอน ฮาเดส เฮร่า ดีมีเตอร์ และเฮสเทีย

หลังจากนั้น "titanomachy" ก็เริ่มขึ้น - สงครามเพื่ออำนาจระหว่างเทพเจ้ากรีกโบราณและไททัน ซุสได้รับความช่วยเหลือจากยักษ์และไซคลอปร้อยอาวุธในสงครามครั้งนี้ ซึ่งเขานำออกมาจากทาร์ทารัสเพื่อสิ่งนี้ ไซคลอปส์ได้สร้างเสียงฟ้าร้องและสายฟ้าให้กับเทพเจ้าซุส หมวกล่องหนสำหรับเทพเจ้าฮาเดส และตรีศูลสำหรับเทพเจ้าโพไซดอน

เทพเจ้าแห่งกรีกโบราณ ภาพยนตร์วิดีโอ

หลังจากเอาชนะไททันได้แล้ว Zeus ก็โยนพวกมันเข้าไปในทาร์ทารัส Gaia โกรธ Zeus สำหรับการสังหารหมู่ของ Titans แต่งงานกับ Tartarus ที่มืดมนและให้กำเนิด Typhon สัตว์ประหลาดที่น่ากลัว เทพเจ้ากรีกโบราณสั่นสะท้านด้วยความสยดสยองเมื่อไทฟอนขนาดใหญ่หลายร้อยหัวโผล่ออกมาจากส่วนลึกของโลก ประกาศให้โลกรู้ด้วยเสียงโหยหวนอันน่าสยดสยอง ซึ่งใคร ๆ ก็ได้ยินเสียงเห่าของสุนัขและเสียงคำรามของวัวผู้โกรธเกรี้ยว และ คำรามของสิงโตและเสียงของมนุษย์ ซุสเผาหัวไทฟอนทั้งร้อยหัวด้วยสายฟ้า และเมื่อเขาล้มลงกับพื้น ทุกสิ่งรอบๆ ก็เริ่มละลายจากความร้อนที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของสัตว์ประหลาด Typhon ซึ่ง Zeus โยนลงมายัง Tartarus ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น Typhon จึงเป็นตัวตนของกองกำลังใต้ดินและปรากฏการณ์ภูเขาไฟ

Zeus พ่นสายฟ้าใส่ Typhon

เทพเจ้าสูงสุดของกรีกโบราณ Zeus โดยการจับฉลากระหว่างพี่น้องได้รับท้องฟ้าและอำนาจสูงสุดเหนือทุกสิ่ง เขาไม่มีอำนาจเหนือโชคชะตาเท่านั้น มีมอยร่า ลูกสาวทั้งสามคนเป็นตัวเป็นตน คอยปั่นด้ายชีวิตมนุษย์

แม้ว่าเทพเจ้าของกรีกโบราณจะอาศัยอยู่ในน่านฟ้าระหว่างสวรรค์และโลก แต่สถานที่นัดพบของพวกเขาคือยอดเขาโอลิมปัสซึ่งสูงประมาณ 3 กิโลเมตรซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรีซ

ตามชื่อของ Olympus เทพเจ้ากรีกโบราณหลักสิบสององค์เรียกว่า Olympian (Zeus, Poseidon, Hera, Demeter, Hestia, Apollo, Artemis, Hephaestus, Ares, Athena, Aphrodite และ Hermes) จาก Olympus เทพเจ้ามักจะลงมายังโลกสู่ผู้คน

วิจิตรศิลป์ของกรีกโบราณเป็นตัวแทนของเทพเจ้าซุสในฐานะผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ มีเคราหยิกเป็นพวงและผมหยักศกยาวประบ่า คุณลักษณะของมันคือฟ้าร้องและสายฟ้า (เพราะฉะนั้นฉายา "ฟ้าร้อง", "สายฟ้าฟาด", "เมฆา", "ผู้รวบรวมเมฆ" ฯลฯ ) รวมถึงเอจิส - โล่ที่สร้างโดยเฮเฟสทัสซึ่งสั่นสะเทือนซึ่งซุสทำให้เกิดพายุและ ฝนตก (เพราะฉะนั้นฉายาของ Zeus " aegiokh" - aegis-dominant) บางครั้งซุสก็ปรากฎพร้อมกับไนกี้ - เทพีแห่งชัยชนะในมือข้างหนึ่งถือคทาอีกข้างหนึ่งและมีนกอินทรีนั่งอยู่บนบัลลังก์ ใน วรรณคดีกรีกโบราณเทพเจ้า Zeus มักถูกเรียกว่า Kronid ซึ่งแปลว่า "บุตรแห่ง Kronos"

"ซุสแห่ง Otricoli" รูปปั้นครึ่งตัวของศตวรรษที่ 4 พ.ศ

ครั้งแรกของรัชสมัยของ Zeus ตามแนวคิดของชาวกรีกโบราณนั้นตรงกับ "ยุคเงิน" (ตรงกันข้ามกับ "ยุคทอง" - ช่วงเวลาแห่งรัชสมัยของ Kronos) ใน "ยุคเงิน" ผู้คนร่ำรวย มีความสุขในพรทั้งหมดของชีวิต แต่สูญเสียความสุขที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากพวกเขาสูญเสียความบริสุทธิ์ในอดีต พวกเขาลืมที่จะแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อเทพเจ้า ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเกิดความโกรธแค้นของ Zeus ผู้ซึ่งเนรเทศพวกเขาไปยังยมโลก

หลังจาก "ยุคเงิน" ตามความคิดของชาวกรีกโบราณ "ยุคทองแดง" ก็มาถึง - ยุคแห่งสงครามและการทำลายล้าง จากนั้นจึงเกิด "ยุคเหล็ก" (เฮเซียดแนะนำยุคของวีรบุรุษระหว่างยุคทองแดงและยุคเหล็ก) เมื่อศีลธรรมของผู้คนเสื่อมทรามลงจนเทพีแห่งความยุติธรรม Dika และด้วยสิ่งนี้ ความภักดี ความละอายใจ และความจริงใจก็จากโลกไป และผู้คนก็เริ่มหาเลี้ยงชีพด้วยหยาดเหงื่อจากการทำงานหนัก

ซุสตัดสินใจที่จะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์และสร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ เขาส่งน้ำท่วมโลกซึ่งมีเพียงคู่สมรส Deucalion และ Pyrrha เท่านั้นที่หลบหนีซึ่งกลายเป็นผู้ก่อตั้งคนรุ่นใหม่: ตามคำสั่งของเทพเจ้าพวกเขาขว้างก้อนหินไปข้างหลังซึ่งกลายเป็นคน ผู้ชายลุกขึ้นจากก้อนหินที่ Deucalion ขว้าง และผู้หญิงจากก้อนหินที่ Pyrrha ขว้าง

ในตำนานของกรีกโบราณ เทพเจ้าซุสเป็นผู้แจกจ่ายความดีและความชั่วบนโลก พระองค์ทรงสร้างระเบียบทางสังคม สถาปนาอำนาจของราชวงศ์:

"ฟ้าร้อง, ผู้มีอำนาจสูงสุด, ผู้พิพากษาผู้ขาย,
คุณชอบที่จะสนทนากับ Themis โดยนั่งก้มลงหรือไม่?
(จากเพลงสวดโฮเมอร์ถึงซุส หน้า 2–3 แปลโดย V. V. Veresaev)

แม้ว่าซุสจะแต่งงานกับน้องสาวของเขา เทพีเฮรา เทพธิดาอื่น ๆ นางไม้ และแม้แต่หญิงมนุษย์ก็กลายเป็นแม่ของลูก ๆ มากมายในตำนานกรีกโบราณ ดังนั้นเจ้าหญิง Antiope ของ Theban จึงให้กำเนิด Zeta และ Amphion ฝาแฝดของเขา Danae เจ้าหญิง Argive ให้กำเนิดลูกชาย Perseus ราชินี Spartan Leda ให้กำเนิด Helena และ Pollux เจ้าหญิงชาวฟินีเซียนยุโรปให้กำเนิด Minos สามารถยกตัวอย่างดังกล่าวได้มากมาย สิ่งนี้อธิบายได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าดังที่ได้กล่าวมาแล้ว Zeus แทนที่เทพเจ้าในท้องถิ่นหลายองค์ซึ่งในที่สุดภรรยาของเขาก็เริ่มถูกมองว่าเป็นที่รักของ Zeus เพราะเขานอกใจ Hera ภรรยาของเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสพิเศษหรือในโอกาสสำคัญ Zeus ได้นำ "hecatomb" ซึ่งเป็นวัวตัวผู้หนึ่งร้อยตัวมาบูชายัญ

เทพเจ้าแห่งกรีกโบราณ - เฮร่า

ดูบทความแยกต่างหาก

เทพีเฮราซึ่งถือเป็นน้องสาวและภรรยาของซุสในยุคกรีกโบราณได้รับการยกย่องให้เป็นผู้อุปถัมภ์การแต่งงานซึ่งเป็นตัวตนของความจงรักภักดีในชีวิตสมรส ในวรรณคดีกรีกโบราณ เธอถูกพรรณนาว่าเป็นผู้พิทักษ์ศีลธรรม ข่มเหงผู้ละเมิดอย่างโหดร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่แข่งของเธอและแม้แต่ลูก ๆ ของพวกเขา ดังนั้น Io ผู้เป็นที่รักของ Zeus จึงถูก Hera เปลี่ยนเป็นวัว (ตามตำนานกรีกอื่น ๆ เทพเจ้า Zeus เองเปลี่ยน Io ให้เป็นวัวเพื่อซ่อนเธอจาก Hera) Callisto เป็นหมีและลูกชายของ Zeus และ Alcmene ฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ Hercules ภรรยาของ Zeus ไล่ตามตลอดชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก ในฐานะผู้พิทักษ์ความซื่อสัตย์ในชีวิตสมรสเทพีเฮร่าไม่เพียง แต่ลงโทษผู้เป็นที่รักของซุสเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอนอกใจสามีด้วย ดังนั้น Ixion ที่ถูก Zeus พาไปยัง Olympus จึงพยายามบรรลุความรักของ Hera และด้วยเหตุนี้ ตามคำขอของเธอ เขาไม่เพียงถูกโยนเข้าไปในทาร์ทารัสเท่านั้น แต่ยังถูกล่ามโซ่ไว้กับวงล้อที่ลุกเป็นไฟที่หมุนตลอดเวลาอีกด้วย

เฮราเป็นเทพโบราณที่ได้รับความเคารพในคาบสมุทรบอลข่านก่อนที่ชาวกรีกจะมาถึงที่นั่นเสียอีก บ้านเกิดของลัทธิของเธอคือ Peloponnese เทพสตรีองค์อื่น ๆ ค่อย ๆ เข้าร่วมในรูปของเฮร่า และเธอเริ่มถูกคิดว่าเป็นลูกสาวของโครนอสและรีอา ตามที่ Hesiod เธอเป็นภรรยาคนที่เจ็ดของ Zeus

เทพีเฮรา. รูปปั้นสมัยเฮเลนิสติก

หนึ่งในตำนานของกรีกโบราณเกี่ยวกับเหล่าทวยเทพเล่าว่าซุสรู้สึกหงุดหงิดกับความพยายามของเฮร่าที่มีต่อเฮอร์คิวลีส ลูกชายของเขา แขวนเธอไว้กับโซ่ขึ้นไปบนฟ้า มัดทั่งหนักไว้ที่เท้าของเธอ และยัดเยียดเธอให้เฆี่ยนตี แต่สิ่งนี้กระทำด้วยความโกรธอย่างรุนแรง โดยปกติแล้ว Zeus ปฏิบัติต่อ Hera ด้วยความเคารพเช่นเดียวกับเทพเจ้าอื่น ๆ ที่ไปเยี่ยม Zeus ในสภาและงานเลี้ยงต่าง ๆ แสดงความเคารพอย่างสูงต่อภรรยาของเขา

เทพีเฮร่าในยุคกรีกโบราณได้รับมอบหมายให้มีคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความลุ่มหลงในอำนาจและความฟุ้งเฟ้อ ผลักดันให้เธอตอบโต้ผู้ที่ถือว่าความงามของตนเองหรือของคนอื่นอยู่เหนือความงามของเธอ ดังนั้นตลอดสงครามโทรจันทั้งหมด เธอจึงช่วยเหลือชาวกรีกเพื่อลงโทษโทรจันเนื่องจากปารีส โอรสของกษัตริย์ของพวกเขาชอบให้อโฟรไดท์เหนือเฮราและอธีนา

ในการแต่งงานกับ Zeus เฮร่าให้กำเนิด Hebe ซึ่งเป็นตัวตนของเยาวชน Ares และ Hephaestus อย่างไรก็ตามตามตำนานบางตำนานเธอให้กำเนิด Hephaestus เพียงลำพังโดยปราศจากการมีส่วนร่วมของ Zeus จากกลิ่นของดอกไม้เพื่อตอบโต้การกำเนิดของ Athena จากศีรษะของเขาเอง

ในสมัยกรีกโบราณ เทพีเฮราได้รับการพรรณนาว่าเป็นสตรีสูงสง่าในชุดยาวและสวมมงกุฎ ในมือเธอถือคทา - สัญลักษณ์แห่งอำนาจสูงสุดของเธอ

ต่อไปนี้เป็นสำนวนที่เพลงโฮเมอริกยกย่องเทพีเฮร่า:

“ฉันเชิดชูบัลลังก์ทองคำของเฮราผู้ถือกำเนิดจากรีอา
ราชินีผู้มีชีวิตนิรันดร์ที่มีใบหน้างดงามแปลกตา
พี่สาวและภรรยาของ Zeus ดังฟ้าร้อง
รุ่งโรจน์. ทั้งหมดบน Olympus อันยิ่งใหญ่ได้รับพรจากเทพเจ้า
เธอเป็นที่นับถืออย่างเคารพนับถือเทียบเท่ากับ Kronidoma
(บทความ 1–5; แปลโดย V. V. Veresaev)

พระเจ้าโพไซดอน

เทพเจ้าโพไซดอนซึ่งได้รับการยอมรับในสมัยกรีกโบราณว่าเป็นเจ้าแห่งธาตุน้ำ (เขาได้รับมรดกนี้เป็นจำนวนมากเช่นซุส - ท้องฟ้า) นั้นมีความคล้ายคลึงกับพี่ชายของเขามาก: เขามีเครากว้างหยิกเช่นเดียวกับซุส , ผมหยักแบบเดียวกันกับไหล่ แต่เขามีคุณลักษณะของตัวเองซึ่งทำให้ง่ายต่อการแยกแยะเขาจากซุสซึ่งเป็นตรีศูล พระองค์ทรงใช้มันเคลื่อนไหวและทำให้คลื่นในทะเลสงบลง พระองค์ทรงปกครองเหนือลม เห็นได้ชัดว่าแนวคิดเรื่องแผ่นดินไหวเกี่ยวข้องกับทะเลในสมัยกรีกโบราณ สิ่งนี้อธิบายถึงฉายา "ผู้เขย่าโลก" ที่โฮเมอร์ใช้โดยเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าโพไซดอน:

“พระองค์ทรงเขย่าแผ่นดินที่แห้งแล้งและทะเล
พระองค์ทรงครอบครองบนเฮลิคอนและบนเอกลาสกว้าง สองเท่า
เกียรติยศ O Earth Shaker พระเจ้าประทาน:
เพื่อให้ม้าป่าเชื่องและช่วยเรือจากซากเรือ"
(จากเพลงสวดโฮเมอร์ถึงโพไซดอน หน้า 2–5 แปลโดย V. V. Veresaev)

ดังนั้นโพไซดอนจึงต้องการตรีศูลเพื่อทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนและเพื่อดันภูเขาออกจากกันทำให้เกิดหุบเขาที่มีน้ำมากมาย ด้วยตรีศูลเทพโพไซดอนสามารถตีก้อนหินและน้ำพุบริสุทธิ์ที่สดใสจะพุ่งออกมาจากมันทันที

โพไซดอน (เนปจูน) รูปปั้นโบราณในศตวรรษที่ 2 ตามที่ R.H.

ตามตำนานของกรีกโบราณโพไซดอนมีข้อพิพาทกับเทพเจ้าอื่น ๆ สำหรับการครอบครองดินแดนนี้หรือดินแดนนั้น ดังนั้น Argolis จึงยากจนเรื่องน้ำเพราะในระหว่างการโต้เถียงระหว่าง Poseidon และ Hera วีรบุรุษแห่ง Argos, Inah ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้พิพากษาได้โอนที่ดินนี้ให้กับเธอไม่ใช่ให้เขา ในทางกลับกัน Attica ถูกน้ำท่วมเนื่องจากเทพเจ้าตัดสินข้อพิพาทระหว่างโพไซดอนและ Athena (ซึ่งควรเป็นเจ้าของประเทศนี้) เพื่อสนับสนุน Athena

ภรรยาของเทพเจ้าโพไซดอนได้รับการพิจารณา แอมฟิไตรท์ธิดาแห่งมหาสมุทร แต่โพไซดอนก็เหมือนกับซุสที่มีความรู้สึกอ่อนโยนต่อผู้หญิงคนอื่น ดังนั้น Cyclops Polyphemus แม่ของลูกชายของเขาจึงเป็นนางไม้ Foos แม่ของ Pegasus ม้ามีปีก - Gorgon Medusa เป็นต้น

ตามตำนานกรีกโบราณพระราชวังอันงดงามของโพไซดอนอยู่ในส่วนลึกของทะเลซึ่งนอกเหนือจากโพไซดอนแล้วยังมีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อีกมากมายที่ครองตำแหน่งรองในโลกของเทพเจ้า: ชายชรา เนเรอุส- เทพแห่งท้องทะเลโบราณ Nereids (ลูกสาวของ Nereus) - นางไม้ทะเลซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดคือ Amphitrite ซึ่งกลายเป็นภรรยาของ Poseidon และ เธติส- แม่ของอคิลลิส เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของเขา - ไม่เพียง แต่ความลึกของทะเลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเกาะและดินแดนชายฝั่งทะเลด้วย และบางครั้งดินแดนที่อยู่ในส่วนลึกของแผ่นดินใหญ่ - เทพเจ้าโพไซดอนจึงออกเดินทางด้วยราชรถที่ลากโดยม้าที่มีหางเป็นปลาแทน ของขาหลัง.

ในสมัยกรีกโบราณ เกม Isthmian บนคอคอดคอรินธ์ริมทะเลได้อุทิศให้กับโพไซดอนในฐานะผู้ปกครองทะเลและผู้อุปถัมภ์การเพาะพันธุ์ม้า ที่นั่น ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของโพไซดอน มีรูปปั้นเหล็กของเทพเจ้าองค์นี้ สร้างโดยชาวกรีกเพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะในทะเล เมื่อกองเรือเปอร์เซียพ่ายแพ้

เทพเจ้าแห่งกรีกโบราณ - ฮาเดส

ฮาเดส (ฮาเดส) เรียกในกรุงโรม พลูโตได้รับยมโลกโดยการจับฉลากและกลายเป็นเจ้านายของมัน ความคิดของคนสมัยก่อนเกี่ยวกับโลกนี้สะท้อนให้เห็น ชื่อกรีกโบราณเทพใต้ดิน: ฮาเดสมองไม่เห็น พลูโตร่ำรวย เนื่องจากความมั่งคั่งทั้งหมด ทั้งแร่ธาตุและพืชผัก ถูกสร้างขึ้นโดยโลก ฮาเดสเป็นเจ้าแห่งเงาแห่งความตาย และบางครั้งเขาก็ถูกเรียกว่าซุส คาทาคตอน - ซุสที่อยู่ใต้ดิน ในสมัยกรีกโบราณถือเป็นตัวตนของลำไส้ที่อุดมสมบูรณ์ไม่ใช่โดยบังเอิญที่ฮาเดสกลายเป็นสามี เพอร์เซโฟนีลูกสาวของเทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ Demeter คู่สามีภรรยาคู่นี้ซึ่งไม่มีลูกในมุมมองของชาวกรีกเป็นศัตรูกับทุกชีวิตและส่งความตายต่อเนื่องไปยังสิ่งมีชีวิตทั้งหมด Demeter ไม่ต้องการให้ลูกสาวของเธออยู่ในอาณาจักรแห่ง Hades แต่เมื่อเธอขอให้ Persephone กลับสู่โลก เธอตอบว่าเธอได้ลิ้มรส "แอปเปิ้ลแห่งความรัก" แล้ว นั่นคือเธอได้กินผลทับทิมส่วนหนึ่งที่ได้รับจาก สามีของเธอและไม่สามารถกลับมาได้ จริงอยู่เธอใช้เวลาสองในสามของปีกับแม่ของเธอตามคำสั่งของซุสเพราะความปรารถนาลูกสาวของเธอ Demeter หยุดส่งการเก็บเกี่ยวและดูแลการสุกของผลไม้ ดังนั้นในตำนานของกรีกโบราณ เพอร์เซโฟนีจึงแสดงปฏิสัมพันธ์ระหว่างเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ผู้ให้ชีวิต ทำให้โลกเกิดผล และเทพเจ้าแห่งความตาย ผู้พรากชีวิต ลากสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของโลกกลับเข้าสู่อ้อมอกของเธอ .

อาณาจักรแห่งฮาเดสมีชื่อเรียกต่างกันไปในสมัยกรีกโบราณ: ฮาเดส เอเรบัส ออร์ค ทาร์ทารัส ทางเข้าสู่อาณาจักรนี้ตามที่ชาวกรีกกล่าวคือทางตอนใต้ของอิตาลีหรือในโคลอนใกล้กับเอเธนส์หรือที่อื่น ๆ ที่มีความล้มเหลวและรอยแยก หลังจากความตาย ผู้คนทั้งหมดไปยังอาณาจักรของเทพเจ้าฮาเดส และตามที่โฮเมอร์บอก พวกเขาดึงการดำรงอยู่ที่ไร้ความสุขอย่างน่าสังเวชออกไปที่นั่น ปราศจากความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตทางโลกของพวกเขา เทพเจ้าแห่งยมโลกยังมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ในบรรดาสิ่งมีชีวิตมีเพียง Orpheus, Hercules, Theseus, Odysseus และ Aeneas เท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ Hades และกลับสู่โลกได้ ตามตำนานของกรีกโบราณ Cerberus สุนัขสามหัวที่น่ากลัวนั่งอยู่ที่ทางเข้า Hades งูเคลื่อนไหวด้วยเสียงขู่ฟ่อที่น่ากลัวที่คอของเขาและเขาไม่อนุญาตให้ใครออกจากอาณาจักรแห่งความตาย แม่น้ำหลายสายไหลในนรก Charon คนพายเรือเก่าส่งวิญญาณของคนตายผ่าน Styx ซึ่งเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับงานของเขา หากมีคนยังไม่ได้ฝัง ชารอนจะไม่ปล่อยให้เงาของเขาเข้าไปในเรือของเขา และเธอถูกกำหนดให้ท่องไปในโลกตลอดกาล ซึ่งถือเป็นความโชคร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคกรีกโบราณ คนที่ถูกฝังศพจะต้องหิวและกระหายตลอดไป เพราะเขาจะไม่มีหลุมฝังศพที่ญาติพี่น้องจะทำการดื่มสุราและทิ้งอาหารไว้ให้เขา แม่น้ำแห่งนรกอื่น ๆ ได้แก่ Acheron, Piriflegeton, Cocytus และ Lethe ซึ่งเป็นแม่น้ำแห่งการให้อภัย (หลังจากจิบน้ำจาก Lethe ผู้ตายจะลืมทุกอย่าง หลังจากดื่มเลือดบูชายัญวิญญาณของผู้ตายก็ฟื้นคืนสติเดิมชั่วคราว และความสามารถในการพูดคุยกับสิ่งมีชีวิต) วิญญาณของผู้ถูกเลือกเพียงไม่กี่คนอาศัยอยู่แยกจากเงาอื่นๆ ใน Elysia (หรือบนถนน Champs Elysees) ที่กล่าวถึงใน Odyssey และ Theogony พวกเขาอยู่ในความสุขชั่วนิรันดร์ภายใต้การอุปถัมภ์ของ Kronos ราวกับว่าอยู่ในยุคทอง ต่อมาเชื่อกันว่าทุกคนที่เข้าสู่ความลึกลับของ Eleusinian ได้เข้าสู่ Elysium

อาชญากรที่รุกรานเทพเจ้ากรีกโบราณในทางใดทางหนึ่งต้องทนทุกข์ทรมานชั่วนิรันดร์ในยมโลก ดังนั้นกษัตริย์แทนทาลัส Phrygian ผู้ถวายเนื้อลูกชายของเขาเพื่อเป็นอาหารแก่เทพเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานจากความหิวและกระหายตลอดไปยืนอยู่ในน้ำและเห็นถัดจากเขา ผลไม้สุกและอยู่ในความกลัวชั่วนิรันดร์ด้วย เพราะหินก้อนหนึ่งห้อยอยู่เหนือศีรษะของเขาพร้อมที่จะพังทลายลง กษัตริย์ซิสิฟัสแห่งโครินธ์มักจะลากก้อนหินหนักๆ ขึ้นภูเขา ซึ่งเมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาแทบไม่ได้ก็กลิ้งลงมา Sisyphus ถูกลงโทษโดยเทพเจ้าเพราะความโลภและการหลอกลวง Danaids ลูกสาวของ Danae ราชาแห่ง Argos เติมน้ำให้เต็มถังตลอดกาลเพื่อสังหารสามีของพวกเขา Titius ยักษ์ Euboean ที่ดูถูกเทพธิดา Latona นอนหมอบอยู่ใน Tartarus และว่าวสองตัวทรมานตับของเขาตลอดไป เทพเจ้าฮาเดสจัดการการตัดสินของเขาต่อคนตายด้วยความช่วยเหลือจากวีรบุรุษสามคนที่มีชื่อเสียงในด้านภูมิปัญญาของพวกเขา - เอคัส มิโนส และราดาแมนทัส Aeacus ยังถือเป็นผู้เฝ้าประตูแห่งยมโลก

ตามความคิดของชาวกรีกโบราณอาณาจักรของเทพเจ้าฮาเดสนั้นจมอยู่ในความมืดและเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตและสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวทุกประเภท ในหมู่พวกเขา - Empusa ที่น่ากลัว - แวมไพร์และมนุษย์หมาป่าที่มีขาลา, Erinyes, Harpies - เทพีแห่งลมกรด, Echidna ครึ่งผู้หญิงครึ่งงู; นี่คือลูกสาวของ Echidna Chimera ที่มีหัวและคอของสิงโต ตัวของแพะและหางของงู นี่คือเทพเจ้าแห่งความฝันต่างๆ ปีศาจและสัตว์ประหลาดทั้งหมดเหล่านี้ถูกครอบงำโดยลูกสาวสามหัวและสามร่างของทาร์ทารัสและไนท์ เทพธิดากรีกโบราณเฮเคท รูปลักษณ์ทั้งสามของเธออธิบายได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าเธอปรากฏตัวทั้งบนโอลิมปัส บนโลก และในทาร์ทารัส แต่ส่วนใหญ่มันเป็นของยมโลก เป็นตัวตนของความมืดในยามค่ำคืน เธอส่งฝันร้ายให้กับผู้คน เธอถูกเรียกให้ทำคาถาและคาถาทุกชนิด ดังนั้นการปรนนิบัติเทพธิดาองค์นี้จึงเกิดขึ้นในเวลากลางคืน

Cyclopes ตามตำนานของกรีกโบราณได้ปลอมหมวกล่องหนสำหรับเทพเจ้า Hades; เห็นได้ชัดว่าแนวคิดนี้เชื่อมโยงกับแนวคิดเกี่ยวกับแนวทางความตายที่มองไม่เห็นต่อเหยื่อ

เทพเจ้าฮาเดสเป็นภาพชายที่เป็นผู้ใหญ่นั่งอยู่บนบัลลังก์โดยมีไม้เท้าหรือโถปัสสาวะหญิงอยู่ในมือ โดยมีเซอร์เบอรัสอยู่ที่เท้า บางครั้งถัดจากเขาคือเทพีเพอร์เซโฟนีกับผลทับทิม

Hades แทบไม่ปรากฏบน Olympus ดังนั้นเขาจึงไม่ติดอันดับในแพนธีออนโอลิมปิก

เทพีดีมีเตอร์

Pallas Athena เทพีกรีกโบราณเป็นลูกสาวสุดที่รักของ Zeus ซึ่งเกิดจากหัวของเขา เมื่อเมทิสผู้เป็นที่รักในท้องทะเลของซุส (เทพีแห่งเหตุผล) กำลังคาดหวังว่าจะมีลูกซึ่งตามคำทำนายจะมีพละกำลังเหนือกว่าพ่อของเธอ ซุสจึงแกล้งลดขนาดเธอลงและกลืนกิน แต่ทารกในครรภ์ที่เมทิสตั้งท้องนั้นไม่ตาย แต่ยังคงพัฒนาต่อไปในหัวของเขา ตามคำร้องขอของ Zeus Hephaestus (ตามตำนานอื่น Prometheus) ตัดหัวของเขาด้วยขวานและเทพี Athena กระโดดออกมาจากมันในชุดเกราะทหารเต็มรูปแบบ

การกำเนิดของ Athena จากหัวของ Zeus วาดบนโถของครึ่งหลังของศตวรรษที่ 6 พ.ศ

"ก่อนซุสมงคล
เธอกระโดดลงมาจากหัวนิรันดร์ของเขาอย่างรวดเร็วจากพื้น
สั่นด้วยหอกอันแหลมคม ภายใต้การกระโดดที่หนักหน่วงของดวงตาสีอ่อน
Olympus ผู้ยิ่งใหญ่ลังเล พวกเขาคร่ำครวญอย่างน่ากลัว
ทะเลกว้างสั่นสะเทือนล้อมรอบดินแดนที่โกหก
และเดือดด้วยคลื่นสีแดงเข้ม ... "
(จากเพลงสวดโฮเมอร์ถึง Athena หน้า 7–8; แปลโดย V. V. Veresaev)

ในฐานะลูกสาวของเมทิส เทพีอาธีน่าเองก็กลายเป็น "โพลิเมทิส" (คิดมาก) เทพีแห่งเหตุผลและสงครามที่ชาญฉลาด หากเทพเจ้าแอรีสสนุกสนานกับการนองเลือดทั้งหมด โดยเป็นตัวตนของสงครามหายนะ เทพีอาธีนาจะแนะนำองค์ประกอบของมนุษยชาติเข้าสู่สงคราม ในโฮเมอร์ Athena กล่าวว่าเหล่าทวยเทพไม่ได้ปล่อยให้ใช้ลูกศรอาบยาพิษโดยลอยนวล หากการปรากฏตัวของ Ares นั้นน่าสะพรึงกลัว การปรากฏตัวของ Athena ในสาขาวิชาการต่อสู้จะสร้างแรงบันดาลใจและนำมาซึ่งการปรองดอง ดังนั้น ในตัวตนของเธอ ชาวกรีกโบราณจึงต่อต้านการใช้กำลังดุร้าย

ในฐานะที่เป็นเทพ Mycenaean โบราณ Athena จดจ่ออยู่กับการควบคุมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและแง่มุมของชีวิตมากมาย: ครั้งหนึ่งเธอเป็นนายหญิงแห่งองค์ประกอบสวรรค์และเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์และผู้รักษาและผู้อุปถัมภ์ของแรงงานที่สงบสุข ; เธอสอนผู้คนให้สร้างบ้าน บังเหียนม้า ฯลฯ

ตำนานกรีกโบราณค่อยๆ จำกัด กิจกรรมของเทพีอธีนาในการทำสงคราม การนำความมีเหตุผลมาใช้ในการกระทำของผู้คนและงานฝีมือของผู้หญิง (การปั่นด้าย การทอผ้า การเย็บปักถักร้อย ฯลฯ ) ในแง่นี้ เธอเกี่ยวข้องกับฮีเฟสตัส แต่ฮีเฟสตัสเป็นองค์ประกอบด้านยานที่เกี่ยวข้องกับไฟ ใน Athena ความคิดยังมีชัยเหนือการประดิษฐ์: หากต้องการให้ศิลปะของ Hephaestus สูงส่งจำเป็นต้องมีการรวมตัวของเขากับ Aphrodite หรือ Charita ดังนั้นเทพี Athena เองก็สมบูรณ์แบบซึ่งเป็นตัวตนของความก้าวหน้าทางวัฒนธรรมในทุกสิ่ง Athena ได้รับเกียรติทุกที่ในกรีซ แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Attica ซึ่งเธอได้รับชัยชนะในการโต้เถียงกับโพไซดอน ใน Attica เธอเป็นเทพองค์โปรดเพื่อเป็นเกียรติแก่เธอ เมืองหลัก Attica ได้ชื่อว่าเอเธนส์

เห็นได้ชัดว่าชื่อ "Pallas" ปรากฏขึ้นหลังจากการรวมลัทธิของ Athena กับลัทธิของเทพโบราณ Pallant ซึ่งในมุมมองของชาวกรีกเป็นยักษ์ที่ Athena พ่ายแพ้ในระหว่างสงครามระหว่างเทพเจ้ากับยักษ์

ในฐานะนักรบเธอคือ Pallas ในฐานะผู้อุปถัมภ์ในชีวิตที่สงบสุขเธอคือ Athena ฉายาของเธอคือ "ตาสีฟ้า", "นกฮูกตา" (นกฮูกเป็นสัญลักษณ์ของปัญญาเป็นนกศักดิ์สิทธิ์ของ Athena), Ergana (คนงาน), Tritogenea (ฉายาที่มีความหมายไม่ชัดเจน) ในสมัยกรีกโบราณ เทพีอธีนาถูกพรรณนาในรูปแบบต่างๆ แต่ส่วนใหญ่มักสวมเสื้อคลุมแขนกุดยาว มีหอกและโล่ ในหมวกนิรภัยและมีเครื่องหมายบนหน้าอกซึ่งศีรษะของเมดูซ่าติดอยู่ ให้เธอโดย Perseus; บางครั้งมีงู (สัญลักษณ์ของการรักษา) บางครั้งก็มีขลุ่ยเนื่องจากชาวกรีกโบราณเชื่อว่า Athena เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องดนตรีนี้

เทพีอธีนาไม่ได้แต่งงาน เธอไม่ได้อยู่ภายใต้มนต์เสน่ห์ของอโฟรไดท์ ดังนั้นวิหารหลักของเธอที่ตั้งอยู่ในอะโครโพลิสจึงถูกเรียกว่า "พาร์เธนอน" (พาร์เธนอส - บริสุทธิ์) ในวิหารพาร์เธนอนมีการติดตั้งรูปปั้น "เบญจเพส" ขนาดใหญ่ (นั่นคือทำจากทองคำและงาช้าง) ของ Athena โดยมี Nike อยู่ในมือขวา (ผลงานของ Phidias) ไม่ไกลจากวิหารพาร์เธนอน ภายในกำแพงของอะโครโพลิส มีรูปปั้นอธีนาทองสัมฤทธิ์อีกองค์หนึ่งตั้งอยู่ ประกายหอกของเธอปรากฏแก่กะลาสีเรือที่เข้ามาใกล้เมือง

ในเพลงสวดของโฮเมอริก Athena ถูกเรียกว่าผู้ปกป้องเมือง แท้จริงแล้วในช่วงเวลาของประวัติศาสตร์กรีกโบราณที่เรากำลังศึกษาอยู่ Athena เป็นเทพในเมืองอย่างแท้จริง ตรงกันข้ามกับ Demeter, Dionysus, Pan เป็นต้น

พระเจ้าอพอลโล (ฟีบัส)

ตามตำนานของกรีกโบราณ เมื่อมารดาของเทพเจ้าอพอลโลและอาร์ทิมิส ผู้เป็นที่รักของซุส ลาโทนา (ฤดูร้อน) กำลังจะกลายเป็นมารดา เธอถูกติดตามอย่างรุนแรงจากเฮร่า ภรรยาที่ขี้หึงและโหดเหี้ยมของซุส ทุกคนกลัวความโกรธของ Hera ดังนั้น Latona จึงถูกขับไล่จากทุกที่ไม่ว่าเธอจะหยุดอยู่ที่ใด และมีเพียงเกาะ Delos ที่พเนจรเช่น Latona (ตามตำนานครั้งหนึ่งเคยลอย) เข้าใจความทุกข์ทรมานของเทพธิดาและยอมรับเธอในดินแดนของเขา ยิ่งกว่านั้น เขาถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาของเธอที่จะให้กำเนิดเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่บนแผ่นดินของเขา ซึ่งที่นั่นบนเดลอส จะมีการปูลาดศักดิ์สิทธิ์และสร้างวิหารที่สวยงาม

ในดินแดนแห่ง Delos เทพธิดา ลาโทน่าให้กำเนิดฝาแฝด - เทพอพอลโลและอาร์เทมิสซึ่งได้รับฉายาเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา - เดเลียสและเดเลีย

Phoebus-Apollo เป็นเทพที่เก่าแก่ที่สุดของเอเชียไมเนอร์ ครั้งหนึ่งเขาได้รับการเคารพในฐานะผู้พิทักษ์ฝูงสัตว์ ถนนหนทาง นักเดินทาง กะลาสี เป็นเทพเจ้าแห่งศิลปะการแพทย์ เขาค่อยๆเข้ามาเป็นหนึ่งในสถานที่ชั้นนำในแพนธีออนของกรีกโบราณ ชื่อสองชื่อของเขาสะท้อนถึงลักษณะคู่ของเขา: ชัดเจน, สดใส (ฟีบัส) และทำลายล้าง (อพอลโล) ลัทธิอพอลโลค่อย ๆ เข้ามาแทนที่ลัทธิ Helios ในสมัยกรีกโบราณซึ่งเดิมนับถือเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์และกลายเป็นตัวตนของแสงแดด แสงของดวงอาทิตย์ซึ่งให้ชีวิต แต่บางครั้งก็เป็นอันตรายถึงชีวิต (ทำให้เกิดความแห้งแล้ง) ถูกมองว่าเป็นลูกศรของเทพเจ้าที่ "โค้งคำนับเงิน" ซึ่ง "โดดเด่นมาก" ดังนั้นธนูจึงเป็นหนึ่งในค่าคงที่ คุณสมบัติของฟีบัส คุณลักษณะอื่น ๆ ของเขาในอพอลโล - พิณหรือซิทารา - มีรูปร่างเหมือนคันธนู พระเจ้าอพอลโลเป็นนักดนตรีที่มีฝีมือมากที่สุดและผู้อุปถัมภ์ดนตรี เมื่อเขาปรากฏตัวพร้อมกับพิณในงานเลี้ยงของเหล่าทวยเทพ เขามาพร้อมกับท่วงทำนอง - เทพีแห่งบทกวี ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ Muses เป็นลูกสาวของ Zeus และเทพีแห่งความทรงจำ Mnemosyne มีเก้าเพลง: Calliope - รำพึงของมหากาพย์, Euterpe - รำพึงของเนื้อเพลง, Erato - รำพึงของบทกวีรัก, Polyhymnia - รำพึงของเพลงสวด, Melpomene - รำพึงแห่งโศกนาฏกรรม, Thalia - รำพึงของตลก, Terpsichore - รำพึงแห่งการเต้นรำ คลีโอ - รำพึงแห่งประวัติศาสตร์ และยูเรเนีย - รำพึงแห่งดาราศาสตร์ ภูเขา Helikon และ Parnassus ถือเป็นสถานที่โปรดสำหรับ Muses ที่จะอยู่ นี่คือวิธีที่ผู้แต่งเพลงสวดโฮเมอร์ถึง Pythian Apollo อธิบายถึง Apollo-Musagetes (ผู้นำของ Muses):

“อาภรณ์อมตะนั้นมีกลิ่นหอมของเทพเจ้า สตริง
ภายใต้ปิ๊กมีเสียงสีทองบนพิณศักดิ์สิทธิ์
ความคิดย้ายอย่างรวดเร็วจากโลกไปยัง Olympus จากที่นั่น
เขาเข้าไปในห้องของ Zeus ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของอมตะคนอื่นๆ
ทันใดนั้นความปรารถนาของทุกคนก็ปรากฏขึ้น เพลงและพิณ.
Muses ที่สวยงามเริ่มต้นเพลงด้วยนักร้องประสานเสียงที่เปลี่ยนได้ ... "
(บทความ 6–11; แปลโดย V. V. Veresaev)

พวงหรีดลอเรลบนศีรษะของเทพเจ้าอพอลโลเป็นความทรงจำของนางไม้ Daphne อันเป็นที่รักของเขาซึ่งกลายเป็น ต้นอ่าวเลือกที่จะตายเพื่อความรักของฟีบัส

หน้าที่ทางการแพทย์ของ Apollo ค่อยๆ ส่งต่อไปยัง Asclepius ลูกชายของเขาและหลานสาว Hygieia เทพีแห่งสุขภาพ

ในยุคโบราณ Apollo หัวลูกศรกลายเป็นเทพเจ้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ขุนนางกรีกโบราณ ในเมือง Delphi มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลักของ Apollo - the Delphic oracle ซึ่งทั้งบุคคลทั่วไปและรัฐบุรุษมาเพื่อขอคำทำนายและคำแนะนำ

อพอลโลเป็นหนึ่งในเทพเจ้าที่น่าเกรงขามที่สุดของกรีกโบราณ เทพเจ้าอื่น ๆ กลัวอพอลโลแม้แต่น้อย นี่คือลักษณะที่อธิบายไว้ในเพลงสวดของ Apollo of Delos:

“ เขาจะผ่านบ้านของซุส - เทพเจ้าทั้งหมดและพวกเขาจะตัวสั่น
กระโดดขึ้นจากเก้าอี้ พวกเขายืนอยู่ด้วยความกลัวเมื่อเขา
เขาจะเข้ามาใกล้และเริ่มชักธนูส่องแสงออกมา
มีเพียงฤดูร้อนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ใกล้กับซุสผู้รักสายฟ้าแลบ
เทพยดาละลายคันธนูแล้วปิดแล่งด้วยฝา
จากไหล่ของ Phoebe อาวุธทรงพลังยิงด้วยมือของพวกเขา
และบนหมุดทองคำบนเสาใกล้กับที่นั่งของซุส
วางสายคันธนูและแล่ง อพอลโลนั่งอยู่บนเก้าอี้
ในชามทองคำสำหรับเขา ลูกชายที่รัก
พ่อให้น้ำหวาน แล้วเทวดาที่เหลือ
พวกเขายังนั่งบนเก้าอี้ และหัวใจของฤดูร้อนก็ร่าเริง
ดีใจที่นางได้ให้กำเนิดบุตรชายที่มีธนูและทรงพลัง "
(บทความ 2–13; แปลโดย V. V. Veresaev)

ในสมัยกรีกโบราณ เทพเจ้าอพอลโลถูกพรรณนาให้เป็นชายหนุ่มร่างเพรียวที่มีผมหยิกเป็นลอนจนถึงไหล่ เขาเปลือยเปล่า (ที่เรียกว่า Apollo Belvedere มีเพียงผ้าคลุมไหล่ที่ตกลงมาจากไหล่ของเขา) และถือไม้เท้าของคนเลี้ยงแกะหรือคันธนูในมือของเขา (Apollo Belvedere มีธนูที่มีลูกธนูอยู่ข้างหลัง) หรือในชุดคลุมยาว ในพวงหรีดลอเรลและพิณอยู่ในมือ - Apollo Musaget หรือ Kifared

อพอลโล เบลเวแดร์. รูปปั้นโดย Leohar ตกลง. 330-320 ปีก่อนคริสตกาล

เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้ว่าอพอลโลจะเป็นผู้อุปถัมภ์ดนตรีและการร้องเพลงในสมัยกรีกโบราณ แต่ตัวเขาเองก็เล่นเท่านั้น เครื่องสาย- พิณและซิทาราซึ่งชาวกรีกถือว่าสูงส่งต่อต้านเครื่องดนตรี "อนารยชน" (ต่างประเทศ) - ขลุ่ยและท่อ ไม่น่าแปลกใจที่เทพีอธีนาปฏิเสธขลุ่ยโดยมอบให้แก่เทพชั้นล่าง Marsyas เพราะเมื่อเล่นเครื่องดนตรีนี้แก้มของเธอพองโตอย่างน่าเกลียด

เทพเจ้าแห่งกรีกโบราณ - อาร์เทมิส

พระเจ้าไดโอนิซัส

Dionysus (Bacchus) ในยุคกรีกโบราณ - เทพเจ้าแห่งพลังพืชแห่งธรรมชาติผู้อุปถัมภ์การปลูกองุ่นและการผลิตไวน์ในศตวรรษที่ 7-5 พ.ศ อี ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจาก คนทั่วไปตรงข้ามกับอพอลโลซึ่งลัทธินี้เป็นที่นิยมในหมู่ขุนนาง

อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างรวดเร็วในความนิยมของ Dionysus คือการเกิดครั้งที่สองของเทพเจ้า: ลัทธิของเขามีอยู่ในช่วงต้นสหัสวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช จ. แต่แล้วก็เกือบลืมไปแล้ว โฮเมอร์ไม่ได้กล่าวถึง Dionysus และสิ่งนี้เป็นพยานถึงความไม่เป็นที่นิยมของลัทธิของเขาในยุคของการปกครองของชนชั้นสูงในตอนต้นของ 1 พันปีก่อนคริสต์ศักราช อี

ภาพลักษณ์เก่าแก่ของ Dionysus เช่นเทพเจ้าได้รับการคิดก่อนที่การเปลี่ยนแปลงในลัทธิจะเป็นผู้ใหญ่ที่มีเครายาว ในคริสต์ศตวรรษที่ 5-4 พ.ศ อี ชาวกรีกโบราณพรรณนาให้แบคคัสเป็นชายหนุ่มผู้ได้รับการปรนเปรอ แม้กระทั่งค่อนข้างอ่อนแอด้วยองุ่นหรือพวงหรีดไม้เลื้อยบนศีรษะ และการเปลี่ยนแปลงนี้ รูปร่างพระเจ้าเป็นพยานถึงการเปลี่ยนแปลงในลัทธิของเขา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ในสมัยกรีกโบราณมีตำนานหลายเรื่องที่เล่าถึงการต่อสู้ที่ลัทธิไดโอนิซัสได้รับการแนะนำและการต่อต้านที่ได้พบกับการปรากฏตัวของเขาในกรีซ หนึ่งในตำนานเหล่านี้เป็นพื้นฐานของโศกนาฏกรรม The Bacchae ของยูริพิดิส ผ่านปากของ Dionysus เอง Euripides บอกเล่าเรื่องราวของเทพเจ้าองค์นี้ได้อย่างน่าเชื่อถือ: Dionysus เกิดในกรีซ แต่ถูกลืมในบ้านเกิดของเขาและกลับมาที่ประเทศของเขาหลังจากที่เขาได้รับความนิยมและสร้างลัทธิในเอเชีย เขาต้องเอาชนะการต่อต้านในกรีซ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนแปลกหน้าที่นั่น แต่เพราะเขาพามนุษย์ต่างดาวที่ถึงจุดสุดยอดมาที่กรีกโบราณด้วย

อันที่จริง งานเฉลิมฉลอง Bacchic (การสังสรรค์) ในยุคคลาสสิกของกรีกโบราณมีความสุข และช่วงเวลาแห่งความปีติยินดีคือองค์ประกอบใหม่ที่ถูกนำมาใช้ในช่วงการฟื้นฟูลัทธิ Dionysus และเป็นผลมาจากการรวมตัวของลัทธิ ของ Dionysus กับเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ทางทิศตะวันออก (เช่น ลัทธิที่มาจาก Balkans Sabasia)

ในสมัยกรีกโบราณ เทพเจ้า Dionysus ถือเป็นบุตรของ Zeus และ Semele ธิดาของกษัตริย์ Theban Cadmus เทพีเฮราเกลียดชังเซเมเลและต้องการทำลายเธอ เธอโน้มน้าวให้ Semele ขอให้ Zeus ปรากฏตัวต่อคนรักที่เป็นมนุษย์ของเธอในหน้ากากของเทพเจ้าที่มีฟ้าร้องและสายฟ้า ซึ่งเขาไม่เคยทำมาก่อน เมื่อ Zeus เข้าใกล้บ้านของ Semele สายฟ้าก็หลุดออกจากมือของเขาและโดนบ้าน ในเปลวเพลิงที่ลุกโชน Semele เสียชีวิตโดยให้กำเนิดลูกที่อ่อนแอและไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต แต่ซุสไม่ปล่อยให้ลูกชายของเขาตาย ไม้เลื้อยสีเขียวงอกออกมาจากพื้นดินซึ่งปกคลุมเด็กจากไฟ ซุสจึงนำลูกชายที่ได้รับการช่วยเหลือมาเย็บติดที่ต้นขา ในร่างของซุส ไดโอนิซัสแข็งแกร่งขึ้นและเกิดใหม่จากต้นขาของฟ้าร้องเป็นครั้งที่สอง ตามตำนานของกรีกโบราณ Dionysus ถูกเลี้ยงดูมาโดยนางไม้บนภูเขาและปีศาจ Silenus ซึ่งคนสมัยก่อนจินตนาการว่าเป็นชายชราที่ขี้เมาและร่าเริงตลอดไปอุทิศตนเพื่อลูกศิษย์ของเขา - พระเจ้า

การแนะนำครั้งที่สองของลัทธิเทพเจ้า Dionysus นั้นสะท้อนให้เห็นในเรื่องราวมากมายไม่เพียง แต่เกี่ยวกับการมาถึงของเทพเจ้าในกรีซจากเอเชีย แต่ยังเกี่ยวกับการเดินทางโดยเรือโดยทั่วไป ในเพลงสวดของโฮเมอริกแล้ว เราพบเรื่องราวของไดโอนีซัสที่ย้ายจากเกาะอิคาเรียไปยังเกาะนักซอส โดยไม่รู้ว่าพระเจ้าอยู่ต่อหน้าพวกเขา พวกโจรจึงจับชายหนุ่มรูปงามมัดเขาด้วยไม้เรียวแล้วบรรทุกเขาขึ้นเรือเพื่อขายเขาให้เป็นทาสหรือเรียกค่าไถ่ แต่ระหว่างทางโซ่ตรวนหลุดจากมือและเท้าของ Dionysus และปาฏิหาริย์ก็เริ่มเกิดขึ้นต่อหน้าพวกโจร:

"หวานเหนือสิ่งอื่นใดบนเรือเร็วทุกที่
ทันใดนั้นไวน์หอมก็พึมพำและแอมโบรเซีย
กลิ่นฟุ้งไปทั่ว ลูกเรือมองดูด้วยความประหลาดใจ
ยืดออกทันทีเกาะเรือสูงสุด
เถาวัลย์ขึ้นที่นี่และที่นั่นและกลุ่มที่ห้อยอยู่มากมาย ... "
(บทความ 35–39; แปลโดย V. V. Veresaev)

กลายเป็นสิงโต Dionysus ฉีกหัวหน้าโจรสลัดเป็นชิ้น ๆ โจรสลัดที่เหลือยกเว้นนายท้ายเรือผู้ชาญฉลาดซึ่ง Dionysus ไว้ชีวิตได้โยนตัวเองลงไปในทะเลและกลายเป็นปลาโลมา

ปาฏิหาริย์ที่อธิบายไว้ในเพลงกรีกโบราณนี้ - การหลุดของโซ่ตรวนที่เกิดขึ้นเอง, การเกิดขึ้นของน้ำพุไวน์, การเปลี่ยนแปลงของ Dionysus เป็นสิงโต ฯลฯ เป็นลักษณะเฉพาะของแนวคิดเกี่ยวกับ Dionysus ในตำนานและในศิลปกรรมของกรีกโบราณ เทพเจ้าไดโอนิซัสมักจะแสดงเป็นแพะ กระทิง เสือดำ สิงโต หรือด้วยคุณลักษณะของสัตว์เหล่านี้

Dionysus และเทพารักษ์ จิตรกร Brigos, Attica ตกลง. 480 ปีก่อนคริสตกาล

ผู้ติดตามของ Dionysus (fias) ประกอบด้วย satyrs และ bacchantes (maenads) คุณลักษณะของ Bacchantes และเทพเจ้า Dionysus เองคือ thyrsus (ไม้ที่พันด้วยไม้เลื้อย) เทพเจ้าองค์นี้มีหลายชื่อและฉายา: Iakh (กรีดร้อง), Bromius (ส่งเสียงดังอย่างดุเดือด), Bassarei (นิรุกติศาสตร์ของคำไม่ชัดเจน) เห็นได้ชัดว่าชื่อหนึ่ง (เล่ย) เกี่ยวข้องกับความรู้สึกของการปลดปล่อยจากความกังวลเมื่อดื่มไวน์และด้วยธรรมชาติที่คลั่งไคล้ของลัทธิทำให้บุคคลหลุดพ้นจากข้อห้ามทั่วไป

แพนและเทพแห่งป่า

กระทะในสมัยกรีกโบราณเป็นเทพเจ้าแห่งป่าไม้ ผู้อุปถัมภ์ทุ่งหญ้า ฝูงสัตว์ และคนเลี้ยงแกะ ลูกชายของ Hermes และนางไม้ Dryope (ตามตำนานอื่นลูกชายของ Zeus) เขาเกิดมาพร้อมกับเขาแพะและขาแพะเพราะ Hermes ดูแลแม่ของเขาในรูปของแพะ:

“มีนางไม้ที่สดใส มีขาเป็นแพะ มีเขาสองเขา มีเสียงดัง
ท่องไปตามป่าโอ๊กบนภูเขา ใต้ร่มไม้อันมืดมิด
นางไม้จากยอดหินผาเรียกเขาว่า
พวกเขาเรียกกระทะด้วยขนสกปรกหยิก
เทพเจ้าแห่งทุ่งหญ้าที่ร่าเริง เขามอบก้อนหินให้เป็นมรดก
หัวภูเขาหิมะ เส้นทางหินผา"
(จากเพลงสวดโฮเมอร์ถึงแพน หน้า 2–7; แปลโดย V. V. Veresaev)

ซึ่งแตกต่างจากเทพารักษ์ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน ชาวกรีกโบราณพรรณนาแพนด้วยขลุ่ยในมือ ขณะที่เทพารักษ์วาดด้วยองุ่นหรือไม้เลื้อย

ตามแบบอย่างของคนเลี้ยงแกะชาวกรีกโบราณ เทพเจ้าแพนนำชีวิตเร่ร่อนพเนจรไปตามป่า พักผ่อนในถ้ำคนหูหนวก และทำให้ “ตื่นตระหนกหวาดกลัว” ต่อนักเดินทางที่หลงทาง

มีเทพเจ้าแห่งป่ามากมายในสมัยกรีกโบราณ และพวกมันถูกเรียกว่า panisks ซึ่งแตกต่างจากเทพเจ้าหลัก

ชื่อ:ซุส

ประเทศ:กรีซ

ผู้สร้าง:ตำนานกรีกโบราณ

กิจกรรม:เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า ฟ้าร้องและฟ้าผ่า ผู้ดูแลโลกทั้งใบ

สถานะครอบครัว:แต่งงานแล้ว

Zeus: เรื่องราวของตัวละคร

ตำนานของกรีกโบราณซึ่งเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับศาสนาของคนกลุ่มนี้มีต้นกำเนิดมาจากเส้นทางของการก่อตัวของมนุษยชาติ แต่ยังคงเป็นที่นิยมซึ่งได้รับการอำนวยความสะดวกโดยอนุสรณ์สถานทางวัฒนธรรม

ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงและนักเขียนมากความสามารถได้รับแรงบันดาลใจจากไททันส์ นักกีฬาโอลิมปิก มิวส์ ไซคลอปส์ และอื่น ๆ ตัวละครในนิยายและตำนานเกี่ยวกับเหล่าทวยเทพและวีรบุรุษผู้แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อที่ดึงดูดจิตวิญญาณ Zeus หัวหน้าของ Pantheon กรีกโบราณซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโลกทั้งใบมักพบในตำราโบราณ ชื่อของฟ้าร้องนี้อาจคุ้นเคยกับทุกคนและทุกคน

ตำนาน

คน ๆ หนึ่งดูอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับพื้นหลังของโลกโดยรอบ ตัวแทนของสายพันธุ์ Homosapiens ไม่มีความแข็งแกร่งทางกายภาพเช่นเดียวกับหมี มนุษย์ไม่สามารถวิ่งได้เร็วเหมือนสิงโตหรือเสือชีตาห์ อีกทั้งพวกมันก็ไม่มีฟันที่แหลมคมและกรงเล็บที่แข็งแรง

แต่โดยธรรมชาติแล้วคน ๆ หนึ่งพยายามอธิบายสิ่งที่เขารู้สึกและสังเกต ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาค้นพบกฎทางกายภาพ คิดค้นขึ้น ตารางเคมีแต่ถามคำถามของปรัชญา แต่ก่อนเมื่อ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่แข็งแรงนักผู้คนอธิบายสิ่งนี้หรือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติผ่านตำนานและเชื่อว่าเทพเจ้าสามารถนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่บ้านช่วยให้ชนะสงครามและปกป้องพืชผลจากความแห้งแล้ง

ตามประวัติศาสตร์ตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของสหัสวรรษที่สองก่อนคริสต์ศักราช เทพเจ้ารุ่นที่สามที่นำโดยซุสเริ่มขึ้นครองราชย์ในโลกซึ่งเป็นผู้โค่นไททัน หัวหน้าเทพเจ้าโอลิมเปียกลายเป็นลูกชายคนที่สามของไททันโครนอสและรีอาภรรยาของเขา ความจริงก็คือผู้ทำนายทำนายกับ Kronos ว่าลูกชายของเขาจะสวมมงกุฎของพ่อของเขา ลอร์ดแห่งกาลเวลาไม่ต้องการที่จะทนกับชะตากรรมเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงกินเด็กแรกเกิดโดยไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี ในกรณีนี้ กลืนแม้กระทั่งลูกสาว

Rhea ไม่ได้ตั้งใจที่จะทนกับความเด็ดขาดของสามีของเธอ ดังนั้น ในฐานะผู้หญิงที่ฉลาด เธอจึงตัดสินใจที่จะดำเนินการโดยใช้ไหวพริบ ไททานิต้าที่ตั้งท้องไปที่ถ้ำลึกในเกาะครีต ที่ซึ่งเธอได้ให้กำเนิดผู้แย่งชิงอำนาจในอนาคต

เพื่อที่ Kronos จะไม่สังเกตเห็นเล่ห์เหลี่ยมที่รักของเขาจึงเอาหิน Baytil ห่อไว้ในผ้าอ้อมแทนทารกซึ่งยักษ์กลืนทันทีและเมื่อไททันที่โกรธแค้นรู้เรื่องกลอุบายของภรรยาเขาก็ไปหาซุสตัวน้อย . Kurets ช่วยเด็ก: พวกเขากระแทกด้วยหอกและดาบเมื่อทารกร้องไห้เพื่อที่ Kronos จะเดาไม่ออกว่าลูกชายของเขาอยู่ที่ไหน

คำทำนายร้ายแรงที่ Kronos ได้เรียนรู้กลายเป็นจริง: เมื่อ Zeus เติบโตเต็มที่ เขาเริ่มทำสงครามกับพ่อของเขา ได้รับชัยชนะอย่างย่อยยับ และส่งพ่อแม่ของเขาลงสู่ก้นบึ้งภายใต้อาณาจักรแห่ง Hades - Tartarus ตามตำนานอื่น Thunderer ให้เครื่องดื่มน้ำผึ้งแก่ Kronos และเมื่อเขาหลับเขาก็ตอนมัน นอกจากนี้ ซุสยังบังคับบรรพบุรุษของเขาให้คายพี่น้องชายหญิงด้วยความช่วยเหลือของยา ซึ่งเขาได้สร้างเทพเจ้าและตั้งรกรากบนโอลิมปัส ตามแหล่งอื่น Olympian ฉีกท้องของไททัน

สงครามระหว่างทวยเทพและไททันกินเวลานานถึงสิบปี และไซคลอปส์ก็ถูกเรียกให้มาช่วย แต่เนื่องจากกองกำลังเท่ากัน ฝ่ายตรงข้ามจึงไม่สามารถตัดสินผู้ชนะได้เป็นเวลานาน จากนั้นซุสก็ปลดปล่อยยักษ์ที่มีอาวุธหลายร้อยตนจากก้นบึ้งซึ่งสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเขาและพวกเขาก็ช่วยส่งอดีตผู้ปกครองไปยังทาร์ทารัส ไกอาเทพีแห่งโลกสิ้นหวังให้กำเนิดสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่มีหัวมังกรร้อยตัว - ไทฟอน แต่เขาพ่ายแพ้โดยซุส

เมื่อสันติภาพขึ้นครองราชย์ ซุสและพี่น้องของเขาได้แบ่งอำนาจด้วยความช่วยเหลือมากมาย โพไซดอนกลายเป็นเจ้าแห่งท้องทะเล ฮาเดสเริ่มจัดการอาณาจักรแห่งความตายที่มืดมนและน่ากลัว และซุสมีอำนาจเหนือท้องฟ้า

นักวิทยาศาสตร์ยังตั้งข้อสันนิษฐาน: เป็นไปได้ว่าชาวกรีกนำเสนอการเสียสละของมนุษย์แก่เจ้าของ Olympus แต่คนอื่น ๆ หักล้างการคาดเดาเหล่านี้ บางทีอาจมีเพียงเผ่าที่แยกจากกันและไม่กี่เผ่าเท่านั้นที่มีส่วนร่วมในการสังหารเพื่อเห็นแก่เจ้าของท้องฟ้าเพื่อขอให้ยุติการปะทุของภูเขาไฟ โดยพื้นฐานแล้ว ในสมัยกรีกโบราณ มีการมอบสัตว์และอาหารให้กับเหล่าทวยเทพ

ภาพ

ธันเดอร์ที่ทำให้ชาวโลกหวาดกลัวด้วยสายฟ้าและเมฆมืด ปรากฏในตำนานในฐานะบิดาแห่งทวยเทพและผู้คน ซุสพยายามทำให้โลกนี้มีความสามัคคีกันมากที่สุด แจกจ่ายความดีและความชั่ว และทำให้บุคคลเกิดความละอายและมโนธรรม เทพเจ้าผู้ทรงพลังนั่งบนบัลลังก์และดูแลระเบียบเมือง ปกป้องผู้อ่อนแอและถูกรุกราน และให้การอุปถัมภ์แก่ผู้ที่สวดอ้อนวอน

ซุสผู้ปฏิบัติตามกฎหมายทั่วโลกไม่เพียง แต่ส่งฝนและลงโทษผู้กระทำผิดด้วยสายฟ้า แต่ยังมองเห็นอนาคตล่วงหน้าทำนายอนาคตด้วยความช่วยเหลือจากความฝัน แต่บางครั้ง Zeus เองก็ขึ้นอยู่กับเทพธิดา Moir - ผู้หญิงที่ทอด้ายแห่งโชคชะตา

บ่อยครั้งที่ Thunderer เป็นภาพเขียนและประติมากรรมที่แสดงเป็นชายวัยกลางคนที่มีลักษณะใจดีซึ่งล้อมรอบด้วยลอนหนาและเคราอันเขียวชอุ่ม ในมือของ Zeus มีสายฟ้าซึ่งเป็นส้อมสามง่ามที่มีรอยบาก จากตำนานเป็นที่รู้กันว่าสายฟ้าสำหรับเทพเจ้านั้นสร้างโดยไซคลอปตาเดียว เทพองค์นี้ยังมีคทา และบางครั้งพระองค์ก็ปรากฎกายด้วยห้องปฏิบัติการหรือค้อน คล้ายกับเครื่องมือ

พระเจ้าตัดราชรถที่ลากโดยนกอินทรี: อย่างที่คุณทราบนกผู้สูงศักดิ์นี้เกี่ยวข้องกับความยิ่งใหญ่และพลัง มันเป็นนกอินทรีที่จิกตับของ Prometheus ผู้โชคร้าย - ดังนั้น Zeus จึงลงโทษลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ขโมยไฟจาก Hephaestus ส่งต่อไปยังผู้คน

เหนือสิ่งอื่นใด Zeus รู้วิธีแปลงร่างเป็นสัตว์โลก: ครั้งหนึ่งนักกีฬาโอลิมปิกกลายเป็นวัวเพื่อลักพาตัวเจ้าหญิง อย่างไรก็ตาม เจ้าแห่งท้องฟ้าไม่ได้โดดเด่นด้วยความมั่นคง สาวงามหลายร้อยคนมาเยี่ยมเยียนเตียงของเขา ซึ่งเขาล่อลวงด้วยรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าเขาจะปรากฏตัวให้หญิงสาวเห็นในรูปของเมฆ หรือเขาจะปรากฏตัวเป็นหงส์ขาว และเพื่อที่จะครอบครอง Danae ซุสก็กลายเป็นฝักบัวสีทอง

ตระกูล

ดังที่คุณทราบในตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณเทพเจ้าทุกองค์มีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกันซึ่งสืบเชื้อสายมาจากไททัน นอกจากนี้ ตัดสินโดยตำนาน บางคนแต่งงานกับน้องสาวของพวกเขา Thunderer ไม่ใช่คนในครอบครัวที่เป็นแบบอย่างและล่อลวงสาวงามมากกว่าหนึ่งคน ยุโรปที่เบิกตากว้าง, Leda, Antelope, Io และผู้มีเสน่ห์อื่น ๆ กลายเป็นเหยื่อของมนต์สะกดของซุส

แต่ผู้หญิงสามคนถือเป็นภรรยา "อย่างเป็นทางการ" คนแรกคือเมทิสผู้ชาญฉลาดซึ่งทำนายกับสามีของเธอว่าลูกชายของซุสที่เกิดจากเธอจะเหนือกว่าพ่อของเขา ผู้พิทักษ์สายฟ้าที่อารมณ์เสียทำตามตัวอย่างของ Kronos มีเพียงเขาเท่านั้นที่กลืนทารกแรกเกิดไม่ได้ แต่เป็นภรรยาของเขา หลังจากนั้น Athena ผู้อุปถัมภ์ของสงครามก็ถือกำเนิดขึ้นจากศีรษะของเทพเจ้าและ Metis ซึ่งนั่งอยู่ในครรภ์ของสามีของเธอก็กลายเป็นที่ปรึกษาของเขา

ภรรยาคนที่สองของ Zeus - เทพีแห่งความยุติธรรม Themis - ให้ลูกสาวสามคนแก่สามีของเธอ: Eunomia, Dike และ Eirene (ตามแหล่งอื่น ๆ Themis เป็นแม่ของ Moira หรือ Prometheus) ที่รักคนสุดท้ายของนักกีฬาโอลิมปิกคือผู้อุปถัมภ์การแต่งงาน Hera ซึ่งโดดเด่นด้วยความโหดร้ายและความหึงหวง

ภาพยนตร์

ซุสสามารถเห็นได้บนหน้าจอทีวี Thunderer ปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชมในผลงานภาพยนตร์หลายเรื่อง:

• 2512 - "เฮอร์คิวลีสในนิวยอร์ก"
• 2524 - "การปะทะกันของไททันส์"
• 2010 - เพอร์ซีย์ แจ็กสันกับสายฟ้าฟาด
• 2553 - "การปะทะกันของไททันส์"
• 2554 - "สงครามแห่งเทพเจ้า: อมตะ"
• 2012 - ความโกรธเกรี้ยวของไททันส์

นักแสดง

ในภาพยนตร์ผจญภัยเรื่อง Hercules in New York ที่เขาแสดง เออร์เนสต์ เกรฟส์ นักแสดงที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักปรากฏตัวในภาพลักษณ์ของ Thunderer นอกจากนี้ ในปี 1981 ภาพยนตร์ผจญภัยโดย Desmond Davis เรื่อง Clash of the Titans ได้รับการปล่อยตัว

ครั้งนี้ภาพของลอร์ดแห่งโอลิมปัสถูกทดลองโดยชาวอังกฤษซึ่งคุ้นเคยกับผู้ชมจากภาพยนตร์เรื่อง "" (1986), "King Lear" (1983), "" (1979) และผลงานภาพยนตร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ในปี 2010 ภาพยนตร์ครอบครัว Percy Jackson and the Lightning Thief ออกฉาย พวกเขาเล่นในภาพนี้ ในปี 2554 ภาพยนตร์เรื่อง "War of the Gods: Immortals" ได้รับการปล่อยตัวกลับชาติมาเกิดเป็นเทพเจ้าหลักโดยแบ่ง ชุดฟิล์มด้วย , และ .

• Zeus ลักพาตัวไม่เพียง แต่เพศที่ยุติธรรมเท่านั้น กลับชาติมาเกิดในหน้ากากของนกอินทรียักษ์ ผู้ชี้ขาดแห่งโชคชะตาได้ขโมยชายหนุ่มรูปงาม บุตรชายของโทรจันทรอส - แกนีมีด ฟ้าร้องให้พ่อคนนี้ หนุ่มน้อยเถาวัลย์สีทอง และแกนีมีดได้รับความเยาว์วัยชั่วนิรันดร์ กลายเป็น "คนดื่มเหล้า" ซึ่งเป็นผู้มอบน้ำหวานและแอมโบรเซียให้กับทวยเทพ
• Zeus เป็นเจ้าของเสื้อคลุมวิเศษที่ทำจากหนังแพะ - Aegis ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันเช่นเดียวกับโล่ ตำนานกล่าวว่าลูกสาวของเจ้าของสายฟ้า - Athena - สวมผิวหนังนี้เป็นเสื้อคลุมติดเข็มกลัดที่แสดงถึง Gorgon Medusa

• ในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช Olympia เป็นที่ตั้งของสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในสามในเจ็ดของโลก นั่นคือรูปปั้นหินอ่อนของ Zeus ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่กว่าวัด อนุสาวรีย์นี้สร้างโดยประติมากร Phidias ผู้พิถีพิถันในเรื่องวัสดุ โดยเฉพาะงาช้าง ตามข่าวลือทองคำบริสุทธิ์ 200 กิโลกรัมถูกนำไปที่เท้าของซุสและ อัญมณี. น่าเสียดายที่รูปปั้นยักษ์ของ Thunderer เสียชีวิตหลังจากสงครามและการปล้น
• Zeus ปรากฏทั้งในภาพยนตร์และบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ตัวอย่างเช่นในเกม Dota2 มีฮีโร่ที่มีชื่อของลูกชายของ Kronos และสังหารคู่ต่อสู้ด้วยสายฟ้า
• ซุสถูกเลี้ยงโดยนางไม้คิโนสุระ หลังจากที่ Thunderer กลายเป็นเจ้าแห่งท้องฟ้า เขาก็วางเธอไว้ท่ามกลางดวงดาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความขอบคุณ ตามตำนานอื่น ๆ เมลิสซาเลี้ยงดูลูกหลานของไททัน เลี้ยงเด็กด้วยน้ำผึ้งและนมแพะ ตลอดจนครอบครัวของคนเลี้ยงแกะ ในขณะที่ยื่นคำขาดให้แกะทุกตัวรอดจากหมาป่า

พลังของ Zeus บน Olympus นั้นแข็งแกร่งขึ้นในอีกทางหนึ่ง เขาเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ผิดกฎหมายเพื่อประโยชน์ในการให้กำเนิด แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ เด็กๆ จากการแต่งงานที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายเหล่านี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าการแต่งงานทางกฎหมายอื่นๆ ของเขาเลย ในทางตรงกันข้าม Zeus ได้สร้างตัวเองขึ้นบน Olympus ผ่านทางเทพธิดาที่เขารัก เพื่อที่เขาจะได้ทนกับความอัปยศอดสูจาก Hera ที่อิจฉาและเพื่อที่เขาจะต้องหลงระเริงไปกับเล่ห์เหลี่ยม

Eurynome และการเกิดของ Charit

EURINOME และการเกิดของ HARIT. ภรรยานอกกฎหมายคนแรกของซุส เธอให้กำเนิด Zeus สาม Charites ที่มีเสน่ห์และน่ารัก (กรีก charis - ความเมตตา) พวกเขาเป็นตัวเป็นตนของการเริ่มต้นชีวิตที่ดี สนุกสนาน และเป็นนิรันดร์ของชีวิต ชื่อของหฤษฎ์คือ Aglaya (ส่องแสง), Euphrosyne (คิดดี), Falia (เบ่งบาน) ที่นี่ธรรมชาติหันเข้าหามนุษย์ด้วยด้านที่เป็นประโยชน์ แม้จะมีองค์ประกอบที่ชั่วร้ายและการทำลายล้างของสมัยโบราณก็ตาม

อาจกล่าวได้ว่างานการกุศลมีความจำเป็นอย่างยิ่งในโลกที่โอลิมเปียนซุสรับรอง และสร้างขึ้นจากความสามัคคีและระเบียบ ความเมตตา ความรัก ความปิติยินดีพร้อมกับการกระทำอันสูงส่ง ความหลงใหล และความทุกข์ทรมานของวีรบุรุษเป็นเอกสิทธิ์ของตำนานคลาสสิก นี่คือสิ่งที่ขาดหายไปในสมัยโบราณซึ่งแปลกไปอย่างสิ้นเชิงและทำให้คนที่มีเกียรติและเติบโตในสายตาของพวกเขาเองเป็นคนที่มีความสามารถในความกล้าหาญอย่างรุนแรงและมีความเมตตากรุณาต่อเผ่าพันธุ์ของเขาเอง

Demeter และกำเนิดของ Persephone

Demetra และการเกิดของ PERSEPHONE. แต่กลับกลายเป็นว่าซุสอ้างว่าเป็นผู้ช่วยในการหาเลี้ยงชีพ หลังจากเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ผิดกฎหมายกับ Demeter น้องสาวของเขา (การแต่งงานครั้งที่สี่ติดต่อกัน) เทพีแห่งดินแดนที่อุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยว Zeus เริ่มรับผิดชอบในการให้อาหารผู้คนเพื่อความมีชีวิตชีวาและความเป็นอยู่ที่ดีของร่างกาย (ibid. 912 -914). และถ้าเราพิจารณาว่าลูกสาวของเขาจาก Demeter, Persephone กลายเป็นภรรยาของ Hades และผู้เป็นที่รักของอาณาจักรแห่งความตาย Zeus ก็กลับมาทำหน้าที่ของคนโบราณอีกครั้ง เทพ Zeus the Underground หรือ Chthonius ไม่ใช่แค่ Zeus บนสวรรค์

Mnemosyne และกำเนิดของ Muses

Mnemosyne และกำเนิดของ Muses. ที่สำคัญมากยิ่งขึ้น รักสหภาพ Zeus กับ Titanide Mnemosyne (กรีก mnemosyne - ความทรงจำ) แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถวายตามกฎหมาย (รวมการแต่งงานครั้งที่ห้า) การแต่งงานครั้งนี้จำเป็นอย่างยิ่งในการเสริมสร้าง Zeus ในโลกของค่านิยมคลาสสิกทางวัฒนธรรม (ibid. 915-917; 56-62)

ท้ายที่สุดหากไม่มีความทรงจำและไม่มีความทรงจำการเคลื่อนไปข้างหน้าก็คิดไม่ถึงการพัฒนาใด ๆ ก็เป็นไปไม่ได้ ซุสรวมตัวกับความทรงจำ (เหมือนที่เคยรวมกับความคิด) และให้กำเนิดน้องสาวเก้าคนซึ่งเรียกว่ามิวส์

Muses เหล่านี้เกิดใน Pieria มีชื่อนักกีฬาโอลิมปิก ชื่อของพวกเขา - Calliope, Clio, Melpomene, Euterpe, Erato, Terpsichore, Thalia, Polyhymnia, Urania - บ่งบอกถึงความเชื่อมโยงของ Muses กับการร้องเพลง การเต้นรำ ดนตรี และโดยทั่วไปแล้วด้วยความสุขอันประณีตของจิตวิญญาณ Urania (สวรรค์) และ Clio (ให้สง่าราศี) มอบบุคคลที่มีความสามารถในการศึกษาสวรรค์และโลก แนวทางของวัตถุสวรรค์และกิจการของโลก

นอกจากนี้ ไม่ใช่ตำนานอีกต่อไป แต่เป็นประวัติศาสตร์จริง วัฒนธรรมโบราณมีเหตุผลทุกประการที่จะถือว่า Urania เป็นผู้อุปถัมภ์การศึกษาทางดาราศาสตร์ และ Clio - การวิจัยทางประวัติศาสตร์ Erato กลายเป็น Muse ของกวีนิพนธ์ Euterpe - ดนตรีประกอบบทเพลง Calliope - บทกวีมหากาพย์ Melpomene - โศกนาฏกรรม Polyhymnia - เพลงสวด Terpsichore - การเต้นรำ และ Thalia - ศิลปะตลกขบขัน

รำพึงของนักกีฬาโอลิมปิกทั้งเก้านี้ดูเหมือนจะมีต้นกำเนิดมาจากรำพึงสามประการของตำนานโบราณ ซึ่งแสดงถึงจุดเริ่มต้นแรกของภูมิปัญญาของโลก เพลงโบราณไม่ได้รับความเคารพจากนักร้องและกวี แต่โดยยักษ์ใหญ่แห่ง Aloada (Pave. IX 29, 1-2) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเสียสละบนภูเขา Helikon และมอบให้พวกเขา ชื่อลักษณะ- Meleta (ประสบการณ์), Mnema (ความทรงจำ), Aoyda (เพลง) ปรากฎว่าเมื่อมีสิ่งที่เรียกว่าท่วงทำนองที่แก่กว่า ลูกสาวของยูเรนัสและไกอา และผู้ที่มาจากซุสคือผู้ที่มีอายุน้อยกว่า ดังนั้นตำนานก่อนโอลิมปิกจึงมีข้อกำหนดเบื้องต้นหลายประการสำหรับการก่อตัวของไม่ใช่ทางกายภาพล้วน แต่มีความต้องการและความสามารถใหม่ที่สูงขึ้นของบุคคลที่ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติกำหนดความรู้ในความทรงจำและรู้สึกยินดี จิตวิญญาณ

เห็นได้ชัดว่าในอดีต chthonic ของ Olympian muses ทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนอยู่ในตำนานคลาสสิกเพราะบางครั้งพวกเขาก็มีลูกหลานประเภทที่แปลกประหลาดและเป็นธรรมชาติอย่างชัดเจนเช่น Corybantes และ Sirens พร้อมกับนักร้องในยุคที่กล้าหาญเช่น Orpheus และ Lin .

ให้เราฟังสิ่งที่ Hesiod กวีและชาวนาจากหมู่บ้าน Askra ซึ่งตั้งอยู่ที่เชิงเขา Helikon เล่าเกี่ยวกับ Olympic Muses

ใน "Theogony" - บทกวีเกี่ยวกับการกำเนิดและรุ่นของเทพเจ้าซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาหลักของตำนาน - เฮเซียดบอกเล่าโดยไม่อายกับความไม่น่าจะเป็นไปได้ของเหตุการณ์เกี่ยวกับการพบกับ Muses บนยอดเขา Helicon ปรากฎว่าน้องสาวนักกีฬาโอลิมปิกเก้าคนมีนิสัยชอบเต้นรำไปรอบ ๆ ที่นั่นโดยข้ามแท่นบูชาของ Zeus และแหล่งน้ำ "สีม่วงเข้ม" พวกเขาล้างร่างกายในกระแส Permes หรือในฤดูใบไม้ผลิของ Hippocrene (เขาถูกกีบเท้ากระแทกออกจากหิน ม้ามีปีก Pegasus) แล้วดื่มด่ำไปกับการเต้นรำ เมื่อตกกลางคืน มิวส์สวมชุดหมอกหนาทึบลงมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์และลงมาใกล้ผู้คนมากขึ้น พวกเขาร้องเพลงที่ยอดเยี่ยมเชิดชูนักกีฬาโอลิมปิกผู้ยิ่งใหญ่ - Zeus และ Hera, Athena และ Apollo กับ Artemis, Poseidon และ Aphrodite กับ Themis, Hebe, Dione และลูกสาวของเธอ Leto, - ไททันโบราณ Iapetus และ Kronos, รุ่งอรุณและกลางคืน, ดวงอาทิตย์และ ดวงจันทร์ แม่ธรณี และผืนน้ำในมหาสมุทร

นักกีฬาโอลิมปิกเหล่านี้เป็นผู้ที่ได้พบกับเฮเซียดตอนที่เขากำลังเลี้ยงแกะที่เชิงเขาเฮลิคอน และเล่าให้ฟังว่าพวกเขามีทักษะในการประดิษฐ์ที่มีไหวพริบอย่างไร และคุณสามารถเปลี่ยนเรื่องเท็จให้กลายเป็นความจริงที่บริสุทธิ์ที่สุดได้อย่างไร

ในความเป็นจริง Muses ได้เปิดเผยความลับของนิยายกวีให้ Hesiod - สิ่งที่เราเรียกว่าแฟนตาซี หลังจากนั้นพวกเขาก็มอบไม้เท้าที่แกะสลักจากลอเรลเขียว ซึ่งเป็นต้นไม้ของนักร้องและกวีคนโปรดของอพอลโลให้เฮเซียด เมื่อมอบของขวัญของพวกเขา เหล่ามิวส์ได้สูดลมหายใจของเฮเซียดเป็นเพลงจากสวรรค์ให้กับผู้เลี้ยงแกะ โดยไม่รู้ตัว เฮเซียดได้ยกตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับความเข้าใจเกี่ยวกับแรงบันดาลใจในบทกวี ปรากฎว่ามันเหมือนสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในลอเรลและดังนั้นจึงอยู่ในลอเรลพร้อมกับที่มันผ่านเข้าสู่ความครอบครองของเฮเซียด

ดังนั้น Muses จึงสอนเพลงของ Hesiod และสร้างกวี และในทางกลับกัน เขาก็ยกย่องธิดาของ Zeus ใน Theogony (1-116)

ปากของพวกเขาเปล่งเสียงที่ไพเราะซึ่งไม่น้อยไปกว่าเพลงที่ไพเราะของชาวโอลิมปัสที่ส่งเสียงตอบรับ มิวส์ร้องเพลงเกี่ยวกับโลกอันศักดิ์สิทธิ์โดยสมบูรณ์ ตั้งแต่โลกและสวรรค์ไปจนถึงซุสและลูกหลานของเขา พวกเขาไม่เพียงแต่มอบของขวัญเป็นคำพูดที่ถูกใจแก่ผู้คนเท่านั้น แต่ยังร้องเพลงกฎที่กำหนดโดย Zeus ศีลธรรมอันดีที่ครอบครองบน ​​Olympus สร้างแรงบันดาลใจให้มีความคิดที่สมเหตุสมผล ดับความเศร้า และหยุดการทะเลาะวิวาท

ดังนั้น Muses จึงจดจำผู้คนและในคำกวีถึงกิจการที่ดีของ Olympian Zeus สนับสนุนเช่น Charites, Oras และ Moiras การจัดเรียงที่กลมกลืนกันของโลกเชื่อฟังกฎของ Zeus และมีความหมายอย่างมีสติ

ฤดูร้อนให้กำเนิด Zeus Apollo และ Artemis

ฤดูร้อน กำเนิดซุส อพอลโล และอาร์เทมิส. หน้าที่ทางวัฒนธรรมร่วมกันเหล่านี้ของซุสมีความเข้มแข็งมากขึ้นในโอลิมปัสด้วยการกำเนิดของอพอลโล (Ges. Theog. 918-920)

เลโตผู้น่าสงสารซึ่งถูกข่มเหงโดยฮีโร่ ผู้ซึ่งห้ามไม่ให้โลกที่มั่นคงให้ที่พักพิงแก่แม่ในอนาคตของเธอ พบสถานที่ที่ยากลำบากเมื่อถึงเวลาคลอดลูก เธอท่องไปในเมือง ภูเขา และเกาะต่างๆ ของกรีซ เธอเคยอยู่ในเอเธนส์ มิเลทัส ยูโบอา ซาโมเทรซ บนภูเขาเปลิออน ไอดา บนเกาะอิมบรอส เลมนอส เลสบอส คนนิโดส นักซอส ปารอส สกายรอส เอจีนา . และในที่สุด Delos หิน (ตอนนั้นเรียกว่า Ortigia และกำลังลอยอยู่นั่นคือไม่ใช่ดินแดนที่มั่นคง) ให้ที่พักพิงของเธอตามคำวิงวอนของ Leto และคำสาบานของเธอว่าเกาะนี้จะกลายเป็นสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ของอพอลโลและจะได้รับความเคารพ เป็นเวลาหลายศตวรรษที่วัดที่งดงาม

ฤดูร้อนต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเวลาเก้าวัน เธอได้รับการช่วยเหลือในการคลอดบุตรโดยแม่ของ Zeus - Rhea อดีตภรรยาของเขา - Themis แม่ของ Aphrodite - Dione ภรรยาของ Poseidon - Amphitrite มีเพียงเฮร่าผู้ชั่วร้ายเท่านั้นที่ถ่วงเวลาอิลิเทีย ลูกสาวของเธอ เทพีแห่งการให้กำเนิดบุตร อย่างไรก็ตามเทพธิดาหาทางออก พวกเขาติดสินบน Ilithyia ด้วยของขวัญมากมาย จากนั้นเลโตจับต้นปาล์มด้วยมือของเธอให้กำเนิดอพอลโลในพรมทุ่งหญ้าที่อ่อนนุ่ม (ตาม Apollodorus I 4, 1 เลโตให้กำเนิดอาร์ทิมิสเป็นครั้งแรกและด้วยความช่วยเหลือของเธอ - อพอลโล) ทันใดนั้นโลกก็ยิ้มและเทพธิดาล้างทารกแล้วบิดด้วยผ้าขาวบาง ๆ แล้วมัดด้วยเข็มขัดสีทอง Themis ให้น้ำหวานและแอมโบรเซียเข้าที่ริมฝีปากของเด็ก

เข็มขัดสีทองหลุดออก ผ้าอ้อมหลุดออก และตอนนี้อพอลโลต้องการคันธนู พิณ และประกาศคำทำนายในอนาคตของเขา

เมื่อได้รับสิ่งที่ต้องการแล้ว Phoebus ที่ "โดดเด่นแต่ไกล" ก็เดินไปตามพื้นโลก "เทพธิดาตกตะลึง" และ "Delos เปล่งประกายไปทั่วราวกับทองคำ" ราวกับว่าดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง และแม่เลโตก็ชื่นชมยินดีในใจของเธอ ดีใจที่เธอได้ให้กำเนิดลูกชายที่ทรงพลังเช่นนี้ (Hom. hymn. I 25-139; Kallim. IV 55-274)

ดังนั้น Summer ในฐานะภรรยานอกกฎหมายของ Zeus ประสบกับความโกรธแค้นของ Hera แต่เธอก็กลายเป็นแม่ที่มีความสุขของฝาแฝด Apollo และ Artemis และถ้าภาพของอาร์ทิมิส นักล่าสาวพรหมจารี มีรากฐานมาจากตำนานโบราณหลายชั้น โดยเป็นภาพของนายหญิงแห่งป่าและสัตว์ อพอลโลก็เป็นตัวอย่างของเทพที่แก่นแท้ดั้งเดิมของเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะปราบปรามมัน อดีตอันคร่ำครึของตัวเอง

ร่างที่ทรงพลังของเทพเจ้าสุริยะที่เจิดจ้า นักธนูผู้ลงโทษสัตว์ประหลาด มูซาเกต (คนขับมิวส์) นักร้องที่ได้รับแรงบันดาลใจ นักทำนายและผู้รักษาที่ชาญฉลาด ผู้อุปถัมภ์คนเลี้ยงแกะ ผู้สร้างเมืองและผู้ก่อตั้งกฎหมาย ไม่สามารถ แทนที่มนุษย์หมาป่าอย่างสมบูรณ์, ผู้ทำลายล้างฝูงคนเลี้ยงแกะ, ปีศาจไฟโตมอร์ฟิค, นักฆ่าที่มืดมนของผู้คน, ผู้ส่งโรคร้ายแรง, ผู้ทำลายเมือง

อย่างไรก็ตาม ยิ่งซุสแข็งแกร่งขึ้นบนโอลิมปัสมากเท่าไหร่ อพอลโลก็ยิ่งได้รับพลังมากขึ้นเท่านั้น ค่อยๆ กลายเป็นเทพเจ้าคลาสสิกสากลแบบเดียวกับโลกแห่งแสง และสุดท้าย แสงเองที่ส่องประกาย และแม้แต่ไดรเวอร์มัวร์ (มอยราเกต) ที่ถือครอง สามัคคีกันทั้งโลก ในท้ายที่สุด ความเป็นสากลของอพอลโลนี้มาถึงขอบเขตที่นักแต่งนิทานปรัมปราในยุคต่อมาจะระบุว่าเขาคือเทพซุส แต่ถ้าคุณไม่เข้าไปในสุดขั้วของตำนานตอนปลายซึ่งมีการกำหนดค่าทางปรัชญาและสัญลักษณ์แล้วอพอลโลในยุคคลาสสิกก็เป็นจริงพร้อมกับ Athena ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของ Olympus และโดยทั่วไปแล้วหลักการของการเป็นวีรบุรุษ จริงอยู่ซึ่งแตกต่างจาก Athena ซึ่งซื่อสัตย์ต่อพ่อของเธออย่างไม่เสื่อมคลายใน Apollo มีแนวโน้มที่ชัดเจนต่อการแข่งขันกับ Zeus และการยืนยันตนเองต่อความประสงค์ของบิดา

Aphrodite - ลูกสาวของ Dione

Aphrodite - ลูกสาวของ Dione. ตามฉบับดั้งเดิมของโฮเมอร์ (Il. V 370) อโฟรไดท์เป็นลูกสาวของซุสและเทพีไดโอนีซึ่งอาศัยอยู่อย่างสงบสุขกับเฮราบนโอลิมปัส ตามฉบับโบราณเธอเกิดจากเลือดของดาวยูเรนัสที่โครนอสตัดตอนซึ่งตกลงไปในทะเล อย่างไรก็ตาม ตำนานคลาสสิกซึ่งมาจากต่างดาวไปสู่ลัทธิ chthonicism ได้เปลี่ยนภาพที่มืดมนนี้และบรรยายถึงการกำเนิดของเทพีแห่งความรักและความงามที่เต็มไปด้วยความงดงามและความงดงาม นอกเหนือไปจากนั้น เทพเจ้าแห่งโอลิมปิกไม่ได้ถือกำเนิดขึ้น

ขับเคลื่อนด้วยลมหายใจของ Zephyr ตามเกลียวคลื่น Aphrodite แล่นไปยังเกาะไซปรัสด้วยฟองอากาศโปร่งสบาย Ora ลูกสาวของ Zeus ได้พบกับเทพธิดาอย่างมีความสุขแต่งตัวให้เธอด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เน่าเปื่อยสวมมงกุฎทองคำสวมศีรษะของเธอสวมต่างหูทองคำที่หูของเธอและพันสร้อยคอทองคำไว้รอบคอของเธอ มาพร้อมกับ Or - Eunomia, Diki, Eirena - ผู้มาใหม่สู่โลกชื่อ Cyprida เดินทัพไปหาเทพเจ้าโอลิมปิก เหล่านั้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการทักทาย จับมือขวาของเธอ และประหลาดใจกับอโฟรไดท์มงกุฎสีม่วง จุดประกายด้วยความหลงใหลที่จะแนะนำภรรยาของเธอให้รู้จัก บ้านของตัวเอง(เพลงสรรเสริญพระบารมี ป.6). ความงามและพลังของ Aphrodite นั้นขึ้นอยู่กับเทพเจ้า (ทุกคนยกเว้น Athena, Artemis, Hestia) วีรบุรุษและแม้แต่สัตว์ป่า - หมาป่าสีเทา, หมี, สิงโตเพลิง, เสือดาว - กระดิกหางอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นเทพธิดา ( อ้างแล้ว IV 2-72)

ดังนั้นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เกิดในโฟมเลือดของดาวยูเรนัสที่ถูกตอนซึ่งตกลงไปในทะเล (และ Erinyes และยักษ์เกิดจากหยดเลือดเดียวกันในโลก) กลายเป็นอโฟรไดท์ที่สวมมงกุฎสีทองยิ้มแย้มและอ่อนโยน ขนตาทำเครื่องหมายสิ่งนี้เหมือนการกำเนิดครั้งที่สองของ Zeus Olympus และการยืนยันความงามบนมัน

Hermes - บุตรแห่งมายา

Hermes - บุตรแห่งมายา. การเกิดของ Hermes ยังเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์บน Olympus (ibid. III) ถ้าเทพโบราณยุคก่อนกรีก บางทีเทพ Molo-Asiatic นี้เคยเป็นเครื่องราง กองหิน เสาหิน (เชื้อโรค) ซึ่งเป็นที่ฝังศพ ขอบเขตทรัพย์สิน ประตูบ้าน ป้ายป้องกันบนถนน จากนั้นตำนานโอลิมปิกก็รู้จักเฮอร์มีสอีกคนหนึ่ง นี่คือลูกชายของ Zeus และ Maya หนึ่งในลูกสาวของ Atlas หลานสาวของไททัน Iapetus เขาเกิดในอาร์เคเดีย แม่ของเขาเป็นนางไม้บนภูเขาที่อาศัยอยู่ในถ้ำอันร่มรื่น - เป็นนกชนิดหนึ่งซึ่งซุสมาเยี่ยมในเวลากลางคืนเมื่อเฮร่า "ข้อศอกขาว" นอนหลับอย่างสงบ

เฮอร์มีสซึ่งเป็นทารกเติบโตเร็วพอๆ กับเทพบุตรองค์อื่นๆ ของซุส เขาเกิดในตอนเช้าตอนเที่ยงเขาเล่นซิทาร่าแล้วและในตอนเย็นเขาขโมยวัวจากอพอลโล

เขาสามารถสร้าง Kifara จากกระดองเต่าที่เขาพบได้ เขาเพียงแค่ควักลูกเต่าด้วยมีด จากนั้นตัดต้นอ้อ เสริมกระดองให้แข็งแรง หุ้มด้วยหนังออกไซด์ ทำคานขวาง ติดดีดเจ็ดสายจากลำไส้แกะ และลองใช้ปิ๊กดีดดีดสายทันที ร้องเพลงไปพร้อมกับเขา กำลังเล่น

สิ่งแรกที่ Hermes ทำคือร้องเพลงเกี่ยวกับการเกิดของเขาเอง เชิดชู Zeus และ Maya ตลอดจนบ้านของแม่และ ชีวิตมีความสุขในตัวเขา. ในตอนเย็นเขาหิวเนื้ออย่างมากและเขาขโมยวัวอพอลโลฝูงหนึ่งนำพวกมันออกไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม

เมื่อได้ลิ้มรสเนื้อทอดจากวัวสองตัวที่เชือดอย่างอิ่มหนำ กลับบ้าน เดินผ่านรูกุญแจ นอนลงในเปล กำพิณไว้กับตัวเอง และพูดคุยกับมารดาเกี่ยวกับกลอุบายอันชาญฉลาดในอนาคต ฝันถึงเสียงแตก กำแพงวิหารเดลฟิคและขโมยทองคำที่นั่น

อย่างไรก็ตามเฮอร์มีสต้องแยกพิณซึ่งเขามอบให้กับอพอลโลเพื่อแลกกับฝูงสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทพเจ้าผู้โกรธเกรี้ยวขู่ว่าจะโยนเฮอร์มีสที่ว่องไวลงในทาร์ทารัสที่เต็มไปด้วยหมอก ซึ่งพ่อหรือแม่จะไม่พาเขาออกมา คืนดีกับ Zeus บน Olympus พี่น้องต่างมารดาตกหลุมรักกัน เฮอร์มีสมอบขลุ่ยที่เขาสร้างให้กับอพอลโล แต่เขาได้รับไม้เท้าทองคำและศิลปะแห่งการทำนายเป็นของขวัญจากอพอลโล (Apollod. III 10, 2) โดยปิดผนึกของขวัญด้วยคำสาบานด้วยน้ำแห่งปรภพ

ดังนั้นจากปีศาจโบราณที่คลั่งไคล้และนักหลอกลวงดึกดำบรรพ์ เฮอร์มีสเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เขาเกิด เขาถึงตำแหน่งผู้ช่วยบนเส้นทางของคนเป็นและคนตาย (ขอบคุณไม้เท้าทองคำ) และด้วยเหตุนี้จึงเป็นผู้อุปถัมภ์วีรบุรุษ ( พิณมอบให้กับอพอลโลสำหรับผู้สร้าง Thebes เขามอบดาบให้กับ Perseus สำหรับการสังหาร Medusa, Odysseus - สมุนไพรวิเศษที่ช่วยชีวิตจากคาถา ฯลฯ ) และดังนั้นจึงเป็นตัวกลางระหว่างเทพเจ้าและผู้คนซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับ Olympus รุ่นคลาสสิก

แพน - หลานชายหรือลูกชายของซุส

แพน - หลานชายหรือลูกชายของซุส. ความสับสนร่าเริงบน Olympus เกิดจากการกำเนิดของหลานชายของ Zeus ลูกชายของ Hermes และนางไม้ต้นไม้ลูกสาวของ Dryop (รูปต้นโอ๊ก) Pan (เพลงประจำบ้าน XIX) เทพองค์นี้มีพื้นฐานของลัทธิ chthonicism และมนุษย์ผสม (ขนสัตว์ เขาแพะ กีบเท้า) ในตำนานคลาสสิก ไม่เพียงทำให้ผู้ที่พบกับกลอุบายของเขาหวาดกลัว แต่ยังช่วยเหลือผู้คน ปกป้องฝูงสัตว์ และเพิ่มลูกหลาน

ทารกที่น่ากลัวและมีหนวดมีเครารกไปด้วยขนสัตว์ถูกแม่ของเธอโยนทิ้งด้วยความสยดสยอง แต่เฮอร์มีสจับเขาไว้ในอ้อมแขนแล้วห่อเขาด้วยหนังกระต่ายภูเขาพาเขามาที่โอลิมปัส เหล่าทวยเทพหัวเราะอย่างสนุกสนานมองดูสัตว์ประหลาดน่ารักเรียกเขาว่า "ทุกคน" ยินดี Pan (กรีกแพน - ทั้งหมด) และรับเขาเข้าสู่ครอบครัวของพวกเขา ตำแหน่งของแพนในวงกลมโอลิมปิกของเหล่าทวยเทพนั้นแข็งแกร่งมากจนตามบางเวอร์ชั่นเขาเป็นลูกชายของซุสและนางไม้อาร์เคเดียน Callisto หรือ Zeus และเทพี Hybris - Insolence ที่ปรึกษาของอพอลโลในการทำนาย (Apollod. ฉัน 4, 1).

กำเนิด Dionysus ลูกชายของ Zeus และ Semele หญิงที่ต้องตาย

กำเนิดไดโอนิซุส บุตรแห่งซุส และสตรีเพศผู้ต้องตาย. เทพอีกองค์หนึ่ง Dionysus - ศูนย์รวมของพลังที่มีผลของโลก - มีต้นกำเนิดจาก chthonic, ความเป็นธรรมชาติที่ไร้เหตุผลและการถึงจุดสุดยอดที่ทรงพลังกลายเป็นลูกชายของ Zeus ในตำนานคลาสสิกซึ่งมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน

ไม่ว่าจะเป็น Dionysus Zagreus (นักล่าผู้ยิ่งใหญ่) ที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งเกี่ยวข้องกับตำนาน Cretan ลูกชายของ Zeus the Serpent และ Persephone หรือ Dionysus Iacchus ที่เก่าแก่ที่สุดไม่น้อยไปกว่าลูกชายของ Zeus และ Demeter ที่เกี่ยวข้องกับตำนาน Eleusinian ของ โลก. แต่ในระดับโอลิมปิก Dionysus เป็นบุตรชายของ Zeus และ Semele หญิงที่ตายไปแล้วลูกสาวของกษัตริย์ Theban Cadmus

การเกิดของเขาก็ผิดปกติเช่นเดียวกับลูก ๆ ของ Kronion ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Hera อย่างไรก็ตาม ความฉลาดแกมโกงของ Hera ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เธอทำให้ Zeus เป็นผู้ฆ่า Semele โดยไม่เจตนา Hera ซึ่งอยู่ในรูปของพี่เลี้ยงเก่าได้สร้างแรงบันดาลใจให้ Semele ด้วยแนวคิดที่จะเรียกร้องให้ Zeus ปรากฏตัวต่อหน้าที่รักของเขาด้วยพลังอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของเขา ด้วยคำสาบาน Zeus ปรากฏตัวต่อหน้า Semele ซึ่งคาดว่าจะเกิดลูกด้วยฟ้าร้องและฟ้าผ่า

เมื่อฟ้าร้องและฟ้าผ่าเผา Semele และเผาหอคอยของเธอ Dionysus ซึ่งเกิดก่อนกำหนด (เขาอายุเพียงหกเดือน) ถูก Zeus กระชากออกจากเปลวไฟ (Apollo คว้า Asclepius ลูกชายของเขาจากเปลวไฟ) เย็บเข้าไปในตัว ต้นขา, พาไป เวลาที่ต้องการและเกิดใหม่โดยบิดาเอง (Ges. Theog. 940-942; Eurip. Bacchus. 1-9, 88-98, 266-297) เช่นเดียวกับที่ Athena เกิด

ซุสมอบลูกชายของเขาผ่านการไกล่เกลี่ยของเฮอร์มีสให้เลี้ยงดูโดยนางไม้ในภูเขานิซาที่ห่างไกล และทารกก็เติบโตในถ้ำที่มีกลิ่นหอม โรยหน้าด้วยดอกฮอปส์และดอกลอเรล (เพลงประจำบ้าน XXVI)

อย่างไรก็ตาม Dionysus ผู้ซึ่งรอดพ้นจากความตายอย่างน่าอัศจรรย์ถูกติดตามโดยความโกรธแค้นของ Hera ผู้ซึ่งนำความบ้าคลั่งมาสู่เขา บังคับให้เขาท่องไปทางตะวันออกไกลถึงอินเดีย นี่คือเทพเจ้าที่มีความรุนแรงซึ่งในทางกลับกันทำให้เกิดความบ้าคลั่งกับศัตรูฝ่ายตรงข้ามของลัทธิของเขา (กับญาติของเขา Theban king Pentheus กับ Thracian king Lycurgus) วิ่งด้วยความปีติยินดีล้อมรอบด้วย bacchantes และ bacchantes มนุษย์หมาป่าตลอดไป เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนได้เป็นธรรมชาติ ตอนนี้ไม้เลื้อยและเถาวัลย์ ตอนนี้วัวและแพะ สิงโตและเสือดำ เขาบดโซ่ตรวนและกำแพง ปลดปล่อยคน ๆ หนึ่งจากชีวิตปกติและการวัดผลที่น่าเบื่อ (ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาคือ Liei - ผู้ปลดปล่อย)

หลังจากซึมซับการถึงจุดสุดยอดของธรรมชาติ Dionysus ช่วยให้บุคคลซึ่งถูกจำกัดโดยสถาบัน ประเพณี กฎหมาย สามารถแสดงพลังส่วนเกินที่ซ่อนอยู่ในทุกคน เข้าร่วมองค์ประกอบอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ขอบเขต รู้สึกถึงอิสรภาพอันยิ่งใหญ่จากพันธนาการใด ๆ รู้สึกถึงพวกเขา พลังของตัวเอง แต่ไดโอนิซัสในฐานะเทพแห่งโอลิมปิกไม่ได้ขัดขวางผู้ติดตามของเขาจากการกลับสู่ชีวิตที่สงบสุขและกระตือรือร้น แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของการทำลายล้างและการสร้าง ความกลมกลืน ความไม่มีขอบเขตและขีดจำกัด ความคุ้นเคยของมนุษย์กับทั้งสองอย่างอย่างเสรี Dionysus ผู้ซึ่งในชาติกำเนิดที่เก่าแก่ที่สุดของเขาถูกไททันฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและได้รับการฟื้นฟูโดย Athena ครึ่งเทพในตำนานคลาสสิกนี้ ในที่สุดก็มาถึงจุดสูงสุดของ Olympus และความเป็นอมตะเพื่อเป็นรางวัลสำหรับความทุกข์ทรมานทั้งหมดของเขาและยังอ้างว่าเป็นหนึ่งในสิบสอง เทพโอลิมเปียผู้ยิ่งใหญ่

เกิดนอกโอลิมปัส ไดโอนิซัสมีลักษณะเฉพาะของตำนานโอลิมปิก เนื่องจากในภาพลักษณ์ของเขาซึ่งเจาะลึกถึงลัทธิ chthonicism มีแนวโน้มที่น่าทึ่งของความกล้าหาญที่เพิ่มขึ้นในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ ซึ่งต้องขอบคุณการทดลองที่เหลือเชื่อ ความทุกข์ทรมานและการแสวงประโยชน์ เปิดการแข่งขันกับเหล่าทวยเทพ แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป แม้จะถูกลงโทษโดยผู้เป็นอมตะ แต่กระนั้นก็ได้รับการยืนยันอย่างกล้าหาญจากมนุษย์

ในอนาคตเราจะได้เห็นว่าลูกหลานของ Zeus ซึ่งเข้ามาในโลกด้วยวิธีที่น่าอัศจรรย์จะกลายเป็นผู้ช่วยเหลือและผู้ช่วยเหลือของวีรบุรุษที่เกิดด้วยวิธีที่ผิดปกติจากการแต่งงานของเทพเจ้าและมนุษย์และความฝันของ ปาฏิหาริย์แห่งชีวิตอมตะ

ดังนั้นการกำเนิดของลูกหลานของซุสจึงไม่ใช่ความอุดมสมบูรณ์เกินจริงของลัทธิ chthonicism แบบเก่าที่มีสัตว์ประหลาดหายใจไม่ออก

ทายาทของ Zeus ถือกำเนิดขึ้นเพื่อจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่ พวกเขามีชีวิตขึ้นมา บรรลุแผนการอันสูงส่งของบิดาของพวกเขา สร้างความสัมพันธ์ที่สมเหตุสมผลใหม่ ต่อสู้กับความไม่มีเหตุผลทั้งหมด และชำระล้างโลกจากพลังทำลายล้างที่ครั้งหนึ่ง Gaia และลูกหลานของเธอสร้างขึ้น