บ้าน › แสงและกระจก › วิธีถามคำถามทั่วไปเป็นภาษาอังกฤษ วิธีสร้างคำถามทั่วไปเป็นภาษาอังกฤษ

วิธีถามคำถามทั่วไปเป็นภาษาอังกฤษ วิธีสร้างคำถามทั่วไปเป็นภาษาอังกฤษ

อย่างที่คุณทราบ คำถามคือการขอข้อมูลหรือการดำเนินการ ทุกๆ วันเราถามตัวเองและคนอื่นๆ ด้วยคำถามประเภทต่างๆ มากมาย (ฉันคือใคร ทำไมฉันถึงเข้ามาในโลกนี้ ใครน่ารักที่สุดในโลก? คำถามแตกต่างกัน แต่อย่างเป็นทางการจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว (หรือมากกว่านั้นคือเครื่องหมาย): ในตอนท้ายของประโยคคำถามแต่ละประโยคจะมีเครื่องหมายคำถามเสมอ

งั้นมาดูกันดีกว่าว่าคำถามอยู่ในประเภทไหน ภาษาอังกฤษ.

คำถามปิด

คำถามปิดคือคำถามประเภทที่ต้องการคำตอบใช่/ไม่ใช่ จริง/เท็จ

คำกริยาช่วยใช้สำหรับคำถามประเภทนี้ในภาษาอังกฤษ ( ทำ / ไม่, กำลัง / กำลัง / กำลัง, มี / มี). กริยาช่วยจะอยู่ต้นประโยค ดังนั้นภาคแสดงและหัวเรื่องจึงกลับกัน

คำแถลง	คำถาม
เขามาจากลอนดอน — เขามาจากลอนดอน	เขามาจากลอนดอนเหรอ? — เขามาจากลอนดอนเหรอ?

การก่อตัวของคำถามใน Present Continuous

42585

ติดต่อกับ

หัวข้อของเราในวันนี้คือภาษาอังกฤษ ได้แก่: วิธีถามให้ถูกต้อง, เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างคำถามทั่วไปและคำถามพิเศษ, คำถามเกี่ยวกับหัวข้อ, และพูดคุยเกี่ยวกับการใช้คำปุจฉาต่างๆ หัวข้อนี้เกี่ยวข้องกับนักเรียนที่มีความสามารถทางภาษาทุกระดับ เพราะการทำผิดอาจเกิดขึ้นได้แม้ในระดับที่สูงขึ้นเมื่อต้องสร้างคำถามเป็นภาษาอังกฤษ พวกเขาสับสนลำดับคำ ข้ามกริยาช่วย ใช้วรรณยุกต์ผิด ภารกิจของเราคือป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดดังกล่าว เรามาเริ่มกันเลยไหม?

สิ่งแรกที่ต้องรู้เกี่ยวกับคำถามในภาษาอังกฤษคือคำถามเหล่านี้แตกต่างจากโครงสร้างของประโยคยืนยัน เรามักจะ (แต่ไม่เสมอไป!) ถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษ เปลี่ยนลำดับของคำ: เราใส่ไว้เป็นอันดับแรก ผู้ช่วยก่อนหัวข้อ กริยาหลัก (หลัก) อื่นวางไว้หลังหัวเรื่อง

เจาะลึกในหัวข้อนี้ต่อไป ควรจะกล่าวถึงประเภทของคำถามเป็นภาษาอังกฤษ ความแตกต่างในการสร้างคำถามเหล่านั้นเป็นภาษาอังกฤษขึ้นอยู่กับสิ่งนี้

คำถาม 5 ประเภทเป็นภาษาอังกฤษ

คำถามทั่วไปเป็นภาษาอังกฤษ

เราถามคำถามนี้เมื่อเราอยากรู้ ข้อมูลทั่วไป. คุณกำลังเรียนภาษาอังกฤษใช่ไหม?เราสามารถตอบได้คำเดียวว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่”

คำถามพิเศษ

เราต้องการคำถามดังกล่าวเพื่อค้นหาข้อมูลเฉพาะที่เราสนใจ คุณเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเมื่อไหร่?

คำถามกับเรื่อง

เราถามเมื่อเราต้องการทราบว่าใครเป็นผู้ดำเนินการ ใครเป็นผู้สอนในหลักสูตรภาษาอังกฤษของคุณ?

คำถามทางเลือก

เป็นคำถามที่มีทางเลือก 2 ตัวเลือก คุณเรียนภาษาอังกฤษกับครูหรือเรียนด้วยตัวเอง?

แยกคำถาม

คำถามนี้เกี่ยวข้องกับการยืนยันข้อมูลบางอย่าง คุณยังคงเรียนภาษาอังกฤษในช่วงซัมเมอร์ใช่ไหม?

ทีนี้มาดูว่าคำถามแต่ละข้อสร้างเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร

ปัญหาทั่วไป

ในการก่อตัวของคำถามดังกล่าวจะใช้ลำดับคำย้อนกลับ ซึ่งหมายความว่าเราใส่กริยาช่วยในตำแหน่งที่หนึ่ง ประธานในตำแหน่งที่สอง และกริยาหลักในตำแหน่งที่สาม

ทอมชอบเล่นน้ำทะเล -ทำ( ผู้ช่วย) ทอม ( เรื่อง) ชอบ ( กริยาหลัก) ว่ายน้ำในทะเล?

เธอไปทำงานทุกวัน -ทำ( ผู้ช่วย) เธอ ( เรื่อง) ไป ( กริยาหลัก) ทำงานทุกวัน?

คำถามทั่วไปในภาษาอังกฤษสร้างด้วยกริยาช่วย ในกรณีนี้ modal verb จะแทนที่ auxiliary นั่นคือจะถูกวางไว้ในตำแหน่งแรก

คุณช่วยปิดประตูได้ไหม - คุณช่วยปิดประตูได้ไหม

ฉันขอเข้าไปได้ไหม - ฉันขอเข้าไปได้ไหม

ฉันควรใส่เสื้อกันหนาวหรือไม่? - ฉันควรสวมเสื้อกันหนาวนี้หรือไม่?

ให้ความสนใจกับคำกริยา เป็น. เราสามารถพิจารณาเป็นพิเศษได้อย่างปลอดภัย - ในคำถามทั่วไป คุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มกริยาช่วยลงไป

เขาเป็นครู? - เขาเป็นครู?

เมื่อวานอากาศดีไหม - เมื่อวานอากาศดีไหม?

เราสร้างคำถามทั่วไปเชิงลบ ในการทำเช่นนี้คุณต้องเพิ่มอนุภาค ไม่. มันจะมาตามหลังหัวเรื่องทันที แต่ถ้าเราใช้แบบย่อ ไม่ - ไม่เธอจะยืนอยู่ต่อหน้าเขา ลองดูตัวอย่าง:

เธอไม่ไปทำงานในวันอาทิตย์เหรอ? = เธอไม่ไปทำงานในวันอาทิตย์เหรอ? เธอไม่ไปทำงานในวันอาทิตย์เหรอ?

คุณไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้เหรอ? = คุณยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้เหรอ? - คุณเคยดูหนังเรื่องนี้ไหม?

คำถามพิเศษ

คำถามประเภทนี้ต้องการคำอธิบายอย่างละเอียดและละเอียด สามารถถามคำถามพิเศษกับสมาชิกของประโยคคำถามเป็นภาษาอังกฤษได้ การเรียงลำดับคำในคำถามดังกล่าวจะเหมือนกับโดยทั่วไป ต้องใส่คำคำถามเพียงคำเดียวที่จุดเริ่มต้น:

อะไร- อะไร?
เมื่อไร?- เมื่อไร?
ที่ไหน?- ที่ไหน?
ทำไม- ทำไม?
ที่?- ที่?
ของใคร?- ของใคร?
ใคร?- ใคร?

ในรูปแบบที่เป็นคำอธิบาย เราจะสร้างคำถามพิเศษตามโครงร่างต่อไปนี้:

Interrogative word + กริยาช่วย (หรือ modal) + ประธาน + ภาคแสดง + วัตถุ + สมาชิกอื่น ๆ ของประโยค

ง่ายกว่า - ในตัวอย่าง:

อะไร (คำถาม) เป็น (ผู้ช่วย) คุณ (เรื่อง) การทำอาหาร (เพรดิเคต)? - คุณกำลังทำอาหารอะไร

อะไร (คำถาม) ทำ (กริยาช่วยล.) คุณ (เรื่อง) อยากกิน (เพรดิเคต)? - คุณต้องการกินอะไร?

เมื่อไร (คำถาม) ทำ (ผู้ช่วย) คุณ (เรื่อง) ออกจาก (เพรดิเคต) บ้าน (ส่วนที่เพิ่มเข้าไป)? - คุณออกจากบ้านเมื่อไหร่

เนื่องจากคำถามพิเศษในภาษาอังกฤษถูกโพสต์ให้กับสมาชิกเกือบทุกประโยค (เพิ่มเติม, สถานการณ์, คำจำกัดความ, หัวเรื่อง) ด้วยความช่วยเหลือคุณสามารถค้นหาข้อมูลใด ๆ

คำถามไปยังหัวเรื่อง

คำถามประเภทนี้แตกต่างจากหัวข้อก่อนหน้าที่กล่าวถึง เนื่องจากไม่ได้ใช้กริยาช่วยในการก่อสร้าง คุณเพียงแค่ต้องแทนที่หัวเรื่องด้วย WHOหรือ อะไรเพิ่มน้ำเสียงคำถามและม่าน - คำถามพร้อมแล้ว

รูปแบบการสร้างคำถามเป็นภาษาอังกฤษมีดังนี้:

คำปุจฉา + ภาคแสดง + สมาชิกรองของประโยค

ใครไปซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง? - ใครไปซูเปอร์มาร์เก็ต?

เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของคุณ? - เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของคุณ?

ใครทำอย่างนั้น? - ใครทำ?

เมื่อมองแวบแรกมันง่ายมาก แต่ไม่ควรสับสนระหว่างคำถามกับหัวข้อและคำถามพิเศษเป็นภาษาอังกฤษในการเพิ่มเติม การเพิ่มเติมคือสมาชิกของประโยคที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมและตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ: "ใคร?" "อะไร" "ถึงใคร" "อะไร" "อะไร" และบ่อยครั้งที่คำถามสำหรับการเพิ่มเริ่มต้นด้วยคำสรรพนามคำถามว่าใครหรือใครและอะไร นี่คือจุดที่ความคล้ายคลึงกันกับคำถามของเรื่องอยู่ บริบทเท่านั้นที่จะช่วยให้คุณเข้าใจได้ ตัวอย่างสำหรับการเปรียบเทียบ:

ผู้หญิงคนนั้นเห็นฉันเมื่อวานนี้ - หญิงสาวเห็นฉันเมื่อวานนี้
ผู้หญิงคนนั้นเห็นใคร (ใคร) เมื่อวาน? - ผู้หญิงคนนั้นเห็นใครเมื่อวานนี้?

เรากำลังรอรถไฟ - เรากำลังรอรถไฟ
คุณกำลังรออะไรอยู่? - คุณกำลังรออะไรอยู่?

คำถามทางเลือก

ตามชื่อ เป็นที่ชัดเจนว่าคำถามเหล่านี้เกี่ยวข้องกับทางเลือกหรือสิทธิ์ในการเลือก โดยการถามพวกเขา เราให้ทางเลือกสองทางแก่คู่สนทนา

คุณจะบินไปอังกฤษหรือไอร์แลนด์? - คุณจะบินไปอังกฤษหรือไอร์แลนด์?

ในคำถามดังกล่าวจะมีสหภาพ "หรือ" - หรืออยู่เสมอ คำถามนั้นถูกสร้างขึ้นเป็นคำถามทั่วไปในตอนท้ายด้วยความช่วยเหลือจากข้างต้นเท่านั้น หรือเราเพิ่มการเลือก

โครงการสร้างคำถาม:

กริยาช่วย + นักแสดง + การกระทำ + ... หรือ ...

พวกเขาจะไปสวนสาธารณะหรือไปโรงหนัง? - พวกเขาจะไปสวนสาธารณะหรือไปโรงหนัง?

คุณซื้อแอปเปิ้ลหรือลูกแพร์หรือไม่? - คุณซื้อแอปเปิ้ลหรือลูกแพร์หรือไม่?

เขาทำงานหรือเรียน? - เขาทำงานหรือเรียน?

หากคำถามทางเลือกมีกริยาช่วยหลายคำ เราจะวางคำแรกไว้หน้าประธานและที่เหลือตามหลังทันที

เธอเรียนมาหลายปีแล้ว เธอเรียนมาหลายปีแล้ว
เธอเรียนหรือทำงานมาหลายปีแล้ว? - เธอเรียนหรือทำงานมาหลายปีแล้ว?

คำถามทางเลือกในภาษาอังกฤษสามารถขึ้นต้นด้วยคำถามได้เช่นกัน จากนั้นคำถามดังกล่าวประกอบด้วยคำถามพิเศษโดยตรงและสมาชิกที่เป็นเนื้อเดียวกันสองตัวต่อไปนี้ของประโยคคำถามในภาษาอังกฤษซึ่งเชื่อมต่อกันโดยใช้สหภาพ หรือ.

คุณถูกขัดจังหวะเมื่อใด: ในตอนต้นหรือตอนกลางของสุนทรพจน์ - คุณถูกขัดจังหวะเมื่อใด: ในตอนต้นหรือตอนกลางของคำพูดของคุณ?

คำถามแยก

คำถามในภาษาอังกฤษเหล่านี้แทบจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคำถามแบบเต็ม เนื่องจากส่วนแรกนั้นคล้ายกับประโยคยืนยัน เราใช้เมื่อไม่แน่ใจ 100% เกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างและเราต้องการตรวจสอบหรือชี้แจงข้อมูล

คำถามแยกประกอบด้วยสองส่วน ส่วนแรกคือประโยคยืนยันหรือปฏิเสธ ส่วนที่สองคือ คำถามสั้น ๆ. ส่วนที่สองแยกออกจากเครื่องหมายจุลภาคส่วนแรกและเรียกว่า แท็กหรือใน "หาง" เวอร์ชันรัสเซีย นั่นเป็นเหตุผลที่เรียกคำถามที่แยกจากกัน แท็กคำถามหรือคำถามหางของภาษาอังกฤษ

คำถามเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติเป็นที่นิยมมากในการพูดภาษาอังกฤษ และนั่นคือเหตุผล:

พวกเขาไม่ถามคำถามโดยตรง แต่สนับสนุนให้คู่สนทนาตอบ
พวกเขาสามารถแสดงอารมณ์และสถานะต่างๆ มากมาย (ประชด, สงสัย, สุภาพ, แปลกใจ ฯลฯ )
พวกเขาใช้คำสั่งโดยตรง มีการสร้างประโยคปกติ เพิ่ม "ส่วนท้าย" เข้าไป และคำถามก็พร้อม

ในภาษารัสเซีย "ก้อย" แปลโดยคำว่า "จริง", "ไม่จริง", "ไม่ใช่", "ถูกต้อง", "ใช่"

ลองดูตัวอย่างและดูด้วยตัวคุณเอง:

ฉันเป็นเพื่อนคุณไม่ใช่เหรอ - ฉันเป็นเพื่อนคุณใช่ไหม

เขาไม่ใช่พี่ชายของคุณใช่ไหม - เขาไม่ใช่พี่ชายของคุณใช่ไหม

ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่บ้านใช่ไหม ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่บ้านใช่ไหม

เพื่อนของคุณทำงานด้านไอทีใช่ไหม - เพื่อนของคุณทำงานด้านไอทีใช่ไหม

คุณเคยตื่นนอนตอนตี 5 ใช่ไหม - คุณตื่นเช้าตอนตี 5 ใช่ไหม?

ให้ความสนใจกับ "ก้อย" ของคำสรรพนาม I (I) - ในประโยคปฏิเสธ กริยาช่วย เปลี่ยนไป

ฉันไม่ถูกต้องใช่ไหม - ฉันผิดใช่ไหม?
ฉันพูดถูกใช่ไหม - ฉันพูดถูกใช่ไหม?

หากคุณมีประโยคที่มีกริยา มีจากนั้นมีหลายตัวเลือกสำหรับ "ก้อย" ที่เป็นไปได้

คุณมีแมวใช่ไหม (ภาษาอังกฤษแบบบริติช) - คุณมีแมวใช่ไหม
เรามีรถไม่ใช่เหรอ? (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน) - We have a car, right?

นอกจากนี้ บางครั้งก็ไม่มีการปฏิเสธในส่วนแรกของประโยค ไม่ก่อนกริยาช่วยและจะยังคงถือว่าเป็นเชิงลบ ตัวอย่างเช่น: พวกเขาไม่เคยไปที่นั่น, … เราจะส่งมอบอะไร? ขวา, พวกเขาทำ! และทั้งหมดเป็นเพราะคำว่า ไม่เคย(ไม่เคย) เป็นลบ สำหรับคำเช่น ไม่เคยสามารถนำมาประกอบ นานๆ ครั้ง(นานๆ ครั้ง), แทบ(แทบจะไม่) แทบจะไม่(แทบจะไม่), แทบจะไม่(แทบจะไม่) เล็กน้อย(น้อย), น้อย(บาง).

ไม่ค่อยได้ออกไปไหนใช่ไหม? - พวกเขาไม่ค่อยออกไปข้างนอกใช่ไหม? ( มีคำที่มีความหมายเชิงลบน้อยมาก)

มันเหลือเชื่อใช่มั้ย? - มันเหลือเชื่อใช่มั้ย? ( คำว่าเหลือเชื่อที่มีคำนำหน้าเป็นลบ ดังนั้น ส่วนแรกจึงถือเป็นเชิงลบ)

ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จริงไหม? - ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จริงไหม? ( ไม่มีอะไรและเป็นไปไม่ได้เป็นคำที่มีความหมายเชิงลบ)

พวกเขาไม่มีที่ไปใช่ไหม - พวกเขาไม่มีที่ไปใช่ไหม? ( ไม่มีที่ไหนเลย - คำที่มีความหมายเชิงลบ)

บทสรุป

เมื่อคุณสามารถแทนที่ได้ ไม่มีอะไรซับซ้อนในการถามคำถามและค้นหาข้อมูลที่น่าสนใจ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยคุณจัดการกับรายละเอียดปลีกย่อยและความแตกต่างทั้งหมด เรียนภาษาอังกฤษ อยากรู้อยากเห็น และถามคำถามภาษาอังกฤษที่ถูกต้องกับคู่สนทนาของคุณ ไชโย!

EnglishDom ครอบครัวใหญ่และเป็นมิตร

หากคุณกำลังศึกษาไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษในที่สุดก็มาถึงหัวข้อ "ประเภทของคำถาม" ที่ค่อนข้างครอบคลุม ก่อนอื่นคุณต้องเชี่ยวชาญ "คำถามทั่วไป" คำถามทั่วไปหรือคำถามทั่วไปเป็นพื้นฐานของประเภทอื่นๆ ทั้งหมด ฉันขอเตือนคุณว่าโดยทั่วไปแล้ว ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เป็นเรื่องปกติที่จะแยกแยะคำถาม 5 ประเภทและคุณสามารถค้นหาข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้ได้ในบทความ: ประเภทของคำถามเป็นภาษาอังกฤษ และตอนนี้เราจะพิจารณาคำถามทั่วไปอย่างละเอียดยิ่งขึ้น คำถามทั่วไปมีไว้เพื่ออะไร?

เกิดอะไรขึ้น ปัญหาทั่วไป และมีไว้เพื่ออะไร?

คำถามทั่วไปคือคำถามที่ต้องการให้คู่สนทนายืนยันหรือปฏิเสธคำที่แสดงในคำถาม คำถามทั่วไปถูกถามทั้งประโยคโดยรวม ดังนั้นจึงต้องมีคำตอบยืนยันหรือปฏิเสธ ("ใช่" หรือ "ไม่") เนื่องจากคุณสมบัตินี้ พวกเขาได้รับชื่อที่สอง - ใช่ / ไม่ใช่คำถาม

ตามกฎแล้ว คำถามทั่วไปจะไม่มีคำที่เป็นคำถาม น้ำเสียงในคำถามดังกล่าวดังขึ้นในตอนท้ายของประโยค คำถามทั่วไปมีลักษณะเป็นการผกผันบางส่วน เช่น การเปลี่ยนลำดับของคำในประโยค เมื่อประธานตามด้วยภาคแสดง (ส่วนหนึ่งของภาคแสดง ได้แก่ กริยาช่วยหรือกริยาช่วย จะถูกย้ายไปข้างหน้าของ เรื่อง).

คำถามทั่วไปเกี่ยวกับกฎของการศึกษา

1. ถ้าในประโยคกริยา to be (am, is, are, was, were) หรือ to have (มี, has, had) อยู่ในรูปของ Present Simple หรือ อดีตที่เรียบง่ายจากนั้นกริยานี้มาก่อนประธานและทำหน้าที่เป็นตัวเสริม ตัวอย่าง:

เขาเป็นบาร์เทนเดอร์ เขาเป็นบาร์เทนเดอร์หรือไม่? (เขาเป็นบาร์เทนเดอร์ เขาเป็นบาร์เทนเดอร์หรือเปล่า?)
ฉันมีเวลามาก - ฉันมีเวลามากไหม (ฉันมีเวลาเยอะ - ฉันมีเวลาเยอะไหม?)

2. ถ้าภาคแสดงในประโยคแสดงโดยใช้การหมุนเวียนมี (คือ) กริยาที่จะอยู่ข้างหน้าคำว่ามีและหลังคำกริยา ตัวอย่างเช่น:

มีการต่อสู้ครั้งใหญ่ในคืนก่อน เมื่อคืนก่อนทะเลาะกันหนักไหม? (มีการต่อสู้ครั้งใหญ่เมื่อคืนนี้ เมื่อคืนมีการต่อสู้ครั้งใหญ่หรือไม่)

3. ถ้าภาคแสดงมีกริยาช่วย (จะ, จะ, ควร, จะ, ฯลฯ) หรือกริยาช่วย (สามารถ, ต้อง, อาจ, ควร, ควร) กริยานั้นจะมาก่อนและทำหน้าที่เป็นตัวเสริม ตัวอย่าง:

ฉันสามารถให้สิ่งที่คุณอ่าน ฉันให้อะไรคุณอ่านได้ไหม (ฉันให้อะไรคุณอ่านได้ - ฉันให้อะไรคุณอ่านได้ไหม)
เราจะไปที่นั่น เราจะไปที่นั่นไหม (เราจะไปที่นั่น - เราจะไปที่นั่นไหม)

4. ถ้าเพรดิเคตมีกริยาช่วยตั้งแต่สองคำขึ้นไป คำกริยาช่วยตัวแรกจะถูกนำหน้าประธาน ตัวอย่างเช่น:

เราอยู่ที่นี่มา 6 ปีแล้ว เราอยู่ที่นี่มา 6 ปีแล้วเหรอ? (เราอยู่ที่นี่มา 6 ปีแล้ว - เราอยู่ที่นี่มา 6 ปีแล้ว?)

5. หากไม่มีกริยาช่วยหรือกริยาช่วยในเพรดิเคต เช่น เพรดิเคตแสดงด้วยกริยาใน Present Simple หรือ Past Simple (ยกเว้น to be, to have) กริยาช่วย do (does) จะถูกใช้ เพื่อตั้งคำถาม - สำหรับ Present Simple และ did สำหรับ Past Simple กริยาความหมายในกรณีนี้จะอยู่ในรูปแบบ infinitive หลังประธาน (ไม่มี to)

เราเน้นว่าคำกริยาในกรณีนี้ไม่มีภาระทางความหมายใด ๆ และไม่ได้แปลเป็นภาษารัสเซีย แต่อย่างใด แต่ในเวลาเดียวกันโหลดทางไวยากรณ์ทั้งหมด (จำนวน, คน, เวลา) จะถูกถ่ายโอนไปยังมัน: ใน Present Simple, การลงท้าย -s, -es ของกริยาความหมายในเอกพจน์บุรุษที่ 3 กริยาช่วย do ทำหน้าที่แทนตัวเลข โดยเปลี่ยนเป็น do ใน Past Simple การลงท้ายด้วย -ed จะเข้าแทนที่คำกริยา do และเปลี่ยนเป็น did ตัวอย่าง:

เขาไปโรงเรียน. - เขาไปโรงเรียนหรือไม่? (เขาไปโรงเรียน เขาไปโรงเรียนหรือไม่)
พวกเขาอาศัยอยู่ในลอนดอน - พวกเขาอาศัยอยู่ในลอนดอนหรือไม่? (พวกเขาอาศัยอยู่ในลอนดอน - พวกเขาอาศัยอยู่ในลอนดอนหรือไม่)
เธอซื้อชุดใหม่ เธอซื้อชุดใหม่เหรอ? (เธอซื้อชุดใหม่ เธอซื้อชุดใหม่หรือเปล่า)

6. ถ้าในประโยคกริยา to have เป็นส่วนหนึ่งของกริยาวลี (พักผ่อน ทานอาหารเช้า ฯลฯ) หรือใช้ในความหมายเชิงกิริยา (have to) ก็จะใช้กริยาช่วย to do เพื่อสร้างคำถามทั่วไป V แบบฟอร์มที่จำเป็น. ตัวอย่าง:

เราเดินเล่นด้วยกัน - เราไปเดินเล่นกันไหม? (เรากำลังเดินไปด้วยกัน เรากำลังเดินไปด้วยกันไหม)
เราต้องอยู่ที่นั่น - เราต้องอยู่ที่นั่นไหม? (เราควรอยู่ที่นั่น - เราควรอยู่ที่นั่นไหม)

ตัวอย่างประโยคที่มีกริยาช่วย have to

โปรดทราบว่าในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน คำถามทั่วไปที่มีคำกริยา to have จะประกอบด้วยคำกริยาช่วย to do เสมอ เปรียบเทียบ:

เช้า. E.: คุณมีสมุดงานบ้างไหม?
บร. E.: คุณมีสมุดงานบ้างไหม?

สรุปได้ว่ารูปแบบของคำถามทั่วไปมีดังนี้:

กริยาช่วย → ประธาน → ภาคแสดง → องค์ประกอบรองของประโยค?

บางครั้งใน คำพูดภาษาพูด(ในที่อยู่ที่คุ้นเคย) คำถามทั่วไปสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องผกผัน นั่นคือลำดับของคำในนั้นยังคงเหมือนกับในประโยคประกาศและต่างกันเพียงเสียงสูงต่ำ ตัวอย่าง:

คุณต้องการมันจริงๆเหรอ? - ใช่ ฉันทำ (คุณต้องการสิ่งนี้จริงๆหรือ - ใช่)
คุณชอบงานนี้หรือไม่? - เป็นอย่างมาก. (คุณชอบงานนี้ไหม - มาก.)

คำตอบสำหรับคำถามทั่วไป

คำตอบสำหรับคำถามทั่วไปควรยืนยันหรือปฏิเสธสิ่งที่ถามในคำถาม พวกเขาสามารถสั้นหรือขยายพวกเขาสามารถแสดงเฉดสีของข้อสงสัยหรือความมั่นใจ นอกจากนี้ยังสามารถมีคำเพิ่มเติม

1. คำตอบอาจประกอบด้วยประโยคคำหรือประโยควลี ตัวอย่าง:

เมื่อวานเขาโทรหาคุณหรือเปล่า? -ใช่. (เมื่อวานเขาโทรหาคุณหรือเปล่า - ใช่)
คุณกำลังอ่าน? - เลขที่ (คุณอ่านไหม - ไม่)
คุณจะช่วยฉันไหม - ทำไม แน่นอน! (คุณจะช่วยฉันไหม - แน่นอน!)
คุณจำวันนั้นได้ไหม? - ใช่แน่นอน (คุณจำวันนั้นได้ไหม - ใช่แน่นอน)
คุณสังเกตพฤติกรรมของเขาบ้างไหม? -ไม่นะ! (คุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขาไหม - ไม่นะ!)

2. คำตอบอาจประกอบด้วยคำหรือวลี - ยืนยันหรือ - ปฏิเสธ และ (หลังเครื่องหมายจุลภาค) ประโยคสั้นๆประกอบด้วยสรรพนามส่วนตัวใน Im กรณีและกริยาช่วยหรือกริยาที่ใช้ในคำถาม ในคำตอบเชิงลบ อนุภาคเชิงลบ not จะถูกเพิ่มเข้าไปในคำกริยา ตัวอย่าง:

คุณจะเข้าร่วมชั้นเรียนเต้นรำของเราหรือไม่? - แน่นอนฉันจะ (คุณจะเข้าร่วมชั้นเรียนเต้นรำของเราหรือไม่ - แน่นอนฉันจะ)
เมื่อวานคุณโทรหาจิมหรือเปล่า - ใช่ ฉันเคย (คุณโทรหาจิมเมื่อวานหรือเปล่า - ใช่)
น้องสาวของคุณรู้ภาษาสเปนหรือไม่? - ไม่ เธอไม่ทำ (พี่สาวของคุณรู้ภาษาสเปนหรือไม่ - ไม่)
คุณสนุกกับการนำเสนอหรือไม่? - ไม่ฉันไม่ได้ (คุณชอบการนำเสนอหรือไม่ - ไม่)
ตอนนี้เขาว่างไหม - ไม่ เขาไม่ใช่ (ตอนนี้เขาว่างไหม - ไม่)
คุณเล่นเทนนิสได้ไหม - ใช่ฉันทำได้. (คุณเล่นเทนนิสได้ไหม - ได้ค่ะ)

คำตอบอาจไม่มีคำยืนยันหรือคำปฏิเสธ

คุณอ่านจดหมายที่ฉันให้คุณหรือยัง - ฉันไม่ได้ (คุณอ่านจดหมายที่ฉันให้คุณหรือไม่ - ไม่)
เธออยู่ที่งานปาร์ตี้ในวันจันทร์หรือไม่? - เธอเคยเป็น (เธอไปงานปาร์ตี้เมื่อวันจันทร์หรือเปล่า - ใช่)

โปรดทราบว่าในภาษารัสเซีย คำตอบสั้นๆ อาจซ้ำกับภาคแสดงที่อยู่ในคำถามทั่วไป ตัวอย่างเช่น:

คุณเขียนจดหมายถึงเธอหรือเปล่า ใช่ฉันเขียน
คุณซื้อต่างหูเหล่านี้หรือไม่? ใช่ ฉันกำลังซื้อ

ในภาษาอังกฤษ คำตอบสั้นๆ คำกริยาเชิงความหมายจะไม่ซ้ำกัน ตัวอย่างเช่น:

คุณซื้อหนังสือเล่มนี้แล้วหรือยัง - ไม่ ฉันยังไม่มี (คุณซื้อหนังสือเล่มนี้หรือไม่ - ไม่)
คุณให้อาหารสุนัขของคุณหรือไม่? - ใช่ ฉันเคย (คุณให้อาหารสุนัขของคุณหรือไม่ - ใช่)

3. คำตอบของคำถามทั่วไปอาจประกอบด้วยการยืนยันหรือปฏิเสธพร้อมคำใบ้ของความเสียใจหรือความไม่แน่นอน ในกรณีนี้คำตอบประกอบด้วยหัวเรื่องและคำกริยา: เชื่อ - เชื่อ, คิด - คิด, สมมติ - สมมติ, หวัง - หวัง, กลัว - กลัว, ด้วยคำวิเศษณ์ว่างั้นหรือด้วยการปฏิเสธของ ไม่ใช่ (ในรูปแบบเชิงลบ) ตัวอย่างเช่น:

ฉันคิดอย่างนั้น
ฉันไม่คิดอย่างนั้น
ฉันหวังอย่างนั้น - ฉันหวัง
ฉันหวังว่าจะไม่ - ฉันหวังว่าจะไม่
เราต้องรอที่นี่อีกนานไหม? - ฉันหวังว่าจะไม่ (เราจะต้องรอที่นี่อีกนานไหม - ฉันหวังว่าจะไม่)
ถึงเวลาออกเดินทางแล้วหรือยัง? - ใช่ ฉันคิดอย่างนั้น (ถึงเวลาต้องจากไปหรือยัง - ฉันคิดอย่างนั้น)
เป็นความคิดที่ดีที่จะไปที่นั่นในวันศุกร์หรือไม่? - ฉันไม่คิดอย่างนั้น (ควรไปที่นั่นในวันศุกร์หรือไม่ - ฉันไม่คิดอย่างนั้น)
บางครั้งมีการใช้วลีสั้นๆ ที่ยืนยันหรือปฏิเสธ ตัวอย่างเช่น:
คุณจำได้ไหมว่านิคอาศัยอยู่ที่ไหน? - ฉันเกรงว่าจะไม่ (คุณจำที่อยู่ของนิคได้ไหม - ฉันเกรงว่าจะจำไม่ได้)

แบบฟอร์มเชิงลบของคำถามทั่วไป

รูปแบบเชิงลบของคำถามทั่วไปในภาษาอังกฤษแสดงความประหลาดใจ ในภาษารัสเซีย จะตรงกับคำถามที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "คือมัน", "จริงๆ"

ในการสร้างรูปแบบเชิงลบ จะใช้การปฏิเสธของ not ซึ่งวางไว้หน้าคำกริยาเชิงความหมาย แต่รูปแบบเต็มไม่หายากมากโดยปกติจะรวมเข้ากับกริยาช่วยหรือกริยาช่วยเป็นหนึ่งเดียว (n "t) ตัวอย่าง:

เธอไม่พูดภาษาสเปน? = เธอไม่พูดภาษาสเปนเหรอ? (เธอพูดภาษาสเปนไม่ได้เหรอ?)
ฉันต้องไม่ไปที่นั่นเหรอ? = ฉันต้องไปที่นั่นไม่ใช่เหรอ (ฉันไม่ควรไปที่นั่น?)

เมื่อตอบคำถามที่คล้ายกันนี้ในภาษารัสเซีย เราสามารถใช้สองตัวเลือกที่มีทั้งการปฏิเสธหรือการยืนยัน ตัวอย่างเช่น: “ใช่ ฉันควร” “ไม่ ฉันควร” ในภาษาอังกฤษทุกอย่างเข้มงวดกว่ามาก: ในคำตอบยืนยันคือใช่เสมอในเชิงลบ - ไม่ใช่เสมอ

สวัสดี ผู้อ่านที่รัก. วันนี้ฉันได้เตรียมบทเรียนเบื้องต้นในหัวข้อ - ประเภทของคำถามเป็นภาษาอังกฤษให้คุณแล้วหลังจากศึกษาเนื้อหาแล้ว คุณจะได้ทำความคุ้นเคยกับคำถาม 5 ประเภทที่แตกต่างกันในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เราจะลงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละรายการในบทเรียนต่อไปนี้ และตอนนี้เป้าหมายของเราคือแนะนำคุณเกี่ยวกับคำศัพท์ทั่วไปสำหรับคำถามแต่ละประเภทจาก 5 ประเภท เพื่ออธิบายความหมาย คุณสมบัติ และการออกแบบ ประเภทของคำถามเป็นภาษาอังกฤษ ประโยคคำถามนี่เป็นหัวข้อที่สำคัญมากสำหรับการเรียนรู้ภาษาใดๆ ท้ายที่สุด สุนทรพจน์ของเราประกอบด้วยคำถามและคำตอบเป็นหลัก ฉันอยากจะบอกทันทีว่าการสร้างประโยคคำถามเป็นภาษาอังกฤษนั้นซับซ้อนกว่าภาษารัสเซียมาก ในภาษารัสเซียเพื่อถามคำถามก็เพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนน้ำเสียง ในภาษาอังกฤษ ในการถามคำถาม คุณต้องเปลี่ยนไม่เพียงแต่น้ำเสียงเท่านั้น แต่ยังต้องเปลี่ยนลำดับของคำในประโยคด้วย และบ่อยครั้งมากที่จำเป็นต้องใช้คำเสริม

เพื่ออธิบายคุณสมบัติของแต่ละประเภทอย่างชัดเจน ก่อนอื่นฉันจะยกตัวอย่างแล้วอธิบายสาระสำคัญ ฉันแนะนำให้คุณเรียนรู้การสร้างคำถาม 5 ประเภทด้วยหัวใจ

คำถาม 5 ประเภทเป็นภาษาอังกฤษ

ดังนั้น ในภาษาอังกฤษมีคำถามหลัก 5 ประเภท: คำถามทั่วไป คำถามพิเศษ คำถามเกี่ยวกับหัวเรื่องและคำจำกัดความ คำถามทางเลือก คำถามเสริม เราจะเริ่มบทเรียนด้วยคำถามทั่วไป เช่น มันเป็นพื้นฐาน เมื่อเรียนรู้การสร้างคำถามทั่วไปแล้ว คุณจะจัดการกับคำถามประเภทอื่นได้ง่าย

1. คำถามทั่วไป

คำถาม

คำตอบ

คุณมีสุนัขไหม
เขาอ่านหนังสือนั้นหรือไม่?
คุณไปเยี่ยมคุณยายหรือยัง
เธอเป็นนักเรียนหรือไม่?
เขาอยู่ในมอสโกวหรือเปล่า?
ฉันช่วยคุณได้ไหม
เด็กต้องทำการบ้านหรือไม่?

ใช่ ฉันรู้/ไม่ ฉันไม่รู้
ใช่ เขาทำ / ไม่ เขาไม่ทำ
ใช่ ฉันทำ/ไม่ ฉันไม่ได้ทำ
ใช่ เธอเป็น/ไม่ใช่ เธอไม่ใช่
ใช่ เขาเคยเป็น/ไม่ใช่ เขาไม่ใช่
ใช่ คุณสามารถ/ไม่ คุณทำไม่ได้
ใช่ ต้อง/ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่

อย่างที่คุณเห็น คำถามทั่วไปถูกถามคำถามทั้งประโยค และสามารถตอบได้ด้วยคำเพียงคำเดียว - ใช่หรือ เลขที่. เหตุนั้นจึงชื่อว่าทั่วไป.

สำหรับการกำหนดคำถามทั่วไปที่ถูกต้องจำเป็นต้องใช้กริยาช่วย:

ทำ→ สำหรับฉัน คุณ เรา พวกเขา
ทำ→ สำหรับเขา เธอ มัน
ทำ→ สำหรับกาลที่ผ่านมา

ในตอนแรกเราใส่กริยาช่วยแล้วประโยคประกาศยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่าง:

เรื่องเล่า คำแนะนำ:คุณพูดภาษาอังกฤษ. → เพิ่มกริยาช่วยในตอนแรกและเราได้ →
คำถามทั่วไป: ทำคุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม?

ถ้ากริยานั้นเป็นภาคแสดงของประโยค เป็น (เป็น, เป็น, เป็น, เป็น, เป็น - รูปแบบของมัน)หรือกริยาช่วย สามารถ (สามารถ) อาจ (อาจ) ต้อง จะ (ควร) จะ (จะ)จากนั้นพวกเขาจะถูกนำไปที่ตำแหน่งแรกในฐานะผู้ช่วย ตัวอย่าง:

เรื่องเล่า คำแนะนำ:ฉัน สามารถช่วยคุณ. → อดทน คำกริยาคำกริยาไปที่แรกและเราได้รับ →
คำถามทั่วไป: สามารถฉันช่วยให้คุณ?

สรุป! รูปแบบคำถามทั่วไปมีลักษณะดังนี้:
กริยาช่วย (Auxiliary Verb) → หัวเรื่อง (Subject) → ภาคแสดง (Predicate) → สมาชิกอื่นๆ ของประโยค

วิดีโอในหัวข้อ: คำถามทั่วไปและคำถามทางเลือกเป็นภาษาอังกฤษ

2. คำถามทางเลือก

คำถาม

คำตอบ

นี่ปากกาหรือดินสอ?
แอนทำงานเป็นครูหรือหมอ?
ดินสอนั้นเป็นสีแดงหรือสีเขียว?
ปีเตอร์อยู่ในมอสโกวหรือในมินสค์?
จิมชอบเล่นหมากรุกหรือดูทีวีหรือไม่?

มันเป็นดินสอ.
เธอทำงานเป็นหมอ
มันเป็นสีเขียว
เขาอยู่ในมินสค์
เขาชอบเล่นหมากรุก

ดังที่คุณอาจสังเกตเห็นแล้ว คำถามทางเลือกคือคำถามที่ขอให้ผู้ตอบเลือกระหว่างสมาชิกที่เป็นเนื้อเดียวกันสองคนของประโยค (ปากกา - ดินสอ, ครู - แพทย์, แดง - เขียว, มอสโกว - มินสค์, เล่นหมากรุก - ดูทีวี) . สมาชิกที่เป็นเนื้อเดียวกันเหล่านี้ของประโยคสามารถแสดงได้โดยการเพิ่มเติม สถานการณ์ คำจำกัดความ ส่วนเล็กน้อยกริยาประสมเป็นต้น.

คำถามทางเลือกนั้นง่ายต่อการรับรู้โดยสหภาพแรงงาน หรือซึ่งเสนอทางเลือก คำถามทางเลือกมักจะได้รับคำตอบแบบเต็ม

โปรดทราบว่าคำถามทางเลือกนั้นเกือบจะเหมือนกับคำถามทั่วไป ยกเว้นการมีอยู่ของสหภาพแรงงานหรือ

3. คำถามพิเศษ

คำถาม	คำตอบ
ทุกฤดูร้อนคุณมีวันหยุดที่ไหน? เมื่อไหร่ที่ฉันจะได้เห็นเธอ? สีโปรดของคุณคืออะไร? เขาจะไปทำงานได้อย่างไร? ทำไมคุณกินที่โต๊ะของฉัน	ฉันมีวันหยุดในลอนดอน คุณสามารถเห็นเธอวันนี้ สีโปรดของฉันคือสีฟ้า. เขาไปทำงานโดยรถประจำทาง เพราะฉันหิว

มีคำถามพิเศษเป็นภาษาอังกฤษสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ในตอนแรกจะมีคำถามพิเศษเสมอ:

อะไร?- อะไร? ที่?
ทำไม- ทำไม?
ที่ไหน?- ที่ไหน? ที่ไหน?
ยังไง?- ยังไง?
นานแค่ไหน?- นานแค่ไหน?
ที่?- ที่?
WHO?- WHO?
เมื่อไร?- เมื่อไร?

คำถามพิเศษเป็นภาษาอังกฤษ ลำดับคำหลังคำปุจฉาเหมือนกับคำถามทั่วไป

คำถามทั่วไป:เขาเห็นเธอทุกวันหรือไม่? → เพิ่มสรรพนามปุจฉาไปที่ตำแหน่งแรก และเราจะได้ →
คำถามพิเศษ: เขาเห็นเธอทุกวันที่ไหน?

ดังนั้นไดอะแกรมจะมีลักษณะดังนี้:
ปฤจฉาสรรพนาม (สรรพนามปุจฉา) → กริยาช่วย (Auxiliary Verb) → ประธาน (Subject) → เพรดิเคต (Predicate) → สมาชิกอื่นๆ ของประโยค

โปรดทราบว่าในภาษาอังกฤษเป็นเรื่องปกติที่จะเห็น กริยาวลีเช่น คำบุพบทใด ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับคำกริยาเหล่านี้ เมื่อถามคำถามพิเศษเป็นภาษาอังกฤษ คำบุพบทเหล่านี้จะวางไว้ที่ส่วนท้ายสุดของประโยค ตัวอย่างเช่น:

ยุ่งอะไร กับ? - คุณกำลังทำอะไร?
คุณกำลังถามอะไร สำหรับ? - คุณขออะไร
พวกเขากำลังรอใครอยู่ สำหรับ? พวกเขากำลังรอใครอยู่?

ตามกฎแล้วคำตอบสำหรับคำถามพิเศษจะได้รับรายละเอียด

วิดีโอในหัวข้อ: คำถามพิเศษเป็นภาษาอังกฤษ

4. คำถามกับหัวเรื่องและคำจำกัดความ

คำถาม	คำตอบ
เกิดอะไรขึ้นที่นั่น? ใครกำลังฟังเทป เด็ก ๆ คนไหนจะไปสวนสัตว์ในวันอาทิตย์? ลูกๆ ของใครกำลังทานอาหารเย็นอยู่ตอนนี้?	การต่อสู้คือ ปีเตอร์เป็น จอห์นคือ ลูกของปีเตอร์คือ

คำถามสำหรับหัวข้อหรือคำจำกัดความของหัวข้อนั้นมักจะเริ่มต้นด้วย สรรพนามปุจฉา:

WHO- WHO
อะไร- อะไร
ที่- ที่
ของใคร- ของใคร

ในคำถามสำหรับหัวเรื่อง ลำดับคำของประโยคประกาศจะถูกรักษาไว้

ตัวอย่างเช่น:

เรื่องเล่า คำแนะนำ: พวกเขาต้องทำทุกวัน → แทนหัวเรื่อง พวกเขาใส่ WHOส่วนที่เหลือของประโยคจะไม่เปลี่ยนแปลงและเราได้ →
คำถามสำหรับเรื่อง: WHOต้องทำทุกวัน?

โปรดทราบว่าหากประโยคหมายถึงกาลปัจจุบัน คำคำถามใคร อะไร ซึ่งมักจะเห็นด้วยกับภาคแสดงในรูปของบุรุษที่ 3 เอกพจน์ เพราะ เราไม่รู้ว่าคำตอบจะตามมา เป็นเรื่องปกติที่จะใช้บุคคลที่ 3

ตัวอย่างเช่น:

เรื่องเล่า คำแนะนำ: พวกเขาเรียนที่โรงเรียน → แทนหัวเรื่อง พวกเขาใส่ WHOและเพิ่มคำกริยา คนที่ 3 จบและเราได้รับ →
คำถามสำหรับเรื่อง: WHOสตั๊ด คือที่โรงเรียน?

คุณต้องจำไว้ว่าคำว่าคำถาม " ที่- ซึ่ง" เกี่ยวข้องกับการเลือกวัตถุหรือบุคคลจำนวนหนึ่ง ดังนั้นจึงมักใช้ร่วมกับคำนามหรือคำสรรพนามที่นำหน้าด้วยคำบุพบท ของ. ตัวอย่างเช่น:

ซึ่งของลูก ... - ลูกคนไหน ...
ที่ ของคุณ… - คุณคนไหน…

คำถามเกี่ยวกับหัวเรื่องหรือคำจำกัดความจะได้รับคำตอบสั้น ๆ ซึ่งประกอบด้วยหัวเรื่องที่แสดงโดยคำนามหรือคำสรรพนามและคำกริยาช่วยที่สอดคล้องกัน

5. แบ่งคำถาม

คำถาม	คำตอบ
เขาเป็นนักศึกษาไม่ใช่เหรอ? เพื่อนของฉันไม่เล่นฟุตบอลใช่ไหม เธอสามารถเล่นเปียโนได้ใช่ไหม วันนี้ไม่ร้อนเหรอ อเล็กซ์พูดภาษาอังกฤษใช่ไหม	ใช่. ไม่พวกเขาไม่ ใช่ เธอทำได้ ไม่มันไม่ใช่ ใช่เขาทำ.

คำถามแยกย่อยในภาษาอังกฤษถูกถามเพื่อทดสอบสมมติฐานหรือแสดงความสงสัย ลักษณะเฉพาะของคำถามการหารคือประกอบด้วยสองส่วนและคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค จึงเรียกว่าแตกแยก. ส่วนแรกประกอบด้วยประโยคประกาศตามลำดับคำโดยตรง ส่วนที่สองเป็นคำถามสั้น ๆ ที่ประกอบด้วยกริยาช่วยหรือกริยาช่วยและคำสรรพนามที่ใช้แทนประธาน เครื่องหมายจุลภาคอยู่ระหว่างพวกเขา ในส่วนที่สองตามที่คุณเข้าใจแล้วมีการใช้ลำดับคำย้อนกลับและแปลเป็นภาษารัสเซีย: ใช่ไหม?

โปรดจำไว้ว่าหากส่วนแรกของคำถามเป็นประโยคยืนยัน คำกริยาในส่วนที่สองจะต้องอยู่ในรูปปฏิเสธ หากส่วนแรกของคำถามเป็นเชิงลบ คำกริยาในส่วนที่สองจะต้องอยู่ในรูปแบบยืนยัน

ลองดูตัวอย่างสองสามข้อ:

เรื่องเล่า คำแนะนำ ยืนยัน:เธอทำอาหารจานนั้นได้ → สามารถ, เพิ่มชิ้น " ไม่» และสรรพนามนั่นเอง เธอ. เราได้รับ →
คำถามแยก:เธอทำอาหารจานนั้นได้ เธอทำไม่ได้?

เรื่องเล่า คำแนะนำ เชิงลบ:เธอทำอาหารจานนั้นไม่เป็น → เราเขียนประโยคใหม่ ใส่เครื่องหมายจุลภาค ใส่ตัวบ่งชี้คำถาม เช่น ในกรณีนี้ คำกริยา สามารถคุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มอนุภาค "ไม่" เพราะ มันอยู่ในส่วนแรกของประโยคและสุดท้ายคือคำสรรพนาม เธอ. เราได้รับ →

คำถามทั่วไปในภาษาอังกฤษเป็นคำถามที่ถามทั้งประโยค ไม่ใช่เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง ดังเช่นกรณีในภาษาอังกฤษ ปัญหาพิเศษ. ในภาษาอังกฤษ นี้มีชื่อที่พูดได้ - ใช่-ไม่ใช่คำถาม (ไม่ค่อย - คำถามทั่วไป) ตามตัวอักษร "ใช่-ไม่ใช่คำถาม" ซึ่งหมายความว่าคำถามทั่วไปสามารถตอบได้ด้วย "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" เท่านั้น ตัวอย่างเช่น:

คุณชอบไอศกรีมวานิลลาไหม?- คุณชอบไอศกรีมไหม?
คุณเคยเห็นผีไหม?คุณเคยเห็นผีไหม?

การศึกษาคำถามทั่วไป

คำถามทั่วไปเกิดขึ้นได้สองวิธี: มีหรือไม่มีกริยาช่วย

ด้วยกริยาช่วย

ด้วยกริยาช่วย (หรือโมดอล) ใช่-ไม่ใช่ คำถามจะเกิดขึ้นดังนี้: กริยาช่วย (be, do, have) หรือกริยาช่วย + ประธาน + กริยาหลัก

โปรดทราบว่าหากคุณถามคำถามทั่วไปที่มีกริยาช่วยมากกว่าหนึ่งคำหรือเป็นกริยาช่วย + กริยาช่วย เฉพาะคำแรกเท่านั้นที่จะถูกวางไว้ที่จุดเริ่มต้นของประโยค:

มีการบันทึกการโทรนี้หรือไม่มีการบันทึกการโทรนี้หรือไม่
สวนได้รับการดูแลในขณะที่คุณไม่อยู่หรือไม่?“คุณดูแลสวนตอนที่คุณไม่อยู่หรือเปล่า”
เราควรจะเขียนเรื่องนี้ลงไปไหม?เราควรจะเขียนมันลงไปทั้งหมดหรือไม่?

ไม่มีกริยาช่วย

หากคำกริยาที่จะทำหน้าที่ของคำกริยาหลัก คำถามทั่วไปจะเกิดขึ้นดังนี้: เป็น + หัวเรื่อง:

บทเรียนฟรีในหัวข้อ:

คำกริยาที่ผิดปกติอังกฤษ: ตาราง กฎ และตัวอย่าง

พูดคุยหัวข้อนี้กับติวเตอร์ส่วนตัวได้ฟรี บทเรียนออนไลน์ที่โรงเรียนสกายเอิง

ฝากรายละเอียดการติดต่อไว้ แล้วเราจะติดต่อกลับเพื่อลงทะเบียนเรียน

คุณเป็นคนหนึ่งที่ทำนายดวงชะตาหรือไม่?คุณเป็นคนหนึ่งที่ทำให้ดูดวง?
เธอโกรธไหมเมื่อคุณเล่าเรื่องอุบัติเหตุให้เธอฟัง?เธอหิวไหมเมื่อคุณบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้น?

ถ้าในคำถามทั่วไป คำกริยาทำหน้าที่ของคำกริยาหลัก ทั้งสองรูปแบบของรูปแบบเป็นที่ยอมรับอย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ไม่มีกริยาช่วย น้ำเสียงของคำถามจะเป็นทางการมากขึ้น ด้วยกริยาช่วยจะฟังดูเป็นกลาง ในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการจะใช้การก่อสร้าง

คุณมีบัตรประจำตัว?- คุณมี ID หรือไม่? (อย่างเป็นทางการ)
คุณมีบัตรประจำตัวประชาชน?- คุณมี ID หรือไม่? (เป็นกลาง)
คุณมีบัตรประจำตัวหรือไม่?- คุณมี ID หรือไม่? (ไม่เป็นทางการ)

โปรดทราบว่าในกรณีที่กริยา have ถูกใช้ในรูปอดีตกาลในคำถามทั่วไปเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของบางสิ่ง ตัวแปร did have จะถูกใช้บ่อยกว่า had got:

คุณมีแว่นตาติดตัวตอนลงจากรถหรือไม่?คุณมีแว่นตาติดตัวตอนลงจากรถหรือไม่? (ตัวแปรทั่วไป)
คุณมีแว่นตาติดตัวตอนลงจากรถหรือไม่?คุณมีแว่นตาติดตัวตอนลงจากรถหรือไม่? (ตัวแปรที่ผิดปกติ)

ตอบคำถามทั่วไป

นอกเหนือจากตัวเลือกคำตอบใช่หรือไม่ใช่มาตรฐานแล้ว ยังมีอีกหลายวิธี ตัวอย่างเช่น คำพ้องความหมายทางภาษาเป็นเรื่องปกติ: สำหรับ ใช่ - ใช่ ใช่ ใช่ มม โอเค สำหรับ ไม่ - ไม่ ไม่ ไม่

A: คุณต้องการที่จะแบกฉัน บริษัท ?“อยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหม”
B: ตกลง- ดี.

A: คุณเคยเห็น Greg ไหม?คุณเคยเห็นเกร็กไหม?
บี:ไม่- ไม่.

ไม่จำเป็นต้องตอบเป็นพยางค์เดียว คุณสามารถให้ข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมได้:

A: ปลูกมันฝรั่งในกระถางได้ไหม?ปลูกมันฝรั่งในกระถางได้ไหม?
บี: ค่ะ พวกเขาเติบโตได้ดีในกระถาง- ใช่. ปลูกในกระถางได้ดีมาก

A: คุณจะไปปาร์ตี้ของไรอันไหม?คุณจะไปงานปาร์ตี้ของ Ryan หรือไม่?
B: ไม่. ฉันจะไม่อยู่จริงๆ ในคืนวันศุกร์- เลขที่. ความจริงแล้ว ฉันจะไม่อยู่ที่นั่นในคืนวันศุกร์

บางครั้งไม่มีคำว่าใช่หรือไม่ใช่ในคำตอบสำหรับคำถามทั่วไป แต่คำตอบยังคงบ่งบอกถึงหนึ่งในตัวเลือกเหล่านี้:

A: คุณรู้จัก ทีน่า โกเมซ ไหม?คุณรู้จัก ทีน่า โกเมซ หรือไม่?
B: เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว เราไปโรงเรียนเดียวกัน- เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว เราไปโรงเรียนด้วยกัน

A: คุณมีอัลบั้มล่าสุดของ The Beatles ไหม?คุณมีอัลบั้มล่าสุดของ Beatles หรือไม่?
B: ฉันเกรงว่าเราเพิ่งขายไป สุดท้ายหนึ่ง“ฉันเกรงว่าเราเพิ่งขายอันสุดท้ายไป

บางครั้งในการตอบคำถามทั่วไป จะใช้ใช่หรือไม่ใช่ร่วมกับกริยาช่วยที่ใช้ในคำถามนั้น: