สถานะของ Rudolf Nureyev คืออะไร Rudolf Nuriev - ชีวประวัติ, ข้อมูล, ชีวิตส่วนตัว

รูดอล์ฟ คามิโทวิช นูเรเยฟ (Rudolf Khamitovich Nureyev; Tat. Rudolf Khamit uly Nureyev). เกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2481 ใกล้อีร์คุตสค์ - เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2536 ในปารีส นักเต้นบัลเลต์และนักออกแบบท่าเต้นชาวโซเวียต อังกฤษ และฝรั่งเศส นักเต้นที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของศตวรรษที่ 20

Rudolf Nureyev เกิดระหว่าง Irkutsk และ Slyudyanka บนรถไฟที่มุ่งหน้าไปยัง Vladivostok

ตาตาร์ตามสัญชาติ

พ่อ - Khamit Fazleevich Nureyev (2446-2528) มีพื้นเพมาจากหมู่บ้าน Asanovo, Sharipov volost, Ufa District, Ufa Province (ปัจจุบันคือ Ufa District ของสาธารณรัฐ Bashkortostan) เมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว เขาใช้นามสกุล Nur (ลำแสง แสง) ของบิดาเป็นนามสกุล และคงนามสกุลเป็นนามสกุลและกลายเป็น Khamet Fazlievich Nuriev ตั้งแต่ปี 1922 เขาทำงานที่ฟาร์มของรัฐ Milovka จากจุดที่เขาถูกเกณฑ์เข้ากองทัพแดงในปี 1925 จบลงที่คาซาน ซึ่งเขาทำหน้าที่เป็นทหารกองทัพแดงใน United Tatar-Bashkir โรงเรียนเตรียมทหาร". ในตอนท้ายของการรับราชการ Nureyev Sr. ยังคงอยู่ที่คาซานและในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2470 เขาเข้าเรียนหลักสูตรสองปี "การดำเนินการ ภาษาตาตาร์» ที่ TatTSIK ซึ่งเขาสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2472 ในตำแหน่งนักบัญชี ในปี 1928 เขาเข้าร่วมงานเลี้ยง

แม่ - Farida Agliullovna Nureeva (Agliullova) (2450-2530) เกิดในหมู่บ้าน Tatarskoye Tyugulbaevo, Kuznechikhinsky volost, จังหวัด Kazan (ปัจจุบันคือเขต Alkeevsky ของสาธารณรัฐตาตาร์สถาน)

นูเรเยฟเขียนในอัตชีวประวัติของเขาเองว่า "ทั้งสองฝ่าย ญาติของเราคือตาตาร์และบัชคีร์"

ไม่นานหลังจากการเกิดของรูดอล์ฟ พ่อของเขาได้รับมอบหมายให้ไปมอสโคว์ เมื่อสงครามปะทุขึ้น พ่อของฉันซึ่งมีตำแหน่งเป็นอาจารย์สอนการเมืองอาวุโสได้ไปที่หน่วยปืนใหญ่ด้านหน้า เขาผ่านสงครามทั้งหมดจากการเข้าร่วมในการป้องกันมอสโกถึงเบอร์ลิน เข้าร่วมในการข้ามแม่น้ำ Oder ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2488 ซึ่งเขาได้รับความขอบคุณจากคำสั่ง

ในปี 1941 รูดอล์ฟและแม่ของเขาถูกอพยพไปยังสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตปกครองตนเองบัชคีร์

ในวัยเด็กเขาต้องรู้จักความยากจนอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างสุขสบายด้วยความอุตสาหะอย่างยิ่งยวด เริ่มเต้นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ชุดชาวบ้านใน Ufa เรียนที่ House of Culture กับนักบัลเล่ต์เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก Anna Udaltsova ซึ่งถูกเนรเทศที่นั่น

ในปีพ. ศ. 2498 แม้จะอายุห่างกันมาก แต่เขาก็เข้าเรียนที่โรงเรียนออกแบบท่าเต้นเลนินกราดโดยเรียนในชั้นเรียนของอเล็กซานเดอร์พุชกิน เขาอาศัยอยู่ที่บ้านกับครูเพราะเขาไม่สามารถเข้าโรงเรียนประจำได้ นักเรียนคนอื่นๆ ล้อและเรียกชื่อเขาว่าเขาเป็นคนใจแคบ

ผู้ร่วมสมัยอ้างว่าเมื่อรูดอล์ฟเชี่ยวชาญการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่โรงเรียน Vaganova เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับเทคนิค นอกจากนี้นูเรเยฟเองก็เห็นสิ่งนี้และทำให้เขาคลั่งไคล้ เขาไม่ลังเลเลยที่จะแสดงความโกรธต่อหน้าสาธารณชนและมักจะวิ่งหนีออกจากห้องโถงระหว่างการซ้อมด้วยน้ำตาคลอเบ้า แต่เมื่อทุกคนจากไปก็กลับมาหมั่นฝึกฝนกระบวนท่าต่าง ๆ ตามลำพังจนสำเร็จ นี่คือวิธีที่นักเต้นถูกสร้างขึ้นซึ่งผู้ยิ่งใหญ่จะพูดถึงในภายหลังว่า: "ก่อนนูเรเยฟพวกเขาเต้นต่างกัน" ท้ายที่สุดผู้ชายก็เล่นบัลเล่ต์ตามธรรมเนียม บทบาทรองเน้นความสำคัญและความเป็นมืออาชีพของเพศที่ยุติธรรม แต่การเต้นรำของนูเรเยฟนั้นสดใสจนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเพิกเฉยต่อเขา

หลังจากจบการศึกษาในปี 2501 ต้องขอบคุณนักบัลเล่ต์ระดับพรีมา Natalia Dudinskaya เขายังคงอยู่ในเลนินกราดและได้รับการยอมรับในโรงละครโอเปร่าและบัลเล่ต์ซึ่งตั้งชื่อตาม S.M. คิรอฟ เขาเปิดตัวบนเวทีในฐานะหุ้นส่วนของ Dudinskaya ในบัลเล่ต์ Laurencia โดยแสดงเป็น Frondoso

เที่ยวบินของ Rudolf Nureyev ไปทางทิศตะวันตก

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2504 ระหว่างทัวร์ในปารีสโดยการตัดสินใจของ KGB ของสหภาพโซเวียต "เนื่องจากละเมิดระบอบการปกครองในต่างประเทศ" เขาถูกถอดออกจากทัวร์ต่อไปของคณะ Kirov Theatre ในลอนดอน แต่ปฏิเสธที่จะกลับไปที่สหภาพโซเวียต กลายเป็น "ผู้แปรพักตร์" - คนแรกในบรรดาศิลปินโซเวียต ในเรื่องนี้เขาถูกตัดสินในสหภาพโซเวียตในข้อหากบฏและถูกตัดสินจำคุก 7 ปีในคุก

การแสดงครั้งแรกทางตะวันตกของรูดอล์ฟจัดขึ้นที่ปารีส ที่ Théâtre des Champs Elysées - เขาแสดงบทบาทของนกสีน้ำเงินในบัลเล่ต์เรื่อง The Sleeping Beauty ร่วมกับคณะ Marquis de Cuevas และประสบความสำเร็จอย่างมากในทันที คอมมิวนิสต์ฝรั่งเศสตั้งเป้าหมายที่จะโห่ร้องศิลปิน - แต่ไม่รู้บัลเล่ต์ (Pas de deux ของ Nureyev เกือบจะจบการแสดง) พวกเขาส่งเสียงดังเกือบทุกทางออกของศิลปินคนอื่น ๆ จึงทำให้บรรยากาศของ ตอนเย็น. เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ในช่วงปิดฤดูกาลสุดท้ายของคณะที่ปารีส นูเรเยฟแสดง ปาร์ตี้หลักในการแสดงนี้เป็นการเต้นรำกับนักบัลเล่ต์ระดับพรีม่าของคณะ Nina Vyrubova, Rosella Hightower และ Lian Deide

ฝรั่งเศสปฏิเสธที่จะให้สถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองแก่นูเรเยฟ ดังนั้นศิลปินจึงย้ายไปเดนมาร์กที่ซึ่งเขาได้เต้นรำกับโคเปนเฮเกนรอยัลบัลเลต์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 เขาเปิดตัวในลอนดอนโดยแสดงร่วมกับ Rosella Hightower a pas de deux จากบัลเล่ต์ " สวอนเลค"- หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้งานหมั้นที่ Royal Ballet of Great Britain เป็นเวลากว่าสิบห้าปีที่นูเรเยฟเป็นดาวเด่นของลอนดอน รอยัลบัลเลต์และเป็น หุ้นส่วนถาวรนักบัลเล่ต์ชาวอังกฤษ Margot Fonteyn เต้นรำกับ Yvette Chauvire, Carla Fracci, Noella Pontois

ในปี 1964 เขาใส่ เวียนนาโอเปร่า"Swan Lake" แสดงส่วนหลักในคู่กับ Margot Fontaine ในตอนท้ายของการแสดง ผู้ชมต่างปรบมืออย่างยาวนานจนม่านเปิดขึ้นกว่าแปดสิบครั้ง ซึ่งเป็นประวัติการณ์ของการแสดงละคร

ในฐานะนายกรัฐมนตรีของคณะเวียนนา เขาได้รับสัญชาติออสเตรีย เขาแสดงไปทั่วโลกโดยทำงานหนักมาก มักจะแสดง 200 ครั้งต่อปีในปี 1975 จำนวนการแสดงของเขาถึงสามร้อย เขามีส่วนร่วมในการผลิตแบบคลาสสิกและสมัยใหม่ แสดงในภาพยนตร์และทางโทรทัศน์ แสดงบัลเล่ต์ และแสดงการแสดงคลาสสิกในเวอร์ชันของเขาเอง

ตั้งแต่ปี 2526 ถึง 2532 นูเรเยฟเป็นผู้อำนวยการ คณะบัลเล่ต์ Paris Opera จัดแสดงการแสดงหลายครั้งที่นั่น เขาส่งเสริมศิลปินรุ่นเยาว์ให้ดำรงตำแหน่งแรกอย่างแข็งขัน บางครั้งในกรณีของซิลวี กิลล์ สังเกตระดับลำดับชั้นที่นำมาใช้ในปารีสอย่างมีเงื่อนไข ในบรรดา "Nureyev galaxy" ได้แก่ Elisabeth Platel, Monique Loudier, Isabelle Guerin, Manuel Legris, Charles Jude, Laurent Hilaire

ในปี 1987 เขาสามารถได้รับอนุญาตให้เข้าสู่สหภาพโซเวียตเพื่อบอกลาแม่ที่กำลังจะตายของเขา - วีซ่าได้รับเป็นเวลา 72 ชั่วโมงและศิลปินถูก จำกัด ในการติดต่อกับทุกคนที่เขารู้จักในวัยหนุ่ม

ในปีสุดท้ายของชีวิต เขาไม่สามารถเต้นได้อีกต่อไป เขาเริ่มแสดงเป็นวาทยกร

ในปี 1992 เขาได้แสดงวง Vienna Residenz Orchestra ระหว่างการทัวร์ยุโรป ในฤดูใบไม้ผลิของปีเดียวกัน ตามคำเชิญของผู้อำนวยการตาตาร์ โรงละครโอเปร่า Raufal Mukhametzyanova Rudolf Nureyev ไปเยือนคาซาน ซึ่งเขาได้แสดงบัลเลต์เรื่อง Romeo and Juliet และ The Nutcracker (Nadezhda Pavlova แสดงบทนำ)

ในปี 1983 ไวรัสเอชไอวีถูกค้นพบในเลือดของนูเรเยฟ

เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2536 อายุ 54 ปีนักเต้นเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเอดส์ ตามความปรารถนาของ Nureyev เขาถูกฝังอยู่ในสุสานรัสเซียของ Sainte-Genevieve-des-Bois ใกล้กรุงปารีส หลุมฝังศพถูกปูด้วยพรมโมเสคสีโอเรียนเต็ล (ผู้ร่างภาพคือศิลปิน Ezio Frigerio)

การเติบโตของ Rudolf Nureyev: 173 ซม.

ชีวิตส่วนตัวของ Rudolf Nureyev:

Rudolf Nureyev เป็นคนรักร่วมเพศ แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ต่างเพศในวัยหนุ่มก็ตาม

หลังจากหนีไปทางตะวันตก เขาก็อาศัยอยู่กับ Eric Brun นักเต้นรักร่วมเพศชื่อดังชาวเดนมาร์ก (พ.ศ. 2471-2529) Eric Brun ได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมคณะละคร American Ballet Theatre ในปี 1949 และการแสดงแต่ละครั้งของเขาก็สร้างความรู้สึกได้อย่างแท้จริง สีบลอนด์ของชนชั้นสูงดึงดูดสายตาของผู้หญิงเกือบทุกคน Eric Brun มีเจ้าสาว - Maria Tolchiff นักบัลเล่ต์สาวสวยชื่อดัง แต่เขาไม่เคยแต่งงานกับเธอ น่าแปลกที่ Maria Tolchiff นำอัจฉริยะบัลเล่ต์สองคนมารวมกัน เธอเป็นคนที่ในปี 2504 ขอให้นูเรเยฟไปกับเธอที่บรูโนซึ่งเธอได้แสดงบทนี้ในการผลิตบัลเล่ต์ในโคเปนเฮเกน ระหว่างการเดินทาง เธอโทรหาเอริคและพูดอย่างเมินเฉยว่า "มีคนที่นี่ต้องการพบคุณจริงๆ!"

บรุนและนูเรเยฟรักษาความสัมพันธ์อันใกล้ชิดเป็นเวลา 25 ปี จนกระทั่งบรุนเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2529

Rudolf Nureyev เป็นผู้ต่อต้านชาวยิวและต่อต้านคอมมิวนิสต์ เกือบตลอดชีวิตของเขาในตะวันตก เขากลัวว่าจะถูกโจมตีหรือลักพาตัวโดย KGB อุบัติเหตุที่โรงละครเวียนนาโอเปร่าเมื่อไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอย่างน่าอัศจรรย์เขาเกี่ยวข้องกับองค์กรนี้

หาเงินได้มากมาย เขาใช้มันอย่างสุ่มเสี่ยง เขามักจะยืม เงินก้อนโตคนไม่ค่อยรู้จักและไม่เคยติดตามว่าทวงหนี้คืนหรือไม่ เขาซื้ออสังหาริมทรัพย์หรูหราในยุโรปและอเมริกาซึ่งต้องจ่ายภาษีและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านส่วนใหญ่ของเขา

เพื่อจัดการของคุณ กิจการทางการเงินในปี พ.ศ. 2518 เขาได้จดทะเบียน Ballet Promotion Foundation ในลิกเตนสไตน์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซูริก

เขาเป็นเจ้าของวิลล่าใน La Turbie และบนเกาะ Saint Barthélemy (ฝรั่งเศส) ที่ดินในเวอร์จิเนียและอพาร์ทเมนท์ในลอนดอนและนิวยอร์ก (Jacqueline Kennedy ช่วยนักเต้นสร้างอพาร์ทเมนท์หกห้องในอาคาร Dakota)

ในปี พ.ศ. 2522 เขาได้ซื้อกิจการ Li Galli ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่มีเกาะเล็กเกาะน้อยสามเกาะใกล้กับโพสิตาโน จากทายาทของ Leonid Myasin บน Gallo Lungo ซึ่งเป็นหลังที่ใหญ่ที่สุด มีบ้านพักตากอากาศพร้อมสระว่ายน้ำและห้องบัลเล่ต์ซึ่งจัดโดย Myasin ในซากปรักหักพังของหอคอย Saracen นูเรเยฟทำงานอย่างแข็งขันในการออกแบบวิลล่าและปรับปรุงเกาะโดยรวม ลงทุนอย่างหนักที่นี่ เนื่องจากไม่มีน้ำหรือไฟฟ้า และทุกสิ่งที่จำเป็นสามารถจัดส่งได้ทั้งทางทะเลหรือทางเฮลิคอปเตอร์

ในปารีส เขาอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ 2 ชั้นที่ Quai Voltaire บ้านเลขที่ 23 ความฝันของนักเต้นคือการพาแม่มาที่นี่ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากการตายของเขา แฟน ๆ หวังว่าพิพิธภัณฑ์จะตั้งขึ้นที่นี่ แต่มูลนิธิ Nureyev Foundation เกือบจะจัดการขายทรัพย์สินของเขาภายใต้ค้อนในการประมูลของ Christie เกือบจะในทันที การประมูลตามกำหนดครั้งแรกในลอนดอนและนิวยอร์กถูกยกเลิกและอพาร์ตเมนต์ในปารีส ถูกปิดล้อมจากการประท้วงของโรซา น้องสาวของนูเรเยฟ และกูเซลี ลูกสาวของเธอ ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้น การดำเนินคดีกับมูลนิธิ ในความเห็นของพวกเขา อย่างไรก็ตามการประมูลเกิดขึ้นในปี 2538 - ในเดือนมกราคมที่นิวยอร์กซึ่งมีการขายทรัพย์สินของชาวอเมริกัน (ได้รับ 7.9 ล้านเหรียญสหรัฐ) และในเดือนพฤศจิกายนที่ลอนดอนซึ่งมีการขายสิ่งของในปารีส (ล็อตหลักภาพวาดของ Theodore Géricaultยังคงอยู่ ขายแล้ว).

ตามพินัยกรรม มูลนิธิส่งเสริมบัลเลต์ซึ่งจดทะเบียนโดยนูเรเยฟในลิกเตนสไตน์ในปี 2518 จัดการทรัพย์สินในยุโรป ในขณะที่มูลนิธิรูดอล์ฟ นูเรเยฟแดนซ์ ที่เพิ่งสร้างใหม่ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในชิคาโก จัดการทรัพย์สินของอเมริกา มรดกส่วนเล็กๆ ของนูเรเยฟ - เครื่องแต่งกาย เอกสาร และของใช้ส่วนตัว - ถูกเก็บไว้ใน หอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศสและพิพิธภัณฑ์ Carnavalet ในปี 2013 ตามความคิดริเริ่มของสมาชิกคณะกรรมการมูลนิธินูเรเยฟ ชาร์ลส จู๊ด และเธียร์รี ฟูเกต์ สิ่งของที่เหลือจัดแสดงในห้องโถงสามแห่ง ศูนย์แห่งชาติเครื่องแต่งกายบนเวทีที่ Moulins (ออกแบบนิทรรศการ - Ezio Frigerio)

ผลงานของ Rudolf Nureyev:

2501 - เที่ยวบินที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ (สารคดี)
2520 - วาเลนติโน (วาเลนติโน) - รูดอล์ฟวาเลนติโน
2526 - ในสายตา (เปิดเผย)
2534 - รูดอล์ฟนูเรเยฟในขณะที่เขาเป็น (สารคดี)

ละครของ Rudolf Nureyev:

"ลอเรนเซีย" - โฟรโดโซ
"สวอนเลค" - เจ้าชายซิกฟรีด ร็อธบาร์ต
"เดอะนัทแคร็กเกอร์" - ดรอสเซลเมเยอร์ เจ้าชาย
"เจ้าหญิงนิทรา" - บลูเบิร์ด เจ้าชาย Florimund (Desiree)
"มาร์เกอริตและอาร์มาน" - อาร์มาน
"La Bayadère" - โซล
"Raymonda" - สุภาพบุรุษสี่คน Jean de Brienne
"Giselle" - เคานต์อัลเบิร์ต
"ดอนกิโฆเต้" - โหระพา
"โจรสลัด" - ทาส
โรมิโอและจูเลียต - โรมิโอ Mercutio
"ซิลฟ์" - เจมส์
"Petrushka" - เปตรุชก้า
"วิสัยทัศน์ของดอกกุหลาบ" - วิสัยทัศน์ของดอกกุหลาบ
"เชเฮราซาด" - ทาสทองคำ
"บ่ายของ Faun" - Faun
"Apollo Musagete" - อพอลโล
"เยาวชนและความตาย" - เยาวชน
“บุตรสุรุ่ยสุร่าย”
"เฟดรา"
"สวรรค์ที่หายไป"
"ซิลฟ์" - เยาวชน
"แฮมเล็ต" - แฮมเล็ต
"ซินเดอเรลล่า" - ผู้ผลิต
"สื่อกลาง"
"แสงจันทร์ Pierrot" - Pierrot
"ลูซิเฟอร์" - ลูซิเฟอร์
"คนโง่" - เจ้าชาย Myshkin
"รัศมี"
"เพลงฝึกหัดการเดินทาง"
"ฤดูใบไม้ผลิศักดิ์สิทธิ์"
Pavan ของมัวร์ - Othello
"บ้านมืด"
"บทเรียน"
"การเดินทางกลางคืน" - Oedipus
"จดหมายสีแดง" - สาธุคุณ Dimmesdale

การผลิตโดย Rudolf Nureyev:

2507 - "เรย์มอนดา"
2507 - "สวอนเลค" เวียนนาโอเปร่า
2509 - "ดอนกิโฆเต้"
2509 - เจ้าหญิงนิทรา
2509 - "Tankred"
2510 - แคร็กเกอร์
2520 - "โรมิโอและจูเลียต"
2522 - "มันเฟรด"
2525 - "พายุ"
2528 - "จัตุรัสวอชิงตัน"
2529 - บาคสวีท
2531 - ซินเดอเรลล่า Paris Opera
2535 - ลาบายาแดร์ Paris Opera

อาจดูเหมือนหลุมฝังศพ นักเต้นที่มีชื่อเสียง Rudolf Nureyev ในฝรั่งเศสปูด้วยพรมเก่าจริงๆ นักท่องเที่ยวหลายคนถามว่าฝนไม่เป็นอันตรายต่อพรมหรือไม่ ฝนไม่น่ากลัวสำหรับเขา - ท้ายที่สุดแล้วหลุมฝังศพทำจากหินและตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคที่ดีที่สุด รายละเอียดเพิ่มเติม - ในเนื้อหา

Nuriev Rudolf Khametovich (2481-2536) - นักเต้นชาวรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่, ดาราอุกอาจ, นักปฏิรูป บัลเล่ต์คลาสสิก, คนดังระดับโลก. ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและศิลปะของ Rudolf Nureyev สามารถพบได้ในรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลสารานุกรมและประวัติศาสตร์ศิลปะต่างๆ เราจะถือว่าหลุมฝังศพของเขาเป็นงานศิลปะโมเสกที่น่าประทับใจ

Nuriev เสียชีวิตในปี 1993 และถูกฝังในสุสานรัสเซียของ Saint-Genevieve de Bois ใกล้กรุงปารีส และในเวลาเดียวกันหนึ่งในศิลปินชั้นนำของ Paris Opera (Paris Opera) Enzo Frigerio (Ezio Frigerio) เพื่อนและเพื่อนร่วมงานของนักเต้นได้แสดงแนวคิดในการตกแต่งหลุมฝังศพด้วยพรมแบบตะวันออก Nuriev รวบรวมพรมโบราณและสิ่งทอโบราณโดยทั่วไป ประเทศต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรมที่รักเดินไปกับเขาในทัวร์ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการเต้นรำและการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจใหม่ ๆ

ภาพร่างของพรมที่สร้างโดย Enzo Frigerio ซ้ำกับพรมตะวันออกที่ชื่นชอบจากคอลเลกชัน Nureyev ในการสร้างพรมให้มีสีสันพร้อมเอฟเฟ็กต์ภาพของเนื้อผ้า จึงตัดสินใจใช้โมเสกช่วย โมเสกยังแก้ปัญหาในการทำซ้ำรอยพับที่สวยงามของพรมที่ตกลงมาและจัดเตรียมไว้ให้ ดูเป็นธรรมชาติด้ายขอบทอง เงินทุนสำหรับการสร้างอนุสาวรีย์ได้รับการจัดสรรโดยเพื่อนที่ร่ำรวยของนักเต้นบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงที่สุด

ในปีพ.ศ. 2539 ศิลาฤกษ์ถูกสร้างขึ้นในเวิร์คช็อปโมเสกของอิตาลี Akomena Spacio Mosaico (Akomena Spacio Mosaico) โมเสกของพรมทำจากชิ้นส่วนรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็กที่มีรายละเอียดแน่นที่สุดโดยแทบไม่เห็นตะเข็บ แต่ในขณะเดียวกัน พื้นผิวของกระเบื้องโมเสคก็ขรุขระ โดยมีการเปลี่ยนแปลงระดับขององค์ประกอบกระเบื้องโมเสคที่คมชัดมาก เทคนิคนี้จากระยะ 2-3 เมตรสร้างความประทับใจทั่วไปของพื้นผิวพรมแล้ว พื้นฐานทางประติมากรรมของโมเสกคัดลอกคุณสมบัติของการก่อตัวของรอยพับได้อย่างแม่นยำและองค์ประกอบโมเสกจะทำซ้ำเส้นโค้งและคลื่นทั้งหมดของพื้นผิวอย่างราบรื่น

หลุมฝังศพทำให้เกิดความประทับใจที่ไม่ชัดเจน มีคนคิดว่าหลุมฝังศพนั้นสว่างเกินไปและเด่นเกินไป ตรงกันข้าม บางคนตกอยู่ในความปีติยินดี นักท่องเที่ยวที่ไม่รู้ข้อมูลดูรูปถ่ายขององค์ประกอบที่เกิดขึ้นล่วงหน้า บางครั้งถามว่าพรมเปียกฝนหรือไม่และเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน ผู้เยี่ยมชมสุสาน Saint-Genevieve-des-Bois พร้อมไกด์นำเที่ยวจะต้องสัมผัสพรมโมเสกอย่างแน่นอน ซึ่งเผยให้เห็นได้ด้วยการสัมผัสเท่านั้น การหลอกลวงทางสายตา. แต่ไม่ว่าใครจะปฏิบัติต่อพรมปูหลุมฝังศพอย่างไร หลุมฝังศพของรูดอล์ฟ นูเรเยฟก็เป็นหลุมฝังศพเพียงแห่งเดียวในประเภทเดียวกัน สมควรแก่ความทรงจำของนักบัลเลต์อัจฉริยะผู้เป็นที่ถกเถียงและยิ่งใหญ่

เด็กชายผู้เติบโตมาด้วยความยากจน กลายเป็นเจ้าของทรัพย์สินมหาศาล นักเต้นที่ทำให้โลกชื่นชมบัลเล่ต์รัสเซียซึ่งในเส้นเลือดไม่มีเลือดรัสเซียสักหยด ในวันครบรอบ "ตาตาร์บิน" นูเรเยฟเราได้รวบรวมข้อเท็จจริงหลายประการจากชีวประวัติของบุคคลที่ขัดแย้งกันนี้

Maya Plisetskaya อธิบายปรากฏการณ์ของความนิยมของ Rudolf Nureyev ในลักษณะนี้: "เขาเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวหากสามารถวัดการเคลื่อนไหวได้ด้วยเทอร์โมมิเตอร์ ความน่าสมเพชของการเต้นรำลุกโชนในตัวเขา เหมือนไฟที่เผาเหยื่อบนนั่งร้าน ของขวัญของเขามีคุณสมบัติที่น่าอัศจรรย์ของหัวใจที่อบอุ่นและแม้แต่ความชั่วร้ายและความโง่เขลาในตัวบุคคล

1. Rudolf Nureyev เกิดบนรถไฟ

พวกเขาพูดว่า ชื่อจริงรูดอล์ฟ - นูเรเยฟ เขาทำซ้ำหลังจากที่เขามีชื่อเสียง ในพระองค์ ชีวประวัติอย่างเป็นทางการมีข้อสังเกตว่าเขาเกิดในเมืองอีร์คุตสค์ สถานที่เกิดของเขาคือตู้รถไฟที่ตัดผ่านที่ราบเอเชียและภูเขามองโกเลีย รีบพาครอบครัวของเขาไปที่ ตะวันออกอันไกลโพ้นไปยังสถานที่ทำงานใหม่ของคุณพ่อรูดอล์ฟ

เมื่อถึงเวลาที่พ่อของเขาซึ่งรับราชการในแมนจูเรียสามารถโทรหาภรรยาและลูกของเขาได้ ฟาริดา นูรีวาก็อยู่ใน สัปดาห์ที่ผ่านมาการตั้งครรภ์ ผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถทนต่อ 12 วันที่ยาวนานบนถนนได้ ดังนั้น Rudik ตัวน้อยจึงเกิดภายใต้เสียงล้อรถเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 1938

2. ในบั้นปลายชีวิต นักเต้นเป็นคนร่ำรวยมาก เขาเป็นเจ้าของเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ความฟุ่มเฟือยที่มีอยู่ในคนรวยบางคนนั้นแปลกไปสำหรับเขา รูดอล์ฟนับเงินทุกบาททุกสตางค์ เพราะเขารู้ดีว่าความอดอยากและความยากจนคืออะไร

เด็กสี่คนเติบโตในครอบครัวนูเรเยฟ มีความหายนะขาดเงิน: Rudik ใส่สิ่งของของน้องสาวของเขาอย่างต่อเนื่องและวันหนึ่งเมื่อเด็กชายต้องไปโรงเรียนเขาไม่มีรองเท้าดังนั้นแม่จึงต้องแบกลูกชายของเธอไปที่ชั้นเรียนบนหลังของเธอ .

3. ความปรารถนาที่จะเชื่อมโยงชีวิตของเขากับบัลเล่ต์เกิดจากนูเรเยฟตอนอายุ 5 ขวบเมื่อแม่ของเขาพาเขาไปแสดงเป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม พ่อไม่พอใจกับโอกาสนี้ เขาต่อต้านมันอย่างเด็ดขาดและเมื่อใดก็ตามที่เขาจับได้ว่าลูกชายของเขากำลังเต้นรำ เขาก็ตีเขา แต่รูดอล์ฟต่อต้านอย่างสุดความสามารถและแม้จะถูกพ่อแม่คุกคาม เขาก็เริ่มไปที่วงเต้นรำพื้นบ้าน

ตอนอายุ 11 ขวบ Anna Udaltsova อดีตสมาชิกของคณะ Diaghilev สังเกตเห็นเด็กชายที่มีความสามารถซึ่งกลายเป็นครูของเขา หลังจากนั้นไม่นานเขาได้ศึกษากับ Elena Vaitovich ผู้หญิงสองคนนี้โน้มน้าวให้นักเรียนเข้าโรงเรียนออกแบบท่าเต้นเลนินกราด รูดอล์ฟได้รับเงินค่าตั๋วไปเมืองหลวงทางตอนเหนือด้วยการเรียนเต้นรำ

4. ในปีพ. ศ. 2498 นูเรเยฟได้เข้าเรียนที่โรงเรียน แต่เนื่องจากธรรมชาติที่หุนหันพลันแล่นและรุนแรงของเขา เขาพบว่าตัวเองใกล้จะถูกไล่ออกมากกว่าหนึ่งครั้ง

เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากเริ่มเรียน ไม่พบนักเต้นที่ต้องการ ภาษาซึ่งกันและกันกับคุณครูและผอ สถาบันการศึกษา Shelkov และขอให้เปลี่ยนครู! พวกเขายอมจำนนต่อเขาอย่างผิดปกติและด้วยเหตุนี้รูดอล์ฟจึงลงเอยในชั้นเรียนของอเล็กซานเดอร์พุชกินซึ่งเขามีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม

5. ในปี 1958 นูเรเยฟสำเร็จการศึกษาและเข้าเรียนในโรงละครที่ตั้งชื่อตาม S.M. Kirov (ปัจจุบันคือโรงละคร Mariinsky)

ฝ่ายบริหารกลัวที่จะพารูดอล์ฟที่มีความสามารถ แต่เอาแต่ใจเกินไปในทัวร์ต่างประเทศ การเดินทางไปปารีสของคณะในปี 2504 ก็เหมือนกับคนอื่นๆ อีกหลายคน ต้องไปโดยไม่มีเขา อย่างไรก็ตามในช่วงสุดท้าย เจ้าภาพยืนยันว่านูเรเยฟมาฝรั่งเศส จากนั้นไม่มีใครรู้ว่าดาราบัลเลต์โซเวียตไม่ต้องการกลับไปบ้านเกิดของเขา

6. เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่สนามบิน Le Bourget ของฝรั่งเศส ศิลปินได้รับแจ้งว่าเขาถูกเรียกตัวไปมอสโคว์อย่างเร่งด่วนเพื่อแสดงในเครมลิน หลังจากคำพูดเหล่านี้ รูดอล์ฟตัดสินใจในวินาทีที่ทำให้คนทั้งโลกตกตะลึง เขาตัดสินใจไม่กลับไปที่สหภาพ

เมื่อเห็นตำรวจ 2 นาย นักเต้นเดินเข้ามาหาพวกเขาแล้วพูดว่า "ฉันอยากอยู่ในประเทศของคุณ" เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายพาเขาไปที่ห้องพิเศษและเตือนว่าพวกเขาจะให้เวลาเขาประมาณ 40 นาทีเพื่อที่เขาจะได้ สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบตัดสินใจขั้นสุดท้ายและลงนามในเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยธรรมชาติแล้วกระดาษทั้งหมดก็เปิดอยู่ ภาษาฝรั่งเศสพวกเขาแปลโดยนักแปลชาวรัสเซียถึงนูเรเยฟ เธอพยายามเกลี้ยกล่อมนักเต้นให้ขึ้นเครื่องบินและบินไปมอสโกทันที ซึ่งเขาตอบเธออย่างเฉียบขาดว่า "หุบปาก!" - และลงนาม

รูดอล์ฟถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในปารีส มีเงิน 36 ฟรังก์อยู่ในกระเป๋า อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะเผชิญกับความยากจนดูน่าสนใจสำหรับเขามากกว่าการกลับไปหลังม่านเหล็ก

ตอนแรกพวกเขาพยายามคืนนูเรเยฟ ญาติโทรมาขอให้เปลี่ยนใจ เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ พ่อจึงละทิ้งลูกชายของตัวเอง หน่วยสืบราชการลับคุกคามศิลปินแทรกแซงอาชีพของเขา แต่ก็ไม่มีประโยชน์ทั้งยุโรปอยู่ที่เท้าของนักเต้นที่ยอดเยี่ยม

7. หนึ่งในหุ้นส่วนที่โดดเด่นที่สุดที่เต้นรำกับนูเรเยฟคือนางระบำพรีมาของ Margot Fontaine แห่งลอนดอนรอยัลบัลเลต์

ข้อต่อของพวกเขา ชีวิตที่สร้างสรรค์เริ่มในปี 1962 ในบัลเล่ต์ Giselle และดำเนินต่อไปอีกหลายปี มีความเชื่อกันว่า Margo และ Rudolf ไม่เพียงเชื่อมโยงกันโดยคนงานและ มิตรไมตรีแต่ยังรักคนที่รัก แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่นอกจากนี้ศิลปินยังเป็นที่รู้จักในเรื่องการวางแนวทางที่ไม่เป็นทางการและ Fontaine ก็แต่งงานแล้ว

8. เป็นเวลา 25 ปีที่นูเรเยฟอาศัยอยู่กับเอริค บรุน นักเต้นชาวเดนมาร์กจนกระทั่งเสียชีวิต ความสัมพันธ์นี้ไม่ใช่ความลับสำหรับใคร แต่ศิลปินรู้สึกรำคาญมากเมื่อนักข่าวพยายามเข้ามาในชีวิตส่วนตัวของเขา ดังนั้นเขาจึงพยายามสื่อสารกับสื่อมวลชนให้น้อยที่สุด

9. ในปี 1989 นูเรเยฟกลับไปบ้านเกิดเป็นครั้งแรก และแม้ว่าเขาจะแสดงบนเวทีของ Kirov Theatre สองครั้ง แต่มีผู้ชมไม่กี่คนที่เข้าใจว่าต่อหน้าพวกเขา - บุคคลในตำนาน. ความจริงก็คือหลังจากที่นักเต้นหนีไปต่างประเทศประเทศก็ต้องการที่จะลืมเขาและการกระทำที่ไม่เหมาะสมของเขาอย่างรวดเร็ว

10. ในปี 1983 รูดอล์ฟได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวี โรคนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาเสียชีวิตค่อนข้างเร็ว นักเต้นเสียชีวิตเมื่ออายุ 55 ปีในปี 2536 และถูกฝังอยู่ในสุสานรัสเซียของ Sainte-Genevieve-des-Bois ใกล้กรุงปารีส ศิลปินชั้นนำมีส่วนร่วมในการออกแบบหลุมฝังศพของศิลปิน ปารีสโอเปร่าเอนโซ ฟริเกริโอ เมื่อรู้ว่าเพื่อนผู้ล่วงลับของเขาหลงใหลในการสะสมพรมโบราณ เขาจึงสร้างพรมโมเสกผืนหนึ่งบนหลุมฝังศพของเขา

ในตัวอย่าง: Rudolf Nureyev ที่สนามบิน Sheremetyevo ก่อนบินไปปารีส

บางครั้งความรักก็เกิดขึ้นในรูปแบบที่คาดไม่ถึงและสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนที่โดนลูกศรของกามเทพพุ่งเข้าใส่หัวใจได้อย่างรุนแรง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักเต้นบัลเลต์ที่ไม่เพียงเชื่อมโยงกับความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรู้สึกหลงใหลด้วย อัจฉริยะด้านการเต้น พวกเขาพรากสิ่งที่พวกเขาต้องการไปจากชีวิต: ความสุข เงินทอง ชื่อเสียง และความชื่นชม แต่ด้วยความสุขส่วนตัวทุกอย่างซับซ้อนกว่ามาก ...

Rudolf Nureyev - นักเต้นบัลเล่ต์ผู้ยิ่งใหญ่

ชีวิตของรูดอล์ฟ นูเรเยฟ นักเต้นผู้ปราดเปรื่องไม่ได้ไร้เมฆเสมอไป ในวัยเด็กเขาต้องรู้จักความยากจนอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างสุขสบายด้วยความอุตสาหะอย่างยิ่งยวด แต่เส้นทางสู่ชีวิตที่ดีนั้นไม่ง่าย แม้ว่านูเรเยฟจะเล่นบัลเล่ต์มาตั้งแต่เด็ก แต่เขาก็เริ่มฝึกฝนเทคนิคระดับมืออาชีพค่อนข้างช้า

Rudolf Nureyev: พรวดพราดเข้าไปในภาพ

ผู้ร่วมสมัยอ้างว่าเมื่อรูดอล์ฟเชี่ยวชาญการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่โรงเรียน Vaganova เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับเทคนิค นอกจากนี้นูเรเยฟเองก็เห็นสิ่งนี้และทำให้เขาคลั่งไคล้ เขาไม่ลังเลเลยที่จะแสดงความโกรธต่อหน้าสาธารณชนและมักจะวิ่งหนีออกจากห้องโถงระหว่างการซ้อมด้วยน้ำตาคลอเบ้า

เขามักจะปรากฏตัวบนเวทีโดยเปลือยอก

แต่เมื่อทุกคนจากไปก็กลับมาหมั่นฝึกฝนกระบวนท่าต่าง ๆ ตามลำพังจนสำเร็จ นี่คือวิธีการสร้างนักเต้นซึ่ง Plisetskaya ผู้ยิ่งใหญ่จะกล่าวถึงในภายหลังว่า: "ก่อนนูเรเยฟพวกเขาเต้นต่างกัน" ท้ายที่สุดผู้ชายมีบทบาทรองในบัลเล่ต์โดยเน้นความสำคัญและความเป็นมืออาชีพของเพศที่ยุติธรรม แต่การเต้นรำของนูเรเยฟนั้นสดใสจนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเพิกเฉยต่อเขา

Eric Brun - อัจฉริยะแห่งศิลปะบัลเล่ต์

นักเต้นที่ยอดเยี่ยมสองคน

Eric Brun ตรงข้ามกับนูเรเยฟ ชาวเดนมาร์กผู้มีความยับยั้งชั่งใจและเลือดเย็นมีเทคนิคที่น่าทึ่ง มีเสน่ห์ และได้รับความชื่นชอบจากผู้ชมในทันที ในปี 1949 เขาได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมคณะละครของ American Ballet Theatre และการแสดงแต่ละครั้งของเขาก็สร้างความรู้สึกได้อย่างแท้จริง ผมบลอนด์สูงและสูงส่งคล้ายกับรูปร่างหน้าตา พระเจ้ากรีกมีหน้าผากสูง รูปร่างสมส่วน คมชัด รูปร่างดี และสีเทาเศร้า ดวงตาสีฟ้าเขาเป็นกลเม็ดเด็ดพรายในตัวเอง เขาดึงดูดสายตาของผู้หญิงเกือบทุกคน ... Eric Brun มีเจ้าสาว Maria Tolchif นักบัลเล่ต์สาวสวยชื่อดัง แต่เธอคงรู้ว่าหัวใจของเขาไม่มีให้เธอ

คนรู้จักทางจดหมาย

รูดอล์ฟ นูเรเยฟบนเวที

เมื่อบรูโนไปเที่ยวสหภาพโซเวียตในปี 2503 นูเรเยฟล้มเหลวในการเข้าร่วมการแสดงของเขา แต่รูดอล์ฟรู้สึกประทับใจมากกับคำวิจารณ์ที่น่าชื่นชมของคนรู้จักเกี่ยวกับชาวเดนมาร์ก กระทั่งติดตามบันทึกสมัครเล่นของนักเต้นต่างชาติหลายคน นูเรเยฟชื่นชมความสง่างามของการเต้นรำของเอริคผู้ยิ่งใหญ่อย่างจริงใจจากนั้นจึงพูดถึงบรูโน่: "หนาวจนแทบไหม้"

การประชุม

จากการเต้นรำสู่ความรักเป็นขั้นตอนเดียว

น่าแปลกที่ Maria Tolchiff นำอัจฉริยะบัลเล่ต์สองคนมารวมกัน เธอเชื่อมโยงกับความรู้สึกอ่อนโยนกับเอริคและหลังจากหยุดพักเธอก็ตกหลุมรักรูดอล์ฟโดยไม่มีความทรงจำ เธอเป็นคนที่ในปี 2504 ขอให้นูเรเยฟไปกับเธอที่บรูโนซึ่งเธอได้แสดงบทนี้ในการผลิตบัลเล่ต์ในโคเปนเฮเกน ระหว่างการเดินทาง เธอโทรหาเอริคและพูดอย่างเมินเฉยว่า "มีคนที่นี่ต้องการพบคุณจริงๆ!" เมื่อถึงเวลานั้นคู่รักในอนาคตจะได้ยินเสียงของกันและกันและ Tolchiff เองก็จะสูญเสียแฟนทั้งสองไปพร้อมกัน

นูเรเยฟ, บรูโน, มาเรีย โทลชิฟฟ์ และนักบัลเล่ต์ของคณะ

การพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นที่โรงแรมแองเกิลแตร์เร และบรูโน่จะชอบทาทาร์รูปหล่อที่แต่งตัวหรูหราแบบสบายๆ นูเรเยฟรู้ภาษาอังกฤษไม่ดี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะติดตามการสนทนาเมื่อพวกเขาพบกัน และโทลชิฟฟ์และเอริคที่พยายามซ่อนความลำบากใจและความอึดอัดใจของสถานการณ์ ก็ไม่ได้พยายามสื่อสารเช่นกัน

ด้วยกัน.

หลังจากการประชุมครั้งนี้พวกเขาพบกันเป็นระยะ ๆ ในการซ้อมและถึงอย่างนั้นรูดอล์ฟก็ผูกพันกับเอริคมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ซึ่งพิชิตเวทีด้วยความสง่างามและสง่างามอย่างไม่น่าเชื่อและนอกจากนี้เขายังหล่อเหลาเหมือนเทพเจ้าโบราณ

การพัฒนาความสัมพันธ์

ความรักมาโดยไม่ทันตั้งตัว

ความรักของนูเรเยฟที่มีต่อบรูโน่นั้นมีอยู่ร่วมกัน เอริคจับได้ว่าตัวเองคิดว่าเขาต้องการใช้เวลากับรูดิกมากขึ้นเรื่อย ๆ และในวันหนึ่งนักเต้นก็ตัดสินใจทานอาหารคนเดียวโดยไม่มีมาเรีย ทัลล์ชิฟฟ์ สิ่งนี้ทำให้นักบัลเล่ต์โกรธเธอแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างแท้จริง เบื้องหลังความสัมพันธ์ รักสามเส้าคณะทั้งหมดกำลังดูอยู่ แต่โทลชิฟฟ์ล้มเหลวในการดับไฟที่ปะทุขึ้นระหว่างคู่หูทั้งสองของเธอ

รูดอล์ฟและเอริคในการซ้อม

พวกเขาตรงกันข้ามกันโดยตรง นูเรเยฟเป็นตาตาร์ที่คลั่งไคล้และคลั่งไคล้ เกือบจะเป็นคนป่าเถื่อน ส่วนบรูนเป็นชาวสแกนดิเนเวียที่สงบและมีเหตุผล บรุนคือการปรับแต่งตัวเอง ยับยั้งสมดุล ผมบลอนด์สูงที่มีตาสีฟ้า และในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงชีวิตที่ไม่มีกันและกันได้

นูเรเยฟที่เครื่อง

กิเลสเพิ่งเดือด! รูดอล์ฟเมื่อดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติในความสัมพันธ์ของพวกเขา เขาตะโกน กระทืบเท้าและวางข้าวของกระจัดกระจายทั่วอพาร์ตเมนต์ และเอริคที่ตกใจกลัวก็หนีออกจากบ้าน นูเรเยฟรีบตามเขาไปและขอร้องให้เขากลับมา “การประชุมของเราเป็นเหมือนการชนกันและการระเบิดของดาวหางสองดวง” เอริคแสดงความคิดเห็นอย่างสูงส่งเกี่ยวกับการประลองในครัวเหล่านี้

ฉันควรกลัวอะไร

เมื่อรูดี้ถูกถามว่าเขากลัวการถูกเปิดเผยหรือไม่? ในการตอบสนองเขาหัวเราะและสัญญาว่าจะตะโกนบอกคนทั้งโลกว่าเขารักเอริค: "ทำไมฉันต้องกลัวด้วย พวกเขาจะหาว่าฉันเป็นเกย์และหยุดแสดง ไม่ใช่ Nijinsky, Lifar แต่เป็น Diaghilev เอง และไชคอฟสกี ... ผู้หญิงคนนั้นจะต้องการฉันน้อยลงไหม?

นูเรเยฟในห้องแต่งตัว

นูเรเยฟยังนอกใจคนรักของเขาอย่างต่อเนื่อง เอริคไม่ชอบความเจ้าชู้แบบนี้ เขาอิจฉาทรมานและเก็บข้าวของเป็นระยะ นูเรเยฟขอร้องให้อยู่ต่อสาบานว่าเขารักเขาคนเดียวสาบานว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ... เขาบอกเอริคผู้โชคร้ายทุกอย่างที่ผู้ชายเดินมักจะพูดกับภรรยาที่โชคร้ายในกรณีเช่นนี้ Nureyev มีความสัมพันธ์กับนักร้องนำในตำนานของกลุ่ม "Qween" Freddie Mercury กับ Elton John; และตามข่าวลือแม้กระทั่งกับ Jean Marais ที่น่าจดจำ

นูเรเยฟและแผนที่

แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่หลอกหลอนเอริค บางทีอาจมากกว่าการทรยศอย่างต่อเนื่องของคู่หูของเขา นั่นคือเขา นักเต้นที่มีพรสวรรค์ ในหลาย ๆ ด้านที่มีความสามารถมากกว่านูเรเยฟ ถูกบดบังด้วยความนิยมอย่างบ้าคลั่งของคนรักของเขา ในฝั่งตะวันตก ภาพลักษณ์ของนูเรเยฟซึ่งหนีจากสหภาพโซเวียตได้รับการเลื่อนขั้นจนไม่มีใครสามารถแข่งขันกับเขาได้ “มันเพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะขยับนิ้วเท้าเพื่อให้หัวใจเต้นดังเถิดเทิง” หนึ่งในนักวิจารณ์เขียน ความสนใจที่ตีโพยตีพายนี้ทำให้บรูนเชื่อว่าตัวเขาเองจะไม่มีใครสังเกตเห็นไปตลอดกาล

การพรากจากกัน

รูดอล์ฟ นูเรเยฟ อัจฉริยะด้านการเต้น

เบื่อแอกตาตาร์ เอริคหนีไปยังจุดสิ้นสุดของโลก - ไปยังออสเตรเลีย นูเรเยฟโทรหาที่รักของเขาทุกวันและสงสัยว่าทำไมเอริคถึงหยาบคายกับเขาทางโทรศัพท์ “บางทีคุณควรโทรหาสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง? - คนรู้จักของรูดอล์ฟแนะนำ “บางทีเอริคอาจจะอยากอยู่คนเดียว” แต่รูดอล์ฟไม่คิดเช่นนั้น

ป้ายหลุมศพของ Rudolf Nureyev

แต่เขาบินไปโดยเปล่าประโยชน์ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เคยดีขึ้น “ฉันอยู่กับเขาไม่ได้ เราทำลายกันเอง” บรูนบ่นกับเพื่อน นูเรเยฟประกาศว่าเขาพร้อมที่จะอยู่กับเอริคตลอดชีวิต เอริคตอบโต้:“ - การระเบิดการชนกัน - สิ่งนี้อยู่ได้ไม่นาน ถ้ารูดอล์ฟต้องการให้สิ่งต่าง ๆ แตกต่างออกไป ฉันขอโทษ” ไม่เป็นต้นฉบับ - "ฉันขอโทษ" - และจบลงด้วยพายุ เรื่องราวความรัก.

ในปี 1986 เมื่อทราบเกี่ยวกับการเจ็บป่วยที่รุนแรงของ Brun นูเรเยฟก็ทิ้งทุกอย่างและบินไปหาเขา พวกเขาคุยกันจนดึกดื่น และในตอนเช้า เมื่อนูเรเยฟมาหาเขา เขาก็ไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป และทำได้เพียงมองตามรูดอล์ฟด้วยตาของเขาเท่านั้น บรันเสียชีวิตในเดือนมีนาคม รุ่นอย่างเป็นทางการจากโรคมะเร็ง แต่ลิ้นชั่วร้ายอ้างว่ามาจากโรคเอดส์ รูดอล์ฟไม่ฟื้นตัวจากการโจมตีครั้งนี้จนกว่าจะสิ้นสุดวันของเขา รูปถ่ายของเอริคอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาเสมอ เขารอดชีวิตจากคนรักและไอดอลของเขาภายใน 12 ปี

"การมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องดี!" - คำเหล่านี้กลายเป็นบรรทัดฐาน เดือนที่ผ่านมาใช่มีอะไร - ปีที่ผ่านมาชีวิตของรูดอล์ฟ นูเรเยฟ แพทย์ประจำตัวของนักเต้นผู้ยิ่งใหญ่ Michel Canesi พาพวกเขามาหาเรา เป็นเวลานาน นานมาก มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่สาธารณชนไม่ทราบจนกระทั่งศิลปินเสียชีวิต: ร่างกายของนูเรเยฟต่อสู้กับไวรัสเอดส์เป็นเวลา 14 ปี

DR. Kanesi เปิดปากครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว เรื่องราวถูกคาดหวังจากเขา ชีวิตที่ใกล้ชิดอัจฉริยะและการซัก ซักรีดสกปรก. โดยเปล่าประโยชน์ ผลที่ได้คือเรื่องราวเกี่ยวกับชายผู้กล้าหาญที่ป่วยระยะสุดท้าย เกี่ยวกับการใช้ชีวิตและการทำงานของเขา

แพทย์และผู้ป่วยพบกันครั้งแรกในปี 1983 จากนั้น Kanesi แพทย์ผิวหนังได้ตรวจสอบนักเต้นชาวรัสเซียในฐานะส่วนหนึ่งของการปรึกษาหารือ ไม่มีใครเดาได้ว่าจะตรวจสอบศิลปินเพื่อหาโรคเอดส์ - เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วโรคเอดส์เป็นโรคที่แปลกใหม่ของคนรักร่วมเพศและผู้ติดยา ประชาชนทั่วไปยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และ "โรคระบาดแห่งศตวรรษที่ 20" ในแบบเก่าเรียกว่าโรคหัวใจและหลอดเลือด

หนึ่งปีต่อมา Nuriev มุ่งหน้าไป บัลเลต์ปารีส. ในระหว่างการตรวจสุขภาพภาคบังคับในเวลาที่ทำงานเขาได้ทำการตรวจเลือด พบไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในเลือด มันคือโรคเอดส์ และการทดสอบพบว่าโรคนี้พัฒนาในร่างกายมานานกว่า 4 ปีแล้ว มีคน (ที่แน่นอน - ยังไม่ทราบ) ติดเชื้อ Nuriev ทางตะวันตกแล้ว บางครั้งก็มีราคาที่ต้องจ่ายเพื่ออิสรภาพ...

Nuriev ไม่กังวลมากเกินไปเกี่ยวกับการซื้อกิจการใหม่ จริงตามการยืนกรานของ Michel Kanesi ซึ่งในเวลานั้นได้กลายเป็นแพทย์ประจำตัวของ Nureyev เขายังคงเริ่มการรักษาเชิงทดลอง

แต่เขาเรียนไม่จบ: หลังจากผ่านไป 4 เดือน โดยอ้างว่าทำงานหนัก นูเรเยฟปฏิเสธการฉีดยา งานหนักมาก - Nuriev เต้นรำทุกเย็นมีความสุขในการทำงาน เขามีความสุขและเกือบลืมโรคเอดส์ แต่โรคเอดส์ยังไม่ลืมเขา ในปี พ.ศ. 2531 นูเรเยฟขอเข้ารับการรักษาด้วยยาทดลองอีกชนิดหนึ่งคือ อะซิโดไธมิดีน (AZT) หมอเห็นด้วย

ในไม่ช้า Kanesi ก็พบกับนูเรเยฟ นักเต้นรับหมอของเขาในห้องพักของโรงแรม ซึ่งโต๊ะและเก้าอี้ทั้งหมดถูกทิ้งเกลื่อนไปด้วยห่อของอะซิโดไธมิดีน ไม่มีการพิมพ์ใด ๆ ... เป็นการแสดงให้เห็นถึงความประมาททางศิลปะความหวังสำหรับ "โอกาสของรัสเซีย" หรือไม่? หรือตอนนั้นรูดอล์ฟ นูเรเยฟรู้แน่ว่าเขาถึงวาระแล้ว และตัดสินใจอย่างใจเย็นที่อุทิศเวลาให้กับเขาไม่ใช่เตียงในโรงพยาบาลที่โศกเศร้า แต่เป็นศิลปะชั้นสูง? ค่อนข้างหลัง "มันสร้างความประทับใจ" ดร. คาเนซีเล่าในภายหลัง "ว่าเขาอยากตายบนเวที"

โรคนี้ก่อให้เกิดการโจมตีอย่างรุนแรงครั้งแรกต่อนูเรเยฟจากรอบมุม - ในปี 2532 หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐเรียกร้องการตรวจสุขภาพจากเขาอย่างเด็ดขาดและนูเรเยฟจำต้องเดินทางไปอเมริกาเพื่อเข้าร่วมในการผลิตบัลเล่ต์ "ราชาและ ฉัน". โรคนี้เริ่มรบกวนการทำงานและเห็นได้ชัดว่านักเต้นกลัวสิ่งนี้มากกว่าสิ่งใดในโลก

การสูญพันธุ์ทางกายภาพของศิลปินเริ่มขึ้นในฤดูร้อนปี 2534 ระยะสุดท้ายและน่ากลัวที่สุดของโรคมาในฤดูใบไม้ผลิ ปีหน้า. มันแย่มากในรัสเซียในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่เขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะยกเลิกการแสดงตามแผนในยัลตา

เมื่อกลับมาถึงฝรั่งเศส Nuriev เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ดูเหมือนว่าจุดจบกำลังจะมาถึง “ในตอนนั้นร่างกายของเขาแทบจะไม่เหลือชีวิตแล้ว” Michel Canesi เล่า สิ่งเดียวที่สนับสนุนเขาคือความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะไม่ตายก่อนที่ความฝันทั้งชีวิตของเขาจะเป็นจริง - การผลิต "โรมิโอและจูเลียต" และปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น: ในไม่ช้าเขาก็รับผิดชอบการซ้อม อนิจจาการให้อภัยนั้นมีอายุสั้นและในฤดูร้อนฉันต้องใช้เวลาพักร้อนและออกจากฝรั่งเศสเพื่อพักผ่อน

เช่นเดียวกับนโปเลียน Nuriev กลับไปปารีสในวันที่ 3 กันยายนเพื่อใช้ชีวิตร้อยวันสุดท้ายในเมืองนี้ เขาต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง “คราวนี้มันสุดแล้ว”? - เขาถามหมอตลอดเวลาและ ... วิ่งไปซ้อมอีกครั้ง

การล่มสลายตามมาในวันที่ 20 พฤศจิกายน ตามคำให้การของ Dr. Kanesi ซึ่งแยกกันไม่ออกบนเตียงของ Nureyev เขาเสียชีวิตอย่างเงียบ ๆ โดยปราศจากความทุกข์ทรมาน พระพักตร์สงบนิ่งและงดงามยิ่งนัก...