Andreas Vesalius มีส่วนร่วมในชีววิทยาและวิทยาศาสตร์ จากประวัติศาสตร์การแพทย์

นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้เป็นผู้ก่อตั้งการศึกษาเกี่ยวกับร่างกาย ร่างกายมนุษย์เรียกอย่างถูกต้องว่าบิดาแห่งกายวิภาคศาสตร์
ปู่ทวดของ Andreas Vesalius, Peter เป็นแพทย์ของจักรพรรดิ Maximilian และชอบหนังสือมาก เขาใช้ทรัพย์สมบัติส่วนหนึ่งไปกับการรวบรวมต้นฉบับทางการแพทย์ ประวัติศาสตร์ยังทิ้งความคิดเห็นไว้ในหนังสือ "Canon of Medicine" เล่มหนึ่งโดยนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่แห่ง East Avicenna ปู่ทวดของ Vesalius เป็นนักคณิตศาสตร์และแพทย์ในกรุงบรัสเซลส์ ปู่ของฉันยังเป็นหมอ พ่อของฉันเป็นเภสัชกร ดังนั้นจึงมีบางคนและบางสิ่งที่ต้องเรียนรู้

นักกายวิภาคศาสตร์ที่มีชื่อเสียงเกิดในกรุงบรัสเซลส์ในปี ค.ศ. 1514 ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาใช้ห้องสมุดมากมายซึ่งเป็นทรัพย์สินของญาติ ด้วยเหตุนี้ Andreas รุ่นเยาว์จึงรักการศึกษาด้านการแพทย์ Vesalius มีความสามารถในการเรียนรู้มาก
เขาได้รับการศึกษาที่ดี จบการศึกษาในกรุงบรัสเซลส์ แล้วลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยลูแวง

ความโน้มเอียงที่จะศึกษากายวิภาคศาสตร์ปรากฏค่อนข้างเร็ว เขาเปิดดูศพสัตว์เลี้ยงด้วยความกระตือรือร้น ศึกษาโครงสร้างของอวัยวะต่างๆ เพื่อนของพ่อซึ่งเป็นแพทย์ประจำศาล Nikolai Floren แนะนำให้ Vesalius เรียนที่ปารีส

ในปี ค.ศ. 1533 Andreas ไปเรียนแพทย์ที่ปารีส ที่นี่เป็นเวลาสี่ปีเขาศึกษากายวิภาคศาสตร์ภายใต้คำแนะนำของ Guido (Vidius) แพทย์ชาวอิตาลีที่มีชื่อเสียง Guido เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่เริ่มศึกษาเส้นเลือดใหญ่, เยื่อบุช่องท้องบนศพ, อธิบายภาคผนวก (ภาคผนวก)

เห็นได้ชัดว่าการศึกษากายวิภาคศาสตร์ดำเนินการเกี่ยวกับวัสดุซากศพ และนั่นคือปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้น คริสตจักรต่อต้านมันและสำหรับการกระทำเพื่อการกุศลเช่นนี้ใคร ๆ ก็สามารถถูกข่มเหงได้ ในช่วงกลางคืน Vesalius ได้ขโมยศพของอาชญากรที่ถูกแขวนคอเพื่อการศึกษา

Andres สามารถประกอบโครงกระดูกที่เชื่อมต่อกันชิ้นแรกของเขาได้อย่างยากลำบาก กับเพื่อนของฉัน (ต่อมา แพทย์ที่มีชื่อเสียง) Gemma Frisia ปีนขึ้นไปบนตะแลงแกงเอาศพของผู้ถูกประหารชีวิตออกแล้วซ่อนไว้ในพุ่มไม้ริมถนน ไม่ยากเลยส่งพวกเขากลับบ้าน ต่อจากนั้นจึงตัดเนื้อเยื่ออ่อนออกและนำกระดูกไปต้ม และทั้งหมดนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวังสูงสุดและเป็นความลับ

ในปี ค.ศ. 1538 Andreas Vesalius ได้เผยแพร่ตารางกายวิภาคที่เขาสร้างขึ้น ซึ่งเป็นภาพวาดหกภาพที่แกะสลักโดยศิลปิน Kalkar เพื่อนของเขา จากการศึกษาวรรณกรรมในอดีตนักวิทยาศาสตร์เชื่อมั่นว่าคำอธิบายของโครงสร้างของร่างกายมนุษย์นั้นพิจารณาจากประสบการณ์การเปิดร่างกายของสัตว์เป็นหลัก ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยวิธีนี้ข้อมูลที่ผิดพลาดถูกส่งมาจากศตวรรษสู่ศตวรรษ

Vesalius ศึกษากายวิภาคศาสตร์ในร่างกายมนุษย์เป็นเวลาสี่ปีได้เขียนผลงานอมตะของเขา "บนแรงเสียดทานของร่างกายมนุษย์" ในเจ็ดเล่ม งานนี้เสริมด้วยภาพประกอบจำนวนมาก อ้างถึง คำอธิบายโดยละเอียดร่างกายมนุษย์และข้อผิดพลาดมากมายของรุ่นก่อนถูกบันทึกไว้ ตัวอย่างเช่น เชื่อกันมานานหลายศตวรรษว่าชายคนหนึ่งมีกระดูกซี่โครงน้อยกว่าหนึ่งซี่ (แน่นอนว่าจากซี่โครงนั้นพระเจ้าทรงสร้างเอวา)

งานของ Vesalius เป็นรากฐานของกายวิภาคสมัยใหม่ Vesalius เคารพ Galen มาก เขาชื่นชมในความกว้างขวางของความคิดของเขา และพยายามชี้ให้เห็นถึง "ความไม่ถูกต้อง" เล็กๆ น้อยๆ ในการสอนของเขา แต่มีมากกว่าสองร้อยรายการดังกล่าว อันที่จริง นี่หมายถึงการหักล้างคำสอนหลักของกาเลน (ซึ่งเป็นคัมภีร์ของผู้รักษามาเกือบ 1,500 ปี!) Andreas อธิบายโครงสร้างของหัวใจและพิสูจน์ว่าไม่มีผนังกั้นระหว่างหัวใจห้องล่างซ้ายและขวาดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เป็นมูลค่าการจำได้ว่าในเวลานั้นยังไม่ทราบเกี่ยวกับวงจรการไหลเวียนโลหิต แล้วเลือดที่หัวใจสูบฉีดไปไหน? แม้จะไม่ทราบว่ามีหลอดเลือดขนาดเล็ก - เส้นเลือดฝอย แต่ก็สามารถคำนวณเชิงประจักษ์ได้อย่างหมดจด: หัวใจสูบฉีดเลือดประมาณ 6 ลิตรต่อนาที ร่างกายมีเลือดไม่เพียงพอ มันถูกนำมาจากที่ไหนเลยและหายไปที่ไหนเลย... Vesalius ไม่สามารถหาคำตอบสำหรับคำถามนี้ได้ สิ่งนี้ทำในภายหลังโดย William Harvey

หลังจากเผยแพร่ผลงานของ Vesalius พายุที่แท้จริงเริ่มขึ้นในทางวิทยาศาสตร์ แค่นึกภาพ (ตอนนี้ก็เหมือนกัน) คุณเป็นศาสตราจารย์หรือแม้แต่นักวิชาการ คุณตระหนักถึงสมมติฐานบางประเภทมาตลอดชีวิต ความคิดทางวิทยาศาสตร์. คุณกำลังอาศัยรากฐานบางอย่างที่สร้างโดยนักวิทยาศาสตร์ก่อนหน้าคุณ จากนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและพูดว่า: ทุกสิ่งที่คุณทำมาตลอดชีวิตคือไร้สาระ ครู Vesalius ซึ่งมีอำนาจของ Galen ยืนกรานเรียกนักวิทยาศาสตร์ว่า นอกจากนี้เขายังออกเอกสารเยาะเย้ย Vesalius ภายใต้เอกสารนี้ศัตรูทั้งหมดของ Andreas รวมตัวกัน
นักวิทยาศาสตร์ถูกกล่าวหาว่ามีทัศนคติที่ไม่สุภาพต่อคำสอนของฮิปโปเครติสและเลน คำสอนเหล่านี้ได้รับการยอมรับจากคริสตจักร (ความรู้ที่แท้จริงไม่อยู่ภายใต้การตรวจสอบ!)
การประหัตประหารทำให้ Vesalius หมดหวังที่จะหยุด งานวิจัยเผาต้นฉบับและวัสดุบางส่วนของเขา ... เขาไปทำสงครามในฐานะหัวหน้าศัลยแพทย์ทหารเพื่อให้บริการของ Charles V. หลังสงครามเขาเป็นแพทย์ที่เข้าร่วมของ Charles V จากนั้นจึงเปลี่ยนไปใช้บริการของลูกชายของเขา ฟิลิปที่ 2

การสืบสวนของสเปนเริ่มกลั่นแกล้ง Andreas โดยกล่าวหาว่านักวิทยาศาสตร์ฆาตกรรมโดยถูกกล่าวหาว่าในขณะที่ผ่าศพเขาแทงคนที่มีชีวิต เขาถูกตัดสินประหารชีวิต ในปี ค.ศ. 1563 สตรีผู้สูงศักดิ์ได้มอบศพของเธอเพื่อชันสูตรพลิกศพ พี่ชายของผู้เสียชีวิตมาร่วมชันสูตรพลิกศพ หลังจากที่นักกายวิภาคศาสตร์ตัดซี่โครงเพื่อดึงหัวใจออกมา หัวใจก็เริ่มเต้น (ตามที่พี่ชายของผู้เสียชีวิตกล่าวอ้าง) ไม่ว่าจะเป็นญาติที่ไม่เข้าใจอะไรในการแพทย์หรือไม่ว่าจะเป็นการใส่ร้ายโดยเจตนาก็ไม่มีใครรู้ พระเจ้าฟิลิปที่ 2 เข้าแทรกแซงชะตากรรมของเวซาลิอุส และการประหารชีวิตถูกแทนที่ด้วยการแสวงบุญไปยังปาเลสไตน์ กลับมาจากการเดินทางที่อันตราย เรือที่เขาแล่นมาอับปาง บิดาแห่งวิชากายวิภาคศาสตร์ถูกโยนทิ้งบนเกาะเล็กๆ แห่งซาคินทอส ซึ่งเขาล้มป่วยหนักและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2499 เมื่ออายุได้ 50 ปี ดวงวิญญาณของผู้ก่อตั้งวิชากายวิภาคศาสตร์ได้พำนักอยู่บนเกาะเล็กๆ

หากคุณพบข้อผิดพลาดในข้อความ โปรดแจ้งให้เราทราบ เน้นส่วนของข้อความแล้วคลิก Ctrl+Enter.

Andreas Vesalius เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1514 ปีในเมืองบรัสเซลส์ (สิบเจ็ดจังหวัด) กิจกรรมของ Vesalius เกิดขึ้นในหลาย ๆ แห่ง ประเทศในยุโรป. คนแรกเริ่มศึกษาร่างกายมนุษย์ผ่านการชันสูตรพลิกศพ ในงานหลัก "เกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์" ( 1543 ) Vesalius ให้ คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์โครงสร้างของอวัยวะและระบบทั้งหมดชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดมากมายของรุ่นก่อนของเขารวมถึง Galen ถูกข่มเหงโดยคริสตจักร

Andreas Vesalius ได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้องว่าเป็นผู้สร้างกายวิภาคศาสตร์สมัยใหม่และเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนกายวิภาคศาสตร์ เขายังประสบความสำเร็จในฐานะแพทย์

แพทย์ของ Andreas Vesalius เป็นปู่และปู่ทวดของเขาและพ่อของเขาทำหน้าที่เป็นเภสัชกรในราชสำนักของจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 ความสนใจของคนรอบข้างมีอิทธิพลต่อความสนใจและแรงบันดาลใจของ Vesalius รุ่นเยาว์อย่างไม่ต้องสงสัย Andreas เรียนครั้งแรกที่โรงเรียนจากนั้นที่มหาวิทยาลัย Louvain ซึ่งเขาได้รับการศึกษาที่หลากหลายศึกษาภาษากรีกและละตินขอบคุณที่เขาสามารถทำความคุ้นเคยกับผลงานของนักวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่แล้ว ปีแรก ๆ. เห็นได้ชัดว่าเขาอ่านหนังสือมากมายเกี่ยวกับการแพทย์โดยนักวิทยาศาสตร์ทั้งสมัยโบราณและร่วมสมัย เนื่องจากผลงานของเขากล่าวถึงความรู้เชิงลึก Vesalius รวบรวมโครงกระดูกมนุษย์ที่สมบูรณ์จากกระดูกของผู้ถูกประหารชีวิตอย่างอิสระ มันเป็นคู่มือกายวิภาคเล่มแรกในยุโรป

ทุก ๆ ปี ความสนใจอันแรงกล้าของ Vesalius ในการศึกษาการแพทย์ ในการศึกษาทางกายวิภาคนั้นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ในยามว่างจากการสอน เขาได้ชำแหละร่างกายของหนู แมว สุนัขที่บ้านอย่างละเอียด ศึกษาโครงสร้างร่างกายของพวกมัน

ด้วยความพยายามที่จะพัฒนาความรู้ด้านการแพทย์ โดยเฉพาะด้านกายวิภาคศาสตร์ Andreas Vesalius เมื่ออายุได้ 17 ปี ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมงเปอลิเยร์ และเพื่อ 1533 ปรากฏตัวครั้งแรกที่คณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยปารีสเพื่อฟังการบรรยายของ Sylvius นักกีฏวิทยาผู้มีชื่อเสียง Young Vesalius สามารถเข้าใกล้วิธีการสอนกายวิภาคศาสตร์ได้แล้ว

ในคำนำของบทความเกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ Andreas Vesalius เขียนว่า: "การศึกษาของฉันจะไม่มีทางนำไปสู่ความสำเร็จได้ หากระหว่างการทำงานทางการแพทย์ในปารีส ฉันไม่ได้ลงมือเองกับเรื่องนี้ ... และ ตัวฉันเองซึ่งค่อนข้างมีประสบการณ์ค่อนข้างซับซ้อนได้ทำการชันสูตรศพหนึ่งในสามต่อสาธารณะด้วยตัวเขาเอง

A. Vesalius ถามคำถามในการบรรยายที่เป็นพยานถึงความสงสัยของเขาเกี่ยวกับความถูกต้องของคำสอนของ Galen กาเลนเป็นผู้มีอำนาจที่เถียงไม่ได้ คำสอนของเขาควรได้รับการยอมรับโดยไม่มีข้อกังขา และเวซาลิอุสเชื่อในสายตาของเขามากกว่าผลงานของกาเลน

นักวิทยาศาสตร์ถือว่ากายวิภาคศาสตร์เป็นพื้นฐานของความรู้ทางการแพทย์อย่างถูกต้องและเป้าหมายในชีวิตของเขาคือความปรารถนาที่จะรื้อฟื้นประสบการณ์ในอดีตอันไกลโพ้นเพื่อพัฒนาและปรับปรุงวิธีการศึกษากายวิภาคของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม คริสตจักรซึ่งขัดขวางการพัฒนาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ได้ห้ามการชันสูตรศพมนุษย์ โดยพิจารณาว่าเป็นการดูหมิ่นศาสนา Andreas Vesalius นักกายวิภาคศาสตร์รุ่นเยาว์ต้องเอาชนะความยากลำบากมากมาย

เพื่อให้สามารถทำกายวิภาคศาสตร์ได้ เขาใช้ทุกโอกาส ถ้ามีเงินอยู่ในกระเป๋า เขาต่อรองกับคนเฝ้าสุสาน แล้วศพที่เหมาะสำหรับการชันสูตรพลิกศพก็ตกอยู่ในมือของเขา ถ้าไม่มีเงิน Vesalius ซ่อนตัวจากยามเปิดหลุมฝังศพเองโดยที่เขาไม่รู้ จะทำอะไรก็ต้องเสี่ยง!

Vesalius ศึกษากระดูกของโครงกระดูกมนุษย์และสัตว์เป็นอย่างดีจนสามารถเรียกชื่อกระดูกใดๆ ก็ได้ด้วยการสัมผัสโดยไม่ต้องมองดู

Andreas Vesalius ใช้เวลาสามปีที่มหาวิทยาลัย จากนั้นสถานการณ์ก็พัฒนาไปในทางที่เขาต้องออกจากปารีสและกลับไปที่ Louvain

Vesalius มีปัญหาที่นั่น เขานำศพของอาชญากรที่ถูกประหารชีวิตออกจากตะแลงแกงและทำการชันสูตรพลิกศพ นักบวช Louvain เรียกร้องให้มีการลงโทษอย่างเข้มงวดที่สุดสำหรับการดูหมิ่นดังกล่าว Vesalius ตระหนักว่าข้อพิพาทไม่มีประโยชน์ที่นี่ และคิดว่าเป็นการดีที่จะออกจาก Louvain และไปอิตาลี

หลังจากรับเข้ามา 1537 ในปีที่เขาได้รับปริญญาเอก Andreas Vesalius เริ่มสอนวิชากายวิภาคศาสตร์และการผ่าตัดที่มหาวิทยาลัยปาดัว รัฐบาลของสาธารณรัฐเวนิสสนับสนุนการพัฒนาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและพยายามขยายงานของนักวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้

ความสามารถอันยอดเยี่ยมของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ดึงดูดความสนใจ Vesalius อายุยี่สิบสองปีซึ่งได้รับตำแหน่ง Doctor of Medicine จากผลงานของเขาแล้วได้รับการแต่งตั้งให้ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์โดยมีหน้าที่สอนกายวิภาคศาสตร์

Andreas บรรยายด้วยแรงบันดาลใจซึ่งดึงดูดผู้ฟังจำนวนมากเสมอ ทำงานร่วมกับนักเรียน และที่สำคัญที่สุดคือยังคงค้นคว้าต่อไป และยิ่งศึกษาลึกลงไป โครงสร้างภายในสิ่งมีชีวิตยิ่งมีความเข้มแข็งมากขึ้นในความคิดที่ว่าในคำสอนของ Galen มีข้อผิดพลาดที่สำคัญมากซึ่งผู้ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของอำนาจของ Galen ก็ไม่ได้สังเกต

สี่ ปีที่ยาวนานเขาทำงานของเขา Vesalius ศึกษา แปล และตีพิมพ์ซ้ำผลงานของนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ในอดีต ซึ่งเป็นนักกายวิภาคศาสตร์รุ่นก่อนของเขา และในงานเขียนของพวกเขาเขาพบข้อผิดพลาดมากมาย Vesalius เขียน "แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" "ยึดติดกับการกำกับดูแลของคนอื่นอย่างเฉื่อยชาและสไตล์แปลก ๆ ในคู่มือที่ไม่เหมาะสมของพวกเขา" นักวิทยาศาสตร์เริ่มเชื่อถือหนังสือที่แท้จริงที่สุด - หนังสือของร่างกายมนุษย์ซึ่งไม่มีข้อผิดพลาด ในตอนกลางคืน Andreas Vesalius ชำแหละศพด้วยแสงเทียน เขาตั้งเป้าหมายในการแก้ไขภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการอธิบายตำแหน่ง รูปร่าง และหน้าที่ของอวัยวะในร่างกายมนุษย์อย่างถูกต้อง

ผลลัพธ์ของความกระตือรือร้นและการทำงานอย่างหนักของนักวิทยาศาสตร์คือบทความที่มีชื่อเสียงในหนังสือเจ็ดเล่มซึ่งปรากฏใน 1543 ปีและหัวข้อ "เกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์" มันเป็นงานทางวิทยาศาสตร์ขนาดมหึมาซึ่งมีการนำเสนอมุมมองทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ แทนที่จะเป็นความเชื่อที่ล้าสมัย มันสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา

การพิมพ์พัฒนาอย่างรวดเร็วในเวนิสและบาเซิล ซึ่ง Andreas Vesalius พิมพ์งานของเขา หนังสือของเขาตกแต่งด้วยภาพวาดที่สวยงามโดยศิลปิน Stefan Kalkar ลูกศิษย์ของ Titian โครงกระดูกที่ปรากฎในภาพวาดมีลักษณะเฉพาะคือลักษณะท่าทางของคนที่มีชีวิตและภูมิทัศน์โดยรอบโครงกระดูกบางส่วนพูดถึงชีวิตมากกว่าเกี่ยวกับ ความตาย.

งานทั้งหมดของ Vesalius นี้มีไว้เพื่อประโยชน์ของคนที่มีชีวิต การศึกษาร่างกายของเขาเพื่อรักษาสุขภาพและชีวิตของเขา แต่ละ ตัวพิมพ์ใหญ่ในตำราตกแต่งด้วยภาพวาดเด็กเรียนกายวิภาคศาสตร์ ดังนั้นในสมัยโบราณจึงมีการสอนศิลปะกายวิภาคศาสตร์ตั้งแต่วัยเด็ก ความรู้ถูกส่งต่อจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก งดงาม องค์ประกอบทางศิลปะส่วนหน้าของหนังสือเล่มนี้แสดงให้เห็น Andreas Vesalius ระหว่างการบรรยายในที่สาธารณะและการชันสูตรพลิกศพของชายคนหนึ่ง

ผลงานของ Vesalius ทำให้นักวิทยาศาสตร์ตื่นเต้น ความกล้าหาญของความคิดทางวิทยาศาสตร์ของเขานั้นผิดปกติมาก เขามีศัตรูมากมายพร้อมกับผู้ติดตามที่ชื่นชมการค้นพบของเขา นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ประสบกับความเศร้าโศกและความผิดหวังอย่างมากเมื่อแม้แต่ลูกศิษย์ของเขาก็ทิ้งเขาไป Silvius ที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นอาจารย์ของ Vesalius เรียก Vesalius ว่า "Vesanus" ซึ่งแปลว่าวิกลจริต เขาโจมตีเขาด้วยจุลสารในบัดดลซึ่งเขาเรียกว่า

เขาไม่รังเกียจที่จะหันไปหาจักรพรรดิเองพร้อมกับเรียกร้องให้ลงโทษ Vesalius อย่างหยาบ: "ฉันขอวิงวอนต่อกษัตริย์ของซีซาร์" ศาสตราจารย์จาค็อบซิลเวียสเขียน "ดังนั้นเขาจึงเฆี่ยนตีอย่างรุนแรงและควบคุมสัตว์ประหลาดตัวนี้ด้วยความเขลาความอกตัญญูความเย่อหยิ่ง ตัวอย่างที่เลวร้ายของความชั่วร้ายเกิดและเติบโตในบ้านของเขาตามที่สัตว์ประหลาดตัวนี้สมควรได้รับ เพื่อว่าด้วยลมหายใจแห่งโรคระบาดมันไม่เป็นพิษต่อยุโรป

Andreas Vesalius คาดการณ์ล่วงหน้าว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรหลังจากการตีพิมพ์บทความของเขาเกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ ก่อนหน้านี้เขาเขียนว่า: "... งานของฉันจะถูกโจมตีโดยผู้ที่ไม่ได้ใช้กายวิภาคศาสตร์อย่างกระตือรือร้นเหมือนที่เกิดขึ้นในโรงเรียนอิตาลีและตอนนี้ในวัยชรากำลังอิจฉาในการเปิดเผยที่ถูกต้อง ของชายหนุ่ม”

แพทย์ที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่เข้าข้างซิลวิอุสจริงๆ พวกเขาเข้าร่วมกับข้อเรียกร้องของเขาเพื่อควบคุมและลงโทษ Andreas Vesalius ผู้ซึ่งกล้าวิจารณ์ Galen ผู้ยิ่งใหญ่ นั่นคือความแข็งแกร่งของผู้มีอำนาจที่ได้รับการยอมรับ นั่นเป็นรากฐาน ชีวิตสาธารณะในช่วงเวลานั้น เมื่อนวัตกรรมใด ๆ ก่อให้เกิดความระแวดระวัง คำพูดที่กล้าหาญใด ๆ ที่นอกเหนือไปจากหลักการที่บัญญัติไว้ถือเป็นการคิดอย่างอิสระ สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากการผูกขาดทางอุดมการณ์ของคริสตจักรที่มีอายุหลายศตวรรษซึ่งกำหนดความแข็งแกร่งและกิจวัตรประจำวัน

หลังจากเปิดศพหลายสิบศพโดยศึกษาโครงกระดูกมนุษย์อย่างละเอียด Vesalius ก็สรุปได้ว่าความคิดเห็นที่ว่าผู้ชายมีซี่โครงน้อยกว่าผู้หญิงหนึ่งซี่นั้นผิดอย่างสิ้นเชิง แต่ความเชื่อดังกล่าวไปไกลกว่าวิทยาศาสตร์การแพทย์ มันส่งผลกระทบต่อหลักคำสอนของคริสตจักร

Vesalius ไม่ได้คำนึงถึงคำพูดอื่นของคริสตจักร ในสมัยของเขาความเชื่อนั้นยังคงอยู่ในโครงกระดูกมนุษย์มีกระดูกที่ไม่ไหม้ไฟไม่สามารถทำลายได้ สันนิษฐานว่ามีพลังลึกลับด้วยความช่วยเหลือซึ่งบุคคลจะฟื้นคืนชีพในวันพิพากษาครั้งสุดท้ายเพื่อที่จะปรากฏตัวต่อพระพักตร์พระเจ้า และแม้ว่าจะไม่มีใครเห็นกระดูกนี้ แต่ก็มีการอธิบายไว้ใน เอกสารทางวิทยาศาสตร์การมีอยู่ของมันไม่ต้องสงสัยเลย Vesalius ผู้อธิบายโครงสร้างของร่างกายมนุษย์กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าในขณะที่ตรวจสอบโครงกระดูกมนุษย์ เขาไม่พบกระดูกลึกลับ

Andreas Vesalius ตระหนักถึงผลที่ตามมาจากการกล่าวสุนทรพจน์ต่อต้าน Galen เขาเข้าใจว่าเขาต่อต้านความคิดเห็นที่แพร่หลายและขัดต่อผลประโยชน์ของคริสตจักร และวิธีที่พวกเขาจัดการกับพวกนอกรีตที่อวดดีเช่นนี้ เขารู้ดี นักวิทยาศาสตร์ยังคงสอนที่มหาวิทยาลัยปาดัว แต่บรรยากาศรอบตัวเขาร้อนขึ้นทุกวัน มันเป็นเรื่องขมขื่นสำหรับเขาที่จะแยกทางกับปาดัวกับมหาวิทยาลัย เพื่อขัดขวางการทำงานและการวิจัยของเขา แต่เขาไม่เห็นวิธีอื่น

ในเวลานี้เขาได้รับคำเชิญจากจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 แห่งสเปนให้เข้ารับตำแหน่งแพทย์ประจำศาล ศาลของจักรพรรดิในเวลานั้นในกรุงบรัสเซลส์ พ่อของ Vesalius ยังคงรับใช้ Charles และศาสตราจารย์หนุ่มก็ยอมรับข้อเสนอของจักรพรรดิ แน่นอนว่าในกรุงบรัสเซลส์ เขาจะไม่มีภาควิชา เขาจะไม่สามารถเรียนกับนักเรียนได้ แต่ในทางกลับกัน ราชสำนักจะทำหน้าที่เป็นที่พักพิงที่เชื่อถือได้สำหรับเขาจากการประหัตประหารของคริสตจักร ทำให้เสียโอกาสในการศึกษากายวิภาคศาสตร์ ดังนั้นตำแหน่งแพทย์ประจำศาลแม้ว่าจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของ Vesalius แต่ก็มีข้อได้เปรียบ

และยังเป็นการยากที่จะหาตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมสำหรับ Vesalius เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์นักวิจัย ตอนนี้เขาต้องเรียนรู้หลักการที่ห่างไกลจากวิทยาศาสตร์มาก ความสามารถในการทำให้ผู้ป่วยที่มีเกียรติของเขาพอใจ เข้าใจความคิดของพวกเขา และเข้าร่วมในพิธีศาลทั้งหมด

แต่แม้ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ เขาไม่หยุดงานที่เขาทุ่มเททั้งชีวิต ทั้งหมด เวลาว่าง Andreas Vesalius ให้บทความ "เกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์" เขาทำการแก้ไข เพิ่มเติม ชี้แจงสิ่งที่ดูเหมือนไม่เชื่อทั้งหมดสำหรับเขา เขามีส่วนร่วมในกายวิภาคศาสตร์โดยใช้ทุกโอกาส แต่ความคิดที่ว่าเขาหย่าขาดจาก ศูนย์วิทยาศาสตร์, อะไร กิจกรรมการวิจัยกลายเป็นเรื่องข้างเคียงสำหรับเขา Vesalius ถูกกดขี่

เขาใฝ่ฝันที่จะกลับไปที่แผนกวิทยาศาสตร์อีกครั้ง แต่ในความเป็นจริง Vesalius ไม่สามารถแม้แต่จะคิดถึงการออกจากบรัสเซลส์และย้ายไปที่อื่นที่เขาสามารถทำงานที่เขาชอบได้ ทันทีที่เขาออกจากราชสำนัก การสืบสวนจะแสดงความสนใจในตัวเขาอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขา Vesalius จึงเชื่อมั่นในตัวเองว่าเขาต้องทำใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

A. Vesalius จัดพิมพ์บทความของเขาเรื่อง "เกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์" ด้วยการพิมพ์ครั้งที่สอง มันเป็นเพียงช่วงเวลาแห่งความสุขสั้นๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปเช่นเดิม วันเวลาอันน่าเบื่อหน่ายลากยาวต่อเนื่อง

แต่แล้วก็ถึงจุดสิ้นสุดของการอยู่ที่ราชสำนักของเวซาลิอุส ผู้มีพระคุณชาร์ลส์ที่ 5 สละราชสมบัติ ออกบวชเป็นพระอารามหลวงและสิ้นพระชนม์ในไม่ช้า ฟิลิปที่ 2 พระอาการประชวรและ คนชั่ว. เขาไม่ชอบ Vesalius และแสดงความไม่ชอบเขาอย่างเปิดเผย ความอิจฉาริษยาและศัตรูจำนวนมากของแพทย์ประจำศาลรีบใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ ทัศนคติของจักรพรรดิองค์ใหม่ที่มีต่อ Vesalius แย่ลงกว่าเดิม Vesalius รู้สึกว่าเขาต้องออกจากบรัสเซลส์โดยเร็วที่สุด เขาพยายามหลบหนีจากอำนาจของจักรพรรดิองค์ใหม่โดยขอให้ปล่อยตัวไปยังอิตาลี แต่ฟิลิปผู้ดื้อรั้นคัดค้านสิ่งนี้อย่างเด็ดขาด

ภายใต้ฟิลิป ข้อห้ามอย่างเข้มงวดของคริสตจักรในการผ่าศพได้สัมผัสกับเวซาลิอุสอีกครั้ง การทำลายพวกเขาหมายถึงการเข้าสู่ความขัดแย้งอย่างเปิดเผยกับคริสตจักร Vesalius เขียนอย่างขมขื่นเกี่ยวกับเวลานี้ - "ฉันไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสกะโหลกศีรษะที่แห้งด้วยมือของฉันและยิ่งฉันมีโอกาสชันสูตรศพน้อยลงเท่านั้น"

แต่ไม่ว่า Andreas Vesalius จะพยายามแค่ไหนที่จะไม่ให้เหตุผลแก่คริสตจักรสำหรับข้อกล่าวหาใด ๆ มันก็เกินกำลังของเขา กระแสใส่ร้ายเทลงบน Vesalius อีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น เขาถูกกล่าวหาอย่างไม่ถูกต้องว่าชำแหละคนที่มีชีวิต

Vesalius พยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา แต่ทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์ เขาต้องเชื่อฟัง คำตัดสินของคริสตจักรนั้นเด็ดขาด: แพทย์ประจำศาล Andreas Vesalius ต้องไป "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์" ไปยังสุสานศักดิ์สิทธิ์เพื่อชดใช้บาปของเขา...

ใน 1564 Vesalius ออกจาก Madrid กับภรรยาและลูกสาวของเขา ทิ้งครอบครัวไว้ที่กรุงบรัสเซลส์ แล้วเดินทางไกลเพียงลำพัง ระหว่างทางไปกรุงเยรูซาเล็ม นักวิทยาศาสตร์แวะที่เมืองเวนิสที่เขารัก ซึ่งเขาใช้เวลา ปีที่ดีที่สุดชีวิตที่สร้างสรรค์ของคุณ

Vesalius ไม่ได้ละทิ้งความคิดที่จะกลับไปหาวิทยาศาสตร์ที่เธอโปรดปราน มีข้อสันนิษฐานว่าวุฒิสภาเวนิสเชิญให้เขากลับมานั่งเก้าอี้ที่มหาวิทยาลัยปาดัวอีกครั้ง แต่ความฝันของนักวิทยาศาสตร์ที่จะกลับไปสู่วิทยาศาสตร์ไม่เป็นจริง

งานเขียนของ Andreas Vesalius ก่อให้เกิดการโจมตีอย่างดุเดือดจากแพทย์ผู้คลุมเครือ ซึ่ง Vesalius ปกป้องตัวเองด้วยงานเขียนเชิงโต้แย้งหลายครั้ง กับ 1544 ก่อนคริสต์ศักราช ในฐานะแพทย์ประจำพระองค์ของจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 แอนเดรียสติดตามพระองค์ตลอดการเดินทาง แต่ภายใต้พระโอรส ฟิลิปที่ 2 การสืบสวนของสเปนสามารถยึดศัตรูที่รอคอยมานานได้ Andreas Vesalius ถูกกล่าวหาว่าในระหว่างการชันสูตรพลิกศพ หัวใจของผู้ตายมีสัญญาณของการมีชีวิต Andreas Vesalius ถูกตัดสินประหารชีวิต ต้องขอบคุณการขอร้องของฟิลิปที่ 2 เท่านั้น โทษประหารชีวิตจึงถูกแทนที่ด้วยการแสวงบุญไปยังสุสานศักดิ์สิทธิ์

ระหว่างทางกลับพายุได้พัดพานักวิทยาศาสตร์ผู้โชคร้ายไปยังเกาะ Zante (สาธารณรัฐเวนิส) ซึ่ง Andreas Vesalius เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1564 ของปี.

Andreas Vesalius (Andreas Vesalius, 1514 - 1564) - แพทย์ที่มีชื่อเสียงในยุคกลางซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกายวิภาคศาสตร์ได้เข้าสู่ประวัติศาสตร์ของเวชศาสตร์การดูแลที่สำคัญในฐานะผู้เขียนคำอธิบายที่เป็นลายลักษณ์อักษรฉบับแรกเกี่ยวกับการผ่าตัด tracheostomy ที่ดำเนินการโดยเขาใน การทดลองกับสัตว์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการช่วยหายใจของปอด (พ.ศ. 2086)

ประวัติของการผ่าตัดเปิดท่อช่วยหายใจและการใส่ท่อช่วยหายใจนั้นน่าสนใจมากและค่อนข้างมีเอกลักษณ์ เพราะในช่วงเวลาสี่พันปี (ประมาณตั้งแต่ 2,000 ปีก่อนคริสตกาลถึงศตวรรษที่ 20) วิธีการเหล่านี้ถูกค้นพบอีกครั้ง แล้วก็หายไปอีกครั้งในการลืมเลือน ในขั้นต้นพวกเขาเป็นเพียงวิธีการช่วยชีวิตและจากนั้นพวกเขาก็เริ่มใช้เป็นแผนการที่วางแผนไว้ในระหว่างการช่วยหายใจด้วยปอดเทียม (ALV)

เห็นได้ชัดว่านักประวัติศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการเจาะท่อช่วยหายใจและการใส่ท่อช่วยหายใจจะไม่มีทางทำงานที่พวกเขาชื่นชอบให้สำเร็จได้ - วางทุกอย่างไว้บนชั้นวางอย่างระมัดระวังและแจกจ่ายลำดับความสำคัญระหว่างนักวิจัยตามบุญใน การค้นพบทางวิทยาศาสตร์วิธีการเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการเปลี่ยน tracheostomy จากขั้นตอนการช่วยชีวิตเพียงอย่างเดียวไปสู่การจัดการที่วางแผนไว้ Andreas Vesalius ก็เป็นหนึ่งในผู้แข่งขันหลักสำหรับรางวัลเหล่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย หากไม่ใช่ผู้บุกเบิก

tracheostomies แรกหายไปในส่วนลึกของพันปี หนึ่งในคำอธิบายแรกสุดของการผ่าตัดเปิดหลอดลมพบได้ใน Rig Veda ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณ หนังสืออินเดียลักษณะที่ปรากฏย้อนหลังไปถึงประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดที่กล่าวถึงในหนังสือ ซึ่งชวนให้นึกถึงเทคนิคของ tracheostomy ตามคัมภีร์พระเวท ได้ดำเนินการย้อนกลับไปในยุคสำริด! ห้าศตวรรษต่อมาในอียิปต์ ใน Edwin Smith Papyrus มีการกล่าวถึงวิธีการช่วยชีวิตที่คล้ายกับ tracheostomy ผู้เขียนต้นปาปิรุสนี้คืออิมโฮเทป นักวิชาการชาวอียิปต์โบราณที่มีชื่อเสียง สถาปนิก แพทย์ เทวดาที่มีชีวิตอยู่ในรัชสมัยของฟาโรห์ ราชวงศ์ที่สาม Djoser (ค. 2780–2760 ปีก่อนคริสตกาล) น่าจะเป็น Imhotep ผู้ก่อตั้งโรงเรียนแพทย์ในเมมฟิส และตลอดสองพันปีก่อนการเกิดของฮิปโปเครติสผู้ก่อตั้งการแพทย์แผนตะวันตก! ต่อมาอิมโฮเทปได้ทำหน้าที่เป็นต้นแบบให้กับ พระเจ้ากรีกยาของ Asclepius

การกล่าวถึงการใช้ tracheostomy ต่อไปสำหรับภาวะขาดอากาศหายใจเกี่ยวข้องกับชื่อ Asclepiades (128-56 ปีก่อนคริสตกาล) Asklepiades - แพทย์โรมันโบราณ, กรีกโดยกำเนิด, ผู้ก่อตั้ง โรงเรียนระเบียบและระบบการแพทย์ตามปรมาณูของ Epicurus เขาแนะนำวิธีการรักษาแบบธรรมชาติที่เรียบง่าย ("รักษาอย่างมั่นใจ รวดเร็ว และเป็นสุข") ในงานส่วนใหญ่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การแพทย์ มีการระบุว่า Asklepiades เป็นผู้แนะนำการผ่าตัดเปิดหลอดลมเข้าสู่การแพทย์ อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงอื่น ๆ อีกมากมายเป็นที่ทราบกันดีในประวัติศาสตร์ ตัวอย่างที่รู้จักกันดีคือเมื่ออเล็กซานเดอร์มหาราช (356-323 ปีก่อนคริสตกาล) ใช้ดาบฟันหลอดลมของทหารที่สำลักกระดูกช่วยให้เขารอดพ้นจากภาวะขาดอากาศหายใจ ทัลมุด เป็นชุดกฎหมาย ศาสนา และจริยธรรมของศาสนายูดายหลายเล่ม รวมทั้งการอภิปรายที่ดำเนินการมาประมาณแปดศตวรรษ (ตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราชถึงศตวรรษที่ 6) โดยอาจารย์ของเอเรตซ์-อิสราเอลและบาบิโลน มีคำอธิบายประกอบ กรณีการนำไม้เท้าผ่านหลอดลมเพื่อใช้เครื่องช่วยหายใจในเด็กแรกเกิด การดำเนินการที่คล้ายกันนี้ได้รับการบันทึกไว้โดย Hippocrates (ประมาณ 460 - ประมาณ 377 ปีก่อนคริสตกาล) และ Claudius Galen (129 - ประมาณ 200) จากข้อเท็จจริงเหล่านี้ เราอาจกล้าเสนอว่าเมื่อประมาณ 100 ปีก่อนยุคของเรา

ในศตวรรษต่อมา แทบไม่มีข้อบ่งชี้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการวิจัยในสาขาทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม การอ้างอิงที่หาได้ยากในศตวรรษที่ 13 เรียก tracheostomy ว่า "กึ่งฆาตกรรมและเรื่องอื้อฉาวของการผ่าตัด" ทัศนคติต่อการดำเนินการนี้อธิบายได้อย่างชัดเจนถึงการปฏิเสธการใช้งานในยุคกลาง

จนกระทั่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ tracheostomy ปรากฏขึ้นอีกครั้งในฐานะขั้นตอนทางการแพทย์ที่สำคัญ หากเราหันไปหาแหล่งที่มาที่เป็นลายลักษณ์อักษรของยุคนี้ อันที่จริงแล้วมีการอธิบายถึงการเจาะคอด้วยเครื่องช่วยหายใจเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1543 โดย Andreas Vesalius วัย 28 ปี ในงาน 7 เล่มเรื่อง On the Structure of the Human Body ซึ่งเป็นงานแปลภาษารัสเซีย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2,000 หน้า

หนึ่งในบุคคลสำคัญของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติคือนักกายวิภาคศาสตร์และแพทย์ชาวเฟลมิช Andreas Vesalius (1514-1564) กายวิภาคศาสตร์เริ่มต้นด้วยเขา

กล้ามเนื้อชาย, มุมมองด้านหน้า, ค.54.ก.12, หน้า 181 http://www.bl.uk/learning/images/bodies/large1695.html

กล้ามเนื้อของผู้ชาย เมื่อมองจากด้านหลัง, c.54.k.12, pg.197 http://www.bl.uk/learning/images/bodies/large1697.html

กายวิภาคของขากรรไกร, c.54.k.12, pg.36 http://www.bl.uk/learning/images/bodies/large1693.html

สมอง ค.54.ก.12 หน้า 606 http://www.bl.uk/learning/images/bodies/large1699.html

หน้า 405. wikimedia.org

หน้า 605 wikimedia.org

หน้า 609 wikimedia.org

wikimedia.org

หน้า 163 wikimedia.org

หน้า 165 wikimedia.org

หน้า 174 wikimedia.org

หน้า 178 wikimedia.org

หน้า 184 wikimedia.org

หน้า 187 wikimedia.org

หน้า 192 wikimedia.org

หน้า 194 wikimedia.org

หน้า 200 wikimedia.org

หน้า 206 wikimedia.org

หน้า 208 wikimedia.org

หน้า 295 wikimedia.org

หน้า 313-314. wikimedia.org

หน้า 332 wikimedia.org

หน้า 372 wikimedia.org

wikimedia.org

ด้วยการปฏิเสธอำนาจของ Galen เช่นเดียวกับการต่อสู้กับคริสตจักรซึ่งห้ามกายวิภาคศาสตร์ Vesalius ได้รับศัตรูมากมาย ฝ่ายตรงข้ามของเขาซึ่งยึดมั่นในประเพณีการแพทย์เชิงวิชาการในยุคกลางประสบความสำเร็จในการขับไล่นักวิทยาศาสตร์ออกจากปาดัว

ด้วยความสิ้นหวัง Vesalius ได้เผาต้นฉบับและวัสดุบางส่วนของเขา ในปี ค.ศ. 1544 เขายอมรับข้อเสนอที่จะเป็นแพทย์ประจำราชสำนักของจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ในปี ค.ศ. 1555 มีการตีพิมพ์ On the Structure of the Human Body ฉบับที่สอง

P หลังจากสละสิทธิ์ Charles V จากบัลลังก์ Vesalius เข้ารับใช้ Philip II ลูกชายของเขากษัตริย์แห่งสเปน ฟิลิปไม่ชอบเวซาเลียสซึ่งแตกต่างจากชาร์ลส์ ภายใต้ฟิลิป นักวิทยาศาสตร์ถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ ว่าชำแหละบุคคลที่มีชีวิตซึ่งอยู่ในนั้น ความง่วง. การสืบสวนของสเปนตัดสินประหารชีวิต Vesalius อย่างไรก็ตาม ด้วยการขอร้องของฟิลิปที่ 2 โทษประหารชีวิตจึงถูกแทนที่ด้วยการแสวงบุญไปยังกรุงเยรูซาเล็ม Vesalius เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับจากกรุงเยรูซาเล็มเมื่ออายุได้ 50 ปี ด้วยอาการป่วยจากเหตุเรืออับปางบนเกาะ Zante

ส่วนหน้าของฉบับปี 1642:
เวซาลิอุส, อันเดรียส. Librorum Andreae Vesalii Bruxellensis ตัวอย่างที่ดีของ Humani corporis fabrica/ ลบคำอธิบายประกอบ Nicolai Fontani Amstelredamensis - อัมสเตโลดามี : อาพุด อิโอแอนเนม อิสโซเนียม, 1642.
หนังสือสูง37ซม.

Andrew Vesalius - ผู้ก่อตั้ง กายวิภาคศาสตร์. หนังสือที่โดดเด่นของเขาคือ De humini corporus fabrica ซึ่งเขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1543 เป็นหนังสือเกี่ยวกับกายวิภาคของร่างกายมนุษย์ที่มีภาพประกอบครบถ้วนเล่มแรก มันขึ้นอยู่กับการสังเกตของนักวิทยาศาสตร์ที่เขาสร้างขึ้นระหว่างการชันสูตรศพและหักล้างความเข้าใจผิดในความรู้ด้านนี้เป็นเวลาหลายพันปี Andrew Vesalius - นักวิทยาศาสตร์ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านกายวิภาคศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยปาดัวและเป็นแพทย์ของจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

Andrei Vesalius: ชีวประวัติสั้น ๆ

Vesalius เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1514 ในกรุงบรัสเซลส์ ในเวลานั้นเมืองนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของเบลเยียม Andrei เป็นหนึ่งในลูกสี่คน - เขามีพี่ชายสองคนและน้องสาวหนึ่งคน พ่อของเขา Anders van Wezele ทำหน้าที่เป็นเภสัชกรประจำศาลให้กับ Margaret of Austria Isabelle Crabbe ผู้เป็นแม่ เลี้ยงลูกในบ้านเศรษฐีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อันน่านับถือใกล้กับพระราชวัง Cowdenberg ซึ่งพ่อของเด็กชายทำงานอยู่

Vesalius ไปโรงเรียนตอนอายุหกขวบ มันอาจจะเป็น สถาบันการศึกษาภราดรภาพคาทอลิกในกรุงบรัสเซลส์ เขาเชี่ยวชาญเลขคณิต ภาษาละติน และภาษาอื่นๆ เป็นเวลา 9 ปี และยังศึกษาหลักการของศาสนาคาทอลิกอย่างถี่ถ้วนอีกด้วย พ่อของเขาขาดงานบ่อย และเด็กชายซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแม่ของเขาให้เดินตามรอยเท้าของพ่อ เขาใช้ประโยชน์จากห้องสมุดที่มีหนังสือมากมายของครอบครัวอย่างเต็มที่

วิทยาลัย

ตอนอายุ 15 ปี Andrei Vesalius เข้ามหาวิทยาลัย Louvain ตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงบรัสเซลส์ 30 กม. มันเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจของครอบครัว: พ่อของเขาถูกห้ามไม่ให้รับ อุดมศึกษาเพราะเขาเกิดนอกสมรส ตามธรรมเนียมแล้ว Vesalius ศึกษาศิลปะและภาษาละติน เขายังเชี่ยวชาญภาษาฮิบรูและกรีกอีกด้วย หลังจากได้รับปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิตในปี ค.ศ. 1532 เขาก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยปารีส

โรงเรียนแพทย์ปารีส

Andrew Vesalius เริ่มการศึกษาด้านการแพทย์ในปี 1533 ขณะอายุ 19 ปี นักเรียนที่มีความสามารถได้รับอิทธิพลอย่างมากจากผลงานของแพทย์ชาวกรีกโบราณ Claudius Galen ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อ 1,300 ปีก่อนที่เขาจะพบพวกเขา คำสอนเหล่านี้ถือเป็นความจริงที่สมบูรณ์และไร้ที่ติ การสังเกตทางกายวิภาคส่วนใหญ่ของ Galen เกิดขึ้นระหว่างการชันสูตรพลิกศพของสัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไพรเมต เนื่องจากในยุคนั้นห้ามมิให้ชำแหละคน

Andrei Vesalius ในฐานะนักกายวิภาคศาสตร์ เป็นหนี้บุญคุณ Johann Guinter von Andernach ครูสอนกายวิภาคศาสตร์เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผู้แปลตำราภาษากรีกโบราณของ Galen เป็นภาษาละติน เขาเชื่อเช่นเดียวกับแพทย์ชาวกรีกโบราณ ประสบการณ์ส่วนตัวและการสังเกต วิธีที่ดีที่สุดได้รับความรู้ทางกายวิภาค การชันสูตรพลิกศพมนุษย์ส่วนใหญ่ในเวลานั้นดำเนินการเพื่อให้นักศึกษามั่นใจว่าทุกสิ่งที่เขียนโดย Galen และ Hippocrates เป็นความจริงเท่านั้น

ในระหว่างการสาธิตทั่วไป คนขายเนื้อหรือศัลยแพทย์จะทำแผลที่จำเป็น ในขณะที่ครูซึ่งนั่งสูงกว่าร่างกายจะอ่านออกเสียงข้อความที่เกี่ยวข้องจากงานเขียนโบราณ ผู้ช่วยช่วยนักเรียนโดยชี้ไปที่อวัยวะที่อภิปราย เนื่องจากตำราโบราณไม่สามารถมีข้อผิดพลาดได้ นักเรียนจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ถามคำถามหรืออภิปรายเกี่ยวกับการผ่า ตามกฎแล้วข้อพิพาททางวิชาการเกี่ยวข้องกับความถูกต้องของการแปลงานโบราณไม่ใช่กายวิภาคศาสตร์

Guinter von Andernach เป็นครูประเภทที่หายากในสมัยนั้น เขาอนุญาตให้นักเรียนของเขาชำแหละตัวเอง แม้ว่าการปฏิบัตินี้จะถูกประณามจากมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ ตามกฎแล้ว การชันสูตรพลิกศพของอาชญากรที่ถูกประหารชีวิตถูกดำเนินการ และถือว่าเป็นเรื่องอัปยศสำหรับคนที่มีการศึกษาในการจัดการกับตัวอย่างที่น่ารังเกียจเหล่านี้

พรสวรรค์ของ Vesalius สร้างความประทับใจแก่ Guinter อย่างมากถึงขนาดขอให้เขาช่วยทำหนังสือ Institutiones anatomicae เกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์แบบกาเลนิก งานนี้ตีพิมพ์ในปี 1536 ในนั้น Guinter ได้กล่าวชื่นชมนักเรียนวัย 21 ปีของเขาว่า "ชายหนุ่มผู้มีแนวโน้มดีคนนี้มีความรู้ด้านการแพทย์อย่างโดดเด่น พูดภาษาละตินและกรีกได้อย่างคล่องแคล่ว และมีประสบการณ์อย่างมากในด้านกายวิภาคศาสตร์"

โรงเรียนแพทย์ Louvain

แอนดรูว์ เวซาลิอุสถูกบังคับให้ออกจากปารีสในปี ค.ศ. 1536 เมื่อเกิดสงครามระหว่างฝรั่งเศสและจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสำเร็จการศึกษาด้านการแพทย์ เขากลับไปที่มหาวิทยาลัยลูแวง ความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาคของเขาได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้า Vesalius ได้รับมอบหมายให้สังเกตและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพของขุนนางหญิงอายุ 18 ปีที่เสียชีวิตกะทันหัน กายวิภาคของหญิงสาวในเวลานั้นเป็นสิ่งที่หายาก Vesalius โกรธเคืองที่ศัลยแพทย์ไม่มีประสบการณ์และเข้ารับการชันสูตรพลิกศพ

แม้จะตระหนักดีถึงประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นของเขา แต่เขาก็ยังไม่พอใจกับความรู้เรื่องกายวิภาคของมนุษย์ Vesalius ตระหนักว่าตำราไม่สามารถสอนอะไรเขาได้อีกแล้ว ตอนนี้ Andrei ต้องทำลายอุปสรรคความรู้ที่สร้างขึ้นโดยอาจารย์แพทย์เก่าที่มีความสุขในการบูชา Galen และ Hippocrates สำหรับการวิจัย เขาต้องการร่างกายของมนุษย์

หลังจากกลับมาที่ Louvain ได้ไม่นาน แอนดรูว์ เวซาลิอุสและเพื่อนของเขาก็พบศพของอาชญากรที่ถูกประหารชีวิตซึ่งเกือบสมบูรณ์ถูกทิ้งไว้ใต้ ท้องฟ้าเปิด. โอกาสที่นำเสนอนั้นดีเกินกว่าจะปล่อยผ่านไป ในคืนนั้น Vesalius ได้ขโมยศพไป ลักพาตัวไป แล้วชำแหละเป็นโครงกระดูก ซึ่งเขาใช้เป็นเครื่องช่วยการมองเห็น เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย เขาจึงสร้างเรื่องขึ้นมาว่านำมันมาจากปารีส Vesalius ใน Louvain ได้ทำการผ่าพิสูจน์ให้กับนักเรียนจริง ๆ แล้วกลายเป็นครูสอนกายวิภาคศาสตร์อย่างไม่เป็นทางการ ในปี 1537 เมื่ออายุ 22 ปี เขาได้รับปริญญาตรีสาขาการแพทย์

Andrei Vesalius: ชีวประวัติของนักวิทยาศาสตร์

หมอหนุ่มอยากเป็นหมอ ในการทำเช่นนี้ เขาจำเป็นต้องได้รับคุณสมบัติที่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้เขาจึงเข้ามหาวิทยาลัยปาดัวทางตอนเหนือของอิตาลี อาจารย์ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า Vesalius เป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยม เกือบจะในทันทีที่พวกเขาอนุญาตให้เขาสอบปลายภาค ชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ได้รับปริญญาเอกทันวันเกิดอายุครบ 23 ปีพอดี อาจารย์ได้เลือกเขาเป็นศาสตราจารย์ด้านกายวิภาคศาสตร์และศัลยศาสตร์ทันที

Andrew Vesalius จะเขียนผลงานหลักของเขาในปาดัว เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องมีภาพประกอบและ โสตทัศนูปกรณ์ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนเข้าใจกายวิภาคศาสตร์ Vesalius ใช้มันระหว่างการชันสูตรพลิกศพ ในปีแรกของการเป็นศาสตราจารย์ ในปี ค.ศ. 1538 เขาได้ตีพิมพ์ Tabulae anatomicae sex - "Six Anatomical Tables" ภาพประกอบประกอบด้วยบันทึกระหว่างการชันสูตรพลิกศพสาธารณะครั้งแรกในปาดัวโดย Andrei Vesalius การมีส่วนร่วมในกายวิภาคของนักวิทยาศาสตร์นั้นไม่อาจปฏิเสธได้ เขาทำขึ้น ภาพวาดแผนผังตับ ระบบเลือดดำและหลอดเลือดแดง ตลอดจนโครงกระดูก หนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในทันที เธอคัดลอกอย่างไร้ยางอาย

ในปี ค.ศ. 1539 การศึกษากายวิภาคของ Vesalius ได้รับการสนับสนุนจากผู้พิพากษาปาดัว เขาเริ่มสนใจงานของนักวิทยาศาสตร์และเริ่มจัดหาศพอาชญากรที่ถูกประหารชีวิตเพื่อชันสูตรพลิกศพ มาถึงตอนนี้ Vesalius เห็นได้ชัดว่ากายวิภาคของ Galen ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม การหักล้างความคิดที่แพร่หลายนั้นเป็นเรื่องที่ยากและอันตรายในบางครั้ง แม้กระทั่งในช่วงเวลาไม่นานมานี้ บ่อยครั้งเกินไปที่ความคิดใหม่ ๆ จะต้องต่อสู้เพื่อสิทธิในการดำรงอยู่ แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานที่มั่นคงก็ตาม ในทางกลับกัน Vesalius ต้องหักล้างมุมมองดั้งเดิมที่มีมาเป็นเวลา 1,300 ปี

ในงาน "Six Anatomical Tables" แทนที่จะอธิบายข้อสังเกตสมัยใหม่ของเขาในระหว่างการวิจัย นักวิทยาศาสตร์ได้ยอมจำนนต่อประเพณี Andrew Vesalius นำเสนอตับในรูปแบบยุคกลาง - ในรูปแบบของดอกไม้ห้าแฉก เขาพรรณนาถึงหัวใจและหลอดเลือดแดงใหญ่ตามที่กาเลนบรรยายไว้ นั่นคืออวัยวะของลิง ไม่ใช่คน อย่างไรก็ตามในโครงกระดูกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงการปฏิวัติได้แม้ว่าจะบอบบาง Vesalius แสดงขากรรไกรของมนุษย์ที่ประกอบด้วยกระดูกหนึ่งชิ้น ไม่ใช่กระดูกสองชิ้น ตามที่ Galen กล่าวอ้างอย่างไม่ถูกต้อง

จดหมายนองเลือด

นอกเหนือจากการกบฏเล็กน้อยนี้ Vesalius ยังมีส่วนร่วมในการโต้เถียงเกี่ยวกับการล้างแค้นหรือการเอาเลือดออก เทคนิคนี้ถูกนำมาใช้เพื่อรักษาหรือบรรเทาอาการของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ แพทย์โต้เถียงกันว่าจะตัดเส้นเลือดที่ไหน - ใกล้บริเวณที่บาดเจ็บหรือห่างจากมัน การอภิปรายร้อนขึ้นเนื่องจากแพทย์อาศัยการแปลภาษาอาหรับของงานเขียนของ Galen - ของเขา ผลงานต้นฉบับในภาษากรีกไม่มีให้บริการในยุโรปตั้งแต่สมัยโรมัน อย่างไรก็ตาม การล่มสลายของกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้เปลี่ยนสถานการณ์นี้ และสามารถศึกษางานของ Galen ได้อีกครั้งในต้นฉบับ แพทย์พบว่าข้อความภาษากรีกบางครั้งแตกต่างจาก การแปลภาษาอาหรับที่พวกเขาใช้กันมานาน

ในปี ค.ศ. 1539 เมื่ออายุได้ 24 ปี Vesalius ได้เขียนจดหมายเกี่ยวกับการให้เลือดออก โดยไม่เข้าข้างการเปลี่ยนแปลงปฏิวัติใด ๆ เขาทำลายภูมิปัญญาดั้งเดิมอีกครั้งโดยเล่าถึงข้อสังเกตของเขาเองแทนที่จะอ้างอิงจากตำราคลาสสิก เวลานี้เวซาลิอุสตั้งใจแน่วแน่ที่จะแสวงหาความจริงด้วยตัวเขาเอง แทนที่จะพึ่งพาผลงานของผู้อื่น

การเกิดขึ้นของกายวิภาคศาสตร์ใหม่

ในปี ค.ศ. 1540 เมื่ออายุได้ 25 ปี แอนดรูว์ เวซาลิอุสได้เริ่มทำงานในตำรากายวิภาคศาสตร์ที่มีภาพประกอบ De humini corporus fabrica ("เกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์") หนังสือเล่มนี้กลายเป็นส่วนใหญ่ของเขา งานสำคัญ. Vesalius เข้ายึด Padua ในปี 1543 เขาเดินทางไปเมืองบาเซิล ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เพื่อเตรียมหนังสือสำหรับจัดพิมพ์ให้เสร็จ

เกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์เป็นผลงานที่น่าประทับใจจำนวน 700 หน้าในเจ็ดเล่ม ผลกระทบต่อภาพของเธอ - ภาพประกอบที่น่าทึ่งกว่า 270 ภาพ - นั้นยิ่งใหญ่มาก ตัวอย่างเช่น เล่มที่สอง นำเสนอภาพมนุษย์ที่มีรายละเอียดน่าทึ่ง ทีละชั้นของภาพประกอบที่แสดงโครงสร้างกล้ามเนื้อของร่างกาย ภาพวาดเหล่านี้น่าจะเป็นภาพทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์

เป็นการยากที่จะประเมินค่าความสำคัญของหนังสือที่เขียนโดย Andrei Vesalius สูงเกินไป คุณูปการด้านการแพทย์เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ผลงานยังกลายเป็น เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ศิลปะ น่าเสียดายที่ชื่อของศิลปินที่ทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบ รูปภาพประกอบคำอธิบายวิธีการทำงานของกล้ามเนื้อ

ไม่น่าแปลกใจที่เนื่องจากภาพประกอบมีความสมบูรณ์และปริมาณที่มาก หนังสือเล่มนี้จึงเป็นการซื้อที่มีราคาแพง มีไว้สำหรับแพทย์ ห้องสมุด และขุนนาง เมื่อตระหนักว่าผู้อื่นอาจสนใจงานของเขา ผู้เขียนจึงออกหนังสือที่ใช้งานได้จริงและเข้าถึงได้มากขึ้นพร้อมภาพวาดน้อยลงชื่อ Epitome Andrew Vesalius ใน "Epitome" ใช้ภาพประกอบมากขึ้น ร่างกายของผู้ชายมากกว่าผู้หญิง อาจเป็นเพราะอาชญากรชายถูกประหารชีวิตมากกว่าผู้หญิงอย่างมีนัยสำคัญ

Fabrica กลายเป็นบรรพบุรุษ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่เกี่ยวกับกายวิภาคของมนุษย์ เธอแตกหักกับ Galen และ Hippocrates อย่างเด็ดขาด Andrei Vesalius ค้นพบสิ่งที่เขาเห็นในระหว่างการชันสูตรศพเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดว่าจะเห็น นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อความของเขา:

• ไม่มีกระดูกที่ฐานของหัวใจ คำอธิบายของเธอเกี่ยวกับ Galen อ้างถึงกระดูกอ่อนที่ฐานของหัวใจของกวางและสัตว์อื่น ๆ ซึ่งแข็งขึ้นเมื่อสัตว์ร้ายมีอายุมากขึ้น
• กระดูกสันอกประกอบด้วยสามส่วน ไม่ใช่เจ็ดส่วน ตามที่ Galen อ้างจากการชันสูตรศพของลิง
• เยื่อบุโพรงหัวใจไม่มีรูพรุน มันไม่มีรู
• vena cava มีต้นกำเนิดในหัวใจ ไม่ใช่ในตับ ดังที่ Galen กล่าวอ้าง
• ไม่มีอวัยวะเช่น rete mirabile ซึ่งเป็น "ช่องท้องมหัศจรรย์" ของหลอดเลือดแดงภายในที่คาดว่าจะนำจากหัวใจไปยังสมอง
• ผู้ชายและผู้หญิงมีจำนวนกระดูกซี่โครงเท่ากัน ตัวแทนของเพศที่แข็งแกร่งกว่าไม่มีกระดูกซี่โครงที่ขาดหายไปอย่างที่เชื่อกันทั่วไป
• ชายและหญิงมีจำนวนฟันเท่ากัน เลนแย้งว่าอดีตมีมากกว่านั้น

ผู้อ่านส่วนใหญ่ได้รับหนังสือในเชิงบวก มันได้กลายเป็นเดสก์ท็อปสำหรับนักกายวิภาคและแพทย์ที่จริงจัง อย่างไรก็ตาม แพทย์และนักวิทยาศาสตร์บางคนรู้สึกว่าถูกคุกคาม ขณะที่พวกเขาสร้างอาชีพของตนจากงานของกาเลน และโจมตีเวซาลิอุส

ตัวอย่างเช่น Jacob Silvius ผู้สอน Andrei ในปารีสบรรยายถึงเขา อดีตนักเรียนในฐานะผู้ใส่ร้ายที่ไร้เหตุผลและไม่รู้หนังสือซึ่งโจมตีครูของเขาอย่างทรยศด้วยคำโกหกที่ก้าวร้าว บิดเบือนความจริงของธรรมชาติครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อพูดเช่นนี้ เขาอาจแก้แค้นลูกศิษย์ของเขาซึ่งเคยกล่าวว่าวิธีการสอนของ Sylvius ซึ่งประกอบด้วยการศึกษาซากศพของแมวและสุนัข ไม่ใช่คน ไม่สามารถนำไปสู่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ได้ กายวิภาคศาสตร์

Andrew Vesalius อุทิศ "เกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์" ให้กับจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 นอกจากนี้เขายังมอบสำเนาพิเศษที่พิมพ์บนแผ่นหนังให้เขาด้วย Vesalius อุทิศ Epitome ให้กับลูกชายของ Charles, Prince Philip

แพทย์ประจำศาล

เมื่อจักรพรรดิสังเกตเห็นหนังสือที่แต่งโดย Andrei Vesalius ชีวประวัติของนักวิทยาศาสตร์ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง - เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นแพทย์ของราชวงศ์ เขาลาออกจากตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ปาดัวและกลายเป็นตัวแทนคนที่ห้าของราชวงศ์ Vesalius ซึ่งรับราชการในราชสำนัก ในฐานะแพทย์ชีวิตเขาต้องรับราชการในกองทัพ เมื่อสงครามเริ่มขึ้น Vesalius ถูกส่งไปยังสนามรบในฐานะศัลยแพทย์ คุ้นเคยกับการทำงานกับศพ เขาพยายามดิ้นรนเพื่อผ่าตัดผู้ป่วยที่ยังมีชีวิต Daza Chacon ศัลยแพทย์มากประสบการณ์ช่วยให้เขาเรียนรู้วิธีการตัดแขนขาได้อย่างรวดเร็ว

ในฤดูหนาวปี ค.ศ. 1543 Vesalius เดินทางมายังอิตาลีเพื่อแสดงและจากนั้นในฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ. 1544 กลับไปที่ การรับราชการทหาร. เขากลายเป็นศัลยแพทย์ที่ยอดเยี่ยม หน้าที่ในราชสำนักอย่างหนึ่งของเวซาลิอุสคือการดองศพของขุนนางผู้มั่งคั่งที่เสียชีวิตในสนามรบ สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถศึกษากายวิภาคเพิ่มเติม จดบันทึก และทำการสังเกตได้

มีการประกาศสันติภาพในกลางปี ​​ค.ศ. 1544 และศัลยแพทย์แอนดรูว์ เวซาลิอุส ได้กลับไปดูแลจักรพรรดิและราชสำนักในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายมากขึ้น ชื่อเสียงของเขาเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเขาได้รับจดหมายจากแพทย์ทั่วยุโรปเพื่อขอคำแนะนำในกรณีที่ยากที่สุด

ในปี ค.ศ. 1556 จักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 ได้โอนอำนาจให้แก่ฟิลิป พระราชโอรส ด้วยความขอบคุณเวซาลิอุสที่อายุ 41 ปีสำหรับการรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของเขา ชาร์ลส์จึงมอบเงินบำนาญตลอดชีพให้กับเขาและตำแหน่งขุนนางของเคานต์พาเลไทน์ แพทย์ประจำศาลยังคงทำงานต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในบริการของฟิลิป

แสวงบุญ

Andrew Vesalius ติดตามฟิลิปไปมาดริด แต่เขาไม่สนุกกับชีวิตที่นั่น แพทย์ชาวสเปนรักษาโรคโดยอาศัยการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ห้ามชำแหละร่างกายมนุษย์ ทุกอย่างดูค่อนข้างล้าหลัง นอกจากนี้ ฟิลิปยังให้ความสำคัญกับวิธีการรักษาทางการแพทย์แบบดั้งเดิมมากกว่าวิธีทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ Vesalius เป็นที่ชัดเจนว่าเขาจะไม่เป็นหัวหน้าแพทย์ของผู้ปกครอง

ในปี ค.ศ. 1561 ศาสตราจารย์วิชากายวิภาคศาสตร์ Gabriele Fallopius ซึ่งดำรงตำแหน่งเดิมของ Andrew ที่มหาวิทยาลัย Padua ได้ส่งสำเนาหนังสือที่เขาเขียนชื่อ Observationes Anatomicae มาให้เขา ในนั้นเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ "โครงสร้างของร่างกายมนุษย์" โดยชี้ให้เห็นความแตกต่างบางประการระหว่างงานของ Vesalius กับข้อสังเกตของเขาเองในภายหลังอย่างเป็นกันเอง เขายังบอกชัดเจนว่าเขาป่วยหนัก

Fallopius เสียชีวิตในปี 1564 ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ในปาดัวว่างลง ในปีเดียวกันนั้น Vesalius ออกจากสเปนเพื่อแสวงบุญไปยังกรุงเยรูซาเล็ม แหล่งข่าวที่รอดชีวิตหลายคนระบุว่าฟิลิปส่งเขาไปแสวงบุญเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการปลงอาบัติ จักรพรรดิถูกกล่าวหาว่าตัดสินใจเช่นนี้หลังจากตระกูลขุนนางแจ้งนักกายวิภาคของคณะเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพของขุนนางที่หัวใจยังเต้นอยู่

รายงานทั้งหมดนี้อ้างอิงจากแหล่งเดียว นั่นคือจดหมายที่ถูกกล่าวหาว่าเขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1565 โดยนักการทูต Hubert Languet เป็นไปได้มากว่าประดิษฐ์ขึ้น 50 ปีหลังจากการเสียชีวิตของนักกายวิภาคศาสตร์ แอนดรูว์ เวซาลิอุส ซึ่งชีวประวัติของเขาไม่ได้แปดเปื้อนจากข้อเท็จจริงดังกล่าว (ไม่มีเอกสารหลักที่ยืนยันข้อกล่าวหาของเขา) อาจเดินทางไปแสวงบุญเพื่อออกจากศาลของฟิลิปในสเปนโดยไม่ถูกขัดขวาง จากนั้นจึงกลับไปที่ปาดัว

ชีวิตส่วนตัวและความตาย

ในปี ค.ศ. 1544 Vesalius แต่งงานกับลูกสาวของ Anna van Hamme ที่ปรึกษาผู้มั่งคั่งในกรุงบรัสเซลส์ พวกเขามีลูกหนึ่งคนเป็นผู้หญิงที่เกิดในปี 1545 พ่อแม่ของเธอตั้งชื่อให้เธอว่าแอนนา ครอบครัวอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา แต่เมื่อ Vesalius เดินทางไปแสวงบุญที่เยรูซาเล็ม ภรรยาและลูกสาวของเขากลับมาที่บรัสเซลส์

นักวิทยาศาสตร์ไปถึงกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเขาได้รับจดหมายเชิญให้เข้าเรียนภาควิชากายวิภาคศาสตร์และศัลยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยปาดัว น่าเสียดายที่ แอนดรูว์ เวซาลิอุส ชีวประวัติสั้น ๆซึ่งถูกตัดบทอย่างน่าอนาจใจ ไม่กลับมายังปาดัวอีก การเดินทางของพระองค์จากกรุงเยรูซาเล็มถูกทำลายโดยพายุที่รุนแรง เมื่อเรือมาถึงท่าเรือบนเกาะ Zakynthos ของกรีก Vesalius ก็ป่วยหนัก เขาเสียชีวิตในไม่กี่วันต่อมา Andrei Vesalius ผู้ก่อตั้งกายวิภาคศาสตร์เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 49 ปี สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1564 เขาถูกฝังอยู่ในซาคินทอส