พลซุ่มยิงแห่งมหาสงครามแห่งความรักชาติ นักล่าแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง - พงศาวดาร
บุกรัสเซียได้มากที่สุด ความผิดพลาดครั้งใหญ่ฮิตเลอร์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของกองทัพผู้ล่าของเขา ฮิตเลอร์และนโปเลียนเหลือสองคน ปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนเส้นทางของสงคราม: ฤดูหนาวของรัสเซียที่รุนแรงและชาวรัสเซียเอง รัสเซียกระโจนเข้าสู่สงคราม แม้แต่ครูในหมู่บ้านก็ยังต่อสู้ พวกเธอหลายคนเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ต่อสู้ในการต่อสู้แบบเปิด แต่เป็นพลซุ่มยิง ซึ่งทำให้ทหารและเจ้าหน้าที่ของนาซีจำนวนมากต้องยอมจำนน ขณะที่แสดงทักษะอันน่าทึ่งด้วยปืนไรเฟิลซุ่มยิง หลายคนกลายเป็นวีรบุรุษที่มีชื่อเสียงของรัสเซีย ได้รับการยกย่องและชื่อเสียงทางทหาร ด้านล่างนี้คือ 10 นักแม่นปืนหญิงชาวรัสเซียที่อันตรายที่สุด ประวัติศาสตร์การทหาร.Tanya Baramzina
Tatyana Nikolaevna Baramzina เป็นครูที่ โรงเรียนอนุบาลก่อนจะมาเป็นพลซุ่มยิงในกองพลทหารราบที่ 70 ของมณฑลทหารบกที่ 33 ทันย่าต่อสู้ในแนวรบเบลารุสและโดดร่มหลังแนวข้าศึกเพื่อทำภารกิจลับ ก่อนหน้านั้นเธอมี 16 แล้ว ทหารเยอรมันและในระหว่างภารกิจนี้ เธอได้สังหารพวกนาซีอีก 20 คน ในที่สุดเธอก็ถูกจับได้ ถูกทรมาน และประหารชีวิต ทันย่าได้รับรางวัล Order of the Golden Star หลังเสียชีวิตและเธอได้รับรางวัลฮีโร่ สหภาพโซเวียต 24 มีนาคม 2488
Nadezhda Kolesnikova
Nadezhda Kolesnikova เป็นพลซุ่มยิงอาสาสมัครที่ปฏิบัติหน้าที่ในแนวรบด้านตะวันออก Volkhov ในปี 1943 เธอให้เครดิตกับการทำลายทหารศัตรู 19 นาย เช่นเดียวกับ Kolesnikova ทหารหญิงเพียง 800,000 นายที่ต่อสู้ในกองทัพแดงในฐานะพลซุ่มยิง พลปืนรถถัง พลทหาร พลปืนกล และแม้แต่นักบิน มีผู้เข้าร่วมในสงครามไม่มากนักที่รอดชีวิต: จากอาสาสมัคร 2,000 คน มีเพียง 500 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต Kolesnikova ได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญหลังสงครามสำหรับการรับใช้ของเธอ
ทันย่า เชอร์โนวา
มีคนไม่มากที่รู้จักชื่อนี้ แต่ Tanya กลายเป็นต้นแบบของนักแม่นปืนหญิงที่มีชื่อเดียวกันในภาพยนตร์เรื่อง "Enemy at the Gates" (บทบาทของเธอแสดงโดย Rachel Weisz) ทันย่าเป็นชาวรัสเซีย-อเมริกันที่มาเบลารุสเพื่อพาปู่ย่าตายายของเธอ แต่พวกเขาถูกชาวเยอรมันฆ่าไปแล้ว จากนั้นเธอก็กลายเป็นพลซุ่มยิงของกองทัพแดงโดยเข้าร่วมกลุ่ม Hares sniper ซึ่งก่อตั้งโดย Vasily Zaitsev ที่มีชื่อเสียงซึ่งแสดงในภาพยนตร์ที่กล่าวถึงข้างต้นด้วย เขารับบทโดยจู๊ด ลอว์ ทันย่าสังหารทหารข้าศึกไป 24 นายก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บที่ท้องจากทุ่นระเบิด หลังจากนั้นเธอถูกส่งไปยังทาชเคนต์ซึ่งเธอหายจากบาดแผลเป็นเวลานาน โชคดีที่ทันย่ารอดชีวิตจากสงคราม
ซิบา กาเนียวา
Ziba Ganiyeva เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีเสน่ห์ดึงดูดมากที่สุดในกองทัพแดง โดยเคยเป็นคนดังชาวรัสเซียและนักแสดงภาพยนตร์ชาวอาเซอร์ไบจันในยุคก่อนสงคราม Ganieva ต่อสู้ในกองปืนไรเฟิลคอมมิวนิสต์มอสโกที่ 3 กองทัพโซเวียต. เธอเป็นสตรีผู้กล้าหาญที่ออกไปแนวหน้ามากถึง 16 ครั้ง และสังหารทหารเยอรมัน 21 นาย เธอมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อมอสโกและได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการบาดเจ็บของเธอทำให้เธอไม่สามารถกลับไปดำเนินการได้หลังจากอยู่ในโรงพยาบาล 11 เดือน Ganiyeva ได้รับคำสั่งทางทหารของ Red Banner และ Red Star
โรซ่า ชานิน่า
Roza Shanina ผู้ซึ่งถูกเรียกว่า "ความสยองขวัญที่มองไม่เห็นแห่งปรัสเซียตะวันออก" เริ่มต่อสู้เมื่อเธออายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ เธอเกิดในหมู่บ้าน Yedma ของรัสเซียเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2467 เธอเขียนถึงสตาลินสองครั้งเพื่อได้รับอนุญาตให้ประจำการในกองพันหรือกองร้อยลาดตระเวน เธอกลายเป็นนักแม่นปืนหญิงคนแรกที่ได้รับรางวัล Order of Glory และเข้าร่วมในการต่อสู้อันโด่งดังเพื่อวิลนีอุส โรซา ชานินามีทหารที่ถูกทำลายที่ได้รับการยืนยันแล้ว 59 นายในบัญชีของเธอ แต่เธอไม่ได้อยู่ดูการสิ้นสุดของสงคราม ขณะพยายามช่วยชีวิตเจ้าหน้าที่รัสเซียที่ได้รับบาดเจ็บ เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเศษกระสุนที่หน้าอก และเสียชีวิตในวันเดียวกันคือ 27 มกราคม พ.ศ. 2488
Lyuba Makarova
จ่าสิบเอก Lyuba Makarova เป็นหนึ่งในผู้โชคดี 500 คนที่รอดชีวิตจากสงคราม การต่อสู้ในกองทัพช็อกครั้งที่ 3 เธอเป็นที่รู้จักจากการประจำการในแนวรบบอลติกที่ 2 และแนวรบคาลินิน Makarova รวบรวมทหารศัตรู 84 นายและกลับไปที่ Perm บ้านเกิดของเธอในฐานะวีรบุรุษทางทหาร สำหรับการบริการของเธอต่อประเทศ Makarova ได้รับรางวัล Order of Glory ระดับ 2 และ 3
คลอเดีย คาลูจิน่า
Klavdia Kalugina เป็นหนึ่งในทหารและพลซุ่มยิงที่อายุน้อยที่สุดในกองทัพแดง เธอเริ่มต่อสู้เมื่ออายุเพียง 17 ปี เธอเริ่มอาชีพทหารโดยทำงานในโรงงานผลิตกระสุน แต่ในไม่ช้าเธอก็สมัครเข้าเรียนในโรงเรียนพลซุ่มยิง และต่อมาถูกส่งไปยังแนวรบเบลารุสที่ 3 Kalugina ต่อสู้ในโปแลนด์จากนั้นเข้าร่วมใน Battle of Leningrad ช่วยปกป้องเมืองจากพวกเยอรมัน เธอเป็นพลซุ่มยิงที่แม่นยำมาก และสังหารทหารข้าศึกได้มากถึง 257 นาย คาลูกายังคงอยู่ในเลนินกราดจนกระทั่งสิ้นสุดสงคราม
นีน่า ลอบคอฟสกายา
Nina Lobkovskaya เข้าร่วมกองทัพแดงหลังจากพ่อของเธอเสียชีวิตในสงครามในปี 2485 นีน่าต่อสู้ในกองทัพช็อกครั้งที่ 3 ซึ่งเธอได้เลื่อนยศเป็นร้อยโท เธอรอดชีวิตจากสงครามและเข้าร่วมในสมรภูมิเบอร์ลินในปี 2488 เธอสั่งให้พลซุ่มยิงหญิง 100 คนอยู่ที่นั่น นีน่าทำลายทหารศัตรูได้ 89 นายในบัญชีของเธอ
นีน่า พาฟลอฟนา เปโตรวา
Nina Pavlovna Petrova เป็นที่รู้จักกันในนาม "Mother Nina" และอาจเป็นนักแม่นปืนหญิงที่อายุมากที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง เธอเกิดในปี 2436 และเมื่อเริ่มสงครามเธออายุ 48 ปีแล้ว หลังจากที่เธอเข้าโรงเรียนสไนเปอร์ นีน่าได้รับมอบหมายให้ประจำกองทหารรักษาพระองค์ที่ 21 ซึ่งเธอทำหน้าที่สไนเปอร์อย่างแข็งขัน Petrova รวบรวมทหารศัตรู 122 นาย เธอรอดชีวิตจากสงครามแต่เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์อันน่าสลดใจเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังสิ้นสุดสงครามด้วยวัย 53 ปี
ลุดมิลา พาฟลิเชนโก
Lyudmila Pavlichenko ซึ่งเกิดในยูเครนในปี 1916 เป็นมือปืนหญิงชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียงที่สุด มีชื่อเล่นว่า "Lady Death" ก่อนสงคราม Pavlichenko เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยและเป็นมือปืนสมัครเล่น หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนสไนเปอร์เมื่ออายุ 24 ปี เธอถูกส่งไปยังกองปืนไรเฟิล Chapaev ที่ 25 ของกองทัพแดง Pavlichenko น่าจะเป็นนักแม่นปืนหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์การทหาร เธอต่อสู้ในเซวาสโทพอลและโอเดสซา เธอมีทหารข้าศึกที่ได้รับการยืนยันแล้ว 309 นายเสียชีวิต รวมถึงพลซุ่มยิงของศัตรู 29 นาย Pavlichenko รอดชีวิตจากสงครามหลังจากที่เธอถูกปลดออกจากประจำการเนื่องจากอาการบาดเจ็บ เธอได้รับรางวัล Gold Star of the Hero of the Soviet Union และใบหน้าของเธอก็ปรากฏให้เห็น ไปรษณียากร.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านบล็อกของฉัน เว็บไซต์ - อ้างอิงจากบทความจาก wonderslist.com - แปลโดย Sergey Maltsev
ป.ล. ฉันชื่ออเล็กซานเดอร์ นี่เป็นโครงการอิสระส่วนตัวของฉัน ฉันดีใจมากถ้าคุณชอบบทความนี้ ต้องการช่วยเว็บไซต์หรือไม่? เพียงมองหาโฆษณาที่คุณเพิ่งมองหาด้านล่าง
ไซต์ลิขสิทธิ์ © - ข่าวนี้เป็นของไซต์และเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของบล็อกซึ่งได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายลิขสิทธิ์และไม่สามารถนำไปใช้ได้ทุกที่หากไม่มีลิงก์ที่ใช้งานไปยังแหล่งที่มา อ่านเพิ่มเติม - "เกี่ยวกับการประพันธ์"
คุณกำลังมองหานี้? บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถหาได้มานาน?
วันที่: 2011-03-22
เป็นครั้งแรก สงครามโลกงานของพลซุ่มยิงได้เติบโตและพัฒนาเป็นสาขาอิสระของกิจกรรมการต่อสู้ในสภาพของตำแหน่ง แต่ประสบการณ์ในปี 1918 ทำให้สามารถประเมินสไนเปอร์ในสงครามภาคสนามได้ ชาวเยอรมัน ผู้คิดค้นการซุ่มยิง ได้นำปืนหนึ่งกระบอกที่มีปืนไรเฟิลที่ติดตั้งกล้องส่องทางไกลเข้าไปในข้อต่อปืนกลเบาแต่ละอัน พลซุ่มยิงชาวเยอรมันในช่วงแรกของสงครามสนามเพลาะได้ปิดการใช้งานอังกฤษในแนวรบทั้งหมดหลายร้อยคนต่อวัน ซึ่งภายในหนึ่งเดือนทำให้ตัวเลขการสูญเสียเท่ากับจำนวนทั้งแผนก อังกฤษตอบโต้ภัยคุกคามอย่างรวดเร็วด้วยการจัดตั้งโรงเรียนสไนเปอร์ของตนเอง และในที่สุดก็ปราบปรามมือปืนของข้าศึกจนหมดสิ้น ผู้เข้าร่วมเกือบทั้งหมดในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนหน้าของเยอรมันต้องรับมือกับการแสดงผลงานของนักแม่นปืนชาวเยอรมันอย่างใดอย่างหนึ่ง “ โดยส่วนตัวแล้วฉันจำได้ดีว่าบรรยากาศที่ยากลำบากถูกสร้างขึ้นในกองทหารที่ 71 กองทหารราบในฤดูหนาวปี 2459-2460 พลซุ่มยิงชาวเยอรมัน (อาจมาจากกองพลเยอรมันที่ 208) ซึ่งสร้าง "หุบเขาสวรรค์" อย่างแท้จริงจากบางส่วนของสนามเพลาะทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Seret (ในโรมาเนีย) ความลึก ของความพ่ายแพ้ในร่องลึก) พวกเขาไม่อนุญาตให้แสดงครึ่งหัวอย่างแท้จริง ไม่เพียงเพราะเชิงเทินเท่านั้น แต่แม้กระทั่งเข้าไปในรูของรังปืนกลปลอมใต้เชิงเทิน ไม่ต้องพูดถึงรอยแยกในสนามเพลาะที่ขนาบข้างจากพวกเขา ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่จำนวนมากที่ถูกปิดการใช้งานในนาทีแรกของการรบยังเสนอแนะถึงความคิดที่ว่ามีคนกำลังโจมตีพวกเขา สิ่งที่เรียกว่า "เลือกจาก" - แน่นอนว่าเป็นพลซุ่มยิงที่ถูกโจมตี "(อี. เอ็น. เซอร์เยฟ). ด้านหน้าของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมีการกำหนดหลักการพื้นฐานและวิธีการเฉพาะของการซุ่มยิง
ต่อมาในกองทัพแดงเท่านั้นที่เป็นไปได้ที่จะสร้างโรงเรียนสไนเปอร์ของรัสเซียเอง การฝึกยิงปืนบนสตรีม
แม้จะมีความจริงที่ว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งชาวเยอรมันเป็นคนแรกที่ริเริ่มใช้ทหารและปืนไรเฟิลที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษด้วยสายตา แต่การทำงานอย่างแข็งขันในด้านการซุ่มยิงใน Wehrmacht เริ่มขึ้นหลังจากเผชิญหน้ากับยุทธวิธีของโซเวียต "ความหวาดกลัวสไนเปอร์" ในฤดูหนาว พ.ศ. 2484-2485 พลซุ่มยิงปรากฏตัวในตำแหน่งรัสเซียและขบวนการซุ่มยิงเริ่มพัฒนาอย่างแข็งขันโดยได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายการเมืองของแนวหน้า คำสั่งของเยอรมันจำความจำเป็นในการฝึกอบรมและ "มือปืนที่แม่นยำสูง" ของพวกเขา โรงเรียนพลซุ่มยิงและหลักสูตรแนวหน้าเริ่มจัดใน Wehrmacht และ "ส่วนแบ่ง" ของปืนไรเฟิลซุ่มยิงเมื่อเทียบกับอาวุธขนาดเล็กเบาประเภทอื่น ๆ ก็เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
ในช่วงทศวรรษที่ 1930 และ 1940 กองทัพเยอรมันใช้ปืนไรเฟิลเมาเซอร์ขนาด 7.92 มม. ของรุ่นปี 1935 (K98) ที่มีระยะเล็ง 1.5 เท่าของรุ่นปี 1941 หรือเลนส์ Zeiss สี่เท่า ในแง่ของคุณสมบัติการต่อสู้หลัก อาวุธนี้ไม่แตกต่างจากปืนไรเฟิล Mosin ของโซเวียตมากนัก ดังนั้นในแง่ของอาวุธยุทโธปกรณ์ กองกำลังของฝ่ายต่างๆ จึงใกล้เคียงกันโดยประมาณ
รุ่นสไนเปอร์ของปืนสั้น Mauser 98K ขนาด 7.92 มม. ได้รับการทดสอบในปี 2482 แต่รุ่นนี้เริ่มผลิตจำนวนมากหลังจากการโจมตีสหภาพโซเวียตเท่านั้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485 เป็นต้นมา 6% ของปืนสั้นทั้งหมดที่ผลิตได้มีโครงเล็งแบบออปติก แต่ตลอดช่วงสงครามกองทัพเยอรมันขาดแคลนอาวุธสไนเปอร์ ตัวอย่างเช่น ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2487 Wehrmacht ได้รับปืนสั้น 164,525 กระบอก แต่มีเพียง 3,276 กระบอกเท่านั้นที่มีทัศนวิสัย กล่าวคือ ประมาณ 2% อย่างไรก็ตาม จากการประเมินหลังสงครามของผู้เชี่ยวชาญทางทหารเยอรมัน “ปืนสั้น Type 98 ที่ติดตั้งออปติกมาตรฐานไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการรบได้เลย เมื่อเปรียบเทียบกับปืนไรเฟิลซุ่มยิงของโซเวียต ... พวกมันแตกต่างกันอย่างมากสำหรับสิ่งที่แย่กว่านั้น ดังนั้นปืนไรเฟิลโซเวียตแต่ละกระบอกที่ถูกจับเป็นถ้วยรางวัลจึงถูกใช้โดยทหาร Wehrmacht ทันที” (R. Lidshun, G. Vollert “ อาวุธเล็กเมื่อวานนี้”)
อย่างไรก็ตาม สายตาออพติคอล ZF41 ที่มีกำลังขยาย 1.5 เท่าติดอยู่กับไกด์ที่ทำขึ้นเป็นพิเศษบนบล็อกเล็ง เพื่อให้ระยะห่างจากตาของผู้ยิงไปยังช่องมองภาพประมาณ 22 ซม. จากตาของผู้ยิงไปยังช่องมองภาพ ควรจะมีประสิทธิภาพมากเนื่องจากช่วยให้คุณสามารถเล็งเป้าเล็งไปที่เป้าหมายโดยไม่ต้องหยุดการสังเกตพื้นที่ ในเวลาเดียวกัน การขยายขนาดเล็กของการมองเห็นไม่ได้ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในระดับระหว่างวัตถุที่สังเกตผ่านสายตาและด้านบน นอกจากนี้ตัวเลือกนี้สำหรับการวางเลนส์ยังช่วยให้คุณสามารถโหลดปืนไรเฟิลด้วยคลิปโดยไม่ละสายตาจากเป้าหมายและปากกระบอกปืน แต่โดยธรรมชาติแล้ว ปืนไรเฟิลซุ่มยิงที่มีขอบเขตพลังงานต่ำนั้นไม่สามารถใช้สำหรับการยิงระยะไกลได้ อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ดังกล่าวยังไม่เป็นที่นิยมในหมู่พลซุ่มยิง Wehrmacht - บ่อยครั้งที่ปืนไรเฟิลดังกล่าวถูกโยนเข้าสู่สนามรบด้วยความหวังว่าจะพบสิ่งที่ดีกว่าสำหรับตัวเอง
คลังแสงของพลซุ่มยิงชาวเยอรมัน: ปืนไรเฟิล Mauser-7.92, ปืนพก Walther PPK และ Walther P-38
สไนเปอร์เยอรมัน 2.5 กำลังขยาย
พลซุ่มยิงชาวเยอรมันและฟินแลนด์ที่ใช้ปืนไรเฟิลที่มีความแม่นยำสูง "เมาเซอร์-7.92" มีกำลังขยายเพียง 2.5 เท่า ชาวเยอรมัน (และพวกเขาเป็น คนฉลาด) เชื่อว่าไม่จำเป็นอีกต่อไป พลซุ่มยิงชาวเยอรมันมีสายตาเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า แต่มีเพียงคนเก่งเท่านั้นที่ยิงด้วย ภาพดังกล่าวได้รับเป็นถ้วยรางวัลโดยนักแม่นปืนชาวรัสเซีย Vasily Zaitsev ในการต่อสู้กับหัวหน้าโรงเรียนพลซุ่มยิงแห่งเบอร์ลิน
นักกีฬาระดับต่ำถึงระดับกลางตีได้ดีขึ้นด้วยขอบเขตการขยายที่ต่ำ ขั้นตอนการเล็งด้วยกล้องส่องทางไกลนั้นเข้มงวดมาก เมื่อทำการเล็งคุณจะต้องรวบรวมและเอาใจใส่อย่างมาก การมองเห็นด้วยแสงไม่ได้อำนวยความสะดวกในการเล็งมากนักเนื่องจากต้องใช้ความพยายามของนักกีฬาที่ได้รับการฝึกฝนมาในการเล็งและถืออาวุธ ในแง่นี้การมองเห็นด้วยแสงช่วยให้นักกีฬาที่ได้รับการฝึกฝนสูงสามารถตระหนักถึงความสามารถในการสำรองของพวกเขา การมองเห็นด้วยแสงเป็นวิธีการฝึกฝนของนักกีฬา และยิ่งระดับการฝึกฝนและความมั่นคงของมือปืนมีมากเท่าใด สายตาที่เขาสามารถจ่ายได้ก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น นักแม่นปืนมืออาชีพเท่านั้นที่มีฝีมือดี เสถียร พิสูจน์แล้วด้วย ระบบประสาทสมดุลกับความไม่แยแสอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีการเต้นเป็นจังหวะและมีความอดทนที่เลวร้ายสามารถทำงานด้วยกำลังขยายการมองเห็น 6 เท่าหรือมากกว่า สำหรับมือปืนเป้าหมายในสายตาจะทำงานอย่างสงบและไม่พยายามควบคุมการยิง (A. Potapov "The Art of the Sniper")
ตั้งแต่ปี 1943 เป็นต้นมา Wehrmacht ใช้ระบบปืนสั้นบรรจุกระสุนเองระบบ Walther (รุ่นปี 1943) ปืนไรเฟิลบรรจุกระสุนเอง G43 (หรือ K43) ขนาด 7.92 มม. มีรุ่นสไนเปอร์ของตัวเองพร้อมสายตาออปติก 4 เท่า อย่างไรก็ตามเนื่องจากความน่าเชื่อถือต่ำและความแม่นยำต่ำ "วอลเตอร์" จึงไม่เป็นที่นิยมในหมู่กองทหาร - เช่นเดียวกับปืนไรเฟิล Tokarev SVT ในกองทัพแดง ความเป็นผู้นำทางทหารของเยอรมันกำหนดให้ปืนไรเฟิล G43 ทั้งหมดต้องมีกล้องส่องทางไกล แต่ก็ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม จากจำนวน 402,703 ฉบับที่ออกก่อนเดือนมีนาคม พ.ศ. 2488 เกือบ 50,000 เครื่องได้ติดตั้งสายตาแบบออพติคัลแล้ว นอกจากนี้ ปืนไรเฟิลทุกกระบอกยังมีตัวยึดสำหรับติดตั้งเลนส์ ดังนั้นตามทฤษฎีแล้ว ปืนไรเฟิลทุกกระบอกสามารถใช้เป็นอาวุธสไนเปอร์ได้
ปี 1944 เป็นจุดเปลี่ยนของศิลปะการซุ่มยิงในกองทหารเยอรมัน ในที่สุดบทบาทของการซุ่มยิงก็ได้รับการชื่นชมจากกองบัญชาการระดับสูง: คำสั่งจำนวนมากเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้พลซุ่มยิงอย่างเชี่ยวชาญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคู่ของ "มือปืนและผู้สังเกตการณ์" ที่พัฒนาขึ้น ชนิดต่างๆลายพรางและอุปกรณ์พิเศษ สันนิษฐานว่าในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2487 จำนวนคู่สไนเปอร์ในหน่วยทหารราบและกองทัพบกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์เริ่มให้ความสนใจในการซุ่มยิงในกองทหารเอสเอส เขาอนุมัติโปรแกรมสำหรับการฝึกอบรมเชิงลึกเฉพาะของนักสู้มือปืน
ในปีเดียวกัน ตามคำสั่งของกองทัพ ได้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ฝึกเรื่อง "Invisible Weapons: Sniper in Combat" และ "Field Training of Snipers" เพื่อใช้ในหน่วยฝึกภาคพื้นดิน
ชิ้นส่วนจากภาพยนตร์ฝึกอบรม "การฝึกภาคสนามของพลซุ่มยิง: ปรมาจารย์แห่งการปลอมตัว"
ชิ้นส่วนจากภาพยนตร์ฝึกอบรม "อาวุธที่มองไม่เห็น: Sniper ในการต่อสู้"
ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องถ่ายทำอย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพสูงมาก แม้ว่าจะอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในปัจจุบันก็ตาม นี่คือประเด็นหลักของการฝึกพลซุ่มยิงแบบพิเศษ คำแนะนำที่สำคัญที่สุดสำหรับการปฏิบัติการภาคสนาม และทั้งหมดนี้ในรูปแบบยอดนิยมพร้อมองค์ประกอบเกมที่ผสมผสานกัน .
บันทึกที่แพร่หลายในเวลานั้นเรียกว่า "บัญญัติสิบประการของมือปืน" อ่านว่า:
- ต่อสู้อย่างไม่เห็นแก่ตัว
- ยิงอย่างใจเย็นและระมัดระวัง มีสมาธิกับการยิงแต่ละครั้ง โปรดจำไว้ว่าไฟอย่างรวดเร็วไม่มีผล
- ยิงเฉพาะเมื่อคุณแน่ใจว่าจะไม่ถูกตรวจพบ
- คู่ต่อสู้หลักของคุณคือสไนเปอร์ของศัตรู เอาชนะเขาให้ได้
- อย่าลืมว่าพลั่วแซปเปอร์ช่วยยืดอายุของคุณ
- ฝึกฝนการกำหนดระยะทางอย่างสม่ำเสมอ
- เป็นเจ้าแห่งภูมิประเทศและการปลอมตัว
- ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง - ในแนวหน้าและแนวหลัง
- ดูแลของคุณ ปืนไรเฟิลอย่ามอบให้ใคร
- เอาชีวิตรอดจากมือปืนในเก้าส่วน - ลายพรางและเพียงส่วนเดียว - การยิง
ในกองทัพเยอรมัน มีการใช้สไนเปอร์ในระดับยุทธวิธีต่างๆ ประสบการณ์ของการใช้แนวคิดดังกล่าวทำให้ E. Middeldorf ในหนังสือของเขาเสนอแนวทางปฏิบัติต่อไปนี้ในช่วงหลังสงคราม: “ไม่มีประเด็นอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการรบของทหารราบที่มีความขัดแย้งอย่างใหญ่หลวงเช่นในประเด็นการใช้ พลซุ่มยิง บางคนคิดว่าจำเป็นต้องมีหมวดพลซุ่มยิงเต็มเวลาในทุกกองร้อย หรืออย่างน้อยก็ในกองพัน บางคนคาดการณ์ว่าพลซุ่มยิงที่ปฏิบัติการเป็นคู่จะประสบความสำเร็จมากที่สุด เราจะพยายามหาทางออกที่ตอบสนองความต้องการของทั้งสองมุมมอง ก่อนอื่น จำเป็นต้องแยกความแตกต่างระหว่าง "นักแม่นปืนมือสมัครเล่น" และ "นักแม่นปืนมืออาชีพ" เป็นที่พึงปรารถนาที่แต่ละทีมจะมีพลซุ่มยิงมือสมัครเล่นที่ไม่ใช่มืออาชีพสองคน พวกเขาจำเป็นต้องให้ปืนไรเฟิลจู่โจมมีระยะการมองเห็น 4 เท่า พวกเขาจะยังคงเป็นมือปืนธรรมดาที่ได้รับการฝึกอบรมการซุ่มยิงเพิ่มเติม หากไม่สามารถใช้พวกเขาเป็นพลซุ่มยิงได้ พวกเขาก็จะทำหน้าที่เป็นทหารธรรมดา สำหรับนักแม่นปืนมืออาชีพ แต่ละกองร้อยควรมีสองคนหรือหกคนในกลุ่มควบคุมของกองร้อย พวกเขาจะต้องติดอาวุธด้วยปืนไรเฟิลพิเศษด้วย ความเร็วเริ่มต้นกระสุนมากกว่า 1,000 ม./วินาที ด้วยกล้องส่องทางไกลที่มีรูรับแสงกว้างเพิ่มขึ้น 6 เท่า พลซุ่มยิงเหล่านี้จะ "ล่าอย่างอิสระ" ภายในพื้นที่ของบริษัท หากจำเป็นต้องใช้หมวดพลซุ่มยิงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสภาพภูมิประเทศก็จะเป็นไปได้ง่ายเนื่องจากมีพลซุ่มยิง 24 คนในกองร้อย (มือปืนสมัครเล่น 18 คนและมือปืนมืออาชีพ 6 คน) ซึ่งในกรณีนี้สามารถทำได้ รวมกันเป็นหนึ่ง” . โปรดทราบว่าแนวคิดการซุ่มยิงนี้ถือเป็นหนึ่งในแนวคิดที่มีแนวโน้มมากที่สุด (Oleg Ryazanov "มือปืนที่เฉียบคม" จาก Wehrmacht)
Matthias Hetzenauer (1924-2004) กับปืนไรเฟิล Kar98k พร้อมเลนส์สายตา 6 เท่า
พลซุ่มยิงแห่งกองทหารราบที่ 3 (Geb.Jg. 144/3. Gebirgs-Devision) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2487 ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2488 - ยืนยันว่าทหารของกองทัพแดงเสียชีวิต 345 นาย ได้รับรางวัล Knight's Cross ด้วยดาบและใบโอ๊ก พลซุ่มยิงที่มีประสิทธิผลมากที่สุดคนหนึ่งในเยอรมนี
ในมหาสงครามแห่งความรักชาติ "ชาวรัสเซียเหนือกว่าชาวเยอรมันในศิลปะการรบกลางคืน การรบในพื้นที่ป่าและแอ่งน้ำ และการรบในฤดูหนาว ในการฝึกพลซุ่มยิง ตลอดจนการจัดเตรียมปืนกลและปืนครกให้กับทหารราบ " (Eike Middeldorf "ยุทธวิธีในการรณรงค์ของรัสเซีย")
พลซุ่มยิงชาวเยอรมัน:
เออร์วิน โคนิก 400/ไฮนซ์ ธอร์วัลด์
มัทเธอุส เฮทเซนาวร์ 345
Josef Sepp Allerberger257
บรูโน่ ซัทคุส 209
ฟรีดริช เพน 200
เกฟรีเตอร์ เมเยอร์ 180
เฮลมุท เวิร์นสแบร์เกอร์ 64
บทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจอย่างมากกับอดีตพลซุ่มยิง Wehrmacht สามคน (Sniper's Notebook) ให้แนวคิดบางอย่างเกี่ยวกับมือปืนชาวเยอรมัน:
นี่คือบทสัมภาษณ์ทั่วไปของพลซุ่มยิง Wehrmacht ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดสองคน เพื่อให้ได้ภาพรวมที่กว้างขึ้นของประสบการณ์ เราได้เพิ่มบทสัมภาษณ์บุคคลที่สามซึ่งเป็นสไนเปอร์ที่เก่งมากด้วย
ความจริงก็คือทหารทั้งสามคนนี้ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีประสบการณ์มากมายในการตอบคำถามที่ถูกต้องและให้ข้อมูล
ในระหว่างการสัมภาษณ์ พวกเขาจะถูกเรียกว่า A, B และ C ในช่วงสงคราม พวกเขาทั้งหมดอยู่ในแผนก 3. Gebirgs
ข้อมูลสั้น ๆ เกี่ยวกับผู้ตอบแบบสอบถาม
ตอบ: Matthaus H. จาก Tyrol ในแนวรบด้านตะวันออกตั้งแต่ปี 1943 จนถึงสิ้นสุดสงคราม นักแม่นปืนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน Wehrmacht โดยได้รับการยืนยันการสังหาร 345 ครั้ง
B: Sepp A. จากซาลซ์บูร์ก อยู่ในแนวรบด้านตะวันออกตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2485 จนกระทั่งสิ้นสุดสงคราม เป็นอันดับสองโดยได้รับการยืนยัน 257
C: Helmut W. แห่ง Styria บนแนวรบด้านตะวันออกตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2485 จนถึงสิ้นสุดสงคราม โดยได้รับการยืนยันว่าถูกทำลายไปแล้ว 64 ลำ หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บเขาเป็นผู้สอน
คุณใช้อาวุธอะไร:
A: K98 พร้อมสโคป 6x, G43 พร้อมสโคป 4x
B: จับไรเฟิลซุ่มยิงรัสเซียด้วยกล้องส่องทางไกล K98 พร้อม 6x
C: K98 พร้อมสโคป 1 1/2x และ 4x, G43 พร้อมสโคป 4x
คุณใช้ขอบเขตอะไร
A: ขอบเขต 4x ใช้ได้ถึง 400m, 6x ใช้ได้ดีถึง 1,000m
B: ฉันมีปืนไรเฟิลซุ่มยิงของรัสเซียมา 2 ปีแล้ว และฉันจำประเภทกระสุนไม่ได้แน่ชัด แต่ก็ใช้ได้ดี ใน K98 ฉันใช้ 6x
C: 1 1/2x มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ และถูกแทนที่ด้วย 6x ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า
คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับกำลังขยายสูง
A, B: 6x ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีอันที่สูงกว่านี้
C: 4x เพียงพอสำหรับภารกิจส่วนใหญ่
ระยะยิงสูงสุดที่คุณสามารถยิงโดนเป้าหมายต่อไปนี้?
หัว: A, B, C: สูงถึง 400 ม
การบดบัง: A: สูงถึง 600 ม
รูปร่างคน: A: 700m - 800m
B, C: ประมาณ 600 ม
ระยะเหล่านี้เป็นที่ยอมรับสำหรับคุณเป็นการส่วนตัว โดยทั่วไปสำหรับนักแม่นปืนที่ดีที่สุดหรือทุกคนเท่านั้น?
A, B: สำหรับพลซุ่มยิงที่ดีที่สุดเท่านั้น
C: สำหรับฉันเป็นการส่วนตัว แต่สำหรับพลซุ่มยิงชาวเยอรมันส่วนใหญ่ด้วย บางคนโจมตีเป้าหมายในระยะทางที่ไกลกว่า
B: เสริม: การเอาชนะ 100% จริงๆ เป็นไปได้ถึง 600m เท่านั้น
เป้าหมายที่ไกลที่สุดที่คุณตีคืออะไร และเป้าหมายคืออะไร
A: เป็นทหารที่ยืนอยู่ห่างออกไปประมาณ 1100 เมตร ที่ระยะนี้ คุณไม่น่าจะถูกโจมตี แต่เราต้องการแสดงให้ศัตรูเห็นว่าเขาไม่ปลอดภัยในระยะนี้ เราต้องการแสดงทักษะของเราต่อเจ้าหน้าที่
C: 600 ม. ถ้ามีเป้าหมายอยู่ไกลออกไป ผมรอจนกว่าเป้าหมายจะปิดระยะ เพราะยิงได้ง่ายกว่าและยืนยันได้ง่ายกว่า G43 มีความสามารถในการยิงขีปนาวุธไม่เพียงพอ ดังนั้นฉันจึงยิงได้ไกลถึง 500 ม.
ต้องใช้กี่วินาที?
A: แทบไม่เคยต้องการช็อตที่สองเลย
B: 1 หรือ 2 นัดที่สองอันตรายมากเพราะพลซุ่มยิงของศัตรู
C: มากที่สุด 1 หรือ 2
ถ้าเลือกได้คุณจะชอบปืนกระบอกไหน?
ก) ปืนไรเฟิลที่บังคับด้วยมือ เช่น K98:
A: K98 เนื่องจากมีความแม่นยำสูง
b) ไรเฟิลบรรจุกระสุนเอง เช่น G43:
ตอบ: ไม่ใช่ G43 เพราะมันดีแค่ 400 ม. และไม่มีความแม่นยำเพียงพอ
B: ไม่ใช่ G43 หนักเกินไป
C: ใช่ เพราะมันเชื่อถือได้และไม่แย่ไปกว่า K98 มากนัก
ถ้าวันนี้คุณสามารถเลือกได้ระหว่างไรเฟิลบรรจุกระสุนเองที่มีความแม่นยำเท่ากันกับ K98 กับ K98 คุณจะเลือกอะไร
ตอบ: ฉันจะเลือก K98 เพราะสไนเปอร์ที่ใช้เป็นสไนเปอร์ไม่ต้องการไรเฟิลบรรจุกระสุนเอง
B: ถ้าน้ำหนักเท่ากัน....โหลดเอง.
C: การโหลดตัวเองสามารถยิงได้เร็วขึ้นเมื่อโจมตี
คุณผูกพันกับหน่วยงานของคุณอย่างไร?
พวกเขาทั้งหมดอยู่ในกลุ่มซุ่มยิง Btl.; C เป็นผู้บัญชาการของหน่วยนี้ หน่วยนี้ประกอบด้วยทหารมากถึง 22 นาย โดยหกนายประจำอยู่กับ บท. ส่วนที่เหลือติดอยู่กับกองร้อย ผลการสังเกตการณ์ การใช้กระสุน และเป้าหมายที่ถูกทำลายได้รายงานทุกวันที่กองบัญชาการ บก.ทล.
เมื่อเริ่มภารกิจ บ.ท. ในช่วงสงคราม เมื่อมีสไนเปอร์ดีๆ น้อยลง บางครั้งพวกเขาก็ได้รับคำสั่งจากกองบัญชาการ
ในแต่ละกองร้อย ทหารบางคนติดตั้งปืนไรเฟิลที่มีกล้องส่องทางไกล แต่ไม่มีการฝึกพิเศษ พวกเขายิงได้อย่างน่าเชื่อถือสูงถึง 400 ม. และทำผลงานได้ดีมาก การทำงานที่ดี. ทหารเหล่านี้ให้บริการในโหมดปกติในกองร้อย และไม่สามารถได้รับ "พลังทำลายล้าง" ที่สูงเท่ากับสไนเปอร์ตัวจริง
แท็กติกและเป้าหมาย?
A, B, C: อยู่ในทีมสองคนเสมอ คนหนึ่งกำลังถ่ายทำ อีกคนกำลังดูอยู่ ภารกิจที่พบบ่อยที่สุด: การทำลายผู้สังเกตการณ์ของศัตรู (อาวุธหนัก), ผู้บัญชาการ บางครั้งเป้าหมาย เช่น ลูกเรือปืนต่อต้านรถถัง ลูกเรือปืนกล และอื่นๆ พลซุ่มยิงติดตามกองกำลังโจมตีและต่อสู้ในตำแหน่งศัตรูที่มีการป้องกันแน่นหนาที่สุด (ด้วยลูกเรืออาวุธหนักและอื่นๆ)
ตอบ: ฉันต้องแอบผ่านแนวป้องกันของศัตรูก่อนการโจมตีของเรา เพื่อทำลายผู้บัญชาการและลูกเรือของศัตรูในระหว่างการเตรียมปืนใหญ่ของเรา
b) การโจมตีในเวลากลางคืน:
A, B, C: เราไม่ได้ทะเลาะกันตอนกลางคืนเพราะพวกสไนเปอร์มีค่าเกินไป
c) การโจมตีในฤดูหนาว:
ตอบ: ฉันเดินตามหลังกองกำลังโจมตีด้วยลายพรางฤดูหนาวเพื่อตอบโต้ปืนกลและตำแหน่งต่อต้านรถถังที่ตอบโต้การโจมตีของเรา
B, C: ชุดลายพรางที่ดีและเสื้อผ้าที่อบอุ่นเป็นสิ่งจำเป็น มิฉะนั้น ความเป็นไปได้ของการสังเกตระยะยาวจะลดลง
ง) การป้องกัน
A, B, C: การล่าสัตว์อย่างอิสระส่วนใหญ่ในภาคการป้องกันของกองร้อย โดยปกติแล้วเป้าหมายทั้งหมดหรือเฉพาะเป้าหมายที่สำคัญที่สุดเท่านั้นที่จะถูกทำลาย เมื่อข้าศึกเข้าโจมตี ผู้บัญชาการของพวกมันสามารถระบุได้ง่ายเพราะมียุทโธปกรณ์ ชุดพราง และอื่นๆ ที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงยิงพวกเขาในระยะทางที่ไกลมาก และในลักษณะที่หยุดการรุกของข้าศึก (วันหนึ่ง A จำได้ว่าเขาทำลายผู้บัญชาการของการโจมตีทั้งแปดครั้ง)
ทันทีที่สไนเปอร์ของศัตรูปรากฏตัวขึ้น พวกเขาจะถูกต่อสู้จนถึงจุดพินาศ การดวลกับพลซุ่มยิงของศัตรูเหล่านี้ทำให้ทหารของเราบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
พลซุ่มยิงเข้าประจำตำแหน่งก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและอยู่ที่นั่นจนพระอาทิตย์ตกดิน
บางครั้ง หากเส้นทางไปยังตำแหน่งของคุณถูกขัดขวางโดยศัตรู คุณต้องอยู่ในตำแหน่งนี้เป็นเวลาสองหรือสามวันโดยไม่มีการสนับสนุน
จ) การป้องกันในเวลากลางคืน
A, B, C: ไม่ได้ใช้พลซุ่มยิงในตอนกลางคืน พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบริการรักษาความปลอดภัยหรืออะไรทำนองนั้น บางคราวก็ตั้งท่าพร้อมกลางวัน
f) คุณใช้เมื่อถ่ายภาพ แสงจันทร์?
A: ใช่ ถ้าแสงจันทร์แรงพอ และฉันใช้กล้องส่องทางไกล 6 เท่า มันก็เป็นไปได้
g) การต่อสู้เพื่อการกักกัน:
A, C: โดยปกติแล้ว 4 ถึง 6 พลซุ่มยิงจะยิงใส่ทหารศัตรูทุกนายที่ปรากฏตัว ปืนกลมักไม่ค่อยถูกใช้ในพื้นที่ด้านหลังเหล่านี้ ดังนั้นการยิงหนึ่งหรือสองนัดจากสไนเปอร์ทำให้ข้าศึกล่าช้าเป็นเวลานาน และตำแหน่งของพวกมันเองไม่ได้ถูกเปิดเผย
B: ไม่มีประสบการณ์ ในสถานการณ์นี้ทุกคนยิงทุกอย่าง
คุณใช้กลวิธีใดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
ตอบ: ความสำเร็จของสไนเปอร์ไม่ได้วัดจากคนที่เขาสังหาร แต่วัดจากผลกระทบที่เขามีต่อศัตรู ตัวอย่างเช่น หากข้าศึกสูญเสียผู้บังคับบัญชาในการรุก การรุกจะต้องยุติลง แน่นอน เรามีตัวบ่งชี้สูงสุดของผู้ที่ถูกทำลายในการรบป้องกันเมื่อศัตรูโจมตีหลายครั้งต่อวัน
B: ในการป้องกัน เพราะไม่มีการยืนยันการสังหารอื่น
C: ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดของสงครามสนามเพลาะเนื่องจากความสามารถในการตรวจตราที่ดี
เปอร์เซ็นต์ของการทำลายในแต่ละระยะ:
สูงถึง 400m: A: 65%
สูงถึง 600m: A: 30%
สูงถึง 800m: อื่น ๆ
ตอบ: 65% สูงถึง 400 ม. ไม่ได้เกิดจากระยะการยิง แต่เป็นเพราะสามารถระบุเป้าหมายได้ว่า "คุ้มค่า" ดังนั้นฉันมักจะรอจนกว่าจะสามารถระบุเป้าหมายได้
B: จำเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ แต่เป้าหมายส่วนใหญ่ยิงได้ไกลถึง 600 ม.
C: ส่วนใหญ่ยิงได้ไกลถึง 400 ม. เพราะเป็นระยะที่ปลอดภัยและง่ายต่อการดูว่าโดนหรือไม่
คุณยิงจากตำแหน่งหนึ่งได้กี่นัด?
A, B, C: มากเท่าที่จำเป็น
b) การป้องกันในตำแหน่งพร้อม:
A, B, C: มากที่สุด 1 ถึง 3
ค) การโจมตีของศัตรู:
A, B, C: แต่ละอัน คุ้มค่าเป้าหมาย
d) เผชิญหน้ากับพลซุ่มยิงของศัตรู:
A, B, C: 1 หรือ 2
e) การต่อสู้ล่าช้า
A, B, C: 1 หรือ 2 ก็เพียงพอแล้ว เพราะไม่ได้มีสไนเปอร์คนเดียว
B: เสริม: การสังหารไม่ได้รับการยืนยันระหว่างการโจมตีหรือการโจมตีของศัตรู
มีอะไรสำคัญอีกบ้างนอกจากการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม?
A: นอกจากสกิลสไนเปอร์ปกติแล้ว ไหวพริบชนะเสมอ "ชั้นเชิงเล็กน้อย" ของชายคนหนึ่งชนะการต่อสู้ เพื่อให้ได้อัตราการฆ่าที่สูง สิ่งสำคัญคือต้องไม่ใช้สไนเปอร์เพื่อหน้าที่อื่นใดนอกจากการซุ่มยิง
B: ความสงบ, ความเหนือกว่า, ความกล้าหาญ.
C: ความอดทนและอายุการใช้งานความสามารถในการสังเกตที่ยอดเยี่ยม
สไนเปอร์คัดเลือกมาจากใคร?
ตอบ: เกิดมาเพียง "นักสู้คนเดียว" เช่น นักล่า นักลอบล่าสัตว์ และอื่นๆ
B: ฉันจำไม่ได้ ฉันใช้ปืนไรเฟิลรัสเซียสังหารไป 27 ครั้งก่อนที่จะเข้ารับการฝึกสไนเปอร์
C: เฉพาะทหารที่มีประสบการณ์การสู้รบ มีทักษะการยิงปืนที่ยอดเยี่ยมและรับราชการสองปีเท่านั้นที่เข้ารับการฝึกสไนเปอร์
คุณเรียนหลักสูตรสไนเปอร์อะไร
A, B, C: สนามซุ่มยิงบน Toepl Seetaleralpe
C: ฉันอยู่ที่นั่นในฐานะครู (ผู้สอน)
คุณใช้กล้องส่องทางไกลและกำลังขยายอะไร
A: มันคือ 6x30 แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับระยะทางที่ไกลขึ้น ได้ 10x50 ในภายหลังและอันนี้ก็ดี
B: กล้องส่องทางไกลเท่าที่จำเป็นนอกเหนือจากขอบเขตของปืนไรเฟิล
C: พลซุ่มยิงทุกคนมีกล้องส่องทางไกลและมันจำเป็น สูงถึง 500 ม. 6x30 ก็เพียงพอแล้ว
คุณต้องการดูผ่านปริทรรศน์จากร่องลึกหรือไม่?
ตอบ: มันเป็นส่วนเสริมที่ดี เรามีชาวรัสเซียคนหนึ่ง
C: ถ้าจับได้ระหว่างถ้วยรางวัล มันก็ถูกใช้
มีการใช้กล้องโทรทรรศน์แบบกรรไกรหรือไม่?
A, C: ใช่ บางครั้งเราใช้มันกับปืนใหญ่อัตตาจร
คุณใช้ลายพรางอะไร
A, B, C: ชุดลายพราง เพนต์หน้าและมือ ไรเฟิลลายพรางในฤดูหนาวพร้อมผ้าคลุมไหล่และระบายสี
B: ฉันใช้ร่มมาสองปีแล้ว ฉันวาดมันเหมือน สิ่งแวดล้อม. ในตอนแรกฉันวาดมือและใบหน้าอย่างระมัดระวังมาก น้อยลงในตอนท้าย
คุณเคยใช้สิ่งอื่นเพื่อหลอกลวงศัตรูหรือไม่?
B: ใช่ ตัวอย่างเช่น ตำแหน่งผิดพลาดกับปืนไรเฟิลที่ยิงด้วยโครงลวด
คุณใช้หน้าจอบางส่วนหรือไม่?
คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับตลับติดตาม?
A, B, C: ไม่ควรใช้ในการต่อสู้ เพราะเราไม่สามารถเปิดโปงตำแหน่งของตนเองได้
พวกมันถูกใช้ในการฝึกและการทดสอบปืนไรเฟิล นอกจากนี้ พลซุ่มยิงแต่ละคนมีไม่กี่ตัวในการตรวจสอบระยะ
คุณเคยใช้กระสุนเล็งที่ระเบิดเมื่อกระแทกพื้นหรือไม่?
A, B, C: ใช่ เปลวไฟขนาดเล็กจะปรากฏขึ้นเมื่อพวกมันโดนเป้าหมาย ดังนั้นคุณจึงดูได้ว่าพวกมันโดนหรือไม่ นอกจากนี้เรายังใช้พวกมันเพื่อจุดไฟเผาอาคารไม้เพื่อให้ศัตรูพ่นควันออกมา ใช้ในระยะไกลถึง 600 ม.
คุณทำงานกับลมด้านข้างได้อย่างไร?
A: ความรู้สึกและประสบการณ์บางครั้งถูกทดสอบด้วยกระสุนติดตาม การฝึกบน Seetaleralpe นั้นดีมากเพราะที่นั่นมีลมแรง
B: รู้สึกถ้ามี ลมแรงเราไม่ได้ยิง
C: เราไม่ได้ยิงถ้ามีลม
A, B, C: ไม่ ความรู้สึก ประสบการณ์ การเล็งเร็ว และการยิงเร็ว
คุณใช้ปืนไรเฟิลต่อต้านรถถังหรือไม่?
A: ใช่ ปิดการใช้งานบางลูกเรืออาวุธผ่านหน้าจอของพวกเขา เป็นไปได้ที่จะยิงไปที่เป้าหมายสูงถึง 300 ม. เนื่องจากไม่มีอาวุธที่แม่นยำพอ หนักมากและไม่ได้ใช้โดยพลซุ่มยิง ไม่ได้ใช้กับเป้าหมายที่อ่อนนุ่ม
คุณยืนยันได้อย่างไรว่าถูกทำลาย?
A, B, C: ผ่านเจ้าหน้าที่หรือทหารสองคนที่เฝ้าดูการทำลายล้าง
ดังนั้นจำนวนของการทำลายที่ได้รับการยืนยันจึงต่ำกว่าจำนวนจริงมาก
X. Hesketh-Pritchard: "Sniping in France" (บริการของปืนซุปเปอร์สโตรคในสงครามโลกในแนวรบยุโรปตะวันตก) แปลจากภาษาอังกฤษ เรียบเรียงและคำนำโดย E.N. เซอร์เกวา 2468
http://www.snipercentral.com/snipers.htm#WWII
Oleg Ryazanov "ประวัติศิลปะการซุ่มยิง" http://www.bratishka.ru/zal/sniper/
A. Potapov "ศิลปะของมือปืน", 2545
ทหารและเจ้าหน้าที่หลายคนของกองทัพแดงกลายเป็นวีรบุรุษแห่งมหาสงครามแห่งความรักชาติ อาจเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะความพิเศษทางทหารที่โดดเด่นเป็นพิเศษเมื่อมอบรางวัลทางทหาร ท่ามกลาง วีรบุรุษที่มีชื่อเสียงสหภาพโซเวียตมีทหารช่าง ทหารเรือ นักบิน กะลาสี ทหารราบ และแพทย์ทหาร
แต่ฉันต้องการเน้นพิเศษทางทหารหนึ่งรายการซึ่งมีสถานที่พิเศษในหมวดหมู่ของความสามารถ นี่คือพลซุ่มยิง
พลซุ่มยิงเป็นทหารที่ได้รับการฝึกมาเป็นพิเศษซึ่งมีความเชี่ยวชาญในศิลปะการยิงปืน การพรางตัว และการสังเกตการณ์ ยิงเข้าใส่เป้าหมายด้วยการยิงนัดแรก หน้าที่ของมันคือการเอาชนะผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ประสานงาน การทำลายเป้าหมายเดี่ยวที่พรางตัว
ที่ด้านหน้า เมื่อหน่วยทหารพิเศษ (กองร้อย กองทหาร หน่วยงาน) ต่อต้านศัตรู สไนเปอร์เป็นหน่วยรบอิสระ
เราจะบอกคุณเกี่ยวกับฮีโร่สไนเปอร์ที่มีส่วนสำคัญในชัยชนะ คุณสามารถอ่านเกี่ยวกับพลซุ่มยิงหญิงที่เข้าร่วมในมหาสงครามแห่งความรักชาติได้ในของเรา
1. พัสซาร์ แม็กซิม อเล็กซานโดรวิช (08/30/1923 - 01/22/1943)
ผู้เข้าร่วมในมหาสงครามแห่งความรักชาติซึ่งเป็นนักแม่นปืนโซเวียตได้ทำลายทหารและเจ้าหน้าที่ของข้าศึก 237 นายในระหว่างการต่อสู้ ศัตรูส่วนใหญ่ถูกกำจัดโดยเขาในระหว่าง การต่อสู้ของสตาลินกราด. สำหรับการทำลาย Passar คำสั่งของเยอรมันได้กำหนดรางวัล 100,000 Reichsmarks วีรบุรุษแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (ต้อ)
2. เซอร์คอฟ มิคาอิล อิลยิช (2464-2496)
สมาชิกของ Great Patriotic War, พลซุ่มยิงของกองพันที่ 1 ของกองทหารปืนไรเฟิลที่ 39 ของกองปืนไรเฟิลที่ 4 ของกองทัพที่ 12, หัวหน้าคนงาน, ผู้ถือ Order of Lenin และ Order of the Red Star
3. Kovshova Natalia Venediktovna (11/26/1920 - 08/14/1942)
ผู้เข้าร่วมมหาสงครามแห่งความรักชาติ วีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต
ในบัญชีส่วนตัวของพลซุ่มยิง Kovshova 167 สังหารทหารและเจ้าหน้าที่ของลัทธิฟาสซิสต์ ในระหว่างการให้บริการเธอได้สอนทักษะการเป็นนักแม่นปืนให้กับนักสู้ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2485 ใกล้กับหมู่บ้าน Sutoki เขต Novgorod เธอเสียชีวิตในการสู้รบที่ไม่เท่าเทียมกันกับพวกนาซี
4. Tulaev Zhambyl Yesheevich (02 (15) 05.1905 - 01.17.1961)
สมาชิกของมหาสงครามแห่งความรักชาติ ฮีโร่ของสหภาพโซเวียต
พลซุ่มยิงของกรมทหารราบที่ 580 ของกองทหารราบที่ 188 ของกองทัพที่ 27 ของแนวรบด้านตะวันตกเฉียงเหนือ หัวหน้าคนงาน Zhambyl Tulaev ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน 2485 กำจัดพวกนาซี 262 คน เตรียมพลซุ่มยิงไว้ด้านหน้ากว่า 30 นาย
5. ซิโดเรนโก อีวาน มิคาอิโลวิช (09/12/1919 - 19/02/1994)
กัปตัน Ivan Sidorenko ผู้ช่วยเสนาธิการกองทหารปืนไรเฟิลที่ 1122 มีความโดดเด่นในฐานะผู้จัดงานขบวนการซุ่มยิง ในปี 1944 เขาทำลายล้างพวกนาซีประมาณ 500 คนเป็นการส่วนตัวด้วยปืนไรเฟิล
Ivan Sidorenko ฝึกพลซุ่มยิงแนวหน้ามากกว่า 250 คน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับคำสั่งและเหรียญรางวัล
6. Okhlopkov Fedor Matveevich (03/02/1908 - 05/28/1968)
สมาชิกของ Great Patriotic War วีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2487 จ่า Okhlopkov ทำลายทหารนาซีและเจ้าหน้าที่ 429 นายด้วยปืนไรเฟิล ได้รับบาดเจ็บ 12 ครั้ง ชื่อของฮีโร่แห่งสหภาพโซเวียตและภาคีของเลนินได้รับรางวัลในปี 2508 เท่านั้น
7. Aliya Nurmukhambetovna Moldagulova (10/25/1925 - 14/01/1944)
ผู้เข้าร่วมมหาสงครามแห่งความรักชาติ, วีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต (ต้อ), สิบโท
พลซุ่มยิงของกองพลปืนไรเฟิลแยกที่ 54 ของกองทัพที่ 22 ของแนวรบบอลติกที่ 2 Corporal Moldagulova ในช่วง 2 เดือนแรกของการเข้าร่วมในการต่อสู้ได้ทำลายศัตรูหลายสิบคน เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2487 เธอเข้าร่วมในการต่อสู้เพื่อหมู่บ้าน Kazachikha ภูมิภาค Pskov และนำนักสู้เข้าสู่การโจมตี เมื่อบุกเข้าไปในแนวป้องกันของศัตรู เธอทำลายทหารและเจ้าหน้าที่หลายคนด้วยปืนกล เธอเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้
8. บูเดนคอฟ มิคาอิล อิวาโนวิช (05.12.1919 - 02.08.1995)
สมาชิกของมหาสงครามแห่งความรักชาติ, วีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต, ผู้หมวดอาวุโส
ภายในเดือนกันยายน พ.ศ. 2487 มิคาอิล บูเดนคอฟ จ่าทหารรักษาพระองค์เป็นพลซุ่มยิงในกรมทหารราบที่ 59 ของกองทหารรักษาพระองค์ที่ 21 ของกองทัพช็อกที่ 3 ของแนวรบบอลติกที่ 2 เมื่อถึงเวลานั้น เขามีทหารและเจ้าหน้าที่ของศัตรู 437 นายที่ถูกทำลายด้วยการยิงของสไนเปอร์ เขาเข้าสู่สิบอันดับพลซุ่มยิงของมหาสงครามแห่งความรักชาติ
9. Etobaev Arseny Mikhailovich (09/15/1903- 1987)
สมาชิกของ Great Patriotic War, สงครามกลางเมืองพ.ศ. 2460-2465 และความขัดแย้งเรื่องทางรถไฟสายตะวันออกของจีน พ.ศ. 2472 ขุนนางแห่งเลนินและภาคีดาวแดง นักรบแห่งภาคีแห่งสงครามรักชาติ
พลซุ่มยิงทำลายผู้รุกรานชาวเยอรมัน 356 คนและยิงเครื่องบินสองลำตก
10. Salbiev Vladimir Gavrilovich (2459- 1996)
สมาชิกของ Great Patriotic War ผู้ถือ Order of the Red Banner และ Order of the Patriotic War II ถึงสองครั้ง
บัญชีพลซุ่มยิงของ Salbiev มีทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายศัตรูเสียชีวิต 601 นาย
11. Pchelintsev Vladimir Nikolaevich (30.08.1919)- 27.07.1997)
สมาชิกของ Great Patriotic War, พลซุ่มยิงของกองพลทหารราบที่ 11 ของกองทัพที่ 8 ของแนวรบเลนินกราด, ฮีโร่แห่งสหภาพโซเวียต, Sgt.
หนึ่งในพลซุ่มยิงที่เก่งกาจที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง ทำลายทหารข้าศึก 456 นาย นายทหารชั้นประทวนและเจ้าหน้าที่
12. Kvachantiradze Vasily Shalvovich (2450- 1950)
สมาชิกของมหาสงครามแห่งความรักชาติ, วีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต, หัวหน้าคนงาน
พลซุ่มยิงของกรมทหารราบที่ 259 ของกองทหารราบที่ 179 ของกองทัพที่ 43 ของแนวรบบอลติกที่ 1
หนึ่งในนักแม่นปืนที่มีประสิทธิผลมากที่สุดในมหาสงครามแห่งความรักชาติ ทำลายทหารและเจ้าหน้าที่ข้าศึก 534 นาย
13. กอนชารอฟ ปีเตอร์ อเล็กเซวิช (01/15/1903)- 31.01.1944)
สมาชิกของมหาสงครามแห่งความรักชาติ, วีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต, จ่าทหารรักษาพระองค์อาวุโส
ในบัญชีสไนเปอร์ ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายศัตรูมากกว่า 380 นายถูกสังหาร เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2487 เมื่อฝ่าแนวป้องกันของศัตรูใกล้กับหมู่บ้าน Vodiane
14. Galushkin Nikolai Ivanovich (07/01/1917- 22.01.2007)
สมาชิกของมหาสงครามแห่งความรักชาติ, วีรบุรุษแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย, ร้อยโท
เขารับราชการในกรมทหารราบที่ 49 กองพลทหารราบที่ 50 ตามรายงาน เขาได้ทำลายทหารและเจ้าหน้าที่เยอรมัน 418 นาย รวมถึงพลซุ่มยิง 17 นาย และยังฝึกนักสู้ 148 คนในธุรกิจซุ่มยิง หลังสงครามเขาทำงานด้านการทหารและรักชาติ
สมาชิกของ Great Patriotic War, ผู้บัญชาการกองร้อยซุ่มยิงของกรมทหารราบที่ 81, ผู้หมวดผู้พิทักษ์
ในตอนท้ายของเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2486 ผู้บัญชาการกองร้อยซุ่มยิง Golosov ได้ทำลายพวกนาซีประมาณ 420 คนเป็นการส่วนตัวรวมถึงพลซุ่มยิง 70 คน ในบริษัทของเขา เขาฝึกพลซุ่มยิง 170 คน ซึ่งโดยรวมแล้วทำลายล้างพวกฟาสซิสต์ได้มากกว่า 3,500 คน
เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ท่ามกลางการต่อสู้เพื่อหมู่บ้าน Dolgenkoe เขต Izyumsky ภูมิภาค Kharkov
16. Nomokonov Semyon Danilovich (08/12/1900 - 07/15/1973)
สมาชิกของ Great Patriotic War และสงครามโซเวียต - ญี่ปุ่น ผู้ถือ Order of the Red Star, Order of Lenin, Order of the Red Banner สองครั้ง
ในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติ เขาทำลายทหารและเจ้าหน้าที่ของเยอรมันไป 360 นาย รวมทั้งแม่ทัพใหญ่หนึ่งนาย ในช่วงสงครามโซเวียต-ญี่ปุ่น เขาทำลายทหารและเจ้าหน้าที่ 8 นายของกองทัพควันตุง คะแนนรวมที่ยืนยันแล้วคือทหารและเจ้าหน้าที่ข้าศึก 368 นาย
17. Ilyin Nikolai Yakovlevich (2465 - 08/04/2486)
สมาชิกของมหาสงครามแห่งความรักชาติ, วีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต, หัวหน้าคนงาน, รองผู้สอนทางการเมือง
โดยรวมแล้วสไนเปอร์คิดเป็น 494 ศัตรูที่ถูกสังหาร เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ในการสู้รบใกล้หมู่บ้าน Yastrebovo Nikolai Ilyin เสียชีวิตด้วยกระสุนปืนกล
18. โทนอฟ อีวาน เปโตรวิช (07/07/1920 - 03/22/1989)
สมาชิกของ Great Patriotic War, มือปืนของกองร้อยปืนไรเฟิลแยกที่ 160 ของฐานทัพเรือ Leningrad ของกองเรือบอลติก, กะลาสี, ฮีโร่ของสหภาพโซเวียต
Ivan Antonov กลายเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกขบวนการซุ่มยิงในทะเลบอลติก
ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485 เขาได้ทำลายล้างพวกนาซี 302 คน และสอนศิลปะการยิงปืนให้กับพลซุ่มยิง 80 คนแก่ศัตรู
19. Dyachenko Fedor Trofimovich (06/16/1917 - 08/08/1995)
สมาชิกของมหาสงครามแห่งความรักชาติ, วีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต, พันตรี
ภายในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2487 ไดเชนโกได้ทำลายทหารและเจ้าหน้าที่ของศัตรู 425 นาย รวมทั้งพลซุ่มยิงหลายคนด้วยการยิงของสไนเปอร์
20. Idrisov Abuhaji (Abukhazhi) (05/17/1918)- 22.10.1983)
สมาชิกของ Great Patriotic War, พลซุ่มยิงของกรมทหารราบที่ 1232 ของกองทหารราบที่ 370, จ่าอาวุโส, ฮีโร่ของสหภาพโซเวียต
เมื่อถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2487 เขาได้ทำลายล้างพวกนาซีไปแล้ว 349 ครั้งในบัญชีของเขา และเขาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับชื่อวีรบุรุษ ในการสู้รบครั้งหนึ่งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2487 Idrisov ได้รับบาดเจ็บจากชิ้นส่วนของทุ่นระเบิดที่ระเบิดในบริเวณใกล้เคียง เขาถูกปกคลุมด้วยดิน สหายขุดเขาและส่งเขาไปโรงพยาบาล
พลซุ่มยิงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเครื่องบินรบของโซเวียตเกือบทั้งหมด ท้ายที่สุดมีเพียงในสหภาพโซเวียตในช่วงปีก่อนสงครามเท่านั้นที่มีการฝึกยิงปืนในระดับสากลและตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930 เป็นต้นมาก็มีโรงเรียนพลซุ่มยิงพิเศษ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจในความจริงที่ว่าทั้งสิบอันดับแรกและในยี่สิบอันดับแรกของนักแม่นปืนที่ดีที่สุดของสงครามนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว ชื่อต่างประเทศ- ฟินน์ ซิโม เฮย์ฮา
ในบัญชีของพลซุ่มยิงรัสเซียสิบอันดับแรก - 4200 นักสู้ข้าศึกที่ยืนยันแล้วยี่สิบอันดับแรก - 7400 นักแม่นปืนที่ดีที่สุดของสหภาพโซเวียต - มากกว่า 500 คนเสียชีวิตในแต่ละครั้งในขณะที่นักแม่นปืนที่มีประสิทธิผลมากที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สองในหมู่ชาวเยอรมันมีบัญชีเพียง 345 เป้าหมาย แต่บัญชีจริงของพลซุ่มยิงนั้นมีมากกว่าที่ได้รับการยืนยัน - ประมาณสองถึงสามเท่า!
นอกจากนี้ยังควรระลึกไว้เสมอว่าในสหภาพโซเวียต - ประเทศเดียวในโลก! - ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้น แต่ยังมีผู้หญิงต่อสู้ในฐานะพลซุ่มยิงด้วย ในปี 1943 มีพลซุ่มยิงหญิงมากกว่าหนึ่งพันคนในกองทัพแดง ซึ่งในช่วงสงครามได้สังหารพวกฟาสซิสต์ไปมากกว่า 12,000 คน นี่คือสามสิ่งที่มีประสิทธิผลมากที่สุด: Lyudmila Pavlichenko - ศัตรู 309 คน, Olga Vasilyeva - ศัตรู 185 คน, Natalia Kovshova - ศัตรู 167 คน ตามตัวบ่งชี้เหล่านี้ ผู้หญิงโซเวียตทิ้งพลซุ่มยิงที่เก่งที่สุดจากคู่ต่อสู้ไว้เบื้องหลัง
Mikhail Surkov - ทหารและเจ้าหน้าที่ข้าศึก 702 นาย
เป็นเรื่องจริงที่น่าประหลาดใจ: แม้จะมีความพ่ายแพ้เป็นจำนวนมากที่สุด แต่ Surkov ก็ไม่เคยได้รับตำแหน่งวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียตเลย แม้ว่าเขาจะเสนอตัวต่อเขาก็ตาม คะแนนที่ไม่เคยมีมาก่อนของพลซุ่มยิงที่มีประสิทธิผลมากที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สองได้รับการตั้งคำถามมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ความพ่ายแพ้ทั้งหมดได้รับการบันทึกไว้ตามกฎที่บังคับใช้ในกองทัพแดง จ่าสิบเอก Surkov สังหารพวกฟาสซิสต์อย่างน้อย 702 คน และคำนึงถึงความแตกต่างที่เป็นไปได้ระหว่างความพ่ายแพ้จริงและที่ยืนยันแล้ว จำนวนอาจถึงหลักพัน! ความแม่นยำที่น่าทึ่งของ Mikhail Surkov และความสามารถอันน่าทึ่งในการติดตามคู่ต่อสู้ของเขาเป็นเวลานานสามารถอธิบายได้ง่ายๆ: ก่อนที่จะถูกเกณฑ์เข้ากองทัพเขาทำงานเป็นนักล่าในไทกาในบ้านเกิดของเขา - ในดินแดนครัสโนยาสค์ .
Vasily Kvachantiradze - ทหารและเจ้าหน้าที่ข้าศึก 534 นาย
จ่าสิบเอก Kvachantiradze ต่อสู้ตั้งแต่วันแรก: ในเขา ไฟล์ส่วนบุคคลโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามีส่วนร่วมในมหาสงครามแห่งความรักชาติตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2484 และเขายุติการรับใช้หลังจากได้รับชัยชนะเท่านั้น สงครามครั้งใหญ่โดยไม่มีข้อผูกมัด แม้แต่ชื่อของวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต Vasily Kvachantiradze ผู้ซึ่งสังหารทหารและเจ้าหน้าที่ของศัตรูกว่าห้าร้อยคนก็ได้รับมอบก่อนสิ้นสุดสงครามในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2488 ไม่นาน และหัวหน้าคนงานที่ถูกถอนกำลังกลับไปยังจอร์เจียบ้านเกิดของเขาในฐานะผู้ถือคำสั่งของเลนินสองคำสั่ง, คำสั่งของธงแดง, คำสั่งของสงครามรักชาติระดับที่ 2 และคำสั่งของดาวแดง
Simo Häyhä - ทหารและเจ้าหน้าที่ข้าศึกกว่า 500 นาย
หากในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2483 Simo Häyhä สิบโทชาวฟินแลนด์ไม่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนระเบิด บางทีตำแหน่งพลซุ่มยิงที่มีผลงานมากที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สองอาจเป็นของเขา ระยะเวลาทั้งหมดของการมีส่วนร่วมของ Finn ในสงครามฤดูหนาวปี 1939-40 นั้นจำกัดอยู่ที่สามเดือน - และด้วยผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้! อาจเป็นเพราะความจริงที่ว่าในเวลานี้กองทัพแดงยังไม่มีประสบการณ์เพียงพอในการต่อสู้กับมือปืน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครยอมรับได้ว่า Häyhä เป็นมืออาชีพระดับสูงสุด ท้ายที่สุดเขาฆ่าคู่ต่อสู้ส่วนใหญ่โดยไม่ใช้อุปกรณ์สไนเปอร์พิเศษ แต่ด้วยการยิงจากปืนไรเฟิลธรรมดาด้วยสายตาที่เปิดกว้าง
Ivan Sidorenko - ทหารและเจ้าหน้าที่ข้าศึก 500 นาย
เขาควรจะเป็นศิลปิน - แต่เขากลายเป็นมือปืนโดยทำสำเร็จก่อนหน้านั้น โรงเรียนเตรียมทหารและสั่งกองร้อยปูน ผู้หมวด Ivan Sidorenko เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่สไนเปอร์เพียงไม่กี่คนในรายชื่อนักแม่นปืนที่มีผลงานมากที่สุดของสหภาพโซเวียตในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติ แม้ว่าเขาจะต่อสู้อย่างหนัก: เป็นเวลาสามปีในแนวหน้าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2484 ถึงพฤศจิกายน พ.ศ. 2487 Sidorenko ได้รับบาดแผลฉกรรจ์สามครั้งซึ่งทำให้เขาไม่สามารถเรียนที่โรงเรียนทหารได้ในที่สุดซึ่งผู้บังคับบัญชาของเขาส่งมา ดังนั้นเขาจึงไปที่กองหนุนในฐานะพันตรี - และวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต: ตำแหน่งนี้มอบให้เขาที่ด้านหน้า
Nikolai Ilyin - ทหารและเจ้าหน้าที่ศัตรู 494 นาย
นักแม่นปืนโซเวียตเพียงไม่กี่คนได้รับเกียรติเช่นนี้: ยิงจากปืนไรเฟิลซุ่มยิง จ่าสิบเอก Ilyin สมควรได้รับมัน ไม่เพียงแต่กลายเป็นนักแม่นปืนที่มีจุดมุ่งหมายดีเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มขบวนการซุ่มยิงที่แนวหน้าสตาลินกราดด้วย ในบัญชีของเขามีพวกนาซีที่ถูกสังหารไปแล้วกว่าร้อยคนเมื่อในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2485 เจ้าหน้าที่ได้มอบปืนไรเฟิลที่ตั้งชื่อตามวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต Hussein Andrukhaev กวี Adyghe ผู้สอนการเมืองซึ่งเป็นหนึ่งในคนแรก ๆ ในช่วงสงคราม เพื่อตะโกนต่อหน้าศัตรูที่กำลังจะมาถึง "รัสเซียไม่ยอมจำนน!" อนิจจาหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งปี Ilyin เองก็เสียชีวิตและปืนไรเฟิลของเขากลายเป็นที่รู้จักในชื่อปืนไรเฟิล "ตั้งชื่อตามวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต Kh. Andrukhaev และ N. Ilyin"
Ivan Kulbertinov - ทหารและเจ้าหน้าที่ข้าศึก 487 นาย
มีนักล่าหลายคนในหมู่นักแม่นปืนของสหภาพโซเวียต แต่มีนักล่ากวางเรนเดียร์ยาคุตเพียงไม่กี่คน คนที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Ivan Kulbertinov - อายุเท่ากับรัฐบาลโซเวียต: เขาเกิดวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2460! เมื่อมาถึงแนวหน้าเมื่อต้นปี พ.ศ. 2486 ในเดือนกุมภาพันธ์เขาได้เปิดบัญชีส่วนตัวเกี่ยวกับศัตรูที่ถูกสังหารซึ่งในตอนท้ายของสงครามทำให้เกือบห้าร้อยคน และแม้ว่าหลายคนจะประดับหน้าอกของฮีโร่สไนเปอร์ รางวัลกิตติมศักดิ์เขาไม่เคยได้รับตำแหน่งสูงสุดของฮีโร่แห่งสหภาพโซเวียตแม้ว่าจะตัดสินจากเอกสารแล้วเขาก็ถูกนำเสนอต่อเขาสองครั้ง แต่ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2488 เจ้าหน้าที่ได้มอบปืนไรเฟิลส่วนตัวที่มีข้อความว่า
Vladimir Pchelintsev - ทหารและเจ้าหน้าที่ศัตรู 456 นาย
พลซุ่มยิงโซเวียตที่ดีที่สุด วลาดิมีร์ เชลินท์เซฟ. ที่มา: www.wio.ru
พูดได้ว่า Vladimir Pchelintsev เป็นมือปืนมืออาชีพที่จบการศึกษาจากการซุ่มยิงและหนึ่งปีก่อนสงครามได้รับตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬายิงปืน นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในสองนักแม่นปืนโซเวียตที่ใช้เวลาทั้งคืนในทำเนียบขาว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปทำธุรกิจที่สหรัฐอเมริกา จ่าสิบเอก Pchelintsev ผู้ซึ่งได้รับตำแหน่งวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียตเมื่อหกเดือนก่อน ได้ไปที่สมัชชานักเรียนนานาชาติในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2485 เพื่อบอกเล่าว่าสหภาพโซเวียตต่อสู้กับลัทธิฟาสซิสต์อย่างไร เขามาพร้อมกับเพื่อนมือปืน Lyudmila Pavlichenko และหนึ่งในฮีโร่ การต่อสู้ของพรรคพวกนิโคไล คราซาฟเชนโก
Petr Goncharov - ทหารและเจ้าหน้าที่ข้าศึก 441 นาย
Pyotr Goncharov กลายเป็นมือปืนโดยบังเอิญ คนงานในโรงงานสตาลินกราดที่จุดสูงสุดของการรุกของเยอรมัน เขาเข้าร่วมกองทหารรักษาการณ์ จากจุดที่เขาถูกนำเข้าสู่กองทัพประจำการ ... ในฐานะคนทำขนมปัง จากนั้น Goncharov ก็ขึ้นสู่ตำแหน่งขบวนและมีเพียงโอกาสเดียวที่ทำให้เขากลายเป็นพลซุ่มยิง เมื่อไปถึงแนวหน้า เขาก็จุดไฟเผารถถังศัตรูด้วยการยิงที่แม่นยำจากอาวุธของคนอื่น และ Goncharov ได้รับปืนไรเฟิลลำแรกของเขาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2485 และไม่ได้มีส่วนร่วมจนกระทั่งเสียชีวิตในเดือนมกราคม พ.ศ. 2487 มาถึงตอนนี้ อดีตคนงานได้สวมสายสะพายไหล่ของจ่าอาวุโสและตำแหน่งวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียตแล้ว ซึ่งเขาได้รับเมื่อยี่สิบวันก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
Mikhail Budenkov - ทหารและเจ้าหน้าที่ข้าศึก 437 นาย
ชีวประวัติของผู้หมวดอาวุโส Mikhail Budenkov นั้นสดใสมาก ล่าถอยจากเบรสต์ไปมอสโคว์และไปถึงปรัสเซียตะวันออก ต่อสู้ในทีมปืนครกและกลายเป็นพลซุ่มยิง บูเดนคอฟ ก่อนถูกเกณฑ์เข้ากองทัพในปี 2482 สามารถทำงานเป็นช่างต่อเรือบนเรือที่แล่นไปตามคลองมอสโกได้ และในขณะที่ คนขับรถแทรกเตอร์ในฟาร์มส่วนรวมของเขา ... แต่อย่างไรก็ตามอาชีพนี้ทำให้ตัวเองรู้สึกว่า: การยิงที่แม่นยำของผู้บัญชาการของลูกเรือครกดึงดูดความสนใจของเจ้าหน้าที่และ Budenkov กลายเป็นมือปืน ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในกองทัพแดงที่ดีที่สุดซึ่งในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2488 เขาได้รับรางวัลฮีโร่แห่งสหภาพโซเวียต
Matthias Hetzenauer - ทหารและเจ้าหน้าที่ข้าศึก 345 นาย
พลซุ่มยิงชาวเยอรมันคนเดียวในสิบอันดับแรกของพลซุ่มยิงที่มีประสิทธิผลมากที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สองไม่ได้มาที่นี่ด้วยจำนวนศัตรูที่ถูกสังหาร ตัวเลขนี้ทำให้สิบโท Hetzenauer อยู่ไกลเกินกว่ายี่สิบอันดับแรก แต่จะเป็นการผิดที่จะไม่ยกย่องทักษะของศัตรู ซึ่งจะเป็นการเน้นย้ำถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพลซุ่มยิงโซเวียต ยิ่งไปกว่านั้น ในเยอรมนีเอง ความสำเร็จของ Hetzenauer ถูกเรียกว่า "ผลลัพธ์อันมหัศจรรย์ของการทำสงครามซุ่มยิง" และมันก็อยู่ไม่ไกลจากความจริง เพราะพลซุ่มยิงชาวเยอรมันทำแต้มของเขาในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งปี โดยจบหลักสูตรสไนเปอร์ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2487
นอกจากปรมาจารย์ด้านศิลปะการยิงปืนข้างต้นแล้ว ยังมีคนอื่นๆ อีก รายชื่อนักแม่นปืนโซเวียตที่ดีที่สุดและเป็นเพียงผู้ที่ทำลายกองทหารข้าศึกอย่างน้อย 200 นายซึ่งรวมถึงมากกว่าห้าสิบคน
Nikolai Kazyuk - ทหารและเจ้าหน้าที่ศัตรู 446 นาย
พลซุ่มยิงโซเวียตที่ดีที่สุด นิโคไล คาซุค.
