อะไรทำให้เรามีสมาธิในชีวิต? มีไว้เพื่ออะไร? ทำไมต้องนั่งสมาธิและวิธีใช้สมาธิกับชีวิตของคุณ

ทำสมาธิเพื่ออะไร? ทุกคนที่เพิ่งเริ่มมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเองทางจิตวิญญาณถามคำถามนี้ และถูกต้อง - คุณต้องเข้าใจว่าผลลัพธ์ใดที่คุณจะบรรลุในท้ายที่สุดและสิ่งที่คุณต้องพยายาม

ประโยชน์ของการทำสมาธิเป็นประจำ

อย่าคาดหวังผลอันยิ่งใหญ่จากการนั่งสมาธิครั้งแรก ความสำเร็จมาพร้อมกับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ หากคุณตั้งใจแน่วแน่ที่จะแนะนำวิธีการทางจิตวิญญาณเช่นนั้นในชีวิตของคุณ คุณต้องเข้าใจว่าเหตุใดจึงจำเป็น

ประโยชน์ของการทำสมาธิเป็นประจำมีดังนี้

1. คุณล้างความคิดของคุณจากทุกสิ่งที่ไม่จำเป็นและไม่จำเป็น กำจัด โปรแกรมเชิงลบสังคม ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ สภาพแวดล้อม นี่เป็นการปลดปล่อยครั้งใหญ่จากความคิดเห็นของคนอื่นและการจดจ่อกับความคิดที่แท้จริงของคุณ
2. คุณเรียนรู้ที่จะได้ยินความปรารถนาของจิตวิญญาณของคุณเอง เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของคุณ คุณสามารถหางานในชีวิตที่คุณชื่นชอบนำความสุขและเงินที่ดีมาให้
3. คุณจะกลายเป็นคนที่อ่อนแอต่อการบงการของคนอื่น เพราะสติสัมปชัญญะของคุณไม่ได้ถูกบดบังด้วยทัศนคติและความคิดเห็นของคนอื่นอีกต่อไป แต่จะสะท้อนถึงคุณเท่านั้น ความปรารถนาของตัวเอง, ความตั้งใจ , แรงบันดาลใจ
4. มีรสชาติของชีวิต ความคิดชัดเจนขึ้น ในที่สุดคุณก็เข้าใจสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ และนำพลังงานทั้งหมดของคุณไปสู่เป้าหมายที่มีความหมายสำหรับคุณ
5. คุณกำลังฝึกสติ ซึ่งหมายความว่าคุณเรียนรู้ที่จะควบคุมความคิดและความรู้สึกของคุณอย่างสมบูรณ์ และในเวลาใดก็ตามคุณสามารถแยกออกจากอารมณ์ได้ ทำให้หัวของคุณเย็นลงและมีสติสัมปชัญญะ
6. คุณเปลี่ยนจุดสนใจไปยังสิ่งที่สำคัญจริงๆ สำหรับคุณ ละทิ้งสิ่งที่ไม่สมควรได้รับเวลาและความคิดของคุณ
7. คุณสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น ตอบสนองต่ออาการใดๆ อย่างใจเย็น อารมณ์เชิงลบไม่เพียงสามารถรับความรักและความสุขจากแหล่งภายนอกเท่านั้น แต่ยังสามารถแบ่งปันกับโลกและผู้คนได้อีกด้วย
8. คุณค้นพบในตัวเอง ทักษะความคิดสร้างสรรค์และพรสวรรค์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทุกคนมีศักยภาพในการสร้างสรรค์อย่างแน่นอน แต่มันถูกซ่อนไว้มากจนไม่สามารถมองเห็นได้
9. คุณกำจัดความกลัว โรคกลัว ความซับซ้อนและความไม่มั่นคง เต็มไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจในตนเอง

การทำสมาธิเป็นประจำจะสอนให้คุณอยู่ในสภาวะ "แค่เป็น" อยู่ตลอดเวลา และใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน มีความสุขกับปัจจุบัน อดีตจะจางหายไปในพื้นหลังและไม่รบกวนคุณอีกต่อไป และอนาคตจะไม่ทำให้คุณหวาดกลัวและรบกวนคุณอีกต่อไป คุณมีความสุขอยู่ในความสามัคคีชื่นชมยินดีในสิ่งที่คุณมีและมั่นใจว่าทุกอย่างจะดีตลอดไป

ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าการทำสมาธิให้อะไรแก่บุคคล แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คล้ายกันสิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามกฎบางอย่าง

ประโยชน์ของการทำสมาธิต่อร่างกาย

ตามจิตวิทยาสาเหตุของโรคอยู่ในจิตใต้สำนึกของบุคคล ดังนั้นการฝึกสมาธิเป็นประจำเนื่องจากการผ่อนคลายและการประสานสติจึงส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย

ประโยชน์ต่อสุขภาพของ:

• ความสมดุลของพลังงานในร่างกายมนุษย์ที่บอบบางจะถูกทำให้เป็นปกติ ส่งผลให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาอยู่เสมอ ความต้านทานต่อความเครียดมีความเข้มแข็งขึ้น สภาวะทางจิตและอารมณ์จะคงที่อยู่เสมอ
• "หลุมพลังงาน" ในออร่าจะถูกกำจัด จักระทั้งเจ็ดแต่ละแห่งเข้ามาประสานกัน เป็นที่ทราบกันดีว่าจักระมีส่วนรับผิดชอบต่อสุขภาพของอวัยวะบางอย่าง ดังนั้นคุณจึงสามารถรักษาได้อย่างสมบูรณ์ แต่แน่นอนว่าคุณไม่ควรละเลยวิธีการใช้ยาอย่างเป็นทางการ
• ร่างกายของคุณไวต่อสถานการณ์ภายนอก และคุณเรียนรู้ที่จะได้ยินสัญญาณของมัน ดังนั้นคุณสามารถระบุการโจมตีของโรคและรักษาได้อย่างรวดเร็วโดยใช้วิธีการที่มีอยู่

การฝึกสมาธิอย่างจริงใจทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณเข้าสู่ความสมดุลดังนั้นบุคคลจึงไม่กลัวโรคใด ๆ

บทบาทของสมาธิในการพัฒนาจิตวิญญาณ

เป้าหมายหลักของการฝึกสมาธิคือการพัฒนาตนเองทางจิตวิญญาณ เป็นผลให้คุณสามารถบรรลุสิ่งต่อไปนี้:

• พัฒนาวินัยในตนเองและความตระหนัก ควบคุม ชีวิตของตัวเองและสร้างมันในแบบที่คุณต้องการ ไม่มีสถานการณ์ภายนอกใดที่จะทำให้ปัญหาของคุณรุนแรงขึ้นได้
• คุณเข้าใจและตระหนักว่าจังหวะใดที่คุณสะดวกที่สุดในการใช้ชีวิตและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ทำงาน และพัฒนา ความวุ่นวายจะหมดไป คุณไม่ต้องเสียพลังงานไปกับสิ่งว่างเปล่าและการกระทำอีกต่อไป
• พัฒนา ศักยภาพในการสร้างสรรค์ค้นพบพรสวรรค์ใหม่ๆ ในตัวเอง และเห็นชัดว่าตัวเองมีความสามารถอะไร สิ่งนี้จะช่วยให้มีสมาธิและนำพลังงานไปในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทุกประเภท
• พัฒนาคุณธรรม ปฏิบัติตามมาตรฐานทางศีลธรรม ไม่ใช่เพราะสังคมกำหนด แต่เพราะคุณได้รับศักดิ์ศรีของตัวเอง
• มีเวลามากขึ้นเพราะคุณหยุดเสียพลังงานไปกับเป้าหมายและการกระทำที่ไม่จำเป็น

และที่สำคัญที่สุด - คุณกลับมาเป็นตัวของตัวเองกลายเป็นคนที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง

ดูวิดีโอว่าการทำสมาธิมีไว้เพื่ออะไรและมีประโยชน์อย่างไร:

คุณสามารถพบเทคนิคการทำสมาธิมากมายในโรงเรียนจิตวิญญาณต่างๆ ลองทุกอย่างและค้นหาสิ่งที่เหมาะกับคุณที่สุด สะท้อนในจิตวิญญาณของคุณ ไม่มีใครนอกจากคุณรู้ว่าวิธีใดเหมาะสำหรับคุณ

คุณจะค่อย ๆ เริ่มรู้สึกว่าความสุขและความสามัคคีเติมเต็มคุณ คุณจะได้เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับชีวิตในรูปแบบต่างๆ ได้รับความหมายและจุดประสงค์ คุณจะทำตามคำสั่งของจิตวิญญาณของคุณเท่านั้น และไม่ปรับตัวให้เข้ากับพื้นที่โดยรอบ

และจำไว้ว่าการทำสมาธินั้นเป็นงานหนักและต่อเนื่อง การทำงานกับจิตใต้สำนึกนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ถ้าคุณเริ่มก้าวแรกบนเส้นทางสู่การพัฒนาตนเองทางจิตวิญญาณ คุณจะเริ่มเปลี่ยนแปลง และโลกรอบตัวคุณก็จะเปลี่ยนไปตามคุณ

เปิดประตูแห่งความรู้สึก รู้สึกได้แม้กระทั่งการคลานของมด แล้วสิ่งนี้จะมา

(วิชณา ไภรวะตันตระ)

หนึ่งในการปฏิบัติที่ปกคลุมไปด้วยความลึกลับและจากสิ่งนี้ดูเหมือนจะไม่สามารถเข้าใจได้ คนธรรมดาคือการทำสมาธิ แม้จะสนใจเธอมาก โลกวิทยาศาสตร์, ทำการค้นคว้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ยังไม่ได้รับการชี้แจงว่ามีผลกระทบต่อบุคคลในระหว่างการทำสมาธิอย่างไรและอย่างไรและได้รับผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้

การทำสมาธิ เป็นที่รู้จักของผู้คนตั้งแต่สมัยโบราณ คนที่แตกต่างกันมีชื่อแตกต่างกัน แต่ความหมายของชื่อเหล่านี้เหมือนกัน - คือการไตร่ตรองทางจิตสมาธิ มีชื่อเป็นภาษารัสเซีย คิดหรือทำอย่างฉลาด.

Osho อธิบายสถานะของการทำสมาธิดังนี้:

“นี่คือสิ่งที่ Lao Tzu เรียกว่า wei-wu-wei การกระทำผ่านการไม่กระทำ นี่คือสิ่งที่ปรมาจารย์เซนเคยกล่าวไว้ว่า "นั่งเงียบๆ ไม่ทำอะไร ฤดูใบไม้ผลิมา หญ้าก็ขึ้นเอง" จำไว้ว่า "ด้วยตัวเอง" - ไม่มีอะไรทำ คุณไม่ได้ลากหญ้าขึ้น ฤดูใบไม้ผลิมาและหญ้าก็เติบโตเอง สถานะนี้ - เมื่อคุณปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามวิถีของมัน เมื่อคุณไม่ต้องการกำกับมัน เมื่อคุณไม่ต้องการควบคุมมันในทางใดทางหนึ่ง เมื่อคุณไม่บงการมัน เมื่อคุณไม่กำหนดระเบียบวินัยใด ๆ กับมัน - สิ่งนี้ สภาวะของความเป็นธรรมชาติที่ไร้ระเบียบวินัยคือการทำสมาธิ การทำสมาธิอยู่กับปัจจุบันในปัจจุบันที่บริสุทธิ์ การทำสมาธิเป็นสิ่งที่ฉับไว เข้าฌานไม่ได้ก็เข้าฌานได้ คุณไม่สามารถมีสมาธิได้ แต่คุณสามารถมีสมาธิได้ สมาธิเป็นมนุษย์ สมาธิเป็นทิพย์”

ภารกิจแรกและสำคัญที่สุดของการทำสมาธิคือการทำจิตใจให้สงบ

พยายามสังเกตว่าจิตกำลังทำอะไรอยู่แม้จะมากก็ตาม เวลาอันสั้น! คุณจะเห็นว่าเขากระโดดจากความคิดหนึ่งไปอีกความคิดหนึ่ง จากวัตถุหนึ่งไปอีกวัตถุหนึ่งได้อย่างไร และตลอดเวลาอยู่ในความยุ่งเหยิงในการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นระเบียบ สั่งใจให้สงบนิ่ง หยุดคิด ไม่คิดอะไร ไม่ว่ายังไง! จิตใจไม่เชื่อฟังและเอาแต่ใจตัวเองและคำสั่งของคุณไม่ทำงาน ความคิดสั่นไหวสับสนและรบกวนซึ่งกันและกัน ใช่และเขาไม่สามารถเชื่อฟังได้: เขาสั่งตัวเองให้หยุด - และนี่ก็เป็นอีกความคิดหนึ่งที่เริ่มสับสนกับผู้อื่น

แล้วจะสั่งใคร? จิตของเราอยู่ที่ไหน? ความคิดไม่มีสาระสำคัญ ไม่มีที่เก็บเฉพาะ พวกเขามาและไปโดยที่เราไม่ต้องการ

การทำสมาธิ- นี่คือเครื่องมือที่ทำให้ความคิดสงบลง สงบลง หายไป และในความเงียบที่เกิดขึ้น ช่วยให้คุณได้ยินและรู้สึกถึงความรู้ที่จำเป็นในการแก้ปัญหาเฉพาะ ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับสุขภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขด้วย

หยุดคิดทำไม? ใช่ เพราะ​ความ​คิด​ที่​พลุ่งพล่าน​ใน​ใจ​ไม่​ให้​เรา​อยู่​ได้ ชีวิตที่สมบูรณ์- ท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหมดมาจากอดีตและเกี่ยวกับอดีต! เราอยู่ในอดีตเสมอ ขอบคุณความคิดที่รบกวนจิตใจของเรา และสิ่งนี้ขัดขวางไม่ให้เรามองเห็นและสัมผัสถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้. เราหยุดมีชีวิตอยู่และเห็นขณะปัจจุบัน เราไม่ได้อยู่ที่นี่และตอนนี้ แต่ท่องไปในอดีตตลอดเวลา

ในระหว่างการทำสมาธิ จิตใจของเราจดจ่ออยู่กับวัตถุหรือการกระทำบางอย่างในลักษณะพิเศษ ซึ่งเราจะรวมเข้ากับสิ่งที่มุ่งไปโดยสมบูรณ์ ในขณะเดียวกันความคิดที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็ออกไปโดยปราศจากการบีบบังคับปล่อยให้สัญชาตญาณจิตใต้สำนึก นั่นคือเหตุผลที่ปัญหาในสภาวะของการทำสมาธิได้รับการแก้ไขซึ่งในสภาวะปกติดูเหมือนว่าเราจะแก้ไขไม่ได้ ตัวอย่างของการทำสมาธิโดยไม่รู้ตัวสามารถพิจารณาสถานะของนักแต่งเพลง กวี ศิลปิน - ในขณะที่สร้างผลงานชิ้นเอก นักวิทยาศาสตร์ - ในเวลาที่ค้นพบปรากฏการณ์มหัศจรรย์ของพวกเขา

แต่สามารถเข้าสู่สภาวะของสมาธิและมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ และเช่นเดียวกับความสามารถอื่น ๆ ความสามารถในการเข้าสู่สภาวะการทำสมาธิจะดีขึ้นด้วยการ "ฝึกฝน" เป็นประจำ

เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าในการฝึกสมาธินั้นจำเป็นต้องมีอิริยาบถที่เหมาะสม แต่มันไม่ใช่ การทำสมาธิสามารถทำได้ในขณะที่ทำสิ่งธรรมดาทั่วไป เช่น ล้างจาน เดินเล่นในสวนสาธารณะ พิธีชงกาแฟ ดื่มชา หากทำทุกอย่างอย่างมีสติ รู้เท่าทันทุกอิริยาบถ จะกลายเป็นการฝึกสมาธิที่ยอดเยี่ยม

ในการทำเช่นนี้ คุณเพียงแค่ต้องผ่อนคลายและมุ่งความสนใจไปที่สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น อาจเป็นกระบวนการหายใจ การเคลื่อนไหวของมือขณะทำงาน การครุ่นคิดถึงคลื่นทะเลหรือต้นไม้ที่ออกดอก ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว หรือเพียงแค่จุดบนกำแพง บนคำอธิษฐานหรือ คำ. ทุกสิ่งที่คุณเลือกสามารถใช้เป็นเป้าหมายของการทำสมาธิได้ เงื่อนไขเดียวคือ มันคือสมาธิรวมในวัตถุนั้น

ในตอนแรกมันเป็นเรื่องยากมากที่จะให้ความสนใจกับวัตถุที่เลือกไว้ ท้ายที่สุดแล้ว จิตใจที่ไร้วินัยของเรายังไม่ได้เรียนรู้ที่จะเชื่อฟัง ความคิดที่ไม่เกี่ยวข้องจะบุกรุกการไตร่ตรองของเราและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเรา แต่คุณต้องยืนหยัดและหันกลับมาสนใจวัตถุที่เลือกอีกครั้ง

ทุกวันคุณจะจดจ่อกับวัตถุได้ง่ายขึ้น เพราะจิตใจจะมีระเบียบวินัยมากขึ้น

เมื่อหยุดอยู่ที่วัตถุใดสิ่งหนึ่งชั่วขณะหนึ่ง เข้าสู่สภาวะที่ฌานกลายเป็นเรื่องง่ายและเป็นธรรมชาติ เมื่อจิตหยุดรบกวน และในสถานะนี้แก่นแท้ของคุณสามารถแสดงออกมาอย่างเต็มกำลังและคำถามที่ทรมานคุณมาเป็นเวลานานจะได้รับการแก้ไขที่ถูกต้องเท่านั้น

นี่คือวิธีที่ Osho เขียนเกี่ยวกับการทำสมาธิ:

จิตเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ มันจะไม่มีวันหยุด มันจะไม่มีวันกลายเป็นสภาพธรรมชาติของคุณ แต่สมาธิเป็นสภาวะธรรมชาติที่เราหลง นี่คือสวรรค์ที่หายไป แต่สวรรค์สามารถกลับมาได้

สิ่งที่จำเป็นคือการคืนพื้นที่นี้อีกครั้ง คุณรู้อยู่แล้ว ดังนั้น ครั้งแรกที่คุณรู้จักการทำสมาธิ คุณจะประหลาดใจ เพราะคุณมีความรู้สึกที่ดีที่คุณรู้มาก่อนแล้ว

อย่าลืมว่าบุคคลนั้นเป็นสิ่งที่แบ่งแยกไม่ได้ สถานะของการทำสมาธิเป็นโอกาสเดียวสำหรับผู้ที่หมกมุ่นอยู่กับข้อมูลที่ทันสมัยมากมายเพื่อชำระจิตสำนึกและจิตวิญญาณของเขาให้บริสุทธิ์เพื่อนำตัวเองไปสู่ความกลมกลืนกับจักรวาล มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล! วิธีเดียวที่จะดูดซับการรักษา พลังงานที่สำคัญละลายกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

สภาพของการทำสมาธิมีผลการรักษาที่ดี ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าการทำสมาธิส่งผลต่อการเผาผลาญ ปรับปรุงการทำงานของสมอง และทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ การทำสมาธิมีผลอย่างมากต่อสภาพจิตใจ ช่วยให้ผ่อนคลาย บรรเทาความเครียดทางจิตใจที่เกิดจากความเครียด และบรรเทาความเจ็บปวดทางร่างกาย การทำสมาธิเพียงไม่กี่นาทีสามารถให้ร่างกายของคุณได้พักผ่อนอย่างที่คุณไม่เคยได้รับแม้หลังจากใช้เวลาช่วงวันหยุดบนชายฝั่งทะเล

หากคุณสนใจในข้อมูลหรือต้องการแสดงความคิดเห็นของคุณ - แสดงความคิดเห็นและแบ่งปันกับเพื่อนของคุณ ขอบคุณสำหรับทวีต

หากปราศจากการทำสมาธิ ความมหัศจรรย์แห่งความสมดุลที่แสดงให้เห็นในวิดีโอนี้คงเป็นไปไม่ได้

ทำสมาธิเพื่ออะไร?

พวกเราหลายคนยังมีความคิดที่ไม่ดีว่าการทำสมาธิคืออะไรและมีไว้เพื่ออะไร ลองชี้แจงปัญหานี้

การทำสมาธิ (จากภาษาละติน meditatio - การสะท้อนกลับ) เป็นแบบฝึกหัดการฝึกสมาธิประเภทหนึ่งที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ด้านสุขภาพหรือเพื่อความรู้และการพัฒนาตนเอง เพื่อพัฒนาการควบคุมการไหลของความคิดและอารมณ์ หรือเพื่อเข้าสู่สภาวะพิเศษของการมีสติ

มีเทคนิคการทำสมาธิมากมาย ในระหว่างการทำสมาธิ ผู้ปฏิบัติมักจะต้องอยู่ในอิริยาบถบางอย่าง บางครั้งก็ต้องใช้สายประคำและเครื่องช่วยอื่นๆ เป้าหมายของสมาธิมักจะเป็นความรู้สึกภายในร่างกาย, ภาพภายใน, อารมณ์น้อยกว่า บางครั้งวัตถุของความเข้มข้นอาจเป็นวัตถุทางกายภาพภายนอก สามารถทำสมาธิร่วมกับ แบบฝึกหัดการหายใจ. มีการใช้การฝึกสมาธิพิเศษขึ้นอยู่กับเป้าหมาย

ตามกฎแล้ว การทำสมาธิเกี่ยวข้องกับโยคะของอินเดียหรือศาสนาพุทธ แต่ความจริงแล้ว ประวัติการทำสมาธินั้นสมบูรณ์กว่ามาก ร่องรอยของมันสามารถพบได้ในสมัยโบราณซึ่งในหมู่ Platonists การทำสมาธิเป็นขั้นตอนที่นำหน้าการคิดเชิงทฤษฎีและเรียกว่า "ความปีติยินดีทางปรัชญา" นิกายเยซูอิตปฏิบัติในรูปแบบของ "การออกกำลังกาย" มุสลิม Sufi ในการสอน " บนเส้นทาง" ชาวยิวใน "คับบาลาห์" คริสเตียนรวมถึงคริสเตียนออร์โธดอกซ์ใน "งานอันชาญฉลาด" ซึ่งคำอธิษฐานจิตของพระเยซูเชื่อมโยงจิตใจและหัวใจ ในช่วงทศวรรษที่ 1960 พวกฮิปปี้ซึ่งการทำสมาธิเป็นวิธีบรรลุความปรองดอง ทำให้การทำสมาธิเป็นที่นิยมไม่เพียงแต่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ทั่วโลก ในรัสเซีย ความสนใจในการทำสมาธิเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาเปเรสทรอยก้า

การทำสมาธิช่วยให้ผ่อนคลาย ขจัดความเครียด ความคิดและประสบการณ์ที่ไม่จำเป็น ค้นหาความสงบของจิตใจและสภาวะ ความสามัคคีภายในและเข้าใจชีวิตอย่างถ่องแท้

เข้าร่วมหรือไม่ทำสมาธิไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือโทษ - ทุกคนตัดสินใจด้วยตัวเอง การปฏิบัติทางจิตวิญญาณต้องใช้ความอดทนและการทำงานหนักและยาวนาน ไม่ได้รับประกันผลประโยชน์ทางวัตถุใด ๆ - มันช่วยปรับปรุงจิตวิญญาณเท่านั้น โลกภายในช่วยให้คุณเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพตลอดชีวิต

อาจารย์ผู้สอนที่มีประสบการณ์ของศูนย์ของเราจะช่วยให้คุณเข้าใจหนึ่งในความลับและ ศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต - การทำสมาธิ เราจะสอนเทคนิคและวิธีการต่าง ๆ แต่เฉพาะบุคคลเท่านั้นที่สามารถเข้าใจศิลปะนี้ผ่านประสบการณ์ของเขาเอง

เรามาสรุปกัน:

• คุณต้องการที่จะคืนความสะดวกสบายภายในและ ความสงบจิตสงบใจ- นั่งสมาธิ!
• หากคุณต้องการพัฒนาหรือเสริมกำลังสำรองและความสามารถภายในของคุณ ให้นั่งสมาธิ!
• หากคุณต้องการคืนความสงบภายในและรอบตัวคุณ นั่งสมาธิ!
• หากคุณต้องการพัฒนาสุขภาพของคุณ นั่งสมาธิ!

มากขึ้นใน โลกสมัยใหม่ผู้ที่ต้องการเรียนรู้และศึกษาความรู้และประเพณีโบราณจึงหันไปใช้การปฏิบัติด้านพลังงาน หลายคนกำลังมองหาคำตอบสำหรับคำถามต่างๆ เช่น ความหมายของการทำสมาธิ ทำไมคนถึงต้องการมัน และทำสมาธิอย่างไร?

ข้อดีประการที่สอง: การทำสมาธิช่วยให้คุณสามารถขัดจังหวะความยุ่งเหยิงที่ไม่สิ้นสุดและในเวลาเดียวกันและเปิดโลกภายในของคุณทำความรู้จักกับจิตวิญญาณของคุณและรู้สึกถึงการเชื่อมต่อของคุณกับสวรรค์

คุณรู้สึกหงุดหงิดบ่อยไหม? เราบอกทุกอย่างเกี่ยวกับการทำสมาธิ - โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น บรรณาธิการของ Woman’s Health จัดทำข้อความนี้ร่วมกับ Viktor Shiryaev นักตะวันออก ครูสอนการฝึกสติ โค้ชฝึกสติ ผู้เขียนโครงการ Mind.space และกรุณาจัดหา Zozhnik เพื่อเผยแพร่

Gisele Bundchen ทำสิ่งนี้ทุกเช้า - ในขณะที่เด็ก ๆ กำลังนอนหลับ (เธอยังทำสมาธิระหว่างการคลอดด้วย) Miranda Kerr ติดตามเพื่อนร่วมงานของเธอ “ฉันชอบที่จะเริ่มต้นด้วยการแสดงความขอบคุณ! เธอยอมรับ “ฉันนึกรายการทุกอย่างที่ฉันรู้สึกขอบคุณ จากนั้นจึงใคร่ครวญมนต์ของฉัน” Eva Mendes อ้างว่าด้วยการฝึกฝน เธอสามารถอดทนต่อสิ่งที่ขึ้นๆ ลงๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้จิตใจของเธอสงบนิ่ง

Katy Perry ร้องเพลงเดียวกันเมื่อเธอเรียกการทำสมาธิ วันหยุดที่ดีที่สุดสำหรับสมอง Natalia Vodianova เปรียบเทียบการทำซ้ำจิตใจ 20 นาทีกับการนอนหลับ 5 ชั่วโมง และซูเปอร์โมเดล Raquel Zimmerman ยอมรับว่ากิจกรรมนี้ช่วยให้เธอเลิกบุหรี่ได้

สมาธิคืออะไร

“ไม่ว่าคุณจะประสบอะไร เพียงแค่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของคุณ ณ ช่วงเวลาใดก็ตาม นั่นคือการทำสมาธิ ชื่อภาษาทิเบต gom แปลว่า "การทำความคุ้นเคยกับบางสิ่ง" และการปฏิบัติทางพุทธศาสนานั้นเกี่ยวกับการทำความคุ้นเคยกับธรรมชาติของจิตใจ อธิบาย พระทิเบต Yongey Mingyur Rinpoche ในพระพุทธเจ้าสมองและประสาทสรีรวิทยาแห่งความสุข “มันเหมือนกับการได้รู้จักเพื่อนของคุณมากขึ้น ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเพื่อน…คือตัวคุณเอง”

ฉันเกือบจะได้ยินคำคัดค้านว่าคุณรู้จักตัวเองดีอยู่แล้ว ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันจนกระทั่งฉันได้ลองนั่งสมาธิเมื่อสองสามปีที่แล้ว ฉันไม่สามารถคิดได้ว่ามีความคิดมากมายในหัวของฉัน (ฉันต้องยอมรับว่าไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุด) การเข้าใกล้และเป็นส่วนตัวด้วยสมองของฉันเองนั้นน่าผิดหวัง เพราะฉันเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน แต่โชคดีที่เธอไม่ยอมแพ้

ประเภทของการปฏิบัติ

จากการทำสมาธิแบบชาวาสนะและกุณฑาลินีแบบนอน ซึ่งคุณต้องมีสมาธิกับจักระ ไปจนถึงการเต้นรำ การเดิน ตราตกะ (การเพ่งสมาธิที่เปลวเทียน) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการมองเห็นและการฝึกพลังงานแบบจีนโบราณ “รอยยิ้มภายใน” โดยทั่วไปมีทางเลือก

ฉันทำสมาธิภาวนา นี่อาจเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก - ชัดเจนและเรียบง่าย ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถพัฒนาความสามารถขั้นสูงในการจัดการอารมณ์ เรียนรู้วิธีสลับระหว่างงานต่างๆ อย่างง่ายดาย และเอาใจใส่มากขึ้น ไม่น่าแปลกใจที่การมีสติเป็นที่ชื่นชอบของ Google, Deutsche Bank, Procter & Gamble; มีการศึกษาที่ Harvard และ Oxford ซึ่งเป็นที่ยอมรับใน Wall Street และในรัฐสภาอังกฤษ

ไม่เสียดินแดนและเป็นตำนาน การทำสมาธิที่ยอดเยี่ยม. ที่นี่คุณจะได้รับมนต์และมีสมาธิกับมัน เหล่าดาราหญิงที่ฉันพูดถึงในตอนเริ่มต้นฝึกฝนการทำสมาธิแบบเหนือธรรมชาติและส่งเสริมอย่างแข็งขัน

พุทธเมตตาหรือที่เรียกอีกอย่างว่าการทำสมาธิด้วยความรักความเมตตาที่มุ่งพัฒนาความเห็นอกเห็นใจก็ชนะกลุ่มแฟน ๆ เช่นกัน จิตใจคุณปรารถนาสิ่งดีๆ หลายอย่าง เช่น ความสุขและสุขภาพ อันดับแรกเพื่อตัวคุณเอง ต่อด้วยญาติ เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน และจากนั้น - การเต้นแอโรบิก! - ต่อคนแปลกหน้าและศัตรู รวมทั้งอดีตสามี ปาฏิหาริย์ แต่ด้วยรังสีแห่งความดีที่คุณส่งออกไป คุณก็กำลังทำดีเพื่อตัวคุณเองด้วย จากผลการวิจัยของศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา Barbara Lee Fredrickson และ Richard Davidson นักประสาทวิทยา ระบุว่า เมตตาทำหน้าที่เป็นตัวสร้าง อารมณ์เชิงบวกปรับปรุงความสัมพันธ์ทางสังคม ลดการวิจารณ์ตนเอง และช่วยให้มีความสุขเช่นนั้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

และเนื่องจากเรากำลังพูดถึงความสุข คุณรู้หรือไม่ว่าใครคือคนที่มีความสุขที่สุดในโลก? พระภิกษุสงฆ์ชาวฝรั่งเศส Mathieu Ricard อดีตนักพันธุศาสตร์ระดับโมเลกุล ปัจจุบันเป็นนักเขียน ช่างภาพ และผู้แปลส่วนตัวของดาไลลามะ อาศัยอยู่ในอารามเนปาล เที่ยวรอบโลก สอนผู้คนให้ทำสมาธิ Monsieur Ricard กลายเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมในการศึกษา MRI ที่น่ากลัวที่ห้องปฏิบัติการของจิตสรีรวิทยาทางอารมณ์ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน นักวิทยาศาสตร์ได้บันทึกไว้อย่างมาก ระดับสูงการมองโลกในแง่ดี - "ลบ 0.45" ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดท่ามกลางวิชาทดสอบอื่น ๆ อีกหลายร้อยรายการ

สำหรับการเปรียบเทียบ: ตัวบ่งชี้ "ลบ 0.3" ในการทดลองเหล่านี้หมายถึงความสุข (และ "บวก 0.3" ตามลำดับ หมายถึงความหดหู่ใจ) คุณนึกภาพออกไหมว่า Ricard รู้สึกอย่างไร? ฉันไม่. แต่ฉันต้องการ. Mathieu อ้างว่าทุกคนสามารถเรียนรู้ที่จะมีความสุขได้เช่นเดียวกับการขี่จักรยาน คำแนะนำของเขา: 15 นาทีต่อวัน นั่งและคิดบวก ดื่มด่ำกับความสุขอาบน้ำ - และมันจะไม่ทิ้งคุณไป

การทำสมาธิส่งผลต่อการรับรู้อย่างไร

สมองของเรามีเซลล์ประสาท 80,000 ล้านเซลล์ และแต่ละเซลล์มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นนับพัน ทุกครั้งที่คุณพูดว่า มองออกไปนอกหน้าต่าง กลุ่มการเชื่อมต่อจะเปิดใช้งาน: ฉันมอง - ฉันจำสายฝนและความโศกเศร้าได้ เพราะฉันไม่ชอบสภาพอากาศแบบนี้ โอกาสที่คุณจะพลาดภาพที่คล้ายกันในครั้งต่อไปจะเพิ่มขึ้นอีก นี่คือลักษณะนิสัยของการรับรู้ที่เกิดขึ้น ในสถานการณ์หนึ่ง ๆ มีค่าพอที่จะพูดในใจว่า: "ฉัน ผู้ชายที่น่ากลัว" เมื่อคุณพูดซ้ำ ๆ คุณมีแนวโน้มที่จะคิดอีกครั้ง - สมองช่วยประหยัดพลังงาน

เป็นผลให้การเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทบางกลุ่มมีความเข้มแข็งขึ้น ในขณะที่เซลล์ประสาทกลุ่มอื่นกลับแย่ลงและหายไปโดยสิ้นเชิง รูปร่างหน้าตาของทางหลวงกำลังก่อตัวขึ้น - ออโต้บาห์น สารสื่อประสาทถูกขับไปตามทาง - สารที่เซลล์ประสาทแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน นี่คือวิธีการสร้างนิสัย แต่มีเพียงระบบอัตโนมัติบางอย่างเท่านั้นที่มีประโยชน์ (ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการเดินใหม่หากทุกอย่างเป็นระเบียบ) บางอย่าง (เช่น นิสัยการคิดในแง่ลบ) ทำให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตได้

การฝึกสมาธิเปิดโอกาสให้คุณได้เลือก ในขณะที่คุณตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ - อารมณ์หรือความคิดใดที่เกิดขึ้น, สิ่งที่รู้สึกในร่างกาย - ช่องว่างเล็ก ๆ ของอิสระในการกระทำปรากฏขึ้นและคุณสามารถใช้มันได้โดยเลือกไม่ปกติ แต่เป็นอย่างอื่น . นี่คือวิธีการสร้างการเชื่อมต่อของระบบประสาทใหม่ และค่อยๆ กลายเป็นทางหลวง: รูปแบบพฤติกรรมที่ผิดปกติจะเปลี่ยนเป็นแบบที่มีประโยชน์

วิธีเริ่มนั่งสมาธิ

สิ่งที่คุณต้องการคือสถานที่เงียบสงบ เป็นการดีกว่าที่จะไม่นอน (เพื่อไม่ให้หลับ) แต่ให้นั่งสบาย ๆ : ยืดไหล่ของคุณให้ตรง, หลังของคุณให้ตรง, ผ่อนคลายร่างกายของคุณ, พับแขนของคุณ ตั้งเวลา 10 นาที หลับตาและตามลมหายใจ คุณฟุ้งซ่าน? ไม่เป็นไร แค่อย่าลืมหายใจเข้าและหายใจออก

Viktor Shiryaev ผู้เชี่ยวชาญของเรากล่าวว่าทักษะการมีสติจะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่าการสนทนาภายในจะไม่หยุดลง แต่คุณสามารถออกจากการสนทนากับตัวเองได้ 3 ครั้ง ถือว่าการทำสมาธิสำเร็จ เมื่อนาฬิกาจับเวลาดังขึ้น ให้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ทำสิ่งนี้ทุกวัน

ครูสอนสติ Viktor Shiryaev แนะนำให้ทำสมาธิให้เป็นนิสัย เพื่อให้ง่ายต่อการรวมการปฏิบัติเข้ากับชีวิตประจำวันของคุณ

ฉันทำสมาธิทันทีหลังจากทำ surya namaskar plus ตามต้องการ บ่อยครั้งที่ฉันมุ่งเน้นไปที่การหายใจ และถ้าฉันต้องการผ่อนคลาย ฉันจะเปิดเสียงของธรรมชาติและละลายในป่าเป็นเวลา 20 นาที - มันสดชื่นและเติมพลังได้ดีมาก

สิ่งสำคัญคือต้องเลือกวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับตัวคุณเองเพื่อไม่ให้เกิดการปฏิเสธ มีหลายร้อยแบบฝึกหัดในการเจริญสติแบบเดียวกัน ความนิยมมากที่สุดคือการเฝ้าดูลมหายใจ สแกนความรู้สึกในร่างกาย และเปิดการแสดงตน - สำหรับสิ่งนี้ เพียงแค่หลับตาและอยู่ในช่วงเวลานั้น ติดตามทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในและภายนอก - ความคิด อารมณ์ ร่างกาย เสียง กลิ่น

โปรดทราบว่าต่อไปนี้ไม่เหมือนกับการคิด (“โอ้ มันมีกลิ่นเหมือนมันฝรั่ง ฉันอยากจะทอดมันด้วย แต่ที่บ้านไม่มี แล้วมีอะไรล่ะ?”) หากคุณสังเกตว่าคุณมีส่วนร่วมในกระบวนการคิด ให้กลับไปที่ วัตถุที่เลือก

หลังจากฝึก 4 สัปดาห์ วันละ 15-20 นาที คุณจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คุณจะสงบและพอใจมากขึ้น คุณจะกังวลเรื่องมโนสาเร่น้อยลงและมีสมาธิจดจ่อกับเรื่องลบ ทนความรู้สึกไม่สบายได้ง่ายกว่า โฟกัสได้ดีกว่า

ตามที่ Victor กล่าว เป็นการดีที่จะเสริมเทคนิคบางอย่างกับผู้อื่น ตัวอย่างเช่น, ลมหายใจ + ความกตัญญู. และจำไว้ว่า: การฝึกฝนจะชนะด้วยความสม่ำเสมอ ดังที่อาจารย์ Shinzen Yang ผู้เป็นที่นับถือชอบพูดติดตลก การทำสมาธิเพียงอย่างเดียวที่ไม่ได้ผลก็คือการทำสมาธิที่คุณไม่ได้ทำ

แอพมือถือสำหรับการทำสมาธิ

คุณประเมินสภาพจิตใจอย่างไรและ สุขภาพร่างกายคุณรู้สึกอย่างไร - บริการจะวิเคราะห์คำตอบของคุณและเลือกตัวเลือกสำหรับการปฏิบัติ สะดวก: คุณสามารถตั้งเวลาและติดตามผลได้
เฮดสเปซ (iOS)

แอพยอดนิยมนี้ (ผู้ใช้รวมถึง Emma Watson) พัฒนาโดย Andy Puddicombe อดีตพระสงฆ์ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการเจริญสติ การออกแบบ แบบฝึกหัด เคล็ดลับและลูกเล่น - ทั้งหมด 5 ประการ 10 นาทีต่อวัน - และรีบเปิดประตูสู่ปาฏิหาริย์ แอนดี้สัญญา คุณจะตรวจสอบ? ฟรี 10 วันแรก

เพื่อให้คุณไม่ลืมเกี่ยวกับการปฏิบัติบริการจะส่งคำเตือนอย่างระมัดระวัง ความเงียบภายใน 60 วินาทีร่วมกับโค้ชที่วาดตลกจะทำให้คุณโล่งใจในช่วงเวลาฉุกเฉินและเส้นตายที่ยากลำบาก คุณไม่ต้องกลัวที่จะหลับหรือฝันกลางวัน: เมื่อนาทีแห่งการพักผ่อนสิ้นสุดลง คุณจะได้รับแจ้ง