ทำไมต้องนั่งสมาธิและวิธีใช้สมาธิกับชีวิตของคุณ การทำสมาธิคืออะไรและมีไว้เพื่ออะไร: ภาพรวมของผู้ปฏิบัติ

คุณรู้สึกหงุดหงิดบ่อยไหม? เราบอกทุกอย่างเกี่ยวกับการทำสมาธิ - โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น บรรณาธิการของ Woman’s Health จัดทำข้อความนี้ร่วมกับ Viktor Shiryaev นักตะวันออก ครูสอนการฝึกสติ โค้ชฝึกสติ ผู้เขียนโครงการ Mind.space และกรุณาจัดหา Zozhnik เพื่อตีพิมพ์

Gisele Bundchen ทำสิ่งนี้ทุกเช้า - ในขณะที่เด็ก ๆ กำลังนอนหลับ (เธอยังทำสมาธิระหว่างการคลอดด้วย) Miranda Kerr ติดตามเพื่อนร่วมงานของเธอ “ฉันชอบที่จะเริ่มต้นด้วยการแสดงความขอบคุณ! เธอยอมรับ “ฉันนึกรายการทุกอย่างที่ฉันรู้สึกขอบคุณ จากนั้นจึงใคร่ครวญมนต์ของฉัน” Eva Mendes อ้างว่าด้วยการฝึกฝน เธอสามารถอดทนต่อสิ่งที่ขึ้นๆ ลงๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้จิตใจของเธอสงบนิ่ง

Katy Perry ร้องเพลงเดียวกันเมื่อเธอเรียกการทำสมาธิ วันหยุดที่ดีที่สุดสำหรับสมอง Natalia Vodianova เปรียบเทียบการทำซ้ำจิตใจ 20 นาทีกับการนอนหลับ 5 ชั่วโมง และซูเปอร์โมเดล Raquel Zimmerman ยอมรับว่ากิจกรรมนี้ช่วยให้เธอเลิกบุหรี่ได้

สมาธิคืออะไร

“ไม่ว่าคุณจะประสบอะไร เพียงแค่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของคุณ ณ ช่วงเวลาใดก็ตาม นั่นคือการทำสมาธิ ชื่อภาษาทิเบต gom แปลว่า "การทำความคุ้นเคยกับบางสิ่ง" และการปฏิบัติทางพุทธศาสนานั้นเกี่ยวกับการทำความคุ้นเคยกับธรรมชาติของจิตใจ อธิบาย พระทิเบต Yongey Mingyur Rinpoche ในพระพุทธเจ้าสมองและประสาทสรีรวิทยาแห่งความสุข “มันเหมือนกับการได้รู้จักเพื่อนของคุณมากขึ้น ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเพื่อน…คือตัวคุณเอง”

ฉันเกือบจะได้ยินคำคัดค้านว่าคุณรู้จักตัวเองดีอยู่แล้ว ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันจนกระทั่งฉันได้ลองนั่งสมาธิเมื่อสองสามปีที่แล้ว ฉันไม่สามารถคิดได้ว่ามีความคิดมากมายในหัวของฉัน (ฉันต้องยอมรับว่าไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุด) การเข้าใกล้และเป็นส่วนตัวด้วยสมองของฉันเองนั้นน่าผิดหวัง เพราะฉันเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน แต่โชคดีที่เธอไม่ยอมแพ้

ประเภทของการปฏิบัติ

จากการทำสมาธิแบบชาวาสนะและกุณฑาลินีแบบนอน ซึ่งคุณต้องมีสมาธิกับจักระ ไปจนถึงการเต้นรำ การเดิน ตราตกะ (การเพ่งสมาธิที่เปลวเทียน) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการมองเห็นและการฝึกพลังงานแบบจีนโบราณ “รอยยิ้มภายใน” โดยทั่วไปมีทางเลือก

ฉันทำสมาธิภาวนา นี่อาจเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก - ชัดเจนและเรียบง่าย ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถพัฒนาความสามารถขั้นสูงในการจัดการอารมณ์ เรียนรู้วิธีสลับระหว่างงานต่างๆ อย่างง่ายดาย และเอาใจใส่มากขึ้น ไม่น่าแปลกใจที่การมีสติเป็นที่ชื่นชอบของ Google, Deutsche Bank, Procter & Gamble; มีการศึกษาที่ Harvard และ Oxford ซึ่งเป็นที่ยอมรับใน Wall Street และในรัฐสภาอังกฤษ

ไม่เสียดินแดนและเป็นตำนาน การทำสมาธิที่ยอดเยี่ยม. ที่นี่คุณจะได้รับมนต์และมีสมาธิกับมัน เหล่าดาราหญิงที่ฉันพูดถึงในตอนเริ่มต้นฝึกฝนการทำสมาธิแบบเหนือธรรมชาติและส่งเสริมอย่างแข็งขัน

พุทธเมตตาหรือที่เรียกอีกอย่างว่าการทำสมาธิด้วยความรักความเมตตาที่มุ่งพัฒนาความเห็นอกเห็นใจก็ชนะกลุ่มแฟน ๆ เช่นกัน จิตใจคุณปรารถนาสิ่งดีๆ หลายอย่าง เช่น ความสุขและสุขภาพ อันดับแรกคือเพื่อตัวคุณเอง ต่อด้วยญาติ เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน และจากนั้น - การเต้นแอโรบิก! - ต่อคนแปลกหน้าและศัตรู รวมทั้งอดีตสามี ปาฏิหาริย์ แต่ด้วยรังสีแห่งความดีที่คุณส่งออกไป คุณก็กำลังทำดีเพื่อตัวคุณเองด้วย จากผลการวิจัยของศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา Barbara Lee Fredrickson และ Richard Davidson นักประสาทวิทยา ระบุว่า เมตตาทำหน้าที่เป็นตัวสร้าง อารมณ์เชิงบวกปรับปรุงความสัมพันธ์ทางสังคม ลดการวิจารณ์ตนเอง และช่วยให้มีความสุขเช่นนั้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

และเนื่องจากเรากำลังพูดถึงความสุข คุณรู้หรือไม่ว่าใครคือคนที่มีความสุขที่สุดในโลก? พระภิกษุสงฆ์ชาวฝรั่งเศส Mathieu Ricard อดีตนักพันธุศาสตร์ระดับโมเลกุล ปัจจุบันเป็นนักเขียน ช่างภาพ และผู้แปลส่วนตัวของดาไลลามะ อาศัยอยู่ในอารามเนปาล เที่ยวรอบโลก สอนผู้คนให้ทำสมาธิ Monsieur Ricard กลายเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมในการศึกษา MRI ที่น่ากลัวที่ห้องปฏิบัติการของจิตสรีรวิทยาทางอารมณ์ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน นักวิทยาศาสตร์ได้บันทึกไว้อย่างมาก ระดับสูงการมองโลกในแง่ดี - "ลบ 0.45" ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดท่ามกลางวิชาทดสอบอื่น ๆ อีกหลายร้อยรายการ

สำหรับการเปรียบเทียบ: ตัวบ่งชี้ "ลบ 0.3" ในการทดลองเหล่านี้หมายถึงความสุข (และ "บวก 0.3" ตามลำดับ หมายถึงความหดหู่ใจ) คุณนึกภาพออกไหมว่า Ricard รู้สึกอย่างไร? ฉันไม่. แต่ฉันต้องการ. Mathieu อ้างว่าทุกคนสามารถเรียนรู้ที่จะมีความสุขได้เช่นเดียวกับการขี่จักรยาน คำแนะนำของเขา: 15 นาทีต่อวัน นั่งและคิดบวก ดื่มด่ำกับความสุขอาบน้ำ - และมันจะไม่ทิ้งคุณไป

การทำสมาธิส่งผลต่อการรับรู้อย่างไร

สมองของเรามีเซลล์ประสาท 80,000 ล้านเซลล์ และแต่ละเซลล์มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นนับพัน ทุกครั้งที่คุณพูดว่า มองออกไปนอกหน้าต่าง กลุ่มการเชื่อมต่อจะเปิดใช้งาน: ฉันมอง - ฉันจำสายฝนและความโศกเศร้าได้ เพราะฉันไม่ชอบสภาพอากาศแบบนี้ โอกาสที่คุณจะพลาดภาพที่คล้ายกันในครั้งต่อไปจะเพิ่มขึ้นอีก นี่คือลักษณะนิสัยของการรับรู้ที่เกิดขึ้น ในสถานการณ์หนึ่ง ๆ มีค่าพอที่จะพูดในใจว่า: "ฉัน ผู้ชายที่น่ากลัว" เมื่อคุณพูดซ้ำ ๆ คุณมีแนวโน้มที่จะคิดอีกครั้ง - สมองช่วยประหยัดพลังงาน

เป็นผลให้การเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทบางกลุ่มมีความเข้มแข็งขึ้น ในขณะที่เซลล์ประสาทกลุ่มอื่นกลับแย่ลงและหายไปโดยสิ้นเชิง รูปร่างหน้าตาของทางหลวงกำลังก่อตัวขึ้น - ออโต้บาห์น สารสื่อประสาทถูกขับไปตามทาง - สารที่เซลล์ประสาทแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน นี่คือวิธีการสร้างนิสัย แต่มีเพียงระบบอัตโนมัติบางอย่างเท่านั้นที่มีประโยชน์ (ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการเดินใหม่หากทุกอย่างเป็นระเบียบ) บางอย่าง (เช่น นิสัยการคิดในแง่ลบ) ทำให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตได้

การฝึกสมาธิเปิดโอกาสให้คุณได้เลือก ในขณะที่คุณตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ - อารมณ์หรือความคิดใดที่เกิดขึ้น, สิ่งที่รู้สึกในร่างกาย - ช่องว่างเล็ก ๆ ของอิสระในการกระทำปรากฏขึ้นและคุณสามารถใช้มันได้โดยเลือกไม่ปกติ แต่เป็นอย่างอื่น . นี่คือวิธีการสร้างการเชื่อมต่อของระบบประสาทใหม่ และค่อยๆ กลายเป็นทางหลวง: รูปแบบพฤติกรรมที่ผิดปกติจะเปลี่ยนเป็นแบบที่มีประโยชน์

วิธีเริ่มนั่งสมาธิ

สิ่งที่คุณต้องการคือสถานที่เงียบสงบ เป็นการดีกว่าที่จะไม่นอน (เพื่อไม่ให้หลับ) แต่ให้นั่งสบาย ๆ : ยืดไหล่ของคุณให้ตรง, หลังของคุณให้ตรง, ผ่อนคลายร่างกายของคุณ, พับแขนของคุณ ตั้งเวลา 10 นาที หลับตาและตามลมหายใจ คุณฟุ้งซ่าน? ไม่เป็นไร แค่อย่าลืมหายใจเข้าและหายใจออก

Viktor Shiryaev ผู้เชี่ยวชาญของเรากล่าวว่าทักษะการมีสติจะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่าการสนทนาภายในจะไม่หยุดลง แต่คุณสามารถออกจากการสนทนากับตัวเองได้ 3 ครั้ง ถือว่าการทำสมาธิสำเร็จ เมื่อนาฬิกาจับเวลาดังขึ้น ให้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ทำสิ่งนี้ทุกวัน

ครูสอนสติ Viktor Shiryaev แนะนำให้ทำสมาธิให้เป็นนิสัย เพื่อให้ง่ายต่อการรวมการปฏิบัติเข้ากับชีวิตประจำวันของคุณ

ฉันทำสมาธิทันทีหลังจากทำ surya namaskar plus ตามต้องการ บ่อยครั้งที่ฉันมุ่งเน้นไปที่การหายใจ และถ้าฉันต้องการผ่อนคลาย ฉันจะเปิดเสียงของธรรมชาติและละลายในป่าเป็นเวลา 20 นาที - มันสดชื่นและเติมพลังได้ดีมาก

สิ่งสำคัญคือต้องเลือกวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับตัวคุณเองเพื่อไม่ให้เกิดการปฏิเสธ มีหลายร้อยแบบฝึกหัดในการเจริญสติแบบเดียวกัน ความนิยมมากที่สุดคือการเฝ้าดูลมหายใจ สแกนความรู้สึกในร่างกาย และเปิดการแสดงตน - สำหรับสิ่งนี้ เพียงแค่หลับตาและอยู่ในช่วงเวลานั้น ติดตามทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในและภายนอก - ความคิด อารมณ์ ร่างกาย เสียง กลิ่น

โปรดทราบว่าต่อไปนี้ไม่เหมือนกับการคิด (“โอ้ มันมีกลิ่นเหมือนมันฝรั่ง ฉันอยากจะทอดมันด้วย แต่ที่บ้านไม่มี แล้วมีอะไรล่ะ?”) หากคุณสังเกตว่าคุณมีส่วนร่วมในกระบวนการคิด ให้กลับไปที่ วัตถุที่เลือก

หลังจากฝึก 4 สัปดาห์ วันละ 15-20 นาที คุณจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คุณจะสงบและพอใจมากขึ้น คุณจะกังวลเรื่องมโนสาเร่น้อยลงและมีสมาธิจดจ่อกับเรื่องลบ ทนความรู้สึกไม่สบายได้ง่ายกว่า โฟกัสได้ดีกว่า

ตามที่ Victor กล่าว เป็นการดีที่จะเสริมเทคนิคบางอย่างกับผู้อื่น ตัวอย่างเช่น, ลมหายใจ + ความกตัญญู. และจำไว้ว่า: การฝึกฝนจะชนะด้วยความสม่ำเสมอ ดังที่อาจารย์ Shinzen Yang ผู้เป็นที่นับถือชอบพูดติดตลก การทำสมาธิเพียงอย่างเดียวที่ไม่ได้ผลก็คือการทำสมาธิที่คุณไม่ได้ทำ

แอพมือถือสำหรับการทำสมาธิ

คุณประเมินสภาพจิตใจอย่างไรและ สุขภาพร่างกายคุณรู้สึกอย่างไร - บริการจะวิเคราะห์คำตอบของคุณและเลือกตัวเลือกสำหรับการปฏิบัติ สะดวก: คุณสามารถตั้งเวลาและติดตามผลได้
เฮดสเปซ (iOS)

แอพยอดนิยมนี้ (ผู้ใช้รวมถึง Emma Watson) พัฒนาโดย Andy Puddicombe อดีตพระสงฆ์ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการเจริญสติ การออกแบบ แบบฝึกหัด เคล็ดลับและลูกเล่น - ทั้งหมด 5 ประการ 10 นาทีต่อวัน - และรีบเปิดประตูสู่ปาฏิหาริย์ แอนดี้สัญญา คุณจะตรวจสอบ? ฟรี 10 วันแรก

เพื่อให้คุณไม่ลืมเกี่ยวกับการปฏิบัติบริการจะส่งคำเตือนอย่างระมัดระวัง ความเงียบภายใน 60 วินาทีร่วมกับโค้ชที่วาดตลกจะทำให้คุณโล่งใจในช่วงเวลาฉุกเฉินและเส้นตายที่ยากลำบาก คุณไม่ต้องกลัวที่จะหลับหรือฝันกลางวัน: เมื่อนาทีแห่งการพักผ่อนสิ้นสุดลง คุณจะได้รับแจ้ง

คนที่พยายามพัฒนาจิตวิญญาณ สติปัญญา ร่างกาย มีความสนใจในการปฏิบัติต่าง ๆ ที่สามารถบรรลุภารกิจเหล่านี้ได้ การทำสมาธิเป็นการปฏิบัติที่เป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากที่สุดที่สามารถช่วยให้บุคคลบรรลุความสงบของจิตใจ เรียนรู้ที่จะถอยห่างจากความเครียด ปรับปรุงสุขภาพทางอารมณ์และร่างกาย และก่อให้เกิดประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกเข้ามาในชีวิตของคุณ

ทำไมคนถึงต้องการสมาธิ?

ชีวิตมนุษย์ไม่ค่อยจะเรียบง่ายและไร้กังวล บ่อยครั้งที่ผู้คนต้องเอาชนะการทดลองและความยากลำบากต่างๆ การเอาชนะพวกเขามักจะประสบกับสภาวะเช่น: ความเครียด, ความวิตกกังวล, ความวิตกกังวล, ความหงุดหงิด ในสถานะนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะมีความสุขกับชีวิต รับมือกับงานประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบความสำเร็จใน ด้านต่างๆชีวิต. การฝึกสมาธิช่วยให้บุคคลเข้าถึงสภาวะของสติสัมปชัญญะซึ่งเขาสามารถควบคุมความคิดและอารมณ์ความรู้สึกของเขาได้อย่างเต็มที่ ความสามารถในเวลาที่เหมาะสมในการละทิ้งอารมณ์ที่ไม่จำเป็นซึ่งทำให้คุณไม่สามารถบรรลุเป้าหมายควบคุมตัวเองได้ในทุกสถานการณ์เพื่อนำ ชีวิตปกติปราศจากความเครียดและความวิตกกังวล - นี่คือรายการที่ไม่สมบูรณ์ของการทำสมาธิให้กับบุคคล

วิธีการเรียนรู้การทำสมาธิ?

มีหลายวิธีในการเรียนรู้การทำสมาธิ: ด้วยความช่วยเหลือจากหนังสือ ครู หรือด้วยตัวคุณเอง เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถเรียนรู้การปฏิบัตินี้คือความสม่ำเสมอ

เมื่อตัดสินใจที่จะฝึกฝนการทำสมาธิให้เชี่ยวชาญ คุณต้องวางแผนช่วงเวลาที่คุณสามารถอยู่กับตัวเองได้ และจะไม่มีใครหรือสิ่งใดมากวนใจคุณ เวลาที่เหมาะแก่การทำสมาธิคือเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก อุณหภูมิในห้องควรสบายเช่นเดียวกับเสื้อผ้า ในระหว่างการทำสมาธิคุณไม่ควรรู้สึกไม่สะดวก พิจารณาตำแหน่งที่สะดวกสำหรับคุณในการทำสมาธิจะเป็นการดีถ้าคุณคุ้นเคยกับการทำสมาธิขณะนั่งบนเก้าอี้โดยให้หลังตรงหรือใน ไม่แนะนำให้ทำสมาธิโดยนอนลงโดยสิ้นเชิง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเผลอหลับในระหว่างนั้น ระยะเวลาการทำสมาธิที่เหมาะสมคือ 20 นาที

สาระสำคัญของการทำสมาธิคือการทำให้จิตใจของคุณเข้าสู่ความสงบ แต่นำไปสู่สภาวะนี้ด้วยวิธีการของตนเอง เราจะดูเทคนิคการทำสมาธิ 2 อย่าง คือ การมีสมาธิและการเจริญสติ

การทำสมาธิ

จุดประสงค์ของการทำสมาธิดังที่ได้กล่าวมาแล้ว คือ เพื่อนำจิตไปสู่ความสงบ งานของคุณระหว่างการใช้เทคนิคนี้จะไม่ถูกรบกวนจากความคิดและความรู้สึกที่เกิดขึ้น ความคิดไม่สามารถปิดได้ มันจะปรากฏขึ้น ไม่จำเป็นต้องต่อต้านมัน ปล่อยให้พวกเขาปรากฏตัว ปล่อยให้พวกเขาไป อาจมีภาพ ความรู้สึก ความหมายที่คุณต้องการเข้าใจและชื่นชม ถ้าจะพูด ด้วยคำพูดง่ายๆ: คุณต้องเรียนรู้ที่จะหยุดคิดในระหว่างการทำสมาธิ เรียนรู้ที่จะบรรลุ "ความเงียบ" ทั้งภายในและภายนอก สัญญาณหลักที่คุณประสบความสำเร็จในการฝึกฝนนี้คือความสามารถในการปิดความคิดที่กระฉับกระเฉงของคุณแม้สักสองสามวินาที จะบรรลุสถานะดังกล่าวได้อย่างไร?

การเลือกเรื่องที่จะโฟกัส

การมุ่งความสนใจไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะเป็นการง่ายกว่าที่จะตัดขาดจากความคิด คุณสามารถเริ่มทำสมาธิได้ด้วยการจดจ่อที่ลมหายใจ จดจ่อกับความรู้สึกของการหายใจเข้า/หายใจออก หายใจเข้าลึก ๆ อย่างสม่ำเสมอและสงบ สังเกตความรู้สึกของอากาศที่เข้าและออกจากปอดของคุณ เมื่อคุณจดจ่อกับความรู้สึกทางร่างกาย คุณจะเริ่มผ่อนคลาย

คุณยังสามารถเลือกวัตถุอื่นๆ ที่จะโฟกัส ตัวอย่างเช่น:

• รูปภาพ ลองนึกถึงภาพที่เหมาะกับคุณ อาจเป็นไฟ เปลวเทียน คลื่นทะเล ฯลฯ
• ชี้ไปที่หว่างคิ้ว หลับตานึกภาพจุดนี้ มุ่งเน้นไปที่เธอ
• ความมืด, หน้าจอสีดำ.
• การหายใจ คุณสามารถมุ่งความสนใจไปที่ลมหายใจตลอดการทำสมาธิ

เมื่อระหว่างทำสมาธิ ความคิดหรือความรู้สึกเข้ามาทำให้คุณไขว้เขวจากเป้าหมายของสมาธิ อย่าต่อต้านมัน แค่ปล่อยวาง แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะบรรลุถึงสถานะที่คุณสามารถปิดความคิดและยังคงมีสติแม้ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เมื่อคุณทำได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีหรือหนึ่งนาที คุณก็ถือว่าคุณทำสำเร็จแล้ว เวลานี้จะเพิ่มขึ้นในการออกกำลังกายแต่ละครั้ง

การทำสมาธิอย่างมีสติ - สอนให้คุณรับรู้ถึงความเป็นจริงตามที่เป็นอยู่ช่วยให้บุคคลกำจัดความทุกข์โดยตระหนักและเข้าใจสาเหตุของการปรากฏตัว อันเป็นผลมาจากการฝึกสมาธิอย่างมีสติ ความไวและสัญชาตญาณของบุคคลเพิ่มขึ้น จิตใจจะสงบและสมดุล บุคคลจะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ค้นหาความสามัคคีและความสุข นี่คือรายการของสิ่งที่การทำสมาธิให้กับ ระดับจิตวิทยา ในระดับร่างกาย การทำสมาธิอย่างมีสติมีผลดีต่อสภาพจิตใจของบุคคล: ช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า การนอนหลับและความอยากอาหารผิดปกติ ปรับความดันโลหิตให้เป็นปกติ ช่วยกำจัดการติดแอลกอฮอล์และยาสูบ ช่วยต่อสู้กับอาการปวดเรื้อรัง

กลไกของการทำสมาธิสติ

การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกทั้งหมดเหล่านี้จะเกิดขึ้นเนื่องจากความจริงที่ว่าจิตใจได้รับการกำจัด "สิ่งสกปรก" ที่ก่อตัวขึ้นเมื่อเราประเมินและตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกและภายในในรูปแบบของเหตุการณ์ ความคิด ความรู้สึก รูปภาพ ฯลฯ ตัวอย่างเช่น มีเหตุการณ์ที่เราไม่ชอบเกิดขึ้น แล้วเรามีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์นี้ในรูปแบบของความรู้สึกเชิงลบ (ความโกรธ ความกลัว ความไม่พอใจ ฯลฯ) ส่งผลให้เราทุกข์ เราคิดว่าจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร แม้แต่ปฏิกิริยาเชิงบวกก็สามารถทำให้เกิดความทุกข์ได้ ตัวอย่างเช่น เนื่องจากเราไม่สามารถเข้าถึงเอกสารแนบของเราได้ สิ่งที่แนบมาเป็นสิ่งหรือบางคนที่เรามีแรงดึงดูด

มีหลายสถานการณ์ในชีวิตที่ทำให้เรามีความรู้สึกเชิงลบ (สถานการณ์ในที่ทำงาน ปัญหาในครอบครัว ฯลฯ) รวมถึงสิ่งที่แนบมาด้วย (ความสะดวกสบาย อาหาร เซ็กส์ แอลกอฮอล์ บุหรี่ คนที่เรารัก ฯลฯ) ง.). สิ่งที่แนบมาหลักของเราคืออัตตาภาพลักษณ์ของ "ฉัน" ของเราและพระเจ้าห้ามหากมีใครรุกล้ำสิ่งที่เป็นของ "ฉัน" ของเราเรามีอารมณ์และความรู้สึกที่รุนแรงและทำให้เกิดความทุกข์ยากที่สุด

บ่อยครั้งสิ่งนี้เกิดขึ้นกับเราในระดับที่ไม่รู้ตัว นั่นคือบุคคลอาจไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแย่ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้มาจากไหน สาเหตุที่ทำให้เกิดสภาวะเหล่านี้ยังคงอยู่ในระดับจิตใต้สำนึกและเป็นพิษต่อชีวิตของเรา ส่งผลต่อความรู้สึก จิตใจ และสุขภาพของเรา ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาจิตใจของเราให้สมดุล

การทำสมาธิอย่างมีสติช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีกำจัดขยะทางจิตใจและป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก สิ่งนี้ทำได้โดยการสังเกตความรู้สึกของตนเองอย่างเป็นกลางและขาดปฏิกิริยาต่อสิ่งเร้าของโลกภายในและภายนอก

คุณต้องเริ่มฝึกฝนการทำสมาธิอย่างมีสติโดยเลือกวิธีที่จะทำ มีเพียงสามวิธีเท่านั้น:

ทางที่ 1 คือ การรู้เท่าทันการกระทำของกาย ใจ ใจการตระหนักรู้ในการกระทำของร่างกายหมายถึงการมุ่งความสนใจไปที่การเคลื่อนไหวของร่างกาย เมื่อเราเคลื่อนไหวใด ๆ เราไม่รู้ตัว เราสร้างมันด้วยกลไกล้วน ๆ ขณะทำกิจวัตรประจำวัน กำหนดอิริยาบถ หมายความว่าอย่างไร ตัวอย่างเช่น ขณะที่ขยับมือ ให้พยายามรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวนี้ เมื่อคุณอาบน้ำหรืออาบน้ำ ให้รู้สึกและรับรู้ถึงการสัมผัสของน้ำกับร่างกาย การรู้เท่าทันการทำงานของจิตหมายถึงการสังเกตความคิดที่ปรากฏในหัวของเรา ให้ความสนใจกับพวกเขาโดยไม่ขอโทษ ด้วยอารมณ์ เราไม่ควรตัดสินว่าอะไรดีหรือไม่ดี นี่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของภารกิจของการปฏิบัตินี้ เป็นเพียงสักขีพยานในสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวที่จะยอมรับ ตอนนี้อย่างที่มันเป็น นั่นคือประเด็น อุทิศเวลา 40-60 นาทีทุกวันเพื่อตระหนักถึงการกระทำข้างต้น เมื่อเวลาผ่านไป การฝึกอบรมดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ที่จับต้องได้ในชีวิตประจำวัน

วิธีที่สองคือการรับรู้ลมหายใจดูการขึ้นและลงของช่องท้องขณะที่คุณหายใจเข้าและออก ดูว่าหายใจเข้าจะยกท้องขึ้นและหายใจออกจะลดท้องลงอย่างไร เมื่อคุณรับรู้ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ จิตใจและหัวใจของคุณจะสงบและอารมณ์จะหายไป

วิธีที่สามยังขึ้นอยู่กับการรับรู้ลมหายใจแต่ไม่เหมือนกับประการที่สอง ความสนใจจับจ้องอยู่ที่จุดที่อากาศเข้า สัมผัสลมที่เข้าทางจมูก สัมผัสความเย็น ณ จุดที่ลมเข้า

เลือกจากสิ่งเหล่านี้ สามวิธีสำหรับตัวคุณเองที่เหมาะสมที่สุดคือ วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับคุณที่จะทำ

การทำสมาธิสามารถทำได้ในขณะนั่งหรือเดิน

ฝึกนั่ง: อยู่ในท่าที่สบายซึ่งคุณสามารถอยู่ได้นาน 40-60 นาทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนท่า ให้หลังตรง การหายใจควรสม่ำเสมอ ท่าทางสามารถเปลี่ยนได้หากจำเป็นจริงๆ ดูว่า ณ จุดเหนือสะดือ การหายใจเข้าและหายใจออกจะยกและลดท้องของคุณอย่างไร ถ้าในระหว่างการปฏิบัติมีสิ่งรบกวนใดๆ ในรูปแบบของความรู้สึก ความคิด ทำให้ระคายเคืองต่อโลกภายนอก ให้เปลี่ยนความสนใจไปที่สิ่งรบกวนนี้ แล้วเปลี่ยนกลับมาที่การหายใจ

การเดิน: คุณจะต้องระวังการเคลื่อนไหวของขาที่แตะพื้น คุณจะเดินเป็นเส้นตรงหรือเป็นวงกลมก็ได้ ลดสายตาลงมองพื้นข้างหน้าไม่กี่ก้าว มุ่งความสนใจไปที่เท้าแต่ละข้างสัมผัสพื้นตามลำดับ หากมีสิ่งกีดขวาง ให้ระวัง แล้วเปลี่ยนความสนใจไปที่ขาอีกครั้ง รันไทม์ 20-30 นาที

เหตุผลที่สามารถกระตุ้นให้คนเริ่มฝึกฝนการทำสมาธิอย่างที่เราเห็นนั้นมีมากมาย แต่แต่ละคนมีของตัวเองแม้ว่าจะคล้ายกัน ทำไมเขาถึงต้องการสมาธิเขาจะตอบตัวเองได้ว่าเป็นผลมาจากการฝึกเป็นประจำ

การทำสมาธิให้อะไร? คำถามนี้ทำให้หลายคนกังวลที่กำลังมองหาเส้นทางสู่อิสรภาพ ความเงียบสงบ และการพัฒนาตนเอง วิธีนี้ใช้ได้ผลจริงไหม วิธีทำสมาธิ ที่ถูกต้อง อาจจะเหมาะกับพระสงฆ์มากกว่าคนทั่วไป การทำสมาธิ - คำพูดที่พัดมาพร้อมกับลมลึกลับและลึกลับแห่งตะวันออกซ่อนภูมิปัญญาที่สะสมมานานนับพันปีและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

ใน เมื่อเร็วๆ นี้เทคนิคการทำสมาธิถูกนำมาใช้อย่างแข็งขันในโลกสมัยใหม่ของยุโรป วิธีการที่ทันสมัยแอปพลิเคชันและวิธีการใช้งาน ในยุคของการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ความเครียดทางจิตใจเพิ่มขึ้น ผู้คนขาดความสบายใจ การทำสมาธิจะช่วยคืนสมดุลภายในและความสามัคคีในตัวบุคคลโดยไม่ต้องใช้ยา ยาต้านอาการซึมเศร้า

สิ่งสำคัญคือต้องรู้! การมองเห็นลดลงทำให้ตาบอดได้!

เพื่อแก้ไขและฟื้นฟูการมองเห็นโดยไม่ต้องผ่าตัด ผู้อ่านของเรานิยมใช้กันมากขึ้น ทางเลือกของอิสราเอล - เครื่องมือที่ดีที่สุด มีจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 99 รูเบิล!
หลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว เราตัดสินใจที่จะเสนอให้คุณทราบ...

ความสุขุมเยือกเย็นของปราชญ์ชาวตะวันออกผู้รู้จักโลกและไม่รีบร้อนไปไหนก็อัศจรรย์ใจอยู่เสมอ แค่เฝ้ามอง มีความสุขกับชีวิต ทุก ๆ ช่วงเวลาที่มีให้กับคนบนโลก สมาธิทำอะไร คนธรรมดานั่งสมาธิอย่างไรให้ถูกวิธี?

ตามคำกล่าวของปราชญ์และครูบาอาจารย์ทางจิตวิญญาณ การทำสมาธิเป็นหนทางสู่พลังที่สูงขึ้น เป็นหนทางแห่งการเข้าใจตนเอง เปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ และได้รับคุณสมบัติใหม่ๆ

ผลกระทบเชิงบวกของการทำสมาธินั้นแสดงออกมาในด้านดังกล่าว:

1. คนเรียนรู้ที่จะเป็นผู้สังเกตการณ์รับรู้ตัวเองและโลกโดยรวมเริ่มเข้าใจโลกภายในของเขาได้ดีขึ้น - ความคิดอารมณ์ความรู้สึก
2. มีความเข้าใจในการจัดการอารมณ์ ความรู้สึก ฟื้นฟูความสามัคคีฝ่ายวิญญาณ
3. บุคคลนั้นใจดีขึ้นมีความรักมากขึ้นและ เปิดโลกยินดีที่จะแบ่งปันกับผู้อื่น แสงภายใน. มีความเมตตาต่อผู้คนและความสุขจากชีวิต สถานะภายในเป็นอิสระจากสถานการณ์ภายนอก
4. ปัญญาปรากฏ - ความสามารถในการคิดอย่างเป็นอิสระไม่ขึ้นอยู่กับมุมมองภายนอกเพื่อหาโอกาสที่จะเอาชนะอุปสรรคของสังคมปลดปล่อยศักยภาพโอกาสเพื่อค้นหาอิสรภาพของตนเอง
5. มันสอนให้คน ๆ หนึ่งค้นพบความสุขในความสันโดษอยู่คนเดียวกับตัวเองเพราะถ้าคุณพบว่าตัวเองสบายใจอยู่คนเดียวคนอื่นก็จะง่ายกว่าเมื่อพายุเฮอริเคนโหมกระหน่ำในจิตวิญญาณของคุณ
6. การทำสมาธิช่วยให้คุณตระหนักถึง "ฉัน" ความเป็นตัวตนของคุณ สังคมไม่สนับสนุนคนเหล่านี้เป็นพิเศษ การจัดการฝูงชนจะง่ายกว่าคนที่พอเพียงและมั่นใจในตัวเอง หลักการใช้ชีวิต. ปัญหาหลักคน - พวกเขาขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของสังคมและไม่ฟังสัญชาตญาณภายในของพวกเขา พวกเขาเลือกเส้นทางที่ไม่ถูกต้องในชีวิต พวกเขาไม่สามารถค้นหาชะตากรรมของตนเองได้
7. มันมีส่วนช่วยในการพัฒนาสัญชาตญาณ, คนเข้าใจตัวเองดีขึ้น, ลักษณะของจิตใจ, ค้นพบเอกลักษณ์ของเขา, บุปผาเหมือนดอกไม้
8. การทำสมาธิเป็นเส้นทางของการหยั่งรู้ ความรู้ในบุคลิกภาพของตน และความสามารถในการสังเกตพัฒนาการของสังคมจากภายนอก
9. ช่วยเสริมสร้างจิตใจของมนุษย์ - ลดโอกาสของการบาดเจ็บทางจิตใจ, เพิ่มความมั่นใจในตนเอง, ประสิทธิภาพ, ช่วยให้คุณพัฒนาและปรับปรุงบุคลิกภาพของคุณ
10. การทำสมาธิใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ได้สำเร็จ - ปรับปรุงสภาพในกรณีของความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, ลดความวิตกกังวล, ช่วยให้คุณลืมเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้า, ความก้าวร้าว, เพิ่มความสนใจและความสามารถในการทำงาน มีไว้สำหรับความผิดปกติของระบบประสาทและจิตเกิน
11. พัฒนา ทักษะความคิดสร้างสรรค์ช่วยในการแก้ไขปัญหาชีวิตสถานการณ์ มันเปิดทุนสำรองภายใน ส่งเสริมความเด็ดเดี่ยวในชีวิต การค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่ไม่ได้มาตรฐาน

การทำสมาธิให้อะไรกับบุคคลนั้นเป็นคำถามที่ค่อนข้างกว้าง การใช้สมาธิช่วยให้บุคคลค้นพบตัวเอง ความหมายของชีวิต เรียนรู้ที่จะจัดการตนเอง ก้าวไปสู่ระดับใหม่ของชีวิตที่ดีขึ้น เข้าใจมากขึ้น โลก. หนทางแห่งการตรัสรู้ ความหลุดพ้น ได้เปิดขึ้นแล้ว กองกำลังภายในและมีศักยภาพ

กลไกของผลกระทบของการทำสมาธิต่อบุคคล

นักวิทยาศาสตร์การวิจัยยืนยันผลของการทำสมาธิต่อสมองของมนุษย์ในระดับชีวภาพและโมเลกุล เราใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย ​​ศึกษากระบวนการทางสรีรวิทยาทางไฟฟ้า เมตาบอลิซึม และทางชีวเคมี แบบสำรวจและ การทดสอบทางจิตวิทยายืนยันถึงการปรับปรุงสุขภาพจิต การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพเชิงบวก การพัฒนาตนเองและการนำไปใช้ในสังคมในผู้ที่ใช้สมาธิอย่างแข็งขันซึ่งได้รับการฝึกฝนเทคนิคในกลุ่ม

การทำสมาธิ, ผลกระทบต่อบุคคลเป็นเรื่องเฉพาะและเป็นที่นิยม, สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในทุกระดับ - จิต, โมเลกุล คุณลักษณะของผลกระทบต่อสมองคือการเปลี่ยนแปลงการปกครองของซีกโลก นักวิทยาศาสตร์และนักคิดสังเกตเห็นความแตกต่างในลักษณะนิสัย ทัศนคติต่อชีวิตของผู้คนมานานแล้ว แบ่งพวกเขาออกเป็นศิลปินและนักคิด คนที่มีความคิดสร้างสรรค์และผู้ที่นับถือวิทยาศาสตร์

ความแตกต่างเกี่ยวข้องกับความเด่นของการพัฒนาสมองซีกซ้ายหรือซีกขวา สมองซีกซ้ายมีหน้าที่รับผิดชอบด้านตรรกะ (การอ่าน การเขียน การแก้ปัญหา การอนุรักษ์) ด้านขวาคือความคิดสร้างสรรค์ ( การรับรู้เป็นรูปเป็นร่างความเป็นจริง ความปรารถนาที่จะค้นพบ สิ่งใหม่ๆ ในชีวิต)

ในชีวิตของผู้คน การพัฒนาของซีกโลกด้านใดด้านหนึ่งมักจะเหนือกว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความชอบจะได้รับสิทธิซึ่งเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ จำเป็นต้องได้รับ ข้อมูลใหม่, ความรู้, สิทธิพัฒนาเฉพาะกับการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง, ดนตรี, การวาดภาพ, ในกรณีปกติ, การเชื่อมต่อกับด้านความคิดสร้างสรรค์จะหายไป, ความช่วยเหลือจากจิตใต้สำนึกจะหายไป

การทำสมาธิช่วยให้คุณสร้างสมดุลระหว่างกิจกรรมของซีกโลกทั้งสอง กิจกรรมของซีกซ้ายและซีกขวาสอดคล้องกัน ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาสภาพจิตใจของบุคคล การแสดงความสามารถใหม่ การค้นพบ ความคิดสร้างสรรค์, การปรับปรุงกระบวนการกำกับดูแลตนเอง , การพัฒนาตนเอง

ในกระบวนการทำสมาธิ ความสมบูรณ์ของการทำงานของร่างกายมนุษย์ได้รับการฟื้นฟู การสำรอง ความเป็นไปได้ภายในจะเปิดขึ้น ทัศนคติต่อตนเองและโลกรอบตัว การเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในทุกระดับ ตอนนี้แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ยังยอมรับในเชิงบวกของการฝึกสมาธิ จะเริ่มฝึกสมาธิได้อย่างไร ทุกๆ คนมีวิธีไหม?

เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจว่าวิธีการทำสมาธิทั้งหมดนำไปสู่เป้าหมายเดียว ความสามารถของบุคคลในการมองโลกที่แตกต่างออกไป การเป็นผู้สังเกตการณ์ การหลีกหนีจากวงจรชีวิต เพื่อทำให้จิตใจสงบ ในการใช้สมาธิ ผู้เริ่มต้นต้องอยู่ในที่เงียบสงบ ห่างจากผู้คน ธรรมชาติ ดีกว่า - ในห้องส่วนตัว

ผู้ปฏิบัติที่มีประสบการณ์สามารถทำสมาธิได้ในทุกสภาพแวดล้อม ผู้เริ่มต้นต้องการความสงบของจิตใจ เป็นเรื่องปกติที่จะใช้ท่านั่งหรือนอน ผ่อนคลายร่างกายและปลดปล่อยจิตใจ อย่างไรก็ตาม ครูฝึกสมาธิแนะนำให้เริ่มด้วยการระบาย นี่เป็นวิธีที่ช่วยให้คุณปลดปล่อยอารมณ์บุคคลที่อยู่ในกระบวนการของชีวิตมักจะระงับความโกรธ ความกลัว ความผิดหวัง

อารมณ์เช่นนี้ห้ามไม่ให้จิตใจสงบลง ในทางพระพุทธศาสนาเป็นประเพณีที่จะต้องระบายอารมณ์ในทางที่ปลอดภัย ดังนั้นความโกรธสามารถแสดงได้เมื่อคุณตีหมอน ลูกแพร์ สิ่งสำคัญคืออย่าส่งความโกรธไปที่ผู้คน หากคุณเศร้า คุณสามารถร้องไห้ได้ คุณรู้สึกเบิกบาน - หัวเราะ เต้นรำ แค่ซื่อสัตย์กับตัวเองและระบายอารมณ์ออกมา จากนั้นไปที่การฝึกสมาธิโดยตรง อารมณ์เป็นสิ่งที่ยากจะระงับ ต้องขับออกไป มีประสบการณ์และลืม การทำสมาธิให้อะไร? นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณกำจัดอารมณ์ที่สะสมโดยใช้วิธีไดนามิก

กฎพื้นฐานของการทำสมาธิคือสภาวะของการผ่อนคลาย การสังเกต ไม่มีการตัดสิน มีเพียงการครุ่นคิดและความเงียบ ดูเหมือนว่าโลกหยุดนิ่ง การเคลื่อนไหว ความคิดทั้งหมดหยุดลง มีเพียงความว่างอันบริสุทธิ์

การทำสมาธิมีมากกว่าร้อยวิธี วิธีการและโครงสร้างต่างกัน แต่หลักการเหมือนกัน ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดและใช้ในการทำสมาธิ ไม่จำเป็นต้องคิดค้น วิธีการใหม่ทุกอย่างมีการศึกษาและไตร่ตรองมาก่อนแล้ว รายละเอียดที่เล็กที่สุดดำเนินการมาหลายศตวรรษในทางปฏิบัติ คุณเพียงแค่ต้องเลือกวิธีที่สะดวกที่สุด และที่สำคัญที่สุด - ความสงบและความอดทน ความเร่งรีบจะไม่ช่วยในการพัฒนาและการเรียนรู้เทคนิคการทำสมาธิ ความจริงมาพร้อมกับเวลาเมื่อต้นกล้าของเมล็ดพืชงอกสำหรับผู้เริ่มต้น สำหรับผู้เริ่มต้น พิจารณาเทคนิคที่ง่ายที่สุด

ดังนั้น การทำสมาธิ ผลของวิธีการ วิธีการทำ:

1. การทำสมาธิที่จุดหนึ่ง - การทำสมาธิใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมาธิ วัตถุอาจเป็นโลกภายนอกหรือภายในก็ได้ ง่ายมากคือเทคนิคการทำสมาธิที่จุดหนึ่ง

มีข้อมูลว่าวิธีนี้ช่วยส่งเสริมสุขภาพตาในระดับร่างกายและทำให้ความคิดปลอดโปร่ง สงบสติอารมณ์ และปรับปรุงสติและสมาธิในระดับจิตใจ (จิตวิญญาณ)

วิธีการดำเนินการ: จุดสีดำถูกวาดบนกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ที่ระดับสายตา จำเป็นต้องดูที่ประเด็นเป็นเวลา 3-15 นาที (ค่อยๆ ใช้เวลาถึง 30 นาที) จำเป็นต้องมีสมาธิกับวัตถุนี้ (จุด) พยายามอย่าวอกแวกกับความคิดอื่น หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้วคุณต้องหลับตาและรอจนกว่ามันจะหายไป ภาพภายในคะแนน

วิธีการที่คล้ายกันนี้สามารถใช้ได้กับการสังเกตเปลวไฟของเทียนเท่านั้นโดยมุ่งไปที่ไฟ แบบฝึกหัดนี้ถือเป็นพื้นฐานในกระบวนการฝึกสมาธิ

การทำสมาธิแบบจุดให้อะไร? ปรับปรุงสติ ช่วยให้ความคิดสงบ ปรับปรุงการมองเห็น

2. การทำสมาธิล่วงพ้น, การทำสมาธิล่วงพ้น (TM) - เทคนิคที่พัฒนาโดยมหาริชี เฮอร์ โยคี เกี่ยวข้องกับการใช้มนต์พิเศษเพื่อก้าวข้ามการไตร่ตรอง เพื่อล้างจิตสำนึก

การทำสมาธินี้ถือว่าง่ายที่สุด ใช้กันทั่วโลก ใช้เวลาฝึกเพียง 15-20 นาที วันละ 2 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เทคนิคนี้ช่วยให้คุณลด ชะลอกระบวนการคิด ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาวะสงบและการรับรู้ กิจกรรมดังกล่าวช่วยลดความเครียดและส่งผลดีต่อการพัฒนาตนเอง

การทำสมาธิล่วงพ้นเกี่ยวข้องกับการคิดตรงกันข้ามกับมาตรฐาน - ในกระบวนการทำสมาธิ บุคคลจะปูทางไปสู่จิตสำนึกภายใน แหล่งที่มาของความคิด ต้นกำเนิด ค้นพบรากฐานของกระบวนการจิตสำนึก แนะนำให้ใช้เป็นประจำเพื่อเพิ่มระดับของสมาธิให้กับตัวตนภายใน ได้รับความผ่อนคลายอย่างเต็มที่และความสงบของจิตใจ วิธีนี้ได้รับการศึกษาโดยยาและได้สร้างผลดีต่อร่างกายและสภาพจิตใจของบุคคล

เทคนิคการใช้งาน TMประกอบด้วยการออกเสียงมนต์บางอย่างซึ่งส่งผลกระทบต่อบางส่วนของสมองทำให้เกิดการยับยั้งการคิดนำไปสู่การเปลี่ยนไปสู่สภาวะที่ผ่อนคลาย: การหายใจช้าลงมีความรู้สึกของทารกการคิดเบื้องต้นโดยไม่มีบางอย่าง กรอบ. ความคิดฟุ้งซ่านมีความสงบใกล้เคียงกับการนอนหลับ แต่นี่ไม่ใช่ความฝันการฝึกสมาธิในสภาพที่ร่าเริงในตอนเช้าและตอนเย็นจะดีกว่า

ถึง สถานะที่ต้องการมนต์จะไม่ออกเสียงอีกต่อไป และในกรณีที่มีความคิดเพิ่มเติม ก็จะพูดซ้ำอีกครั้ง การเปลี่ยนไปสู่สถานะของการทำสมาธิมีส่วนช่วยในการทำให้สติบริสุทธิ์, การเริ่มต้นใหม่ภายใน, การบรรเทาความเครียด, ความเป็นหนึ่งเดียวกับโลกภายนอก, จักรวาล, การได้รับพลังงานจากภายนอก ทุกคนสามารถเชี่ยวชาญเทคนิค TM ได้โดยไม่ต้องมีการฝึกอบรมพิเศษ เพียงมีความปรารถนาและมีเวลาว่าง 15 นาที

เป็นไปได้ที่จะหาผู้สอนที่เสียค่าใช้จ่ายหรือไปที่กลุ่มเพื่อศึกษาวิธี TM โดยละเอียด หรือคุณสามารถฝึกฝนด้วยตัวเอง ขอแนะนำให้ใช้มนต์ "OM" เริ่มต้นด้วยซึ่งถือเป็นการใช้งานทั่วไป มนต์ ด้วยการฝึกอบรมส่วนตัว ผู้สอนสามารถเลือกมนต์ส่วนตัวตามลักษณะของบุคคล

มาดูเทคนิคการทำสมาธิทิพย์กันดีกว่า:

1. จำเป็นต้องนั่งสบาย ๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทั้งหมด หายใจลึก ๆ รู้สึกผ่อนคลายในร่างกายทั้งหมด กล้ามเนื้อจะหนักขึ้น คลื่นแห่งความผ่อนคลายผ่านร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า
2. เราหายใจออกสองสามวินาที เรารู้สึกว่าพลังงานไหลผ่านส่วนบนของศีรษะเข้าสู่ปอดได้อย่างไร เราสะสมพลังงานในช่องท้องแสงอาทิตย์
3. เราออกเสียงมนต์ "OM" (aum) โดยให้ความสนใจกับบริเวณหน้าอก, ลำคอ, กระหม่อม หายใจเข้าซ้ำและพูดมนต์เมื่อคุณหายใจออก ดำเนินต่อไปจนกว่าความสงบจะเกิดขึ้นและความคิดภายนอกจะหยุดรบกวน
4. หากความคิดไม่หายไป จำเป็นต้องคิดถึงสิ่งที่น่ารื่นรมย์ สวยงาม - จินตนาการถึงธรรมชาติ ดอกไม้ ช่วงเวลาแห่งความสุขพิเศษของชีวิต พยายามปล่อยวางความคิดและความเจ็บป่วยด้วยการหายใจออก ปล่อยกาย ปล่อยใจ
5. เราออกจากสมาธิหลังจากผ่านไป 15-20 นาที ค่อยๆ รวมกล้ามเนื้อ หมุนคลื่นแห่งความตึงเครียดจากขาถึงศีรษะ เราพยายามเปิดการมองเห็นในตอนท้าย อีกครั้งที่เราเริ่มรู้สึกทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อทุกส่วน ได้ยินและเห็นโลกรอบตัวเรา

ผู้คนมักจะถามตัวเองว่า: การทำสมาธิให้อะไร ผลของการปฏิบัติคืออะไร? ส่วนใหญ่มีการรีบูตความคิด, ชำระล้างความคิดเชิงลบ, บรรเทาความเครียด, ผ่อนคลายในระดับร่างกาย, กระตุ้นพลังภายใน ในช่วงที่มีความเครียด การทำสมาธิสามารถเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการลดผลกระทบของภาระที่มากเกินไปต่อร่างกาย

3. ฝึกฝน "รอยยิ้มภายใน" - สภาวะทางอารมณ์ของบุคคลมีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพร่างกาย

ประสบการณ์นำไปสู่ความผิดปกติของระบบประสาท การย่อยอาหาร ความผิดปกติในการทำงานของหัวใจ อารมณ์เชิงบวกและความสุขทำให้สุขภาพแข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและปรับปรุง รัฐทั่วไปสิ่งมีชีวิต ขอแนะนำให้ใช้ "รอยยิ้มภายใน" เพื่อปรับปรุงสุขภาพกายและจิตใจ

เทคนิค:

1. เริ่มออกกำลังกายด้วยดวงตาซึ่งเชื่อมโยงถึงกัน ระบบประสาทและอวัยวะทั้งหมด จำเป็นต้องหลับตาและจินตนาการว่าพวกเขากำลังยิ้มเพราะมันมักจะเกิดขึ้นด้วยความปิติ เติมความผ่อนคลายและแสงสว่างให้กับพวกเขา
2. ยิ้มทางจิตใจให้กับทุกส่วนของร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ เริ่มจากศีรษะลงไป สิ่งสำคัญคือการให้ประจุบวกแก่สมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร ตับ และส่วนอื่น ๆ ที่สำคัญ โดยเฉพาะจักระ

สมาธิทำอะไร วิธีนี้? หลังจากการฝึกฝนจะมีความแข็งแกร่งพลังงานสภาพทั่วไปและอารมณ์ดีขึ้น

4. วิปัสสนาเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ใช้บ่อยที่สุด มันมีส่วนในการตรัสรู้ของผู้คนจำนวนมากที่สุด เนื่องจากมีสาระสำคัญ

ใครๆ ก็ทำได้ มีหลายวิธีด้วยกัน:

• การตระหนักรู้ในตนเอง การกระทำ ความคิด - คุณต้องติดตามและทำความเข้าใจ ระวังการเคลื่อนไหวของแขนขาขณะเดิน เรียนรู้ที่จะรู้สึกถึงกระบวนการทั้งหมด ยกเว้นอาการหมดสติ ในขณะเดียวกันก็มีการตระหนักรู้ในความคิด การกระทำ โดยไม่มีการประเมินเพียงแค่การสังเกต การออกกำลังกาย - เดินไปรอบ ๆ ห้องด้วยการจ้องมองที่ลดลง, สมาธิไปข้างหน้าสองสามก้าว, รู้สึกถึงพื้นด้วยเท้าของคุณ การตระหนักรู้ในการเคลื่อนไหวของร่างกาย ความคิด และอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญ สามขั้นตอนหลัก
• การรับรู้ถึงการหายใจ - คุณต้องจดจ่ออยู่กับการหายใจ รู้สึกว่าท้องกระเพื่อมขึ้นและลงอย่างไรเมื่อคุณหายใจเข้าและหายใจออก อันเป็นผลมาจากการจดจ่ออยู่กับลมหายใจ ท้อง ความคิดหายไป อารมณ์ละลาย ใจสงบลง คุณสามารถจดจ่อกับวิธีการที่อากาศเข้าและออกได้หากหายใจลำบากในท้อง (เกี่ยวกับผู้ชายมากกว่า)

การออกกำลังกายจะดำเนินการดังนี้: คุณต้องนั่งในท่าที่สบาย หลับตา ผ่อนคลายร่างกายและมุ่งความสนใจไปที่เหนือสะดือเล็กน้อย รู้สึกว่าคุณหายใจเข้าและหายใจออกอย่างไร พยายามอย่าวอกแวก แต่เมื่อวอกแวก ให้เพ่งสายตาไปที่คำถามนั้นสักพัก แล้วกลับมาที่การหายใจอย่างมีสติอีกครั้ง สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตการหายใจอย่างสงบและรู้สึกถึงสภาวะ

อะไรทำให้เกิดสมาธิ คือ วิปัสสนา ? วิธีนี้ช่วยให้คุณเรียนรู้ที่จะสังเกตโลก รู้สึกถึงชีวิตอย่างสุดหัวใจ ค้นหาความสงบและความเข้าใจที่เปิดกว้าง ค้นหาความสงบของจิตใจ โลกทั้งใบเป็นเพียงภาพสะท้อนของบุคคล ความคิดของเขา จิตวิญญาณที่สงบ เราเปลี่ยนทัศนคติของเราต่อโลก ไม่อย่างนั้นเราจะรู้สึกถึงชีวิต เราเห็นแง่มุมและขอบฟ้าใหม่

5. Kundalini - การทำสมาธิ - การทำสมาธินี้คล้ายกับไดนามิกซึ่งในขั้นต้นบุคคลจะต้องทิ้งพลังงานขั้นตอนต่อไปนี้ใช้ในเทคนิคนี้:

• ร่างกายผ่อนคลายมีอาการสั่นอันเป็นผลมาจากการกระแทกของพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากเท้าขึ้น (15 นาที);
• เต้นรำ, ร่างกายเคลื่อนไหวตามดุลยพินิจของตนเอง, ปลดปล่อยตัวเองจากอารมณ์ที่ซ่อนอยู่, ความฝืด (15 นาที);
• ผ่อนคลายในท่านั่งหรือยืน หลับตา สังเกตความรู้สึก โลกภายในและภายนอก (15 นาที)

การทำสมาธิ Kundalini ทำอะไร? เทคนิคการทำสมาธินี้ช่วยชำระล้างอารมณ์ประสบการณ์ที่สะสมไว้ คืนความสงบและความสมดุลในจิตวิญญาณและร่างกาย

6. "เกิดใหม่", การทำสมาธิ Osho- ยังเกี่ยวข้องกับการทำสมาธิแบบไดนามิกและแบบคลาสสิก

เป็นที่เชื่อกันว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคน ๆ หนึ่งเลิกสนุกกับชีวิต สูญเสียความฉับไว การติดต่อกับจุดเริ่มต้นตามธรรมชาติ การเริ่มต้นตามธรรมชาติของชีวิต ดังนั้น Osho จึงเสนอการทำสมาธิที่กลับไปสู่วัยเด็ก - เป็นเวลา 1 ชั่วโมงที่คน ๆ หนึ่งทำตัวเหมือนเด็ก: เขาเล่น, ร้องเพลง, กระโดด, ปล่อยพลังงาน, ถอดที่หนีบ, สาดอารมณ์, อีกหนึ่งชั่วโมงเขายังคงอยู่ในสภาวะสงบใน ท่านั่ง.

การทำสมาธิ "เกิดใหม่" ให้อะไร? อันเป็นผลมาจากการใช้เทคนิคนี้, ความรู้สึกของวัยเด็ก, ความฉับไว, การเปิดกว้างต่อโลกเกิดขึ้น, คนเรียนรู้ที่จะรู้สึกถึงชีวิตในรัศมีภาพทั้งหมด, แสดงความรู้สึกและอารมณ์อย่างเปิดเผย

7. การทำสมาธิด้วยเสียงหัวเราะ - มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระหัวเราะที่เดินไปรอบ ๆ การตั้งถิ่นฐานและหัวเราะโดยไม่บอกใครในขณะที่เขาช่วยชำระล้างจิตวิญญาณและเติมพลังด้วยพลังบวก

เทคนิคที่ง่ายที่สุด- ตอนเช้า ตื่นนอน ยืดเส้นยืดสาย หลับตา 3 นาที เริ่มหัวเราะ ทำต่อ 5 นาที (ห้ามลืมตา) การหัวเราะช่วยชำระล้างความคิดด้านลบ เติมความสดใสและประจุบวกในจิตใจ และทำให้วันใหม่ประสบความสำเร็จมากขึ้น

กฎสำคัญของการทำสมาธิ- เรียนรู้ที่จะเปิดใจและเติมเต็มด้วยความสงบ เป็นหัวใจที่ให้คุณมีชีวิตอยู่ ชีวิตจริงและปัญหาถูกสร้างขึ้นโดยจิตใจ จิตสำนึก ทำให้โลกรอบตัวเราซับซ้อนขึ้น ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์ที่จะย้ายการรับรู้ไปยังพื้นที่ของหัวใจเพื่อเรียนรู้ที่จะรู้สึกถึงโลก อย่าใช้ชีวิตให้ยุ่งยาก ไม่มีปัญหา มีความลับและความลึกลับของชีวิต อย่างอื่นเป็นผลผลิตจากความคิดของเรา

การทำสมาธิ - นี่คือสถานะที่เราไม่ได้ตั้งใจโดยไม่ได้สังเกต ในช่วงที่มีสมาธิเป็นพิเศษ กิจกรรมต่างๆ เช่น การวาดภาพ การสร้างสรรค์ดนตรี การใคร่ครวญโลก ธรรมชาติ การดื่มชา การวิ่งสามารถทำให้เกิดสภาวะของสมาธิ: ความกลมกลืนของร่างกายและจิตวิญญาณ การขาดความคิดที่ไม่จำเป็น

แต่ละคนกำลังมองหาวิธีของตัวเองในการฟื้นฟูความแข็งแกร่งภายในแม้แต่ความทรงจำในเชิงบวกก็สามารถเติมเต็มจิตวิญญาณด้วยแสง ความช่วยเหลือที่ดีเยี่ยมและแบบฝึกหัดการหายใจในช่วงที่มีความเครียด การระคายเคือง การสูญเสียความสงบ

เราหวังว่าคุณจะค้นพบวิธีการทำสมาธิของคุณเองและใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับโลกรอบตัวคุณ!

เป็นเวลานานมากที่ฉันเองไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องนั่งสมาธิ บางครั้งฉันทำสมาธิด้วยโยคะหรือฝึกบางอย่าง ฉันชอบมันในฐานะส่วนหนึ่งของชั้นเรียน ฉันถึงกับไปวิปัสสนา: การเข้าเงียบ 10 วันโดยที่คุณไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทำสมาธิ 10 ชั่วโมงต่อวัน

แต่เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน - ทำไมอย่างไร? เห็นได้ชัดว่าการทำสมาธิไม่ใช่วิธีการปฏิบัติที่คุณเห็นผลในทันที และฉันต้องการ คำอธิบายเชิงตรรกะและเห็นผลทันตา เรื่องราวของคนอื่นไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจเป็นพิเศษ อืม ใช่ คุณสงบขึ้น อืม ใช่ สติของคุณโล่งขึ้น และฉันก็สงบแล้วและจิตใจก็ปลอดโปร่ง ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องการทั้งหมดนี้

แต่วันหนึ่งฉันได้รับแรงบันดาลใจในปริมาณที่เหมาะสม! ฉันได้ดูบทสัมภาษณ์ของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จซึ่งหันมาเล่นกีฬาด้วยและเพิ่งชนะการแข่งขันกีฬา ในการสัมภาษณ์ พวกเขาถูกถามคำถาม: เคล็ดลับพื้นฐานที่สุดสู่ความสำเร็จของคุณคืออะไร? สองในสามตอบว่า: ทำสมาธิตอนเช้า ไม่ใช่ว่าฉันต้องการเป็นผู้ชนะ การแข่งขันกีฬาแต่ความคิดในการเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จทำให้ฉันสนใจจริงๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันเชื่อนักกีฬาเหล่านี้

ตัดสินใจลอง: ตั้งแต่นั้นมาฉันไม่พลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น แต่ตอนนี้ฉันสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า การทำสมาธิเป็นเวลาที่ชอบมากที่สุดของวัน และใช่ ฉันตระหนักดีถึงคุณค่าของมัน และยิ่งฉันฝึกฝนนานเท่าไหร่ โบนัสที่คาดไม่ถึงก็จะเปิดมากขึ้นเท่านั้น

แล้วทำไมต้องทำสมาธิ?

1. สร้างความตระหนัก!คุณรู้ไหม มันเกิดขึ้นแบบนี้ คุณทำงาน เขียนรายงานประจำไตรมาสหรือ บทความใหม่แล้วตื่นขึ้น - และคุณนั่งเล่น Facebook เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง หรือคุณขับรถแล้วพบว่าคุณจำถนนไม่ได้เลยว่าคุณไปถึงจุดหมายได้อย่างไร หรือคุณออกจากบ้านแล้วคุณคิดว่า: ฉันปิดเตารีดหรือเปล่า ฉันปิดประตูหรือเปล่า และคุณจำไม่ได้! หมายความว่าในช่วงเวลานั้นเราไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาปัจจุบัน ด้วยการฝึกสมาธิ เราจะรู้ตัวเองมากขึ้นว่าเรากำลังทำอะไร ทำไม เรากำลังทำอะไรอยู่ ทางเลือกที่มีสติหรือเราทำงานบนเครื่องจนติดเป็นนิสัย
2. เข้าใจตัวเองดีขึ้นและได้ยินตัวเองความแน่นอน การเข้าใจสิ่งที่คุณต้องการและสิ่งที่คุณกำลังจะไปคือคุณค่าที่สำคัญที่สุดในชีวิต ด้วยการทำสมาธิจะปรากฏตัวเร็วขึ้น เมื่อคุณต้องตัดสินใจเลือกในชีวิต เวลาน้อยลงเรื่อยๆ กับความสงสัยและการไตร่ตรอง: คุณจะรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าคำตอบใดที่เหมาะกับคุณ
3. ใจเย็น ๆ.เมื่อเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นซึ่งโดยปกติแล้วจะทำให้คุณไม่สงบ มันนำมาซึ่งประสบการณ์ที่น้อยกว่ามาก ใช้เวลาน้อยลงในการกลับสู่สภาวะของความสงบและความสุข ภูมิหลังทางอารมณ์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
4. เพิ่มประสิทธิภาพเอฟเฟกต์นี้สังเกตได้ตั้งแต่วันแรก! สมาธิเพิ่มขึ้น ความสามารถในการจดจ่อกับสิ่งที่คุณทำ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น! และสิ่งนี้ใช้ได้กับทั้งงานที่ต้องใช้ความเครียดทางจิตใจและ กระบวนการสร้างสรรค์และสิ่งซ้ำซากเช่นล้างจาน
5. ฝึกฝนพลังแห่งความตั้งใจในการทำสมาธิ จิตใจและร่างกายจะอยู่ในสถานะที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ในปฏิสัมพันธ์ที่กลมกลืนกันมากที่สุด ช่วงเวลาที่ดีในการจดจำการมองเห็นของคุณ เพื่อมุ่งความสนใจไปที่จุดนั้น คุณสามารถใช้เวลานี้จินตนาการถึงวันข้างหน้าของคุณ เพื่อจดจ่อกับสิ่งที่คุณอยากทำในวันนี้ ถ้าจะเป็น เหตุการณ์สำคัญจินตนาการในรายละเอียดว่าทุกอย่างจะดีแค่ไหน และมักจะเป็นเช่นนั้น!
6. สัมผัสกับร่างกายของคุณเองบ่อยครั้งที่เรามักลืมเกี่ยวกับการมีอยู่ของมันจนกระทั่งมีบางอย่างเจ็บปวด คุณหยุดและสังเกตความรู้สึกในร่างกายของคุณตอนนี้บ่อยแค่ไหน? แต่มีความรู้สึกเสมอ! นิสัยในการติดต่อกับร่างกายและฟังเสียงของมันมีค่ามาก คุณสามารถมีชีวิตอยู่และปล่อยผ่านร่างกายได้ อารมณ์เชิงลบคุณสามารถค้นหาว่าอะไรดีสำหรับคุณและอะไรไม่ดี เมื่อถึงเวลาหยุดทานอาหารเย็น เมื่อคุณลุกนั่งโดยไม่เคลื่อนไหว และถึงเวลาออกกำลังกาย และอื่นๆ อีกมากมาย
7. ฟังสัญชาตญาณของคุณฉันชอบวลีที่ฉันได้ยินจาก: “คุณจะได้ยินเสียงภายในของคุณได้อย่างไร ถ้าคุณตะโกนใส่มันตลอดเวลา”จิตใจของเรายุ่งอยู่กับสิ่งต่าง ๆ เป็นล้าน ๆ และเราไม่มีเวลาที่จะหยุดและฟังตัวเอง โอกาสนี้เกิดขึ้นเมื่อเราสร้างพื้นที่สำหรับความเงียบภายใน
8. รับฟังข้อมูลเชิงลึกจากจักรวาลโดยตรงในระหว่างการทำสมาธิ ความคิด ความตระหนักรู้ และความเข้าใจจะมาถึง ปริศนาจะถูกนำมารวมกันและพบชิ้นส่วนที่หายไป ความคิดที่เกิดขึ้นระหว่างการทำสมาธิมักมีค่าควรแก่การรับฟัง ไว้วางใจ และนำไปปฏิบัติ ผลลัพธ์จะทำให้คุณประหลาดใจ

ฉันจะพูดถึงวิธีการเรียนรู้การทำสมาธิ

คุณทำสมาธิ? บอกเราว่านานมาแล้วและมีผลบวกอื่น ๆ ของการทำสมาธิที่ฉันไม่ได้กล่าวถึงหรือไม่?

และมีใครบางคนที่หลังจากบทความนี้ตัดสินใจที่จะลอง? เขียนในความคิดเห็น?

ทำสมาธิเพื่ออะไร?

พวกเราหลายคนยังมีความคิดที่ไม่ดีว่าการทำสมาธิคืออะไรและมีไว้เพื่ออะไร ลองชี้แจงปัญหานี้

การทำสมาธิ (จากภาษาละติน meditatio - การสะท้อนกลับ) เป็นแบบฝึกหัดการฝึกสมาธิประเภทหนึ่งที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ด้านสุขภาพหรือเพื่อความรู้และการพัฒนาตนเอง เพื่อพัฒนาการควบคุมการไหลของความคิดและอารมณ์ หรือเพื่อเข้าสู่สภาวะพิเศษของการมีสติ

มีเทคนิคการทำสมาธิมากมาย ในระหว่างการทำสมาธิ ผู้ปฏิบัติมักจะต้องอยู่ในอิริยาบถบางอย่าง บางครั้งก็ต้องใช้สายประคำและเครื่องช่วยอื่นๆ เป้าหมายของสมาธิมักจะเป็นความรู้สึกภายในร่างกาย, ภาพภายใน, อารมณ์น้อยกว่า บางครั้งวัตถุของความเข้มข้นอาจเป็นวัตถุทางกายภาพภายนอก สามารถทำสมาธิร่วมกับ แบบฝึกหัดการหายใจ. มีการใช้การฝึกสมาธิพิเศษขึ้นอยู่กับเป้าหมาย

ตามกฎแล้ว การทำสมาธิเกี่ยวข้องกับโยคะของอินเดียหรือศาสนาพุทธ แต่ความจริงแล้ว ประวัติการทำสมาธินั้นสมบูรณ์กว่ามาก ร่องรอยของมันสามารถพบได้ในสมัยโบราณซึ่งในหมู่ Platonists การทำสมาธิเป็นขั้นตอนที่นำหน้าการคิดเชิงทฤษฎีและเรียกว่า "ความปีติยินดีทางปรัชญา" นิกายเยซูอิตปฏิบัติในรูปแบบของ "การออกกำลังกาย" มุสลิม Sufi ในการสอน " บนเส้นทาง" ชาวยิวใน "คับบาลาห์" คริสเตียนรวมถึงคริสเตียนออร์โธดอกซ์ใน "งานอันชาญฉลาด" ซึ่งคำอธิษฐานจิตของพระเยซูเชื่อมโยงจิตใจและหัวใจ ในช่วงทศวรรษที่ 1960 พวกฮิปปี้ซึ่งการทำสมาธิเป็นวิธีบรรลุความปรองดอง ทำให้การทำสมาธิเป็นที่นิยมไม่เพียงแต่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ทั่วโลก ในรัสเซีย ความสนใจในการทำสมาธิเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาเปเรสทรอยก้า

การทำสมาธิช่วยให้ผ่อนคลาย ขจัดความเครียด ความคิดและประสบการณ์ที่ไม่จำเป็น ค้นหาความสงบของจิตใจและสภาวะ ความสามัคคีภายในและเข้าใจชีวิตอย่างถ่องแท้

เข้าร่วมหรือไม่ทำสมาธิไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือโทษ - ทุกคนตัดสินใจด้วยตัวเอง การปฏิบัติทางจิตวิญญาณต้องใช้ความอดทนและการทำงานหนักและยาวนาน ไม่ได้รับประกันผลประโยชน์ทางวัตถุใด ๆ - มันช่วยปรับปรุงจิตวิญญาณเท่านั้น ทำให้โลกภายในประสานกัน ช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้นตลอดชีวิต

อาจารย์ผู้สอนที่มีประสบการณ์ของศูนย์ของเราจะช่วยให้คุณเข้าใจหนึ่งในความลับและ ศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต - การทำสมาธิ เราจะสอนเทคนิคและวิธีการต่าง ๆ แต่เฉพาะบุคคลเท่านั้นที่สามารถเข้าใจศิลปะนี้ผ่านประสบการณ์ของเขาเอง

เรามาสรุปกัน:

• คุณต้องการที่จะคืนความสะดวกสบายภายในและ ความสงบจิตสงบใจ- นั่งสมาธิ!
• หากคุณต้องการพัฒนาหรือเสริมกำลังสำรองและความสามารถภายในของคุณ ให้นั่งสมาธิ!
• หากคุณต้องการคืนความสงบภายในและรอบตัวคุณ นั่งสมาธิ!
• หากคุณต้องการพัฒนาสุขภาพของคุณ นั่งสมาธิ!