บ้าน › เครื่องยนต์ › ลักษณะทั่วไปของความคิดสร้างสรรค์ ลักษณะทั่วไปของความคิดสร้างสรรค์และอายุขัยของ Haydn

ลักษณะทั่วไปของความคิดสร้างสรรค์ ลักษณะทั่วไปของความคิดสร้างสรรค์และอายุขัยของ Haydn

HAYDN (ไฮเดิน) โจเซฟ (ฟรานซ์โจเซฟ) (31.3.1732, Rohrau, โลเวอร์ออสเตรีย - 31.5.1809, เวียนนา), นักแต่งเพลงชาวออสเตรีย. ตัวแทนของโรงเรียนคลาสสิกเวียนนา (ร่วมกับ W. A. Mozart และ L. van Beethoven) ลูกชายของช่างทำรถม้า เขาได้รับการศึกษาด้านดนตรีเบื้องต้นจากครูในโรงเรียนและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ I.M. Frank ในเมืองไฮน์บูร์ก ในปี ค.ศ. 1740-49 เขาร้องเพลงในโบสถ์น้อยของมหาวิหารเซนต์สตีเฟนในกรุงเวียนนา ซึ่งเขาได้ศึกษาเปียโน ไวโอลิน และออร์แกนด้วย หลังจากออกจากโบสถ์ เขาใช้ชีวิตอยู่กับงานแปลกๆ (คัดลอกโน้ต บทเรียนส่วนตัว แสดงเป็นออร์แกน นักไวโอลิน นักร้อง) ในปี ค.ศ. 1753-56 เขาทำงานเป็นนักดนตรีให้กับ N. Porpora โดยเชี่ยวชาญเทคนิคการแต่งเพลงไปพร้อมๆ กัน เขาชดเชยการขาดการศึกษาด้านดนตรีอย่างเป็นระบบโดยอิงจากงานเชิงทฤษฎีของ I. J. Fuchs, I. Matteson, C. F. E. Bach จุดเริ่มต้นของชื่อเสียงของ Haydn ย้อนกลับไปในทศวรรษที่ 1750 เมื่อตามคำสั่งของนักแสดง J. F. Kurtz (เบอร์นาร์ดอน) และในบทของเขา เขาได้สร้างเพลง "The Lame Demon" (อิงจากบทละครที่มีชื่อเดียวกันโดย A. R. Lesage จัดแสดงในปี ค.ศ. 1752 ที่เวียนนา ไม่ได้รับการอนุรักษ์ไว้) วงเครื่องสายและวงเครื่องสาย (ค.ศ. 1755; เขียนขึ้นสำหรับแวดวงดนตรีของบารอน เฟิร์นแบร์ก) เผยให้เห็นคุณลักษณะของสไตล์เฉพาะตัวของผู้แต่ง: ความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่สิ้นสุด ความง่ายในการใช้เพลงและการเต้นรำพื้นบ้าน และความชื่นชอบในเอฟเฟกต์ตลกขบขัน

ในปี ค.ศ. 1759-61 Haydn ดำรงตำแหน่งหัวหน้าวงดนตรีในที่ดิน Lukavice (ใกล้เมือง Pilsen) ที่ศาลของ Count Moritz ซึ่งเขาได้สร้างโบสถ์ซิมโฟนีครั้งแรกในปี ค.ศ. 1761-90 - สำหรับเจ้าชายฮังการี Esterhazy (รองหัวหน้าวงดนตรีใน Eisenstadt จากปี 1766 หัวหน้าวงดนตรีคนแรก) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1769 เขาทำงานส่วนใหญ่ที่บ้านพักเจ้าชายในฤดูร้อนของ Esterházy บนทะเลสาบ Neusiedler See หลังจากการยุบโบสถ์น้อยในปี พ.ศ. 2333 ไฮเดินได้รับเงินบำนาญตลอดชีวิตจากเจ้าชาย และย้ายไปที่เวียนนา ซึ่งยังคงเหลือเป็นผู้ควบคุมศาลในนาม ในปี พ.ศ. 2334-2335 และ พ.ศ. 2337-38 Haydn ไปเยือนอังกฤษซึ่งเขาได้เข้าร่วมในคอนเสิร์ตสมัครสมาชิกของ I. P. Salomon ในฐานะนักแต่งเพลง (รวมถึงซิมโฟนี "ลอนดอน" ที่เขียนขึ้นเป็นพิเศษหมายเลข 93-104) และผู้ควบคุมวง

Haydn ผ่านเส้นทางสร้างสรรค์อันยาวนานและซับซ้อน ตั้งแต่การแต่งเพลงแนวเล็กๆ น้อยๆ และวงเครื่องสาย ไปจนถึงการสร้างวงควอร์เตตและซิมโฟนีที่กว้างขวาง ตั้งแต่การใช้แหล่งข้อมูลพื้นบ้านในชีวิตประจำวันโดยตรงไปจนถึงการนำไปปฏิบัติอย่างอิสระ ซิมโฟนีในยุคแรกของเขาได้รับอิทธิพลจากอิทธิพลที่ย้อนกลับไปถึงสไตล์บาโรกและสไตล์ที่กล้าหาญ (โดยเฉพาะต่อนักประพันธ์เพลงของโรงเรียนมันน์ไฮม์) ความเป็นอิสระด้านโวหารของ Haydn แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเขาเชี่ยวชาญหลักการของการพัฒนาแรงจูงใจและใจความ ในแง่นี้ซิมโฟนีหมายเลข 22 (“ปราชญ์”, Es-dur, 1764), หมายเลข 30 (“Hallelujah”, C-dur), หมายเลข 31 (“ด้วยแตรที่เล่นหรือดึง”, D -dur, 1765) การเปลี่ยนแปลงอย่างเด็ดขาดไปสู่การตกผลึก สไตล์ของตัวเองทำเครื่องหมายด้วยซิมโฟนีหมายเลข 39 (G-moll, 1770), หมายเลข 44 (“ Mourning”, E-moll), หมายเลข 45 (“ Farewell”, fis-moll, 1772), หมายเลข 49 (“ La Passione” , เอฟ-โมลล์, 1768). ในพวกเขาและใน 12 วงเครื่องสาย op ฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2314) และ op. 20 (พ.ศ. 2315) มีการแสดงแนวโน้มในโคลงสั้น ๆ และละครอย่างชัดเจน ทำให้ Haydn ใกล้ชิดกับขบวนการ Sturm und Drang ในวรรณคดีมากขึ้น เช่นเดียวกับงานของ C. F. E. Bach ความคล้ายคลึงกันด้านโวหารกับดนตรีของเพลงหลังมีความชัดเจนเป็นพิเศษในโซนาตาเปียโน (D major, 1767; C minor, 1771; F major, 1773) ในการเคลื่อนไหวช้าๆ ของ quartets op 9 ฉบับที่ 2 (ประมาณปี 1770) แย้มยิ้ม ฉบับที่ 17 หมายเลข 5 (พ.ศ. 2314) ฯลฯ ในเวลาเดียวกัน ความพยายามในการจัดทำแผนอย่างมีเหตุผล ความกลมกลืน ความรอบคอบของข้อความ Haydn เช่น L. van Beethoven ในเวลาต่อมา บางครั้งก็หันไปใช้รูปแบบโพลีโฟนิก (fugues in quartets) หน้าที่ 20: หมายเลข 2 C-dur, หมายเลข 5 f-moll, หมายเลข 6 A-dur) ความสำเร็จที่สำคัญของผู้แต่งคือการเปิดเผยความเป็นไปได้ที่ขัดแย้งกันซึ่งมีอยู่ในเนื้อหาเฉพาะเรื่องเพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดนตรีต่อไป ด้วยเหตุนี้ ในที่สุด Haydn จึงได้นิยามซิมโฟนิสต์ว่าเป็นวิธีการคิดทางดนตรีในที่สุด

Haydn ถือว่าปี 1781 เป็นจุดเริ่มต้นของวุฒิภาวะเชิงสร้างสรรค์ของเขา โดยสังเกตว่าควอเต็ตทั้ง 6 ที่เขาสร้างขึ้น Op. ฉบับที่ 33 (ที่เรียกว่า "รัสเซีย" ซึ่งอุทิศให้กับรัชทายาทแห่งบัลลังก์รัสเซียพาเวลเปโตรวิช) ถูกเขียนขึ้น "ในลักษณะใหม่ทั้งหมด" เขาได้ฝึกฝนสไตล์นี้เพิ่มเติมตลอดระยะเวลาสองทศวรรษ ความแตกต่างระหว่างผลงานเครื่องดนตรีของ Haydn กับผลงานรุ่นก่อนๆ ก็คือความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์แบบ วัสดุเฉพาะเรื่อง. ยกเว้นซิมโฟนียุคแรกหมายเลข 6-8 ("เช้า", "เที่ยง", "เย็น", พ.ศ. 2304 ซึ่งเขียนโดยเห็นได้ชัดว่าคำนึงถึงรสนิยมของ P. A. Esterhazy) ซิมโฟนีหมายเลข 26 ("คร่ำครวญ" d-moll ประมาณ 1770) ความหลงใหลในเครื่องดนตรี “Seven คำสุดท้ายพระผู้ช่วยให้รอดของเราบนไม้กางเขน" [มอบหมายโดยมหาวิหารกาดิซ (สเปน) เวอร์ชันสำหรับวงออเคสตราและวงเครื่องสาย - 1787; ในรูปแบบของ oratorio - ประมาณปี 1795] Haydn ไม่ได้สร้างผลงานทางโปรแกรม (ในความหมายที่เหมาะสมของคำ) ในเวลาเดียวกัน ผลงานหลายชิ้นของเขาได้รับชื่อในเวลาต่อมาเนื่องจากโครงเรื่องและการเชื่อมโยงหัวเรื่องเกิดขึ้นได้ง่าย บางครั้งผู้แต่งเองก็กระตุ้นเตือน โดยส่วนใหญ่กำหนดโดยความชัดเจนของภาพที่เกี่ยวข้องกับธีมประเภทต่างๆ

ในบทประพันธ์ “The Creation of the World” (ข้อความโดย G. van Swieten จากบทกวี “Paradise Lost” โดย J. Milton, 1798) และ “The Seasons” (ข้อความโดย van Swieten จากบทกวีของ J. Thomson , 1801) Haydn ได้พัฒนาการตีความแนวเพลงที่ไพเราะโดยเริ่มจาก G. F. Handel (การได้รู้จักกับผลงานของเขาถือเป็นความประทับใจที่ทรงพลังที่สุดครั้งหนึ่งจากการเดินทางไปอังกฤษของ Haydn) oratorios มีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยกลิ่นอายประจำชาติที่สดใส ความจำเพาะของประเภทเพลง ความโล่งใจของภาพ และความเรียบง่ายในวิถีทางศิลปะ ในนั้น (โดยเฉพาะใน “The Seasons”) Haydn ใช้เทคนิคการสร้างภาพและเสียงจากเครื่องดนตรีอย่างกว้างขวาง การสร้างโลกแสดงแนวคิดการตรัสรู้เกี่ยวกับชะตากรรมอันสูงส่งของมนุษย์ “The Seasons” มีความเกี่ยวข้องกับปรัชญาของ J. J. Rousseau; บทประพันธ์นี้เชื่อมโยงระหว่างการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและกระแสชีวิตของมนุษย์ ความสำเร็จสูงสุดของงานของ Haydn ได้แก่ 6 มิสซาสุดท้ายของเขา (พ.ศ. 2339-2345) ในสิ่งเหล่านี้เราสามารถได้ยินความเข้าใจอันลึกซึ้งอย่างมากเกี่ยวกับความแตกต่างของการดำรงอยู่ การตรงข้ามของแสงและเงา ความสุขและความทุกข์ทรมาน นอกเหนือจากโพลีโฟนิกแล้ว Haydn ยังใช้วิธีการพัฒนาวัสดุไพเราะอย่างกว้างขวาง (แนวคิดที่คล้ายกันนี้ยังคงดำเนินต่อไปในพิธีมิสซาอันศักดิ์สิทธิ์ของ L. van Beethoven) ผู้แต่งพบวิธีแก้ปัญหาเฉพาะสำหรับมวลชนแต่ละคน ดังนั้นจึงสามารถได้ยินเสียงสะท้อนของสงครามได้ใน "Benedictus" ของพิธีมิสซาใน d-minor และ "Agnus Dei" ของพิธีมิสซาใน C-dur (สะท้อนให้เห็นในชื่อ - "Mass of the War")

ดนตรีของ Haydn แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความปรารถนาในยุคนั้นต่อความเป็นธรรมชาติและความเรียบง่าย โดยได้รับแรงบันดาลใจจากคติประจำใจว่า "กลับสู่ธรรมชาติ" (J. J. Rousseau) ในผลงานของ Haydn เท่าๆ กันนำเสนอทั้งสององค์ประกอบของระบบน้ำเสียงที่เป็นรูปเป็นร่างแบบประชาธิปไตยและความซับซ้อนของสไตล์ที่กล้าหาญ ต้นกำเนิดดนตรีของ Haydn และความเชื่อมโยงกับคติชนทั่วไป ศิลปท้องถิ่นชาวออสเตรีย ชาวสลาฟ ฮังการี ชาวอิตาลี สอดคล้องกับลักษณะข้ามชาติของชาวออสเตรีย วัฒนธรรมดนตรี. องค์ประกอบของการวิ่งที่ครอบงำการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วหลายอย่างในผลงานของ Haydn นั้นถูกสร้างขึ้นโดยความปรารถนาของผู้แต่งที่จะยืนยันทัศนคติเชิงบวกต่อชีวิต เพื่อสะสมพลังงานสำรองไว้ในงานของเขา ซึ่งตามคำพูดของ Haydn เอง " บุคคลที่มีภาระในการดูแลหรือเหนื่อยหน่ายกับงานจะพักผ่อนและกระปรี้กระเปร่า” ผู้แต่งได้ใช้ขั้นตอนที่เด็ดขาดในการกำหนดซิมโฟนีให้เป็นรายบุคคล บรรลุความแตกต่าง และในขณะเดียวกันก็ทำให้เนื้อหาของซิมโฟนีมีลักษณะทั่วไป ตามที่ J. Brahms กล่าว Haydn เป็นคนแรกที่กำหนดความรับผิดชอบที่ตกเป็นของผู้แต่งที่เริ่มสร้างซิมโฟนี ชื่อของ Haydn มีความเกี่ยวข้องกับความสมบูรณ์ของการก่อตัวของสมัยใหม่ วงซิมโฟนีออร์เคสตรา. เขาก่อตั้งองค์ประกอบของวงออเคสตราคลาสสิก (เล็ก) ที่เรียกว่า ซึ่งรวมถึงวงโบว์ (ไวโอลินที่หนึ่งและสอง วิโอลา เชลโล ดับเบิลเบส) และกลุ่มเครื่องดนตรีลมที่สร้างขึ้นบนหลักการจับคู่ (ดูวงออเคสตรา) . ผลงานบางชิ้นของ Haydn สะท้อนถึงความประเสริฐ การสะท้อนเชิงปรัชญาในความหมายและวิธีการนำไปปฏิบัติ โดยติดต่อโดยตรงกับผลงานของแอล. ฟาน เบโธเฟน (Largo แห่งซิมโฟนีที่ 88 ใน G Major, พ.ศ. 2330; Largo e sostenuto ของเปียโนโซนาต้าครั้งที่ 37 ใน D Major, พ.ศ. 2323) ต้นแบบของแก่นเรื่องโชคชะตาของเบโธเฟนปรากฏในส่วนที่ 1 ของคริสต์ศตวรรษที่ 49 เปียโนโซนาต้าเอส-ดูร์ (1790) Haydn ยังแนะนำสีที่สื่ออารมณ์ของดนตรีแนวโรแมนติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความสามัคคี (Andante ของวงเครื่องสายที่ยังไม่เสร็จ op. 103, d-moll, 1803; บทนำเกี่ยวกับ oratorio "The Creation of the World") และการเรียบเรียง ("Et" อวตาร” ของมวลสุดท้าย)

มรดกอันยิ่งใหญ่ของ Haydn ครอบคลุมทุกสิ่ง แนวดนตรีมีอยู่ในยุโรปในศตวรรษที่ 18: โอเปร่า 24 เรื่อง รวมถึงเพลงเดี่ยว; 4 oratorios 14 มิสซา งานจิตวิญญาณมากมาย รวมทั้ง 2 Te Deum, Stabat Mater, 2 Salve regina, Ave regina, 2 บูชา; แคนตาตาเดี่ยวและเพลงสำหรับเสียงร้องและวงออเคสตรา สำหรับวงออเคสตรา - ซิมโฟนีมากกว่า 100 รายการ, การทาบทาม, การเต้นรำ; สำหรับเครื่องดนตรีที่มีวงออเคสตรา - คอนเสิร์ตซิมโฟนีสำหรับศิลปินเดี่ยวผสม 11 คอนเสิร์ตสำหรับคลาเวียร์ 4 สำหรับไวโอลิน 4 สำหรับเชลโล 3 สำหรับแตร ฯลฯ ; วงดนตรี - ประมาณ 50 ความหลากหลายและห้องสวีทสำหรับการแต่งเพลงต่าง ๆ ประมาณ 100 เครื่องสายควอเตต, มากกว่า 40 ทริโอสำหรับเปียโน, ไวโอลินและเชลโล, ทรีโอเครื่องสายรวมถึง 21 สำหรับไวโอลินและเชลโลสองตัว, 126 ที่มีส่วนร่วมของบาริโทนโค้งคำนับ, 11 กับ การมีส่วนร่วมของลมและอื่น ๆ ; สำหรับเปียโน - โซนาตา 52 ชิ้น 12 ชิ้น รวมถึง Andante ที่มีรูปแบบต่างๆ ใน f minor การเต้นรำมากกว่า 90 รายการ สำหรับเสียงหรือเสียงด้วยเปียโน - 13 วงดนตรี, 47 เพลง, 55 ศีลและ rondos; มากกว่า 400 การรักษา เพลงพื้นบ้านซึ่งมีมากกว่า 300 บทเป็นชาวสก็อต ไอริช และเวลส์ รวมถึงบทกวีของ R. Burns, W. Scott และคนอื่นๆ

ในรัสเซีย ในช่วงชีวิตของ Haydn วงดนตรีซิมโฟนิกและแชมเบอร์และงานคีย์บอร์ดของเขาได้รับความนิยม การแสดงของผู้แต่งเพลง oratorios “The Creation of the World” (ในภาษาเยอรมัน, ภาษาอิตาลีและแปลโดย N. M. Karamzin, 1801) และ "The Seasons" (แปลโดย V. A. Zhukovsky, 1802) ซึ่งมีอิทธิพลต่อการก่อตัวของแนว oratorio ในดนตรีรัสเซีย ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (พ.ศ. 2334) สมาชิกของ Royal Swedish Academy of Music (พ.ศ. 2341) พลเมืองกิตติมศักดิ์ของเมืองเวียนนา (พ.ศ. 2347) สมาชิกกิตติมศักดิ์ของสมาคมดนตรีแห่งเมือง Laibach (ปัจจุบันคือลูบลิยานา พ.ศ. 2347) Philharmonic Society ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (1808)

โน้ตเพลง: Werke / Hrsg. ฟอน เจ. ไฮเดิน-สถาบันเคิล์น มึนช์, 1958-. บีดี 1-; Diletto Musicale / ชม. โดย N.S.R. Landon u. ก. ว.; มึนช์, 1959-; กฤษติช อุสกาเบ ซัมทลิเชอร์ ซิมโฟเนียน / ชม. วอน เอ็น.เอส.อาร์. แลนดอน. ว. ว. 2508-2511. บดี1-12.

พระราชกฤษฎีกา ที่มา: โฮโบเกน เอ. ฟอน. เจ. ไฮเดิน. Thematisch-บรรณานุกรม Werkverzeichnis. ไมนซ์, 1957-1978. บดี1-3.

จดหมาย สื่อ: จดหมายโต้ตอบที่รวบรวมไว้และสมุดบันทึกลอนดอน / เอ็ด เอ็น.เอส.อาร์. แลนดอน. ล., 1959; Gesammelte Briefe และ Aufzeichnungen / ชม. วอน ดี. บาร์ธา. คาสเซิล, 1965.

แปลจากภาษาอังกฤษ: Pohl S.F.J. Haydn. ใน.; ลพซ., 1875-1927. Bd 1-3 (เวอร์โวลสเตนดิกต์ ฟอน เอ็น. บอตสติเบอร์); คูฮาโอ คุณพ่อ. H. J. Haydn และ hrvatske narodne popievke. ซาเกร็บ 2423; ไกริงเกอร์ เค.เจ. ไฮเดิน. พอทสดัม 2475; ไอเดม ไฮเดน. และสร้างสรรค์ชีวิตทางดนตรี ฉบับที่ 3 Berk., 1982 (ร่วมกับ I. Geiringer); Wirt h N. J. Haydn als Dramatiker. โวลเฟนบุตเทล; ว. 2483; Griesinger G. A. ชีวประวัติ การแจ้งเตือนโดย J. Haydn ว. 1954. Lpz. 1984; Landon N.S.R. ซิมโฟนีของ J. Haydn ล., 1955. ล. 2504; ไอเดม Haydn: พงศาวดารและผลงาน ล., 1976-1980. ฉบับที่ 1-5; บาร์ธา ดี., สมไฟ แอล. เฮย์เดิน als Opernkapellmeister. พ.ศ. 2503; Bericht über die internationale Konferenz zum Andenken J. Haydns: บูดาเปสต์ 1959. Bdpst, 1961; ซีเกอร์ เอ็น.เจ. ไฮเดิน. แอลพีซ., 1961; หนังสือรุ่น Haydn/เอ็ด เอ็น.เอส.อาร์. แลนดอน. ว. ว. 2505-. ฉบับที่ 1; Steinpress B. ดนตรีของ Haydn ในรัสเซียในช่วงชีวิตของนักแต่งเพลง // การแสดงดนตรี ม., 1970, วันเสาร์ 6; Kremlev Yu. A.J. Haydn. ม. 2515; โนวัค แอล. ไอ. ไฮเดิน. ม. 2516; ลาร์เซน เจ. ดี ฮาย์ดน์-อูเบอร์ลีเฟรุง มึนช์, 1980; ไอเดม ฮันเดล, ไฮเดิน, และสไตล์คลาสสิกเวียนนา แอนอาร์เบอร์ 1988; ลาร์เซน เจ., เฟเดอร์ จี. โกรฟ ไฮเดินคนใหม่ ล., 1982; เจ. ไฮเดิน. มิวนิค, 1985 (Musik-Konzepte. N. 41); วิญอล เอ็ม.เจ. ไฮเดิน. ร. , 1988; เกรฟ เอฟ.เค. เกรฟ เอ็ม.จี. เอฟ. เจ. ไฮเดิน: คู่มือการวิจัย. นิวยอร์ก; ล., 1990; Larsen J.R., Feder G., Scheideler U. Haydn. ชตุทท์; ไวมาร์, 1994; ไฮเดินและโลกของเขา พรินซ์ตัน 1997; ไฮเดินศึกษา แคมบ., 1998; Klimovitsky A. I. Haydn // ละครเพลงปีเตอร์สเบิร์ก พจนานุกรมสารานุกรม. เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, 2000.T. 1: ศตวรรษที่ 18 หนังสือ 1; Finscher L. J. Haydn และ seine Zeit ลาเบอร์, 2000; Dis A.K. เรื่องราวชีวิตของ J. Haydn บันทึกจากคำพูดของเขา ม. 2000; วิธีดำเนินการ Haydn / Comp. อ. เอ็ม. เมอร์คูลอฟ ม. 2547; Brown A. R. , Berkenstock J. T. J. Haydn ในวรรณคดี: บรรณานุกรม // Haydn-Studien เคิล์น; มึนช์, 1974. Bd 3. N. 3-4; Walter N. Haydn-Biblio-graphie 1973-1990 // อ้างแล้ว เคิล์น; มึนช์, 1985-1992. บีดี 5-6.

P.A. Vulfius, S.V. Grokhotov.

“บิดา” แห่งวงซิมโฟนี โจเซฟ เฮย์เดน

นักแต่งเพลงคนนี้สร้างขึ้นด้วยความหวังว่าผลงานของเขาจะช่วยให้ผู้คนมีความสุขมากขึ้นอีกนิดและเป็นแหล่งของความร่าเริงและแรงบันดาลใจ ด้วยความคิดเช่นนั้น เขาจึงเริ่มงานอดิเรกที่เขาชื่นชอบ กลายเป็น "บิดา" ของซิมโฟนี ผู้บุกเบิกแนวดนตรีอื่น ๆ ที่เขาเขียนไว้ครั้งแรก เยอรมันฆราวาส oratorios และมวลชนของเขากลายเป็นจุดสุดยอดของโรงเรียนคลาสสิกเวียนนา

ลูกชายของช่างทำรถม้า

เขาได้รับตำแหน่งกิตติมศักดิ์มากมายกลายเป็นสมาชิกของสถาบันดนตรีและสมาคมดนตรีและสมควรได้รับชื่อเสียงที่มาหาเขา ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าลูกชายของช่างทำรถม้าจากออสเตรียจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ เกิดในปี 1732 ในหมู่บ้าน Rohrau เล็กๆ ของออสเตรีย พ่อของเขาไม่มีการศึกษาด้านดนตรี แต่เขาเชี่ยวชาญการเล่นพิณอย่างอิสระและไม่แยแส มารดาของนักแต่งเพลงในอนาคตก็สนใจดนตรีเช่นกัน กับ วัยเด็กพ่อแม่ของโจเซฟค้นพบว่าโจเซฟมีความสามารถด้านเสียงและการได้ยินที่ดี เมื่ออายุได้ห้าขวบเขาร้องเพลงดังร่วมกับพ่อจากนั้นก็เรียนรู้การเล่นไวโอลินและคลาเวียร์และมาที่คณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์เพื่อแสดงมวลชน

พ่อที่มีสายตายาวส่งโจเซฟในวัยเยาว์ไปยังเมืองใกล้เคียงไปหาโยฮันน์ แมทเธียส แฟรงค์ ญาติของเขา ซึ่งเป็นอธิการบดีของโรงเรียน เขาสอนเด็กๆ ไม่เพียงแต่ไวยากรณ์และคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่ยังให้บทเรียนการร้องเพลงและไวโอลินแก่พวกเขาด้วย ที่นั่น Haydn เชี่ยวชาญเครื่องสายและเครื่องลม และเรียนรู้การเล่นกลองทิมปานี โดยยังคงแสดงความกตัญญูต่อครูของเขาตลอดชีวิต

ความขยันหมั่นเพียรและความเพียรพยายามและเสียงแหลมที่สวยงามตามธรรมชาติทำให้โจเซฟหนุ่มมีชื่อเสียงในเมือง วันหนึ่งฉันมาที่นี่ นักแต่งเพลงชาวเวียนนา Georg von Reuter คัดเลือกนักร้องรุ่นเยาว์ให้เป็นคณะนักร้องประสานเสียงของเขา สร้างความประทับใจให้กับเขาและเมื่ออายุ 8 ขวบเขาได้เข้าร่วมคณะนักร้องประสานเสียงของมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในเวียนนา เป็นเวลาแปดปีที่ Haydn ในวัยเยาว์เชี่ยวชาญศิลปะการร้องเพลง ความละเอียดอ่อนของการเรียบเรียง และแม้กระทั่งพยายามแต่งผลงานทางจิตวิญญาณด้วยเสียงต่างๆ

ขนมปังหนัก

ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับไฮเดินเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1749 เมื่อเขาต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการเรียนร้องเพลงในคณะนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ต่างๆ และติดตามไปด้วย นักร้องและเล่นเป็นวงดนตรี ในเวลาเดียวกันชายหนุ่มไม่เคยสูญเสียหัวใจและไม่สูญเสียความปรารถนาที่จะเข้าใจทุกสิ่งใหม่ เขาเรียนบทเรียนจากนักแต่งเพลง Nicolo Porpora และจ่ายเงินให้เขาโดยไปกับนักเรียนรุ่นเยาว์ของเขา Haydn ศึกษาหนังสือเกี่ยวกับการเรียบเรียงและวิเคราะห์โซนาตาของ clavier จนกระทั่งดึกดื่นเขาจึงแต่งดนตรีประเภทต่างๆ อย่างขยันขันแข็ง และในปี 1951 ในโรงละครชานเมืองแห่งหนึ่งในกรุงเวียนนา ได้มีการจัดแสดงเพลงของ Haydn ชื่อ "The Lame Demon" ในปี 1755 เขาได้ผลิตวงเครื่องสายชุดแรก และสี่ปีต่อมาเขาก็มีซิมโฟนีครั้งแรก แนวเพลงเหล่านี้ในอนาคตจะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในผลงานทั้งหมดของนักแต่งเพลง

สหภาพอันแปลกประหลาดของโจเซฟ ไฮเดิน

ชื่อเสียงที่ได้รับในกรุงเวียนนาช่วยให้นักดนตรีหนุ่มได้งานกับเคานต์มอร์ซิน สำหรับโบสถ์ของเขาเขาเขียนซิมโฟนีห้าเพลงแรก อย่างไรก็ตามในเวลาไม่ถึงสองปีของการทำงานร่วมกับ Mortsin นักแต่งเพลงก็สามารถผูกปมได้ โจเซฟวัย 28 ปีมีความรู้สึกอ่อนโยนต่อลูกสาวคนเล็กของช่างทำผมในราชสำนัก และเธอก็ไปอารามโดยไม่คาดคิดสำหรับทุกคน จากนั้น Haydn ไม่ว่าจะเพื่อแก้แค้นหรือด้วยเหตุผลอื่นก็ได้แต่งงานกับ Maria Keller น้องสาวของเธอซึ่งอายุมากกว่าโจเซฟ 4 ปี สหภาพครอบครัวของพวกเขาไม่มีความสุข ภรรยาของผู้แต่งเป็นคนอารมณ์เสียและสิ้นเปลือง เธอไม่เห็นคุณค่าความสามารถของสามีเลย เธอพับต้นฉบับของเขาเป็นเครื่องม้วนกระดาษหรือใช้แทนกระดาษอบ แต่ฉันแปลกใจที่พวกเขา ชีวิตครอบครัวหากขาดความรัก ลูกที่ต้องการ และความสะดวกสบายในบ้านก็ใช้เวลาประมาณ 40 ปี

ในการรับใช้เจ้าชาย

จุดเปลี่ยนในชีวิตสร้างสรรค์ของ Joseph Haydn เกิดขึ้นในปี 1761 เมื่อเขาเซ็นสัญญางานกับ Prince Paul Esterhazy เป็นเวลา 30 ปีที่นักแต่งเพลงดำรงตำแหน่งผู้ควบคุมศาลของตระกูลขุนนาง เจ้าชายและญาติของเขาอาศัยอยู่ในเวียนนาเฉพาะในฤดูหนาวและใช้เวลาที่เหลือที่บ้านของเขาในเมือง Eisenstadt หรือที่ที่ดินของเขาใน Esterhazy โจเซฟจึงต้องออกจากเมืองหลวงเป็นเวลา 6 ปี เมื่อเจ้าชายพอลสิ้นพระชนม์ นิโคลัสน้องชายของเขาได้ขยายโบสถ์แห่งนี้เป็น 16 คน มีโรงละครสองแห่งในที่ดินของครอบครัว แห่งหนึ่งมีไว้สำหรับการแสดงโอเปร่าและละคร และอีกแห่งสำหรับการแสดงหุ่นกระบอก

แน่นอนว่าตำแหน่งของ Haydn นั้นขึ้นอยู่กับอย่างมาก แต่ในเวลานั้นก็ถือว่าเป็นธรรมชาติโดยสมบูรณ์ ผู้แต่งเห็นคุณค่าของชีวิตที่สะดวกสบายของเขาในปัจจุบันและจดจำความต้องการในวัยเยาว์ของเขามาโดยตลอด บางครั้งเขาก็ถูกครอบงำด้วยความเศร้าโศกและความปรารถนาที่จะสลัดพันธนาการเหล่านี้ออก ตามสัญญาเขาจำเป็นต้องเขียนผลงานเหล่านั้นตามที่เจ้าชายต้องการ ผู้แต่งไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงให้ใครเห็น ทำสำเนา หรือเขียนให้ผู้อื่น เขาต้องอยู่กับเอสเตอร์ฮาซี่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้โจเซฟ ไฮเดินจึงไม่สามารถไปเยี่ยมบ้านเกิดของเขาได้เลย เพลงคลาสสิคในอิตาลี.

แต่ชีวิตเช่นนี้ก็มีด้านที่สองเช่นกัน Haydn ไม่เคยประสบปัญหาด้านวัตถุหรือความยากลำบากในชีวิตประจำวัน ดังนั้นเขาจึงสามารถมีส่วนร่วมในความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างใจเย็น วงออเคสตราทั้งหมดอยู่ในการกำจัดของเขาอย่างสมบูรณ์ซึ่งทำให้ผู้แต่งมีโอกาสที่ดีเยี่ยมในการทดลองและแสดงผลงานของเขาได้ตลอดเวลา

รักช้า

โรงละครปราสาทของเจ้าชายเอสเตอร์ฮาซี

เขาอุทิศเวลาสี่ทศวรรษให้กับซิมโฟนี เขาเขียนผลงานประเภทนี้มากกว่าร้อยชิ้น เขาแสดงโอเปร่า 90 เรื่องที่โรงละคร Prince Esterhazy และในคณะละครอิตาลีของโรงละครแห่งนี้ผู้แต่งได้พบกับความรักตอนปลาย นักร้องหนุ่มชาวเนเปิลส์ Luigia Polzelli หลงใหล Haydn โจเซฟด้วยความรักอย่างหลงใหล ได้ขยายสัญญากับเธอ ทำให้ท่อนร้องเรียบง่ายขึ้นสำหรับเธอโดยเฉพาะ และเข้าใจความสามารถของเธออย่างสมบูรณ์แบบ แต่ลุยเกียไม่ได้ทำให้เขามีความสุขอย่างแท้จริง - เธอเห็นแก่ตัวเกินไป ดังนั้นแม้หลังจากภรรยาของเขาเสียชีวิต Haydn ก็ไม่ได้แต่งงานกับเธออย่างชาญฉลาดและแม้แต่ในพินัยกรรมฉบับสุดท้ายของเขาเขาก็ลดจำนวนเงินที่จัดสรรให้เธอในตอนแรกลงครึ่งหนึ่งโดยสังเกตว่ามีคนขัดสนมากขึ้น

ชื่อเสียงและมิตรภาพชาย

ในที่สุดเวลาก็มาถึงเมื่อความรุ่งโรจน์ โจเซฟ ไฮเดินข้ามพรมแดนของออสเตรียบ้านเกิดของเขา เขาเขียนซิมโฟนีหกเพลงโดยได้รับมอบหมายจาก Paris Concert Society จากนั้นได้รับคำสั่งจากเมืองหลวงของสเปน ผลงานของเขาเริ่มตีพิมพ์ในเนเปิลส์และลอนดอน และผู้ประกอบการคู่แข่งของ Tumanny อัลเบียนเชิญเขาไปทัวร์ เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดคือการแสดงซิมโฟนีสองเพลงของ Joseph Haydn ในนิวยอร์ก

ขณะเดียวกันชีวิตของนักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่ก็เปล่งประกายด้วยมิตรภาพด้วย ควรสังเกตว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เคยถูกทำลายด้วยการแข่งขันหรือความอิจฉาแม้แต่น้อย โมสาร์ทอ้างว่ามาจากโจเซฟที่เขาเรียนรู้วิธีสร้างวงเครื่องสายเป็นครั้งแรก ดังนั้นเขาจึงอุทิศผลงานหลายชิ้นให้กับ "Papa Haydn" โจเซฟเองถือว่าโวล์ฟกัง อะมาเดอุสเป็นนักแต่งเพลงร่วมสมัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ชัยชนะทั่วยุโรป

หลังจากผ่านไป 50 ปี วิถีชีวิตตามปกติ โจเซฟ ไฮเดินเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เขาได้รับอิสรภาพ แม้ว่าเขาจะยังคงถูกระบุให้เป็นหัวหน้าวงดนตรีประจำศาลร่วมกับทายาทของเจ้าชายเอสเตอร์ฮาซีก็ตาม โบสถ์แห่งนี้ถูกสลายโดยลูกหลานของเจ้าชายและผู้แต่งก็เดินทางไปเวียนนา ในปี พ.ศ. 2334 เขาได้รับเชิญให้ไปทัวร์อังกฤษ เงื่อนไขของสัญญารวมถึงการสร้างซิมโฟนี 6 เพลงและการแสดงของพวกเขาในลอนดอน เช่นเดียวกับการเขียนโอเปร่าและผลงานอื่นๆ อีก 20 ชิ้น Haydn ได้รับหนึ่งในวงออเคสตราที่ดีที่สุดตามที่เขาต้องการ ซึ่งมีนักดนตรี 40 คน ปีครึ่งที่อยู่ในลอนดอนกลายเป็นชัยชนะของโจเซฟ ทัวร์ภาษาอังกฤษครั้งที่สองประสบความสำเร็จไม่น้อยและกลายเป็นจุดสุดยอดของความคิดสร้างสรรค์สำหรับเขา ระหว่างการเดินทางไปอังกฤษทั้งสองครั้งนี้ นักแต่งเพลงแต่งผลงานเกือบ 280 ชิ้น และกลายเป็นดุษฎีบัณฑิตสาขาดนตรีที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นงานที่เก่าแก่ที่สุด สถาบันการศึกษาอังกฤษ. กษัตริย์ถึงกับเชิญนักแต่งเพลงให้อยู่ในลอนดอน แต่เขาปฏิเสธและกลับไปยังออสเตรียบ้านเกิดของเขา

เมื่อถึงเวลานั้น อนุสาวรีย์ตลอดชีวิตครั้งแรกของเขาได้ถูกสร้างขึ้นในบ้านเกิดของเขาใกล้กับหมู่บ้าน Rorau และมีการจัดงานช่วงเย็นในเมืองหลวงซึ่งมีการแสดงซิมโฟนีใหม่ของ Haydn และคอนเสิร์ตเปียโนที่แสดงโดยนักเรียนของเกจิ พวกเขาพบกันครั้งแรกที่บอนน์เมื่อไฮเดินเดินทางไปลอนดอน บทเรียนมีความตึงเครียดในช่วงแรก แต่โวล์ฟกังปฏิบัติต่อนักแต่งเพลงสูงวัยด้วยความเคารพอย่างสูงสุดเสมอ จากนั้นจึงมอบโซนาต้าเปียโนให้กับเขา

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฉันเริ่มสนใจ เพลงประสานเสียง. ความสนใจนี้เกิดขึ้นหลังจากการเยี่ยมชม เทศกาลที่ยิ่งใหญ่เพื่อเป็นเกียรติแก่ George Frideric Handel ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ จากนั้นไฮเดินก็สร้างมวลชนขึ้นมาหลายกลุ่ม เช่นเดียวกับบทเพลง "The Seasons" และ "The Creation of the World" วันเกิดปีที่ 76 ของนักแต่งเพลงคนนี้ได้รับการเฉลิมฉลองด้วยการแสดงครั้งหลังที่มหาวิทยาลัยเวียนนา

การประท้วงทางดนตรี

ในตอนต้นของปี 1809 สุขภาพของเกจิทรุดโทรมลงอย่างสิ้นเชิง เขาเกือบจะพิการ พวกเขายังกลายเป็นกระสับกระส่าย วันสุดท้ายชีวิตเขา. เวียนนาถูกกองทหารของนโปเลียนยึด กระสุนตกใกล้บ้านของไฮเดิน และนักแต่งเพลงที่ป่วยต้องทำให้คนรับใช้ของเขาสงบลง หลังจากมอบตัวแล้ว ในเมือง นโปเลียนออกคำสั่งให้วางทหารยามไว้ใกล้บ้านของไฮเดิน เพื่อไม่ให้ใครรบกวนชายที่กำลังจะตาย ยังคงมีตำนานในกรุงเวียนนาว่านักแต่งเพลงที่อ่อนแอลงเล่นเพลงชาติออสเตรียเกือบทุกวันเพื่อประท้วงต่อต้านผู้รุกรานชาวฝรั่งเศส

ไปแล้ว โจเซฟ ไฮเดินปีเดียวกัน ไม่กี่ปีต่อมาทายาทของเจ้าชาย Esterhazy ตัดสินใจฝังเกจิในโบสถ์แห่งเมือง Eisenstadt เมื่อเปิดโลงศพแล้ว ไม่พบกะโหลกศีรษะอยู่ใต้วิกผมที่เก็บรักษาไว้ ปรากฎว่าเพื่อนของ Haydn แอบเอามันออกก่อนฝัง จนกระทั่งปี 1954 กะโหลกนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของ Vienna Society of Music Lovers และเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 เท่านั้นที่มันเชื่อมโยงกับซากศพ

ข้อมูล

นักดนตรีในโบสถ์ของเจ้าชายเอสเตอร์ฮาซีมักจะถูกแยกออกจากครอบครัวเป็นเวลานาน วันหนึ่งพวกเขาหันไปหาไฮเดินเพื่อที่เขาจะบอกกับเจ้าชายว่าต้องการพบญาติของพวกเขา เกจิคิดหาวิธีการทำเช่นนี้ แขกที่มาฟังซิมโฟนีใหม่ของเขา มีการจุดเทียนบนแท่นแสดงดนตรี และเปิดโน้ตเพลง หลังจากเสียงแรก ผู้เล่นแตรก็เล่นส่วนหนึ่งของเขา วางเครื่องดนตรีลง ดับเทียนแล้วจากไป หนึ่งสำหรับ สำหรับคนอื่นๆ นักดนตรีทุกคนก็ทำเช่นนี้ แขกเพียงมองหน้ากันด้วยความสับสน ช่วงเวลานั้นมาถึงเมื่อเสียงสุดท้ายเงียบลงและไฟทั้งหมดก็ดับลง เจ้าชายเข้าใจคำใบ้ดั้งเดิมของ Haydn และเปิดโอกาสให้นักดนตรีได้หยุดพักจากการให้บริการอย่างต่อเนื่อง

ฉันต้องทนทุกข์ทรมานจากติ่งเนื้อจมูกมาเกือบตลอดชีวิต วันหนึ่ง เพื่อนศัลยแพทย์ของเขาแนะนำให้ถอดมันออกและช่วยผู้แต่งให้พ้นจากความทุกข์ทรมาน ในตอนแรกเขาตอบตกลง โดยเข้าไปในห้องผ่าตัด เห็นคนเป็นระเบียบเรียบร้อยหลายคนที่ควรดูแลอาจารย์ และกลัวมากจนวิ่งออกจากห้องพร้อมกับกรีดร้อง ทิ้งให้เขามีติ่งเนื้อ

อัปเดต: 7 เมษายน 2019 โดย: เอเลน่า

ไฮเดินได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้องว่าเป็นบิดาแห่งซิมโฟนีและควอเตต ผู้ก่อตั้งผู้ยิ่งใหญ่แห่งดนตรีบรรเลงคลาสสิก และเป็นผู้ก่อตั้งวงออเคสตราสมัยใหม่

Franz Joseph Haydn เกิดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2275 ในโลว์เออร์ออสเตรีย ในเมืองเล็ก ๆ แห่ง Rohrau ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Leita ระหว่างเมือง Bruck และ Hainburg ใกล้ชายแดนฮังการี บรรพบุรุษของ Haydn เป็นช่างฝีมือชาวนาออสเตรีย-เยอรมันที่มีกรรมพันธุ์ Matthias พ่อของนักแต่งเพลงประกอบธุรกิจการขนส่ง Mother - nee Anna Maria Koller - ทำหน้าที่เป็นแม่ครัว

ความสามารถทางดนตรีและความรักในดนตรีของพ่อได้รับการถ่ายทอดมาจากลูก ๆ ของเขา โจเซฟตัวน้อยดึงดูดความสนใจของนักดนตรีตั้งแต่อายุห้าขวบ เขามีการได้ยิน ความจำ และความรู้สึกด้านจังหวะที่ดีเยี่ยม เสียงสีเงินดังของเขาทำให้ทุกคนพอใจ

ขอบคุณความโดดเด่นของพวกเขา ความสามารถทางดนตรีเด็กชายเข้าไปในคณะนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ของเมืองเล็ก ๆ แห่งเกนเบิร์กก่อนจากนั้นจึงเข้าไปในโบสถ์ของคณะนักร้องประสานเสียงที่มหาวิหาร (หลัก) มหาวิหารเซนต์สตีเฟนในกรุงเวียนนา มันเป็น เหตุการณ์สำคัญในชีวิตของไฮเดิน ท้ายที่สุดเขาไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาด้านดนตรีอีก

การร้องเพลงในคณะนักร้องประสานเสียงเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับ Haydn แต่เป็นโรงเรียนแห่งเดียวเท่านั้น ความสามารถของเด็กชายพัฒนาอย่างรวดเร็วและโซโล่เดี่ยวที่ยากลำบากก็เริ่มได้รับความไว้วางใจจากเขา คณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์มักแสดงในงานฉลองในเมือง งานแต่งงาน และงานศพ คณะนักร้องประสานเสียงยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมการเฉลิมฉลองในศาลด้วย การแสดงในคริสตจักรสำหรับการฝึกซ้อมใช้เวลานานเท่าใด? ทั้งหมดนี้ถือเป็นภาระหนักสำหรับนักร้องตัวน้อย

โจเซฟเข้าใจและยอมรับทุกสิ่งใหม่อย่างรวดเร็ว เขายังหาเวลาเล่นไวโอลินและคลาวิคอร์ดและประสบความสำเร็จอย่างมาก มีเพียงความพยายามของเขาในการแต่งเพลงเท่านั้นที่ไม่สามารถรองรับได้ ในช่วงเก้าปีที่เขาอยู่ในคณะนักร้องประสานเสียง เขาได้รับบทเรียนจากผู้อำนวยการเพียงสองบทเรียนเท่านั้น!

อย่างไรก็ตาม บทเรียนไม่ปรากฏทันที ก่อนหน้านั้นฉันต้องผ่านช่วงเวลาที่สิ้นหวังในการหารายได้ ทีละเล็กทีละน้อยฉันสามารถหางานทำซึ่งถึงแม้จะไม่ได้ให้การสนับสนุนใด ๆ แต่ก็ยังทำให้ฉันไม่ตายจากความหิวโหย Haydn เริ่มสอนร้องเพลงและดนตรี เล่นไวโอลินในช่วงเย็นตามเทศกาล และบางครั้งก็แค่สอนด้วย ถนนสายใหญ่. เขาแต่งผลงานชิ้นแรกหลายชิ้นตามคำสั่ง แต่รายได้ทั้งหมดนี้เป็นแบบสุ่ม Haydn เข้าใจ: ในการเป็นนักแต่งเพลงคุณต้องศึกษาให้มาก เขาเริ่มศึกษางานเชิงทฤษฎีโดยเฉพาะหนังสือของ I. Matteson และ I. Fuchs

การทำงานร่วมกันกับ Johann Joseph Kurz นักแสดงตลกชาวเวียนนากลับกลายเป็นว่ามีประโยชน์ Kurtz ได้รับความนิยมอย่างมากในกรุงเวียนนาในขณะนั้น นักแสดงที่มีพรสวรรค์และผู้เขียนเรื่องตลกหลายเรื่อง

เมื่อได้พบกับ Haydn เคิร์ตซ์ก็ชื่นชมความสามารถของเขาทันทีและเสนอให้แต่งเพลงประกอบละครโอเปร่าเรื่อง "The Crooked Demon" ที่เขาเรียบเรียง Haydn เขียนเพลงที่น่าเสียดายที่ยังมาไม่ถึงเรา เรารู้เพียงว่า "The Crooked Demon" แสดงในช่วงฤดูหนาวปี 1751-1752 ในโรงละครที่ประตู Carinthian และประสบความสำเร็จ “ไฮเดินได้รับ 25 ducats และคิดว่าตัวเองรวยมาก”

การเปิดตัวอันโดดเด่นของนักแต่งเพลงหนุ่มที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก เวทีละครพ.ศ. 2294 ทำให้เขาได้รับความนิยมในแวดวงประชาธิปไตยทันที และ... บทวิจารณ์ที่แย่มากจากกลุ่มหัวรุนแรงในสมัยก่อน ประเพณีดนตรี. การตำหนิเรื่อง "ควาย" "ความเหลื่อมล้ำ" และบาปอื่น ๆ ในเวลาต่อมาได้ถูกถ่ายโอนโดยกลุ่มหัวรุนแรงของ "ผู้ประเสริฐ" ไปยังงานส่วนที่เหลือของ Haydn โดยเริ่มจากซิมโฟนีของเขาและจบลงด้วยมวลชนของเขา

ขั้นตอนสุดท้าย เยาวชนที่มีความคิดสร้างสรรค์ Haydn - ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นเส้นทางอิสระในฐานะนักแต่งเพลง - เคยเรียนกับ Nicola Antonio Porpora นักแต่งเพลงชาวอิตาลีและผู้ควบคุมวงตัวแทนโรงเรียนเนเปิลส์

Porpora ทบทวนการทดลองแต่งเพลงของ Haydn และให้คำแนะนำแก่เขา เพื่อเป็นรางวัลแก่ครู Haydn จึงเป็นนักดนตรีในบทเรียนร้องเพลงและยังทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ของเขาอีกด้วย

ใต้หลังคาในห้องใต้หลังคาอันเย็นเยียบที่ Haydn เบียดเสียดกัน บนกระดูกไหปลาร้าเก่าที่หัก เขาศึกษาผลงานของนักประพันธ์เพลงชื่อดัง ก เพลงพื้นบ้าน! เขาฟังพวกเขามากมายเดินไปตามถนนในกรุงเวียนนาทั้งกลางวันและกลางคืน มีเพลงพื้นบ้านมากมายฟังที่นี่: ออสเตรีย, ฮังการี, เช็ก, ยูเครน, โครเอเชีย, ไทโรเลียน ดังนั้นผลงานของ Haydn จึงเต็มไปด้วยท่วงทำนองที่ไพเราะเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่ร่าเริงและร่าเริง

จุดเปลี่ยนในชีวิตและงานของไฮเดินค่อยๆ ก่อตัวขึ้น สถานการณ์ทางการเงินของเขาเริ่มดีขึ้นทีละน้อยและตำแหน่งในชีวิตของเขาแข็งแกร่งขึ้น ในเวลาเดียวกัน พรสวรรค์ในการสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยมของเขาก็เกิดผลสำคัญเป็นครั้งแรก

ประมาณปี ค.ศ. 1750 Haydn ได้เขียนมิสซาชุดเล็กๆ (ในหน่วย F major) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่เป็นการผสมผสานที่มีพรสวรรค์ของเทคนิคสมัยใหม่ของแนวเพลงนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความโน้มเอียงที่ชัดเจนในการแต่งเพลงคริสตจักรที่ "ร่าเริง" อีกด้วย มากกว่า ข้อเท็จจริงที่สำคัญเป็นการเรียบเรียงของวงเครื่องสายชุดแรกของผู้แต่งในปี ค.ศ. 1755

แรงผลักดันคือการได้รู้จักกับคนรักดนตรี Karl Furnberg เจ้าของที่ดิน ด้วยการสนับสนุนจากความสนใจและการสนับสนุนทางการเงินของ Fürnberg Haydn จึงเขียนชุดเครื่องสายทรีโอชุดแรก จากนั้นก็เป็นวงเครื่องสายชุดแรก ซึ่งตามมาด้วยวงเครื่องสายอีกประมาณสองโหลในไม่ช้า ในปี ค.ศ. 1756 Haydn ได้แต่งเพลงคอนแชร์โต้ในเพลง C Major ผู้อุปถัมภ์ของ Haydn ยังดูแลการเสริมสร้างสถานการณ์ทางการเงินของเขาด้วย เขาแนะนำนักแต่งเพลงให้กับขุนนางชาวเช็กเวียนนาและคนรักดนตรี Count Joseph Franz Morzin Morcin ใช้เวลาช่วงฤดูหนาวในเวียนนา และในฤดูร้อนเขาอาศัยอยู่บนที่ดินของเขา Lukavec ใกล้ Pilsen ในการให้บริการของ Morcin ในฐานะนักแต่งเพลงและผู้ควบคุมวง Haydn ได้รับที่พัก อาหาร และเงินเดือนฟรี

บริการนี้กลายเป็นบริการที่มีอายุสั้น (พ.ศ. 2302-2303) แต่ก็ยังช่วยให้ Haydn ก้าวต่อไปในการจัดองค์ประกอบภาพ ในปี ค.ศ. 1759 Haydn ได้สร้างซิมโฟนีชุดแรกของเขา ตามมาด้วยอีกสี่ชุดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ทั้งในวงเครื่องสายและวงซิมโฟนี Haydn ต้องกำหนดและตกผลึกแนวเพลงของวงใหม่ ยุคดนตรี: การแต่งเพลงสี่เพลง, การสร้างซิมโฟนี, เขาแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นผู้ริเริ่มที่กล้าหาญและมุ่งมั่น

ในขณะที่รับใช้เคานต์มอร์ซิน Haydn ตกหลุมรักลูกสาวคนเล็กของเพื่อนของเขา Johann Peter Keller ช่างทำผมชาวเวียนนา เทเรซา และตั้งใจจะแต่งงานกับเธออย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามหญิงสาวด้วยเหตุผลที่ยังไม่ทราบจึงจากไป บ้านพ่อแม่และพ่อของเธอไม่พบอะไรที่ดีไปกว่าการพูดว่า: "ไฮเดิน คุณควรแต่งงานกับลูกสาวคนโตของฉัน" ไม่มีใครรู้ว่าอะไรกระตุ้นให้ไฮเดินตอบรับเชิงบวก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ไฮเดินก็เห็นด้วย เขาอายุ 28 ปีเจ้าสาว - Maria Anna Aloysia Apollonia Keller - 32 ปี การแต่งงานสิ้นสุดลงในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2303 และ Haydn กลายเป็น ... สามีที่ไม่มีความสุขมาหลายทศวรรษ

ในไม่ช้าภรรยาของเขาก็พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้หญิงใจแคบ โง่เขลา และชอบทะเลาะวิวาทมาก เธอไม่เข้าใจเลยและไม่ได้ชื่นชมความสามารถอันยิ่งใหญ่ของสามีของเธอ “เธอไม่สนใจ” Haydn เคยกล่าวไว้ในวัยชรา “ไม่ว่าสามีของเธอจะเป็นช่างทำรองเท้าหรือศิลปินก็ตาม”

มาเรีย แอนนา ทำลายต้นฉบับเพลงของ Haydn จำนวนหนึ่งอย่างไร้ความปราณี โดยใช้เป็นเครื่องม้วนผมและทำเป็นเส้นสำหรับปาเต้ นอกจากนี้เธอยังสิ้นเปลืองและเรียกร้องมาก

หลังจากแต่งงานแล้ว Haydn ละเมิดเงื่อนไขการให้บริการกับเคานต์มอร์ซิน - คนหลังยอมรับเฉพาะชายโสดเข้ามาในโบสถ์ของเขา อย่างไรก็ตาม เขาไม่จำเป็นต้องซ่อนการเปลี่ยนแปลงในชีวิตส่วนตัวของเขาเป็นเวลานาน ความตกตะลึงทางการเงินทำให้เคานต์มอร์ซินละทิ้งความสุขทางดนตรีและยุบโบสถ์น้อย Haydn เผชิญกับภัยคุกคามที่จะถูกทิ้งไว้โดยไม่มีรายได้ถาวรอีกครั้ง

แต่แล้วเขาก็ได้รับข้อเสนอจากผู้อุปถัมภ์ศิลปะคนใหม่ที่มีอำนาจมากกว่า - เจ้าสัวชาวฮังการีที่ร่ำรวยที่สุดและมีอิทธิพลมาก - เจ้าชาย Pavel Anton Esterhazy Esterhazy ให้ความสนใจกับ Haydn ในปราสาท Morcin และชื่นชมความสามารถของเขา

ไม่ไกลจากเวียนนาในเมือง Eisenstadt เล็ก ๆ ของฮังการีและในช่วงฤดูร้อนในพระราชวังชนบท Eszterhaz Haydn ใช้เวลาสามสิบปีในตำแหน่งวาทยากร หน้าที่ของหัวหน้าวงดนตรีรวมถึงการกำกับวงออเคสตราและนักร้อง ไฮเดินยังต้องแต่งซิมโฟนี โอเปร่า วงควอเต็ต และงานอื่นๆ ตามคำขอของเจ้าชายอีกด้วย บ่อยครั้งที่เจ้าชายตามอำเภอใจสั่งให้เขียนเรียงความใหม่ วันถัดไป! พรสวรรค์และการทำงานหนักเป็นพิเศษของไฮเดินช่วยเขาที่นี่เช่นกัน โอเปร่าปรากฏขึ้นทีละเรื่องรวมถึงซิมโฟนีรวมถึง "The Bear", "Children's Room", "School Teacher"

ขณะกำกับโบสถ์ นักแต่งเพลงสามารถฟังการแสดงสดของผลงานที่เขาสร้างขึ้นได้ ทำให้สามารถแก้ไขทุกสิ่งที่ฟังดูไม่ดีพอและจดจำสิ่งที่ประสบความสำเร็จเป็นพิเศษ

ในระหว่างที่เขารับราชการร่วมกับเจ้าชายเอสเตอร์ฮาซี ไฮเดินได้เขียนโอเปร่า วงควอเต็ต และซิมโฟนีส่วนใหญ่ของเขา โดยรวมแล้ว Haydn ได้สร้างซิมโฟนีถึง 104 ซิมโฟนี!

ใน ไฮเดนซิมโฟนีฉันไม่ได้กำหนดหน้าที่ของตัวเองในการกำหนดโครงเรื่องให้เหมาะกับแต่ละบุคคล การเขียนโปรแกรมของผู้แต่งส่วนใหญ่มักขึ้นอยู่กับการเชื่อมโยงของแต่ละบุคคลและ "ภาพร่าง" ที่มองเห็นได้ แม้จะเป็นส่วนสำคัญและสม่ำเสมอมากกว่า - ตามอารมณ์ล้วนๆ เช่นใน "Farewell Symphony" (1772) หรือแนวเพลงอย่างใน "War Symphony" (1794) ยังคงขาดรากฐานของโครงเรื่องที่ชัดเจน

คุณค่าอันมหาศาลของแนวคิดซิมโฟนิกของ Haydn สำหรับทุกสิ่ง ความเรียบง่ายเชิงเปรียบเทียบและไม่โอ้อวด - ในการไตร่ตรองอย่างเป็นธรรมชาติและการนำความสามัคคีของโลกฝ่ายวิญญาณและทางกายภาพของมนุษย์ไปใช้

ความคิดเห็นนี้แสดงออกและเป็นบทกวีโดย E.T.A. ฮอฟแมน:

“ผลงานของ Haydn ถูกครอบงำโดยการแสดงออกของจิตวิญญาณที่ร่าเริงและเด็กๆ ซิมโฟนีของเขานำเราไปสู่สวนสีเขียวอันกว้างใหญ่ สู่ฝูงชนที่ร่าเริงและหลากหลายที่มีความสุข เด็กชายและเด็กหญิงรีบเร่งต่อหน้าเราในการเต้นรำประสานเสียง เด็กๆ หัวเราะซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ด้านหลัง พุ่มกุหลาบโยนดอกไม้อย่างสนุกสนาน ชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก เต็มไปด้วยความสุข และความเยาว์วัยชั่วนิรันดร์ ดังก่อนการล่มสลาย ไม่มีความทุกข์ไม่มีความโศกเศร้าเพียงความปรารถนาอันอ่อนหวานต่อรูปอันเป็นที่รักซึ่งล่องลอยไปในระยะไกลในแสงสีชมพูในยามเย็นไม่ใกล้เข้ามาหรือหายไปและในขณะที่อยู่ที่นั่นกลางคืนก็ไม่มาเพราะตัวเขาเอง รุ่งอรุณยามเย็นที่ส่องสว่างเหนือภูเขาและป่าไม้"

ทักษะของ Haydn บรรลุถึงความสมบูรณ์แบบตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดนตรีของเขากระตุ้นความชื่นชมจากแขกหลายคนของ Esterhazy อย่างสม่ำเสมอ ชื่อผู้แต่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางนอกบ้านเกิดของเขา - ในอังกฤษฝรั่งเศสและรัสเซีย ซิมโฟนีทั้งหกที่แสดงในกรุงปารีสในปี พ.ศ. 2329 เรียกว่า "ชาวปารีส" แต่ไฮเดินไม่มีสิทธิ์ออกไปที่อื่นนอกที่ดินของเจ้าชาย พิมพ์ผลงานของเขา หรือเพียงมอบเป็นของขวัญโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าชาย และเจ้าชายไม่ชอบการไม่มีหัวหน้าวงดนตรี "ของเขา" เขาคุ้นเคยกับไฮเดินพร้อมกับคนรับใช้คนอื่น ๆ ที่กำลังรอคำสั่งของเขาอยู่ที่โถงทางเดินในช่วงเวลาหนึ่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวผู้แต่งรู้สึกถึงการพึ่งพาอาศัยกันอย่างรุนแรงเป็นพิเศษ “ฉันเป็นหัวหน้าวงดนตรีหรือวาทยากร?” - เขาอุทานอย่างขมขื่นเป็นจดหมายถึงเพื่อน วันหนึ่งเขาสามารถหลบหนีไปเยี่ยมชมเวียนนาพบคนรู้จักและเพื่อนฝูงได้ ช่างน่ายินดีเหลือเกินที่ได้พบโมสาร์ทอันเป็นที่รักของเขา! บทสนทนาที่น่าสนใจตามมาด้วยการแสดงของวงสี่คน โดย Haydn เล่นไวโอลิน และ Mozart เล่นวิโอลา โมสาร์ทมีความสุขเป็นพิเศษกับการแสดงสี่เพลงที่แต่งโดยไฮเดิน ในประเภทนี้ นักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่ถือว่าตัวเองเป็นนักเรียนของเขา แต่การเผชิญหน้าเช่นนี้เกิดขึ้นได้ยากมาก

Haydn มีโอกาสได้สัมผัสกับความสุขอื่นๆ - ความสุขแห่งความรัก เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2322 Polcellis ได้ถูกรับเข้าไปในโบสถ์ Esterhazy อันโตนิโอนักไวโอลินไม่ใช่เด็กอีกต่อไป ภรรยาของเขา นักร้อง ลุยกา หญิงชาวมัวร์จากเนเปิลส์ มีอายุเพียงสิบเก้าปีเท่านั้น เธอมีเสน่ห์มาก ลุยเกียอาศัยอยู่กับสามีอย่างไม่มีความสุข เช่นเดียวกับไฮเดิน ด้วยความเหนื่อยล้าจากการอยู่ร่วมกับภรรยาที่ชอบทะเลาะวิวาทกันเขาจึงตกหลุมรักลุยจิ ความหลงใหลนี้คงอยู่ ค่อยๆ อ่อนลงและจางหายไป จนกระทั่งผู้แต่งถึงวัยชรา เห็นได้ชัดว่า Luigia ตอบสนองความรู้สึกของ Haydn แต่ยังคงมีความสนใจในตนเองมากกว่าความจริงใจที่ปรากฏในทัศนคติของเธอ ไม่ว่าในกรณีใด เธอรีดไถเงินจาก Haydn อย่างต่อเนื่องและต่อเนื่องมาก

มีข่าวลือว่า (ไม่รู้ว่าถูกต้องหรือไม่) อันโตนิโอลูกชายของลุยจิลูกชายของไฮเดิน Pietro ลูกชายคนโตของเธอกลายเป็นคนโปรดของนักแต่งเพลง Haydn ดูแลเขาเหมือนพ่อและมีส่วนร่วมในการฝึกฝนและเลี้ยงดูเขา

แม้จะมีตำแหน่งที่ต้องพึ่งพา แต่ Haydn ก็ไม่สามารถออกจากราชการได้ ในเวลานั้นนักดนตรีมีโอกาสทำงานเฉพาะในโบสถ์ของศาลหรือเป็นผู้นำคณะนักร้องประสานเสียงในโบสถ์เท่านั้น ก่อนหน้า Haydn ไม่มีนักประพันธ์เพลงสักคนเดียวที่เคยเสี่ยงชีวิตเป็นอิสระ ไม่กล้าแยกจากกัน งานถาวรและไฮเดิน

ในปี พ.ศ. 2334 เมื่อไฮเดินอายุได้ประมาณ 60 ปี เจ้าชายเอสเตอร์ฮาซีผู้เฒ่าก็สิ้นพระชนม์ ทายาทของเขาที่ไม่ได้เลี้ยง ความรักที่ยิ่งใหญ่ดนตรีจึงยุบโบสถ์ แต่เขาก็รู้สึกยินดีเช่นกันที่นักแต่งเพลงซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าวงดนตรีของเขา สิ่งนี้บังคับให้ Esterhazy ในวัยหนุ่มต้องมอบเงินบำนาญให้ Haydn เพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้ "คนรับใช้ของเขา" เข้าสู่บริการใหม่

ไฮเดินมีความสุข! ในที่สุดเขาก็เป็นอิสระและเป็นอิสระ! เขาตกลงที่จะเสนอคอนเสิร์ตไปอังกฤษ ขณะเดินทางบนเรือ Haydn ได้เห็นทะเลเป็นครั้งแรก และกี่ครั้งแล้วที่เขาฝันถึงมัน โดยพยายามจินตนาการถึงธาตุน้ำที่ไร้ขอบเขต การเคลื่อนที่ของคลื่น ความงาม และความแปรปรวนของสีของน้ำ ครั้งหนึ่งในวัยเด็กของเขา Haydn พยายามถ่ายทอดภาพทะเลที่บ้าคลั่งเป็นเพลง

ชีวิตในอังกฤษก็ไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับไฮเดินเช่นกัน คอนเสิร์ตที่เขาแสดงผลงานของเขาประสบความสำเร็จอย่างมีชัย นี่เป็นการจดจำดนตรีของเขาเป็นครั้งแรก มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเลือกเขาเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์

ไฮเดินเยือนอังกฤษสองครั้ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผู้แต่งได้เขียน London Symphonies สิบสองอันโด่งดังของเขา London Symphonies เป็นการวิวัฒนาการของซิมโฟนีของ Haydn อย่างสมบูรณ์ ความสามารถของเขาถึงจุดสูงสุดแล้ว ดนตรีฟังดูลุ่มลึกและสื่ออารมณ์มากขึ้น เนื้อหามีความจริงจังมากขึ้น และสีสันของวงออเคสตราก็เข้มข้นและหลากหลายมากขึ้น

แม้จะยุ่งมาก แต่ Haydn ก็สามารถฟังเพลงใหม่ได้เช่นกัน เขาประทับใจเป็นพิเศษกับบทประพันธ์ของฮันเดล นักแต่งเพลงชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นรุ่นพี่ร่วมสมัยของเขา ความประทับใจในดนตรีของฮันเดลนั้นยอดเยี่ยมมากจนเมื่อกลับมาที่เวียนนา Haydn ได้เขียนบทประพันธ์สองเรื่อง - "The Creation of the World" และ "The Seasons"

เนื้อเรื่องของ "การสร้างโลก" นั้นเรียบง่ายและไร้เดียงสาอย่างยิ่ง สองส่วนแรกของ oratorio เล่าถึงการเกิดขึ้นของโลกตามพระประสงค์ของพระเจ้า ส่วนที่สามซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตในสวรรค์ของอาดัมและเอวาก่อนการล่มสลาย

การตัดสินของผู้ร่วมสมัยและผู้สืบทอดโดยตรงเกี่ยวกับ "การสร้างโลก" ของ Haydn เป็นเรื่องปกติ ออราทอริโอนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงชีวิตของนักแต่งเพลง และทำให้ชื่อเสียงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน โดยธรรมชาติแล้ว ภาพดนตรีของ Haydn ทำให้นักปรัชญาและนักสุนทรียศาสตร์ที่อยู่ในอารมณ์ "ประเสริฐ" ตกตะลึง Serov เขียนอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับ "การสร้างโลก":

“Oratorio นี้ช่างเป็นการสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ! อย่างไรก็ตาม มีเพลงหนึ่งที่บรรยายถึงการสร้างนก - นี่คือชัยชนะสูงสุดของดนตรีสร้างคำเลียนเสียงธรรมชาติและยิ่งกว่านั้น "ช่างเป็นพลังงาน ช่างเรียบง่าย ช่างสง่างามช่างเรียบง่าย!" “นี่มันเหนือชั้นกว่าสิ่งใดเลย” บทประพันธ์ “The Seasons” ควรได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานที่สำคัญของ Haydn มากกว่า “The Creation of the World” ข้อความของ oratorio “The Seasons” เช่นเดียวกับข้อความของ “The Creation of the World” เขียนโดย van Swieten การแสดงสุนทรพจน์ชิ้นที่สองของ Haydn มีความหลากหลายและลึกซึ้งมากกว่ามนุษย์ ไม่เพียงแต่ในเนื้อหาเท่านั้น แต่ยังอยู่ในรูปแบบด้วย นี่คือปรัชญาทั้งหมดสารานุกรมภาพธรรมชาติและศีลธรรมของชาวนาปรมาจารย์ของ Haydn งานเชิดชูความรักต่อธรรมชาติความสุขของชีวิตในหมู่บ้านและความบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณที่ไร้เดียงสา นอกจากนี้ โครงเรื่องยังทำให้ไฮเดินสามารถสร้างแนวคิดทางดนตรีที่กลมกลืนและสมบูรณ์และกลมกลืนกันในภาพรวมได้

การแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “The Four Seasons” ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับไฮเดินผู้ทรุดโทรม ทำให้เขาต้องกังวลและต้องนอนไม่หลับหลายคืน ในท้ายที่สุดเขาต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดหัวและการแสดงดนตรีที่คงอยู่

London Symphonies และ oratorios คือจุดสุดยอดของผลงานของ Haydn หลังจาก oratorios เขาแทบไม่ได้เขียนอะไรเลย ชีวิตเครียดเกินไป ความแข็งแกร่งของเขาหมดลง ปีที่ผ่านมานักแต่งเพลงใช้เวลาอยู่ที่ชานเมืองเวียนนาในบ้านหลังเล็ก ผู้ชื่นชมพรสวรรค์ของนักแต่งเพลงมาเยี่ยมบ้านอันเงียบสงบและเงียบสงบ การสนทนาเกี่ยวข้องกับอดีต Haydn ชอบที่จะจดจำวัยเยาว์ของเขาเป็นพิเศษ - ทำงานหนัก ลำบาก แต่เต็มไปด้วยการค้นหาที่กล้าหาญและไม่หยุดยั้ง

ไฮเดินเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2352 และถูกฝังในกรุงเวียนนา ต่อจากนั้น ศพของเขาถูกย้ายไปยัง Eisenstadt ซึ่งเขาใช้ชีวิตอยู่หลายปี

วงออเคสตราของนักแต่งเพลง Haydn

หนึ่งในนักประพันธ์เพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลคือ Franz Joseph Haydn นักดนตรีที่ยอดเยี่ยมที่มีต้นกำเนิดจากออสเตรีย ชายผู้สร้างรากฐานแห่งความคลาสสิก โรงเรียนดนตรีตลอดจนมาตรฐานวงออเคสตรา-เครื่องดนตรีที่เราเห็นในสมัยของเรา นอกเหนือจากคุณธรรมเหล่านี้แล้ว Franz Joseph ยังเป็นตัวแทนของโรงเรียนคลาสสิกเวียนนาอีกด้วย มีความคิดเห็นในหมู่นักดนตรีว่าแนวดนตรีของซิมโฟนีและวงควอร์เตตแต่งขึ้นครั้งแรกโดยโจเซฟ ไฮเดิน นักแต่งเพลงที่มีพรสวรรค์ใช้ชีวิตที่น่าสนใจและมีความสำคัญมาก

ประวัติโดยย่อ โจเซฟ ไฮเดินและอ่านข้อเท็จจริงที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับผู้แต่งในหน้าของเรา

ประวัติโดยย่อของ Haydn

ชีวประวัติของ Haydn เริ่มต้นเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2275 เมื่อโจเซฟตัวน้อยเกิดในชุมชน Rohrau (ออสเตรียตอนล่าง) พ่อของเขาเป็นช่างซ่อมล้อรถ ส่วนแม่ของเขาทำงานเป็นคนรับใช้ในครัว ขอบคุณพ่อที่รักการร้องเพลง นักแต่งเพลงในอนาคตเริ่มสนใจดนตรี ระดับเสียงที่แน่นอนและสัมผัสแห่งจังหวะที่ยอดเยี่ยมนั้นมอบให้กับโจเซฟตัวน้อยโดยธรรมชาติ ความสามารถทางดนตรีเหล่านี้ทำให้เด็กที่มีพรสวรรค์สามารถร้องเพลงในคณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์เกนเบิร์กได้ ต่อมา เนื่องจากมีการย้าย ฟรานซ์ โจเซฟจึงจะได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมในโบสถ์นักร้องประสานเสียงเวียนนาที่อาสนวิหารคาทอลิกแห่งเซนต์สตีเฟน

เนื่องจากความดื้อรั้นของเขา โจเซฟวัย 16 ปีจึงตกงาน - ตำแหน่งในคณะนักร้องประสานเสียง สิ่งนี้เกิดขึ้นระหว่างการแปลงเสียง ตอนนี้เขาไม่มีรายได้เลี้ยงตัวเองแล้ว ด้วยความสิ้นหวังชายหนุ่มจึงรับงานอะไรก็ได้ นิโคลา พอร์โปรา นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอิตาลีรับชายหนุ่มคนนี้เป็นคนรับใช้ของเขา แต่โจเซฟก็พบประโยชน์ในงานนี้เช่นกัน เด็กชายเจาะลึกวิทยาศาสตร์ดนตรีและเริ่มเรียนบทเรียนจากครู

Porpora ไม่สามารถสังเกตได้ว่า Josef มีความรู้สึกอย่างแท้จริงต่อดนตรีและด้วยเหตุนี้นักแต่งเพลงชื่อดังจึงตัดสินใจเสนองานที่น่าสนใจให้กับชายหนุ่ม - เพื่อเป็นเพื่อนร่วมจอดรถส่วนตัวของเขา ไฮเดินดำรงตำแหน่งนี้มาเกือบสิบปี เกจิจ่ายเงินสำหรับงานของเขาไม่ใช่เงินเป็นหลักเขาสอนทฤษฎีดนตรีและความสามัคคีให้กับพรสวรรค์รุ่นเยาว์ฟรี ดังนั้นชายหนุ่มผู้มีความสามารถจึงได้เรียนรู้พื้นฐานทางดนตรีที่สำคัญมากมายในทิศทางต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไป ปัญหาทางการเงินของ Haydn เริ่มค่อยๆ หายไป และผลงานเริ่มแรกของเขาในฐานะนักแต่งเพลงก็ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนอย่างประสบความสำเร็จ ในเวลานี้นักแต่งเพลงหนุ่มได้เขียนซิมโฟนีครั้งแรกของเขา

แม้ว่าในสมัยนั้นจะถือว่า "สายเกินไป" แล้ว แต่ Haydn ก็ตัดสินใจเริ่มต้นครอบครัวกับ Anna Maria Keller เมื่ออายุ 28 ปีเท่านั้น และการแต่งงานครั้งนี้กลับไม่ประสบความสำเร็จ ตามที่ภรรยาของเขากล่าวไว้ โจเซฟมีอาชีพที่ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ชาย ภายในสองโหล ชีวิตด้วยกันทั้งคู่ไม่เคยมีลูกซึ่งส่งผลต่อประวัติครอบครัวที่ไม่ประสบความสำเร็จด้วย เมื่อพิจารณาถึงปัญหาเหล่านี้แล้ว อัจฉริยะทางดนตรีคนนี้ก็เป็นสามีที่ซื่อสัตย์มาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว แต่ชีวิตที่คาดเดาไม่ได้ทำให้ Franz Josef มาพบกับชายหนุ่มและมีเสน่ห์ นักร้องเพลงโอเปร่า Luigia Polzelli ซึ่งอายุเพียง 19 ปีเมื่อพบกัน ความรักอันเร่าร้อนเกิดขึ้นกับพวกเขาและนักแต่งเพลงก็สัญญาว่าจะแต่งงานกับเธอ แต่ความหลงใหลก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว และเขาไม่รักษาสัญญา ไฮเดินแสวงหาการอุปถัมภ์ในหมู่คนที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล ในช่วงต้นทศวรรษ 1760 นักแต่งเพลงได้รับงานเป็นหัวหน้าวงดนตรีคนที่สองในวังของตระกูล Esterhazy ผู้มีอิทธิพล (ออสเตรีย) เป็นเวลา 30 ปีที่ Haydn ทำงานที่ราชสำนักของราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์แห่งนี้ ในช่วงเวลานี้เขาแต่งซิมโฟนีจำนวนมาก - 104

ไฮเดินไม่มีเพื่อนสนิทมากนัก แต่หนึ่งในนั้นคือ- อะมาเดอุส โมซาร์ท . นักแต่งเพลงพบกันในปี พ.ศ. 2324 หลังจากผ่านไป 11 ปี โจเซฟได้รับการแนะนำให้รู้จักกับลุดวิก ฟาน เบโธเฟนในวัยเยาว์ ซึ่งไฮเดินเป็นนักเรียนของเขา การรับราชการในวังจบลงด้วยการเสียชีวิตของผู้อุปถัมภ์ - โจเซฟสูญเสียตำแหน่ง แต่ชื่อของฟรานซ์ โจเซฟ ไฮเดินนั้นดังกระหึ่มไม่เพียงแต่ในออสเตรียเท่านั้น แต่ยังโด่งดังในประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ เช่น รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส ระหว่างที่เขาอยู่ในลอนดอน นักแต่งเพลงมีรายได้เกือบเท่าตัวในหนึ่งปีเหมือนกับที่เขาทำในรอบ 20 ปีในฐานะวาทยากรของครอบครัว Esterhazy ซึ่งเป็นอดีตนายจ้างของเขา

ผลงานชิ้นสุดท้ายของผู้แต่งถือเป็น oratorio "The Seasons" เขาแต่งมันด้วยความยากลำบากมาก เขาปวดหัว และนอนไม่หลับ

นักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่เสียชีวิตเมื่ออายุ 78 ปี (31 พฤษภาคม พ.ศ. 2352) โจเซฟ ไฮเดินใช้เวลาวันสุดท้ายในบ้านของเขาในกรุงเวียนนา ต่อมามีการตัดสินใจขนส่งศพไปยัง Eisenstadt

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ

เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าวันเกิดของโจเซฟ ไฮเดินคือวันที่ 31 มีนาคม แต่ใบรับรองของเขาระบุวันที่อื่น - 1 เมษายน หากคุณเชื่อบันทึกของผู้แต่งก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เฉลิมฉลองวันหยุดของเขาในวันเอพริลฟูลส์
โจเซฟตัวน้อยมีพรสวรรค์มากจนสามารถตีกลองได้ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ! เมื่อมือกลองที่ควรมีส่วนร่วมในขบวนแห่ Great Week เสียชีวิตอย่างกะทันหัน Haydn จึงถูกขอให้เข้ามาแทนที่เขา เพราะ นักแต่งเพลงในอนาคตไม่สูงนักเนื่องจากลักษณะเฉพาะของอายุของเขา จากนั้นคนหลังค่อมก็เดินไปข้างหน้าเขาซึ่งมีกลองผูกอยู่บนหลังของเขา และโจเซฟก็สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้อย่างใจเย็น กลองหายากยังคงมีอยู่จนทุกวันนี้ ตั้งอยู่ในโบสถ์ Hainburg
เสียงร้องของ Haydn ในวัยเยาว์น่าประทับใจมากจนเขาถูกขอให้เข้าร่วมโรงเรียนนักร้องประสานเสียง St. Stephen's Cathedral ในกรุงเวียนนา เมื่อเด็กชายอายุเพียง 5 ขวบ
นักร้องประสานเสียงของมหาวิหารเซนต์สตีเฟนแนะนำให้ Haydn เข้ารับการผ่าตัดบางอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงของเขาขาด แต่โชคดีที่พ่อของนักแต่งเพลงในอนาคตเข้ามาแทรกแซงและป้องกันสิ่งนี้
เมื่อแม่ของนักแต่งเพลงเสียชีวิตเมื่ออายุ 47 ปี พ่อของเขาแต่งงานกับสาวใช้วัย 19 ปีอย่างรวดเร็ว ความแตกต่างระหว่างอายุของ Haydn และแม่เลี้ยงของเขาคือเพียง 3 ปีและ "ลูกชาย" กลับกลายเป็นว่าแก่กว่า
Haydn รักผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัดสินใจว่าชีวิตในอารามดีกว่าชีวิตครอบครัวด้วยเหตุผลบางประการ จากนั้นอัจฉริยะทางดนตรีก็เชิญแอนนา มาเรีย พี่สาวที่รักของเขามาแต่งงานด้วย แต่การตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นนี้ไม่ได้นำไปสู่อะไรที่ดีเลย ภรรยากลายเป็นคนไม่พอใจและไม่เข้าใจงานอดิเรกทางดนตรีของสามี Haydn เขียนว่า Anna Maria ใช้ต้นฉบับเพลงของเขาเป็นเครื่องครัว

ในชีวประวัติของ Haydn มีตำนานที่น่าสนใจเกี่ยวกับชื่อของวงเครื่องสาย F-moll "Razor" เช้าวันหนึ่ง Haydn กำลังโกนหนวดด้วยมีดโกนทื่อๆ และเมื่อความอดทนของเขาหมดลง เขาก็ตะโกนว่าถ้าเขาได้รับมีดโกนธรรมดาตอนนี้ เขาจะทุ่มเทฝีมืออันยอดเยี่ยมให้กับมัน ในขณะนั้น John Blend ก็อยู่ใกล้ๆ ชายผู้ต้องการเผยแพร่ต้นฉบับของผู้แต่งซึ่งยังไม่มีใครเห็น หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ผู้จัดพิมพ์ก็ไม่ลังเลเลยที่จะมอบมีดโกนเหล็กสัญชาติอังกฤษให้กับผู้แต่ง ไฮเดินรักษาคำพูดของเขาและนำเสนอผลงานใหม่แก่แขกรับเชิญ ดังนั้นวงเครื่องสายจึงได้รับชื่อที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้
เป็นที่ทราบกันดีว่า Haydn มีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นกับ Mozart โมสาร์ทเคารพและนับถือเพื่อนของเขาอย่างมาก และถ้าไฮเดินวิพากษ์วิจารณ์งานของอะมาเดอุสหรือให้คำแนะนำใดๆ โมสาร์ทก็รับฟังความคิดเห็นของโจเซฟเสมอ นักแต่งเพลงหนุ่มมาก่อนเสมอ แม้จะมีนิสัยและอายุที่แตกต่างกัน แต่เพื่อน ๆ ก็ไม่ทะเลาะกันและไม่เห็นด้วย

"ปาฏิหาริย์" - นี่คือชื่อที่เกิดจากซิมโฟนีหมายเลข 96 ใน D-dur และหมายเลข 102 ใน B-dur ทั้งหมดนี้เกิดจากเรื่องราวหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากคอนเสิร์ตงานนี้จบลง ผู้คนต่างพากันขึ้นเวทีเพื่อขอบคุณผู้แต่งและโค้งคำนับบทเพลงที่ไพเราะที่สุดต่อหน้าเขา ทันทีที่ผู้ฟังอยู่ที่หน้าห้องโถง โคมระย้าก็หล่นลงมาด้านหลังพวกเขาด้วยอุบัติเหตุ ไม่มีผู้เสียชีวิต และมันก็เป็นปาฏิหาริย์ ความคิดเห็นที่แตกต่างกันในรอบปฐมทัศน์ซึ่งมีซิมโฟนีเฉพาะเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์นี้เกิดขึ้น
นักแต่งเพลงต้องทนทุกข์ทรมานจากติ่งเนื้อจมูกมานานกว่าครึ่งชีวิต เรื่องนี้กลายเป็นที่รู้จักของศัลยแพทย์และเช่นกัน เพื่อนที่ดีโจเซฟถึงจอห์น เฮนเตอร์ แพทย์แนะนำให้มาพบเขาเพื่อรับการผ่าตัด ซึ่งในตอนแรก Haydn ตัดสินใจทำ แต่เมื่อมาถึงห้องทำงานที่จะเข้ารับการผ่าตัด และพบผู้ช่วยศัลยแพทย์รายใหญ่ 4 คน มีหน้าที่คอยอุ้มคนไข้ระหว่างทำหัตถการอันแสนเจ็บปวด นักดนตรีที่เก่งกาจกลับรู้สึกหวาดกลัว พยายามดิ้นรน และกรีดร้องเสียงดัง โดยทั่วไปแล้วความคิดในการกำจัดติ่งเนื้อนั้นจมลงสู่การลืมเลือน โจเซฟป่วยไข้ทรพิษตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

Haydn มีซิมโฟนีพร้อมตีกลองหรือเรียกอีกอย่างว่า "เซอร์ไพรส์" ประวัติความเป็นมาของการสร้างซิมโฟนีนี้น่าสนใจ โจเซฟและวงออเคสตราออกทัวร์ลอนดอนเป็นระยะๆ และวันหนึ่งเขาสังเกตเห็นว่าผู้ชมบางคนหลับหรือดูคอนเสิร์ตอยู่แล้วในระหว่างคอนเสิร์ต ความฝันที่สวยงาม. Haydn แนะนำว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะกลุ่มปัญญาชนชาวอังกฤษไม่คุ้นเคยกับการฟังเพลงคลาสสิกและไม่มีความรู้สึกพิเศษใดๆ ต่องานศิลปะ แต่ชาวอังกฤษเป็นกลุ่มคนที่มีขนบธรรมเนียมประเพณี ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องเข้าร่วมคอนเสิร์ต นักแต่งเพลงชีวิตของงานปาร์ตี้และเพื่อนที่ร่าเริงตัดสินใจทำอย่างมีไหวพริบ เขาเขียนซิมโฟนีพิเศษสำหรับสาธารณชนชาวอังกฤษโดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง ท่อนนี้เริ่มต้นด้วยเสียงไพเราะที่เงียบ นุ่มนวล และเกือบจะผ่อนคลาย ทันใดนั้นระหว่างเสียงก็ได้ยินเสียงกลองและเสียงฟ้าร้องของกลองทิมปานี ความประหลาดใจดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในงาน ดังนั้นชาวลอนดอนจึงไม่หลับไปในห้องแสดงคอนเสิร์ตที่ Haydn แสดงอีกต่อไป
เมื่อผู้แต่งเสียชีวิต เขาถูกฝังในกรุงเวียนนา แต่ต่อมามีการตัดสินใจที่จะฝังศพของอัจฉริยะทางดนตรีใน Eisenstadt อีกครั้ง เมื่อเปิดหลุมศพออก ก็พบว่ากะโหลกศีรษะของโจเซฟหายไป มันเป็นกลอุบายของเพื่อนนักแต่งเพลงสองคนที่ติดสินบนคนในสุสานเพื่อเอาหัวตัวเอง เป็นเวลาเกือบ 60 ปี (พ.ศ. 2438-2497) กะโหลกของเวียนนาคลาสสิกตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ (เวียนนา) จนกระทั่งถึงปี 1954 ซากศพจึงถูกรวบรวมและฝังไว้ด้วยกัน

โมสาร์ทรู้สึกยินดีกับไฮเดินและมักจะเชิญเขาเข้าร่วมคอนเสิร์ตของเขา และโจเซฟก็ตอบแทนเด็กอัจฉริยะคนนี้และมักจะเล่นร่วมกับเขาในวงสี่คน เป็นที่น่าสังเกตว่าในงานศพของ Haydn มีเสียงดังกล่าว "บังสุกุล" โดยโมสาร์ท ซึ่งเสียชีวิตก่อนเพื่อนและอาจารย์ของเขา 18 ปี
ภาพเหมือนของ Haydn สามารถพบได้ในภาษาเยอรมันและโซเวียต แสตมป์ซึ่งออกในปี พ.ศ. 2502 เพื่อรำลึกถึงวันครบรอบ 150 ปีการเสียชีวิตของนักแต่งเพลง และบนเหรียญ 5 ยูโร ของออสเตรีย
เพลงชาติเยอรมันและเพลงชาติออสเตรีย-ฮังการีเก่าเป็นเพลงของ Haydn ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเพลงของเขาที่กลายเป็นพื้นฐานของเพลงรักชาติเหล่านี้

ภาพยนตร์เกี่ยวกับโจเซฟ ไฮเดิน

มีการสร้างสารคดีเพื่อการศึกษาหลายเรื่องโดยอิงจากชีวประวัติของ Haydn ภาพยนตร์ทั้งหมดนี้น่าสนใจและน่าตื่นเต้น บางคนบอกเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ความสำเร็จทางดนตรีและการค้นพบของผู้แต่ง และบางส่วนก็บอกเล่าข้อเท็จจริงต่างๆ จากชีวิตส่วนตัวของเวียนนาคลาสสิก หากคุณต้องการทำความรู้จักกับนักดนตรีคนนี้ให้ดีขึ้นเราขอเสนอรายการสารคดีเล็ก ๆ ให้กับคุณ:

บริษัทภาพยนตร์ Academy Media ถ่ายทำความยาว 25 นาที สารคดี"Haydn" จากซีรีส์ "นักแต่งเพลงชื่อดัง"
บนอินเทอร์เน็ตคุณจะพบภาพยนตร์ที่น่าสนใจสองเรื่องเรื่อง In Search of Haydn ภาคแรกยาวกว่า 53 นาทีนิดหน่อย ภาคสองยาว 50 นาที
Haydn ได้รับการอธิบายไว้ในบางตอนจากส่วนสารคดี "History by Notes" ตั้งแต่ตอนที่ 19 ถึง 25 ซึ่งแต่ละตอนมีความยาวไม่เกิน 10 นาที คุณสามารถศึกษาข้อมูลชีวประวัติที่น่าสนใจของนักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่ได้
มีสารคดีสั้นจาก Encyclopedia Chanel เกี่ยวกับ Joseph Haydn ที่มีความยาวเพียง 12 นาที
ภาพยนตร์ความยาว 11 นาทีที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเสนอขายที่แท้จริงของ Haydn สามารถพบได้ง่ายบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต "Absolute Pitch - Franz Joseph Haydn"

ใน Sherlock Holmes ปี 2009 ของกาย ริตชี่ ได้ยินเสียงอาดาจิโอจากวงเครื่องสายหมายเลข 3 ใน D Major ในระหว่างที่เกิดเหตุ ที่วัตสันและคู่หมั้นของเขา แมรี่ รับประทานอาหารร่วมกับโฮล์มส์ที่ร้านอาหารชื่อ "เดอะรอยัล"
การเคลื่อนไหวครั้งที่ 3 ของเชลโลคอนแชร์โตใช้ในภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่อง Hilary and Jackie ในปี 1998
เปียโนคอนแชร์โตปรากฏในภาพยนตร์ของสตีเวน สปีลเบิร์ก เรื่อง Catch Me If You Can
บทเพลงจากโซนาตาครั้งที่ 33 ถูกแทรกเข้าไปในดนตรีประกอบของภาพยนตร์เรื่อง "The Runaway Bride" (ต่อ ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง"งดงาม").
Adagio e cantibile จาก Sonata No. 59 ถูกใช้ในภาพยนตร์ปี 1994 เรื่อง The Vampire Diaries ที่นำแสดงโดยแบรด พิตต์
ได้ยินเสียงของวงเครื่องสาย B-dur "Sunrise" ในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "Relic" ในปี 1997
ในภาพยนตร์เรื่อง "The Pianist" ที่งดงามซึ่งคว้า 3 รางวัลออสการ์ ได้ยิน Quartet หมายเลข 5 ของ Haydn
นอกจากนี้ String Quartet No. 5 ยังมาจากเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "Star Trek: Insurrection" (1998) และ "Ft.
ซิมโฟนีหมายเลข 101 และหมายเลข 104 มีอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง The Lord of Tides ปี 1991
วงเครื่องสายที่ 33 ใช้ในภาพยนตร์ตลกปี 1997 เรื่อง George of the Jungle
ส่วนที่สามของวงเครื่องสายหมายเลข 76 "Emperor" สามารถพบได้ในภาพยนตร์เรื่อง "Casablanca" (1941), "Bulworth" (1998), "Cheap Detective" (1978) และ "The Dirty Dozen"
คอนแชร์โต้สำหรับทรัมเป็ตและวงออเคสตราปรากฏใน "Big Deal" ร่วมกับ Mark Wahlberg
ใน “The Bicentennial Man” ที่สร้างจากหนังสือของนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ไอแซค อาซิมอฟ คุณจะได้ยินเพลง “The Hunt” ของ Haydn’s Symphony No. 73

พิพิธภัณฑ์บ้าน Haydn

ในปี พ.ศ. 2432 พิพิธภัณฑ์ Haydn เปิดขึ้นในกรุงเวียนนาซึ่งตั้งอยู่ในบ้านของนักแต่งเพลง เป็นเวลา 4 ปีเต็ม โจเซฟค่อยๆ สร้าง “มุม” ของเขาด้วยเงินที่ได้รับระหว่างการเดินทาง ในขั้นต้นมีบ้านหลังเตี้ยซึ่งตามคำสั่งของผู้แต่งได้ถูกสร้างขึ้นใหม่พร้อมชั้นเพิ่มเติม ชั้นสองเป็นที่ที่นักดนตรีอาศัยอยู่ และด้านล่างเขาตั้งผู้ช่วยของเขา เอลสเปอร์ ซึ่งคัดลอกบันทึกของไฮเดิน

นิทรรศการเกือบทั้งหมดในพิพิธภัณฑ์เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนักแต่งเพลงในช่วงชีวิตของเขา บันทึกที่เขียนด้วยลายมือ ภาพวาดบุคคล เครื่องดนตรีที่ Haydn ใช้เล่น และสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ เป็นเรื่องผิดปกติที่อาคารมี ห้องเล็กตั้งใจ โยฮันเนส บราห์มส์ . โยฮันเนสให้ความเคารพและให้เกียรติผลงานของเวียนนาคลาสสิกอย่างมาก ห้องนี้เต็มไปด้วยข้าวของส่วนตัว เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องมือต่างๆ

น่าเสียดายที่เมื่อผู้คนพูดถึงคลาสสิกของเวียนนา พวกเขาจะจำได้เป็นอันดับแรก ลุดวิก ฟาน เบโธเฟน และโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ท แต่นักดนตรีหลายคนมั่นใจว่าหากไม่มีนักประพันธ์เพลงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ฟรานซ์ โจเซฟ ไฮเดินเราคงไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคคลาสสิกอีก ผลงานและการเรียบเรียงของ Haydn ถือเป็นต้นกำเนิดของดนตรีคลาสสิกทั้งหมด และเปิดโอกาสให้ดนตรีพัฒนาและปรับปรุงมาจนถึงทุกวันนี้

วิดีโอ: ชมภาพยนตร์เกี่ยวกับ Joseph Haydn

ด้วยความสามารถทางดนตรีที่โดดเด่นของเขา เด็กชายจึงเข้าร่วมคณะนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ของเมืองเล็ก ๆ อย่างเกนเบิร์กก่อน จากนั้นจึงเข้าร่วมคณะนักร้องประสานเสียงที่มหาวิหาร (หลัก) มหาวิหารเซนต์สตีเฟนในกรุงเวียนนา นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของไฮเดิน ท้ายที่สุดเขาไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาด้านดนตรีอีก

อย่างไรก็ตาม บทเรียนไม่ปรากฏทันที ก่อนหน้านั้นฉันต้องผ่านช่วงเวลาที่สิ้นหวังในการหารายได้ ทีละเล็กทีละน้อยฉันสามารถหางานทำซึ่งถึงแม้จะไม่ได้ให้การสนับสนุนใด ๆ แต่ก็ยังทำให้ฉันไม่ตายจากความหิวโหย Haydn เริ่มสอนร้องเพลงและดนตรี เล่นไวโอลินในช่วงเย็นตามเทศกาล และบางครั้งก็เล่นบนทางหลวงด้วย เขาแต่งผลงานชิ้นแรกหลายชิ้นตามคำสั่ง แต่รายได้ทั้งหมดนี้เป็นแบบสุ่ม Haydn เข้าใจ: ในการเป็นนักแต่งเพลงคุณต้องศึกษาให้มาก เขาเริ่มศึกษางานเชิงทฤษฎีโดยเฉพาะหนังสือของ I. Matteson และ I. Fuchs

การทำงานร่วมกันกับ Johann Joseph Kurz นักแสดงตลกชาวเวียนนากลับกลายเป็นว่ามีประโยชน์ ในเวลานั้น Kurtz ได้รับความนิยมอย่างมากในกรุงเวียนนาในฐานะนักแสดงที่มีพรสวรรค์และนักเขียนเรื่องตลกหลายเรื่อง

การเปิดตัวอย่างกล้าหาญของนักแต่งเพลงอายุน้อยที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักบนเวทีละครในปี 1751 ทำให้เขาได้รับความนิยมในแวดวงประชาธิปไตยในทันที และ... บทวิจารณ์ที่แย่มากจากผู้ที่นับถือประเพณีดนตรีเก่า การตำหนิเรื่อง "ควาย" "ความเหลื่อมล้ำ" และบาปอื่น ๆ ในเวลาต่อมาได้ถูกถ่ายโอนโดยกลุ่มหัวรุนแรงของ "ผู้ประเสริฐ" ไปยังงานส่วนที่เหลือของ Haydn โดยเริ่มจากซิมโฟนีของเขาและจบลงด้วยมวลชนของเขา

ขั้นตอนสุดท้ายของวัยเยาว์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ของ Haydn ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นเส้นทางอิสระในฐานะนักแต่งเพลงคือชั้นเรียนกับ Nicola Antonio Porpora นักแต่งเพลงและผู้ควบคุมวงชาวอิตาลี ซึ่งเป็นตัวแทนของโรงเรียน Neapolitan

ใต้หลังคาในห้องใต้หลังคาอันเย็นเยียบที่ Haydn เบียดเสียดกัน บนกระดูกไหปลาร้าเก่าที่หัก เขาศึกษาผลงานของนักประพันธ์เพลงชื่อดัง และเพลงลูกทุ่ง! เขาฟังพวกเขามากมายเดินไปตามถนนในกรุงเวียนนาทั้งกลางวันและกลางคืน มีเพลงพื้นบ้านมากมายฟังที่นี่: ออสเตรีย, ฮังการี, เช็ก, ยูเครน, โครเอเชีย, ไทโรเลียน ดังนั้นผลงานของ Haydn จึงเต็มไปด้วยท่วงทำนองที่ไพเราะเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่ร่าเริงและร่าเริง

ประมาณปี ค.ศ. 1750 Haydn ได้เขียนมิสซาชุดเล็กๆ (ในหน่วย F major) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่เป็นการผสมผสานที่มีพรสวรรค์ของเทคนิคสมัยใหม่ของแนวเพลงนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความโน้มเอียงที่ชัดเจนในการแต่งเพลงคริสตจักรที่ "ร่าเริง" อีกด้วย ข้อเท็จจริงที่สำคัญกว่านั้นคือผู้แต่งแต่งวงเครื่องสายชุดแรกในปี 1755

ทั้งในแวดวงเครื่องสายและในด้านซิมโฟนี Haydn ต้องกำหนดและตกผลึกแนวเพลงของยุคดนตรีใหม่: การแต่งเพลงสี่เพลง การสร้างซิมโฟนี เขาแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นผู้ริเริ่มที่กล้าหาญและเด็ดขาด

ในขณะที่รับใช้เคานต์มอร์ซิน Haydn ตกหลุมรักลูกสาวคนเล็กของเพื่อนของเขา Johann Peter Keller ช่างทำผมชาวเวียนนา เทเรซา และตั้งใจจะแต่งงานกับเธออย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม เด็กสาวด้วยเหตุผลที่ยังไม่ทราบ ได้ออกจากบ้านพ่อแม่ของเธอ และพ่อของเธอไม่พบสิ่งใดที่ดีไปกว่าการพูดว่า: "ไฮเดิน คุณควรแต่งงานกับลูกสาวคนโตของฉัน" ไม่มีใครรู้ว่าอะไรกระตุ้นให้ไฮเดินตอบรับเชิงบวก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ไฮเดินก็เห็นด้วย เขาอายุ 28 ปีเจ้าสาว - Maria Anna Aloysia Apollonia Keller - 32 ปี การแต่งงานสิ้นสุดลงในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2303 และ Haydn กลายเป็น ... สามีที่ไม่มีความสุขมาหลายทศวรรษ

ไม่ไกลจากเวียนนาในเมือง Eisenstadt เล็ก ๆ ของฮังการีและในช่วงฤดูร้อนในพระราชวังชนบท Eszterhaz Haydn ใช้เวลาสามสิบปีในตำแหน่งวาทยากร หน้าที่ของหัวหน้าวงดนตรีรวมถึงการกำกับวงออเคสตราและนักร้อง ไฮเดินยังต้องแต่งซิมโฟนี โอเปร่า วงควอเต็ต และงานอื่นๆ ตามคำขอของเจ้าชายอีกด้วย บ่อยครั้งที่เจ้าชายตามอำเภอใจสั่งให้เขียนเรียงความใหม่ภายในวันถัดไป! พรสวรรค์และการทำงานหนักเป็นพิเศษของไฮเดินช่วยเขาที่นี่เช่นกัน โอเปร่าปรากฏขึ้นทีละเรื่องรวมถึงซิมโฟนีรวมถึง "The Bear", "Children's Room", "School Teacher"

ในซิมโฟนีของเขา Haydn ไม่ได้กำหนดหน้าที่ของตัวเองในการกำหนดพล็อตเรื่องให้เหมาะกับแต่ละบุคคล การเขียนโปรแกรมของผู้แต่งส่วนใหญ่มักขึ้นอยู่กับการเชื่อมโยงของแต่ละบุคคลและ "ภาพร่าง" ที่มองเห็นได้ แม้จะเป็นส่วนสำคัญและสม่ำเสมอมากกว่า - ตามอารมณ์ล้วนๆ เช่นใน "Farewell Symphony" (1772) หรือแนวเพลงอย่างใน "War Symphony" (1794) ยังคงขาดรากฐานของโครงเรื่องที่ชัดเจน

คุณค่าอันมหาศาลของแนวคิดซิมโฟนิกของ Haydn สำหรับความเรียบง่ายที่เปรียบเทียบได้และไม่โอ้อวดทั้งหมดนั้น อยู่ในภาพสะท้อนที่เป็นธรรมชาติและการนำความเป็นเอกภาพของโลกฝ่ายวิญญาณและโลกทางกายภาพของมนุษย์ไปใช้

ความคิดเห็นนี้แสดงออกและเป็นบทกวีโดย E.T.A. ฮอฟแมน:

“ผลงานของ Haydn ถูกครอบงำโดยการแสดงออกของจิตวิญญาณที่ร่าเริงและเด็กๆ ซิมโฟนีของเขานำเราไปสู่สวนสีเขียวอันกว้างใหญ่ สู่ฝูงชนที่ร่าเริงและหลากหลายที่มีความสุข เด็กชายและเด็กหญิงรีบเร่งต่อหน้าเราในการเต้นรำประสานเสียง เด็กๆ หัวเราะซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ หลังพุ่มกุหลาบ และขว้างดอกไม้อย่างสนุกสนาน ชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก เต็มไปด้วยความสุข และความเยาว์วัยชั่วนิรันดร์ ดังก่อนการล่มสลาย ไม่มีความทุกข์ไม่มีความโศกเศร้าเพียงความปรารถนาอันอ่อนหวานต่อรูปอันเป็นที่รักซึ่งล่องลอยไปในระยะไกลในแสงสีชมพูในยามเย็นไม่ใกล้เข้ามาหรือหายไปและในขณะที่อยู่ที่นั่นกลางคืนก็ไม่มาเพราะตัวเขาเอง รุ่งอรุณยามเย็นที่ส่องสว่างเหนือภูเขาและป่าไม้"

แม้จะมีตำแหน่งที่ต้องพึ่งพา แต่ Haydn ก็ไม่สามารถออกจากราชการได้ ในเวลานั้นนักดนตรีมีโอกาสทำงานเฉพาะในโบสถ์ของศาลหรือเป็นผู้นำคณะนักร้องประสานเสียงในโบสถ์เท่านั้น ก่อนหน้า Haydn ไม่มีนักประพันธ์เพลงสักคนเดียวที่เคยเสี่ยงชีวิตเป็นอิสระ ไฮเดินไม่กล้าลาออกจากงานประจำของเขาด้วย

ในปี พ.ศ. 2334 เมื่อไฮเดินอายุได้ประมาณ 60 ปี เจ้าชายเอสเตอร์ฮาซีผู้เฒ่าก็สิ้นพระชนม์ ทายาทของเขาซึ่งไม่ค่อยรักดนตรีก็ยุบโบสถ์ แต่เขาก็รู้สึกยินดีเช่นกันที่นักแต่งเพลงซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าวงดนตรีของเขา สิ่งนี้บังคับให้ Esterhazy ในวัยหนุ่มต้องมอบเงินบำนาญให้ Haydn เพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้ "คนรับใช้ของเขา" เข้าสู่บริการใหม่

London Symphonies และ oratorios คือจุดสุดยอดของผลงานของ Haydn หลังจาก oratorios เขาแทบไม่ได้เขียนอะไรเลย ชีวิตเครียดเกินไป ความแข็งแกร่งของเขาหมดลง นักแต่งเพลงใช้เวลาหลายปีสุดท้ายที่ชานเมืองเวียนนาในบ้านหลังเล็ก ผู้ชื่นชมพรสวรรค์ของนักแต่งเพลงมาเยี่ยมบ้านอันเงียบสงบและเงียบสงบ การสนทนาเกี่ยวข้องกับอดีต Haydn ชอบที่จะจดจำวัยเยาว์ของเขาเป็นพิเศษ - ทำงานหนัก ลำบาก แต่เต็มไปด้วยการค้นหาที่กล้าหาญและไม่หยุดยั้ง

เป็นที่นิยมในหมวดหมู่: