ประเทศเกิดของโมสาร์ท โมสาร์ท - ชีวิตและผลงาน
Leopold พ่อของ Mozart เป็นนักแต่งเพลง นักไวโอลินในราชสำนัก ซึ่งค่อนข้างมีชื่อเสียงในเวลานั้น พ่อมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Mozart ในฐานะนักแต่งเพลง
แม่ของ Mozart คือ Maria Anna, nee Pertl เธอให้กำเนิดลูกเจ็ดคนซึ่งมีเพียงลูกสาวของ Maria Anna และลูกชาย Wolfgang เท่านั้นที่รอดชีวิต ทั้งคู่มีความสามารถพิเศษทางดนตรี
ในฐานะเด็กอายุสามขวบ โวล์ฟกังเริ่มเล่นฮาร์ปซิคอร์ดแล้ว หลังจากนั้นไม่นานเมื่ออายุประมาณห้าขวบนักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคตก็เริ่มแต่งเพลงสั้น ๆ
1762 - Leopold Mozart พาลูก ๆ ไป "ทัวร์" ครั้งแรก พวกเขาเล่นในมิวนิก ลินซ์ พัสเซา และในเวียนนาด้วย ซึ่งครอบครัวนี้ได้รับการต้อนรับจากจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซ่าถึงสองครั้ง ทัวร์คอนเสิร์ตของ Mozarts ดำเนินมาประมาณสิบปีแล้ว
พ.ศ. 2306 - 2309 - การเดินทางคอนเสิร์ตครั้งที่สองและยาวนานที่สุด ครอบครัวเยี่ยมชมมิวนิค, ลุดวิกส์บูร์ก, เอาก์สบวร์ก, ชเวตซิงเงน, แฟรงก์เฟิร์ต, บรัสเซลส์, ปารีส... โมสาร์ทตัวน้อยเล่นอย่างเชี่ยวชาญแล้วไม่เพียง แต่เครื่องดนตรีคีย์บอร์ดเท่านั้น แต่ยังเล่นไวโอลินด้วย ในแฟรงก์เฟิร์ต เขาเล่นไวโอลินคอนแชร์โตเป็นครั้งแรก
ฤดูหนาว พ.ศ. 2306 - 2307 - ผลงานชิ้นแรกของ Wolfgang Amadeus Mozart ได้รับการตีพิมพ์ในปารีสซึ่งเป็นไวโอลินโซนาตาสี่ตัว
พ.ศ. 2307 - พ.ศ. 2308 - ลอนดอน ทันทีที่พวกเขามาถึง พระเจ้าจอร์จที่ 3 ทรงรับโมสาร์ท ในคอนเสิร์ตครั้งหนึ่ง Wolfgang สังเกตเห็นโดยนักแต่งเพลง Johann Christian Bach (ลูกชายของ Johann Sebastian Bach ผู้ยิ่งใหญ่) ซึ่ง Mozart ถือว่าเป็นครูของเขาในอีกหลายปีต่อมา ในลอนดอน โวล์ฟกังแต่งเพลงซิมโฟนีชุดแรกของเขา
2309 - กลับไปที่ซาลซ์บูร์ก
พ.ศ. 2310 - พ.ศ. 2311 - การเดินทางไปเวียนนาซึ่งโมสาร์ทเขียนโอเปร่าเรื่องแรกของเขา "The Imaginary Simple Girl" ซึ่งเป็นกลุ่มนักร้องประสานเสียงและวงออเคสตรา, คอนแชร์โต้ทรัมเป็ต, ซิมโฟนี K. 45a
พ.ศ. 2312 - พ.ศ. 2314 - อิตาลี สมเด็จพระสันตะปาปาทรงรับโมสาร์ท, กษัตริย์เฟอร์ดินานด์ที่ 4 แห่งเนเปิลส์, พระคาร์ดินัล
ฤดูร้อน 1770 - Wolfgang Amadeus Mozart ได้รับ Order of the Golden Spur จากพระหัตถ์ของ Pope Clement XIV ในเวลานี้ Mozart กำลังศึกษาอยู่กับ Padre Martini และกำลังแสดงโอเปร่าเรื่อง Mithridates, King of Pontus ตามการยืนกรานของครู Martini เข้าสอบที่ Bologna Philharmonic Academy และเป็นสมาชิก โอเปร่าเรื่อง "Mithridates, King of Pontus" เสร็จสิ้นภายในวันคริสต์มาสและแสดงในมิลานได้สำเร็จ
พ.ศ. 2314 - โอเปร่า "Ascanius in Alba" เขียนและแสดงในมิลาน
ในช่วงเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุผลบางอย่างจักรพรรดินีมาเรียเทเรซ่าไม่พอใจกับครอบครัวโมสาร์ท ด้วยเหตุนี้ ความหวังของลีโอโปลด์ในการรับลูกชายไปรับใช้ในมิลานจึงไม่เป็นจริง
พ.ศ. 2315 (ค.ศ. 1772) - ในเมืองซาลซ์บูร์ก โมสาร์ทเขียนเพลงประกอบละคร "ความฝันแห่งเครื่องเทศ" เพื่อเฉลิมฉลองการสถาปนาอาร์คบิชอปคนใหม่ เคานต์เฮียโรนิมัส คอลโลเรโด การนับใช้นักแต่งเพลงที่มีความสามารถเพื่อให้บริการของเขา
พ.ศ. 2316 (ค.ศ. 1773) - กลับมาจากการเดินทางไปอิตาลีครั้งสุดท้ายครั้งที่สามซึ่งโมสาร์ทเขียนโอเปร่าเรื่อง "Lucius Sulla" อีกเรื่อง ครอบครัวนี้ไม่สามารถตั้งถิ่นฐานในเวียนนาได้ พวกเขาอาศัยอยู่ที่ซาลซ์บูร์ก
ช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 1770 - ในเมืองซาลซ์บูร์ก โมสาร์ทได้เขียนซิมโฟนี ความหลากหลาย วงเครื่องสายวงแรก โอเปร่า The Imaginary Gardener
พ.ศ. 2320 (ค.ศ. 1777) - โมสาร์ทออกจากการรับใช้ของอาร์คบิชอปและไปกับแม่ของเขาที่ปารีส ระหว่างทางใน Mannheim นักแต่งเพลงตกหลุมรักนักร้อง Aloysia Weber
พ.ศ. 2321 (ค.ศ. 1778) - หลังจากส่งแม่ของเขากลับไปที่ซาลบูร์กแล้ว โวล์ฟกังจากพ่อของเขาอย่างลับๆ ได้เดินทางเล็กๆ กับที่รักไปที่ราชสำนักของเจ้าหญิงแห่งนัสเซา-ไวล์บวร์ก
ในปีเดียวกัน - การเดินทางไปปารีสที่วางแผนไว้ก็เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีความสุขอย่างยิ่ง แม่ของ Mozart เสียชีวิตในปารีส ราชสำนักไม่สนใจนักแต่งเพลงคนนี้ โวล์ฟกังออกจากฝรั่งเศส และที่เมืองมันไฮม์ เขาได้เรียนรู้ว่าอโลเซียไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
พ.ศ. 2322 (ค.ศ. 1779) - โมสาร์ทกลับไปยังที่ทำงานเดิมของเขา แต่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นนักออร์แกน โดยแต่งเพลงในโบสถ์เป็นส่วนใหญ่
พ.ศ. 2324 (ค.ศ. 1781) - โอเปร่าอีกเรื่องที่เขียนโดยโมสาร์ทจัดแสดงในมิวนิก มันคืออิโดเมเนโอ ราชาแห่งเกาะครีต ในปีเดียวกันหลังจากทะเลาะกับอาร์คบิชอป Mozart ก็ออกจากราชการ
1782 - Wolfgang Amadeus Mozart แต่งงานกับ Constance Weber น้องสาวของคนรักคนแรกของเขาและเป็นนักร้องด้วย คอนสแตนซ์ให้กำเนิดลูกหกคนของโมสาร์ท ซึ่งสองคนในจำนวนนี้รอดชีวิต: ลูกชายของคาร์ล โธมัสและฟรานซ์ ซาเวียร์
ครึ่งแรกของทศวรรษที่ 1780 - โมสาร์ทเขียนโอเปร่าเรื่อง The Abduction from the Seraglio, Mass in C minor (ยังไม่จบ; หนึ่งในท่อนโซปราโนแสดงโดยภรรยาของนักแต่งเพลง), Linz Symphony ช่วงเวลาเดียวกันนี้ถูกทำเครื่องหมายในชีวิตของ Mozart ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพกับ J. Haydn
1784 - Mozart เข้าร่วม Masonic Lodge
เวลานี้ถือเป็นยุครุ่งเรืองของอาชีพนักแต่งเพลงชื่อดัง ในขณะเดียวกันเขามีคู่แข่ง เป็นผลให้นักแต่งเพลงสองกลุ่มกำลังต่อสู้เพื่อชื่อเสียง นำโดย Mozart (เขาทำงานร่วมกับนักแต่งเพลงในราชสำนัก L. da Ponte) และนักแต่งเพลงในราชสำนัก A. Salieri ซึ่งทำงานร่วมกับนักแต่งเพลง Abbe Casti ซึ่งเป็นคู่แข่งของ da Ponte
ตุลาคม พ.ศ. 2330 - รอบปฐมทัศน์ของโอเปร่า Don Giovanni จัดขึ้นที่ปราก การผลิตครั้งนี้ถูกกำหนดให้เป็นชัยชนะครั้งสุดท้ายของโมสาร์ท
หลังจากกลับมาที่เวียนนา นักแต่งเพลงถูกหลอกหลอนด้วยความล้มเหลว เขาจบชีวิตด้วยการเป็นขอทาน ดอนฮวนล้มเหลวในเวียนนา โมสาร์ทดำรงตำแหน่งนักแต่งเพลงและหัวหน้าวงดนตรีในราชสำนักของจักรพรรดิโจเซฟที่ 2 ซึ่งเข้าใจดนตรีมากจนสามารถพูดต่อสาธารณชนได้ว่าการแต่งเพลงของโมสาร์ท "ไม่ถูกใจชาวเวียนนา"
1789 - Mozart เดินทางไปเบอร์ลิน เป็นทริปคอนเสิร์ตโดยมีจุดประสงค์ ประการแรก เพื่อหาเงิน (นักแต่งเพลงมีหนี้ก้อนโตอยู่แล้ว) และประการที่สอง เพื่อลองเสี่ยงโชคที่ราชสำนักของกษัตริย์เฟรดเดอริก วิลเลียมที่ 2 ไม่บรรลุเป้าหมายใด ๆ ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวของการเดินทางครั้งนี้คือคำสั่งซื้อเครื่องสายสตริงควอร์เตตและคลาเวียร์โซนาตาหลายรายการ
1791 Mozart เขียนโอเปร่าเป็นภาษาเยอรมัน ขลุ่ยวิเศษ", โอเปร่าพิธีราชาภิเษก "The Mercy of Titus" รอบปฐมทัศน์ของช่วงหลังผ่านไปโดยไม่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับรอบปฐมทัศน์ของ The Magic Flute ในปีเดียวกัน มีการเขียนคอนแชร์โตสำหรับคลาริเน็ตและวงออเคสตราใน A major
ปี พ.ศ. 2334 เป็นความเจ็บป่วยของคอนสแตนซ์ จากนั้นโมสาร์ทเองซึ่งถูกทำให้ล้มลงโดยการแสดงรอบปฐมทัศน์ของ The Magic Flute ที่ไม่ประสบความสำเร็จ
ในปีเดียวกัน เคานต์วอลเซกก์-สตูปพัคได้สั่งให้โมสาร์ททำพิธีเพื่อระลึกถึงภรรยาที่เสียชีวิตของเขา โดยทั่วไปแล้วการนับนี้แตกต่างจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาสั่งงานจากนักแต่งเพลงที่มีความสามารถซึ่งต่อมาเขาได้แสดงภายใต้ชื่อของเขาเอง สมควรแก่บังสุกุลแล้ว. โมสาร์ททำงานจนสิ้นเรี่ยวแรง แต่บังสุกุลยังไม่เสร็จ ในตอนท้ายของเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2334 ในที่สุดนักแต่งเพลงก็ล้มป่วย แต่ถึงแม้จะอยู่ในสภาพกึ่งเพ้อเขาก็ยังคงเล่น Requiem ทางจิตใจและบังคับให้เพื่อน ๆ ที่มาเยี่ยมเขาแสดงชิ้นส่วนสำเร็จรูป ... งานคือ เสร็จสิ้นโดยSüssmeierลูกศิษย์ของ Mozart
5 ธันวาคม พ.ศ. 2334 - Wolfgang Amadeus Mozart ถึงแก่กรรมในเวียนนา คอนสแตนซ์ไม่มีกำลังหรือเงินที่จะจัดการกับงานศพ ด้วยเหตุนี้ นักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่จึงถูกฝังในหลุมฝังศพสำหรับคนจนในสุสานเซนต์มาร์กแห่งเวียนนา หลายปีต่อมา พวกเขาพยายามค้นหาหลุมฝังศพ แต่ก็ไม่เป็นผล
มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ Mozart ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า และ Salieri นักแต่งเพลงคู่แข่งหลักของ Mozart ถูกสงสัยว่าวางยาพิษ อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงของอาชญากรรมไม่ได้รับการพิสูจน์
ชีวประวัติและตอนของชีวิต โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ทเมื่อไร เกิดและตายโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ท, สถานที่ที่น่าจดจำและวันเหตุการณ์สำคัญในชีวิต คำพูดของนักแต่งเพลง, รูปภาพและวิดีโอ
ชีวิตของโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ท:
เกิด 27 มกราคม 2399 เสียชีวิต 5 ธันวาคม 2334
คำจารึก
"โมสาร์ทอาศัยอยู่ที่นี่
เขาเชื่อในบางสิ่ง
อะไรไม่มีชื่อ
และไม่มีคำอธิบายใด ๆ
เขาสามารถแสดงสิ่งนี้ผ่านดนตรี
เมื่อเขาเสียชีวิต,
มีเพียงร่างของเขาเท่านั้นที่ถูกพรากไป
พวกเขาบอกว่าไม่รู้จักเขา
และศพถูกฝังในหลุมฝังศพทั่วไป
แต่เราเลือกที่จะเชื่อ
ว่าเขาไม่เคยถูกฝัง
เพราะเขาไม่เคยตาย
จงระวัง."
Stymin Karpen จารึกถึง Mozart แปลโดย D. Samoilov
ชีวประวัติ
วันหนึ่งพ่อของ Mozart กลับมาบ้านพร้อมกับเพื่อนของเขา AI Shakhtner นักเป่าแตรในศาล เมื่อเข้าไปในบ้าน พวกผู้ชายก็เห็นว่าโวล์ฟกังตัวน้อยนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังแสดงจารึกบนแผ่นเพลงอย่างขะมักเขม้น เมื่อพ่อถามถึงสิ่งที่เขาทำ โมสาร์ทในวัยเยาว์ตอบว่าเขากำลังแต่งเพลงประกอบสำหรับฮาร์ปซิคอร์ด คำตอบที่จริงจังเช่นนี้ทำให้ทั้งพ่อและมิสเตอร์แชชท์เนอร์ขบขัน แต่เสียงหัวเราะของพวกเขายังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งตอนที่พวกเขามองดูแผ่นเพลงที่เขียนด้วยลายมือของเด็กที่ไม่สม่ำเสมอ พ่ออ่านบันทึกและน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเขา: "ทุกอย่างถูกต้องและมีความหมาย!" เขาอุทาน แต่อัจฉริยะในเวลานั้นอายุเพียงสี่ขวบ
ปีแรกของชีวิตของ Wolfgang Amadeus Mozart ใช้เวลาอยู่ใน Salzburg ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาเขตเล็กๆ ของออสเตรียในขณะนั้น พรสวรรค์ทางดนตรีของ Mozart แสดงออกตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่ออายุได้สามขวบ เขาสามารถสร้างคอร์ด ด้นสด และเล่นท่วงทำนองด้วยหูได้ ภายใต้การดูแลของคุณพ่อ Leopold Mozart - นักดนตรีที่โดดเด่นในช่วงเวลานั้น - Wolfgang Amadeus เรียนรู้การเล่นฮาร์ปซิคอร์ด ไวโอลิน และออร์แกน อย่างไรก็ตาม Maria Anna พี่สาวของเขาก็มีพรสวรรค์ไม่น้อย
กิจกรรมคอนเสิร์ตในชีวประวัติของ Wolfgang Amadeus Mozart เริ่มขึ้นเมื่ออายุหกขวบ จริงอยู่ ในเวลานั้น นายน้อยไปเที่ยวกับพ่อและน้องสาวของเขา อย่างไรก็ตาม ทิ้งเขาไว้ข้างหลังเพื่อให้กำลังใจผู้ชมจำนวนมากและเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ดังนั้นในขณะที่ยังเป็นเด็ก Mozart ได้ไปเยี่ยมศูนย์วัฒนธรรมเกือบทั้งหมดของยุโรปซึ่งอันที่จริงแล้วได้ให้พื้นฐานสำหรับอาชีพเดี่ยวต่อไป ในช่วงชีวิตของเขา Wolfgang Amadeus เขียนเพลงมากกว่า 600 ชิ้น
ชีวิตส่วนตัวของ Mozart ไม่เพียง แต่มีพายุเท่านั้น แต่ยังไม่มีเรื่องอื้อฉาวอีกด้วย นักแต่งเพลงมีเพียงคนเดียวที่ได้รับเลือก - Constance Weber - หญิงสาวจากครอบครัวมิวนิคที่มีชื่อเสียงซึ่งเขาเช่าห้องอยู่ในบ้าน ความรักของคนหนุ่มสาวนั้นแน่นแฟ้นและมีกันและกัน แต่พ่อของ Mozart ขัดขวางการแต่งงานเป็นเวลานานโดยใส่ใจในอาชีพการงานและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกชายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม งานแต่งงานยังคงเกิดขึ้น และคอนสแตนซ์ก็กลายเป็นสหายที่ซื่อสัตย์ของโมสาร์ท เหลือไว้ซึ่งท่วงทำนองและผู้มีพระคุณของเขาจนถึงวันสุดท้าย
โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ท เสียชีวิตด้วยวัย 36 ปี ดูเหมือนว่าผู้แต่งจะรู้สึกถึงความตายของตัวเอง ใน วันสุดท้ายในชีวิตของเขา เขาทำงาน "บังสุกุล" อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและยอมรับกับภรรยาทั้งน้ำตาว่าเขากำลังเขียนงานรำลึกถึงตัวเอง คอนสแตนซ์พยายามสร้างความบันเทิงให้คนรักของเธอด้วยหัวข้อที่ร่าเริงมากขึ้น แต่อนิจจา คุณไม่สามารถหลีกหนีจากโชคชะตาได้ ในที่สุด อัจฉริยะก็ล้มป่วยด้วยโรคร้ายแรง เป็นเวลาสองสัปดาห์ที่เขาไม่ได้ลุกจากเตียง แต่เขายังมีสติอยู่ และในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2334 นักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่เสียชีวิต นักวิจัยสมัยใหม่อ้างว่าสาเหตุของการเสียชีวิตของ Mozart คือการติดเชื้อ Staphylococcal
ข่าวการเสียชีวิตของ Mozart แพร่กระจายไปทั่วโลกทันที ทำให้ประชาชนตกตะลึง อย่างไรก็ตามงานศพของ Wolfgang Amadeus Mozart นั้นยิ่งใหญ่ที่สุด อัจฉริยะทางดนตรีมนุษยชาติ - ผ่านประเภทที่สามที่เรียกว่า: ในโลงศพที่เรียบง่ายไปยังหลุมฝังศพทั่วไป และในเรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดปกติเพราะมีเพียงคนที่ร่ำรวยที่สุดในยุคนั้นเท่านั้นที่สามารถซื้ออนุสาวรีย์และหลุมฝังศพส่วนตัวได้ซึ่งโมสาร์ทไม่ได้เป็นของใคร แต่เวลาเปรียบเทียบคะแนน: ปัจจุบันหลุมฝังศพของ Mozart เป็นสถานที่ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในสุสานของ St. Mark ในกรุงเวียนนา
เส้นชีวิต
27 มกราคม 2299วันเกิดของโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ท
1761การปรากฏตัวของการประพันธ์เพลงครั้งแรกของอัจฉริยะรุ่นเยาว์: Andante ใน C major และ Allegro ใน C major
1762จุดเริ่มต้นของกิจกรรมคอนเสิร์ตของ Wolfgang และน้องสาวของเขา
1770โมสาร์ทในวัยเยาว์ย้ายไปอิตาลี ที่ซึ่งเขาได้พบกับปรมาจารย์ที่โดดเด่นซึ่งทำงานในแวดวงดนตรี
1779 Wolfgang Amadeus กลับมาที่ Salzburg และได้รับตำแหน่งเป็นผู้ดำเนินการศาล
พ.ศ. 2324นักแต่งเพลงย้ายไปเวียนนาซึ่งเขามาถึงจุดสูงสุดของชื่อเสียง
4 สิงหาคม 2325วันแต่งงานของ Wolfgang Amadeus Mozart และ Constance Weber
พ.ศ. 2330โมสาร์ทได้รับตำแหน่งนักดนตรีของราชวงศ์และราชวงศ์
20 พฤศจิกายน 2334จุดเริ่มต้นของความเจ็บป่วยของ Mozart
5 ธันวาคม 2334วันที่โมสาร์ทเสียชีวิต
6 ธันวาคม พ.ศ. 2334งานศพของ Mozart ที่สุสาน St. Mark ในเวียนนา
สถานที่ที่น่าจดจำ
1. บ้านของโมสาร์ทในซาลซ์บูร์ก (ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑ์บ้านโมสาร์ท) ที่ Getreidegasse 9, 5020 Salzburg
2. วิหารเซนต์รูเพิร์ตในซาลซ์บูร์ก สถานที่ซึ่งโมสาร์ทรับบัพติสมา
3. เมืองมิวนิกซึ่งเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตครั้งแรกของนักแต่งเพลงรุ่นเยาว์
4. วิหารเซนต์สตีเฟน สถานที่หมั้นหมายของโวล์ฟกัง อมาเดอุส และคอนสแตนซ์
5. Prater Park ในกรุงเวียนนาเป็นสถานที่โปรดของนักแต่งเพลงในการเดินเล่น
6. สุสานเซนต์มาร์ก ที่ฝังศพโมสาร์ท หลุมฝังศพของ Mozart มีอนุสรณ์สถาน
ตอนของชีวิต
ในกระบวนการเรียนรู้การเล่นไวโอลิน โมสาร์ทในวัยเยาว์ใช้เครื่องดนตรีของมิสเตอร์ชาคท์เนอร์ เพื่อนในครอบครัว ต่อมาเมื่อเล่นไวโอลินของตัวเอง เด็กชายสังเกตเห็นว่าไวโอลินตัวก่อนปรับโทนเสียงให้สูงกว่าตัวก่อนหน้าถึงหนึ่งในแปด Schachtner ไม่ได้ใช้คำพูดนี้อย่างจริงจัง แต่ Leopold Mozart เมื่อรู้ว่าลูกชายของเขามีความสามารถในการได้ยินที่ยอดเยี่ยม จึงขอให้เพื่อนของเขานำไวโอลินของเขามาเปรียบเทียบ ปรากฎว่าไวโอลินของ Shachtner ได้รับการปรับแต่งโดยมีข้อผิดพลาดถึงหนึ่งในแปดของโทนเสียง
เมื่อความสัมพันธ์ของโมสาร์ทกับว่าที่เจ้าสาวในอนาคตกำลังเติบโต โยฮันน์ โธโรวาร์ต ผู้พิทักษ์ของคอนสแตนซ์ เวเบอร์ เข้าแทรกแซงอย่างหยาบคาย เขาบังคับให้ชายหนุ่มเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าหากโมสาร์ทไม่แต่งงานกับคอนสแตนซ์ภายในสามปี เขาจะถูกบังคับให้จ่ายเงินชดเชยให้เธอตลอดชีวิต เพื่อพิสูจน์ความตั้งใจจริงของเขา Wolfgang เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา คอนสแตนซ์ได้ยกเลิกข้อผูกมัดนี้ โดยอ้างว่าเธอเชื่อคำพูดของโมสาร์ทอย่างสมบูรณ์และไม่ต้องการคำยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ ด้วยเหตุการณ์นี้ ความรักของ Mozart ที่มีต่อ Constance ก็แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า
สารคดีเกี่ยวกับโมสาร์ท
พันธสัญญา
“ดนตรี แม้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด จะต้องดึงดูดหูอยู่เสมอ ยังคงเป็นดนตรีอยู่เสมอ”
ขอแสดงความเสียใจ
“ฉันเชื่อมั่นอย่างสุดซึ้งว่าโมสาร์ทคือจุดสูงสุด จุดสูงสุด ซึ่งความงดงามได้มาถึงแล้วในวงการดนตรี”
Pyotr Ilyich Tchaikovsky ผู้แต่งเพลง
“โมสาร์ทเป็นเยาวชนแห่งดนตรี เป็นฤดูใบไม้ผลิที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ นำความสุขมาสู่มนุษย์ด้วยการฟื้นฟูฤดูใบไม้ผลิและความกลมกลืนทางจิตวิญญาณ”
Dmitri Dmitrievich Shostakovich นักแต่งเพลง
เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2299 ในเมืองซาลซ์บูร์ก (ออสเตรีย) และรับบัพติสมาชื่อ Johann Chrysostom Wolfgang Theophilus แม่ - Maria Anna, nee Pertl; พ่อ - Leopold Mozart (1719-1787) นักแต่งเพลงและนักทฤษฎีตั้งแต่ปี 1743 - นักไวโอลินในวงออเคสตราของ Salzburg Archbishop ในบรรดาลูกทั้งเจ็ดของโมสาร์ท สองคนรอดชีวิต: โวล์ฟกังและมาเรีย แอนนาพี่สาวของเขา ทั้งพี่ชายและน้องสาวมีความสามารถทางดนตรีที่ยอดเยี่ยม ลีโอโปลด์เริ่มสอนฮาร์ปซิคอร์ดให้ลูกสาวเมื่อเขาอายุได้แปดขวบ และสมุดบันทึกที่มีชิ้นส่วนเล็กๆ ตอนอายุสามขวบ โมสาร์ทหยิบฮาร์ปซิคอร์ดได้สามและหก เมื่ออายุได้ห้าขวบเขาก็เริ่มแต่งเพลงมินิทง่ายๆ ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2305 เลียวโปลด์พาลูก ๆ มหัศจรรย์ของเขาไปที่มิวนิกซึ่งพวกเขาเล่นต่อหน้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวบาวาเรียและในเดือนกันยายน - ไปยังลินซ์และพัสเซาจากที่นั่นไปตามแม่น้ำดานูบ - ไปยังเวียนนาซึ่งพวกเขาได้รับที่ศาล (ใน พระราชวังเชินบรุนน์) และได้รับรางวัลการต้อนรับสองครั้งที่จักรพรรดินีมาเรียเทเรซา การเดินทางครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของชุดทัวร์คอนเสิร์ตที่ดำเนินต่อไปเป็นเวลาสิบปี
จากเวียนนา เลโอโปลด์และลูก ๆ ของเขาย้ายไปตามแม่น้ำดานูบเพื่อไปยังเพรสบูร์ก (ปัจจุบันคือบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย) ซึ่งพวกเขาพักอยู่ตั้งแต่วันที่ 11 ถึง 24 ธันวาคม แล้วกลับมาที่เวียนนาภายในวันคริสต์มาสอีฟ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2306 ลีโอโปลด์ นันเนอร์ล และโวล์ฟกังเริ่มการเดินทางชมคอนเสิร์ตที่ยาวนานที่สุด พวกเขากลับบ้านที่ซาลซ์บูร์กภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2309 ลีโอโปลด์เก็บบันทึกการเดินทาง: มิวนิก ลุดวิกส์บวร์ก เอาก์สบวร์ก และชเวตซิงเกน ของพาลาทิเนต) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม โวล์ฟกังได้แสดงคอนเสิร์ตในแฟรงก์เฟิร์ต ถึงเวลานี้เขาเชี่ยวชาญไวโอลินและเล่นได้อย่างอิสระ แม้ว่าจะไม่ได้มีความแวววาวเหมือนเล่นคีย์บอร์ดก็ตาม ในแฟรงก์เฟิร์ต เขาแสดงไวโอลินคอนแชร์โต ตามมาด้วยบรัสเซลส์และปารีส ซึ่งครอบครัวใช้เวลาตลอดฤดูหนาวปี 1763/1764
โมสาร์ทได้รับการต้อนรับที่ราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ในช่วงวันหยุดคริสต์มาสในแวร์ซายส์ และตลอดฤดูหนาวก็ได้รับความสนใจอย่างมากในแวดวงชนชั้นสูง ในเวลาเดียวกัน ไวโอลินโซนาตาสี่ตัวของโวล์ฟกังได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปารีส
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2307 ครอบครัวไปลอนดอนและอาศัยอยู่ที่นั่นนานกว่าหนึ่งปี ไม่กี่วันหลังจากการมาถึง กษัตริย์จอร์จที่ 3 ทรงต้อนรับโมสาร์ทอย่างเคร่งขรึม เช่นเดียวกับในปารีส เด็ก ๆ ได้แสดงคอนเสิร์ตสาธารณะในระหว่างที่โวล์ฟกังได้แสดงความสามารถอันน่าทึ่งของเขา นักแต่งเพลง Johann Christian Bach ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของสังคมลอนดอนชื่นชมความสามารถอันมหาศาลของเด็กทันที บ่อยครั้งที่วางโวล์ฟกังคุกเข่าเล่นโซนาตากับเขาบนฮาร์ปซิคอร์ด: พวกเขาเล่นสลับกันไปทีละหลายบาร์และทำสิ่งนี้ด้วยความแม่นยำจนดูเหมือนว่ามีนักดนตรีคนหนึ่งกำลังเล่นอยู่
ในลอนดอน โมสาร์ทได้แต่งเพลงซิมโฟนีชุดแรกของเขา พวกเขาทำตามแบบแผนของดนตรีที่กล้าหาญ มีชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยพลังของ Johann Christian ซึ่งกลายมาเป็นครูของเด็กชาย และแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่มีมาแต่กำเนิดของรูปแบบและสีสันของเครื่องดนตรี
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2308 ครอบครัวออกจากลอนดอนไปฮอลแลนด์ ในเดือนกันยายนที่กรุงเฮก Wolfgang และ Nannerl ป่วยเป็นโรคปอดบวมขั้นรุนแรง ซึ่งเด็กชายจะหายดีภายในเดือนกุมภาพันธ์เท่านั้น
จากนั้นพวกเขาเดินทางต่อ: จากเบลเยียมไปปารีส จากนั้นไปลียง เจนีวา เบิร์น ซูริก โดเนาเอชินเกน เอาก์สบวร์ก และสุดท้ายไปมิวนิก ที่ซึ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ฟังละครเด็กมหัศจรรย์อีกครั้งและทึ่งในความสำเร็จที่เขาทำได้ ทันทีที่พวกเขากลับไปที่ซาลซ์บูร์ก (30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2309) เลียวโปลด์ก็เริ่มวางแผนสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป เริ่มขึ้นในเดือนกันยายน พ.ศ. 2310 ทั้งครอบครัวมาถึงเวียนนาซึ่งในเวลานั้นไข้ทรพิษกำลังระบาด โรคระบาดมาถึงเด็กทั้งสองใน Olmutz (ปัจจุบันคือ Olomouc สาธารณรัฐเช็ก) ซึ่งพวกเขาต้องอยู่จนถึงเดือนธันวาคม ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2311 พวกเขาไปถึงเวียนนาและถูกขึ้นศาลอีกครั้ง โวล์ฟกังในเวลานั้นเขียนโอเปร่าเรื่องแรกของเขา - The Imaginary Simple Woman (La finta semplice) แต่การผลิตของเธอไม่ได้เกิดขึ้นเนื่องจากความสนใจของนักดนตรีชาวเวียนนาบางคน ในเวลาเดียวกัน การร้องเพลงประสานเสียงและวงออเคสตราครั้งใหญ่ครั้งแรกของเขาก็ปรากฏขึ้น ซึ่งแสดงที่การเปิดโบสถ์ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อหน้าผู้ชมจำนวนมากและเป็นมิตร ตามคำสั่ง ทรัมเป็ตคอนแชร์โตถูกเขียนขึ้น แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้รับการเก็บรักษาไว้ ระหว่างทางกลับบ้านที่ซาลซ์บูร์ก โวล์ฟกังแสดงซิมโฟนีชุดใหม่ของเขา (เค 45ก) ที่วัดเบเนดิกตินในลัมบาค
(หมายเหตุเกี่ยวกับลำดับการประพันธ์ของโมสาร์ท: ในปี พ.ศ. 2405 ลุดวิก ฟอน เคอเชลได้ตีพิมพ์รายการผลงานของโมสาร์ทตามลำดับเวลา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อผลงานของนักแต่งเพลงมักจะมีหมายเลขโคเชล เช่นเดียวกับการประพันธ์ของนักประพันธ์ท่านอื่นที่มักประกอบด้วย การกำหนดบทประพันธ์ ตัวอย่างเช่น ชื่อเต็มของเปียโนคอนแชร์โต้หมายเลข 20 จะเป็น: คอนแชร์โต้หมายเลข 20 ใน D Minor สำหรับเปียโนและออร์เคสตรา (พ. 466 ดัชนี Koechel ได้รับการแก้ไข 6 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2507 สำนักพิมพ์ Breitkopf & Hertel (วีสบาเดิน เยอรมนี) ได้ตีพิมพ์ Koechel Index ที่ปรับปรุงและเสริมอย่างลึกซึ้ง ซึ่งรวมถึง มีองค์ประกอบมากมายที่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นผู้ประพันธ์ของ Mozart และไม่ได้กล่าวถึงในฉบับพิมพ์ครั้งก่อนๆ แก้ไขให้สอดคล้องกับข้อมูลของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ลำดับเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปเช่นกันในฉบับปี 1964 ดังนั้นหมายเลขใหม่จึงปรากฏในแค็ตตาล็อก แต่การประพันธ์เพลงของ Mozart ยังคงอยู่ภายใต้หมายเลขเก่าของแคตตาล็อก Koechel)
จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งต่อไปที่วางแผนโดย Leopold คืออิตาลี - ประเทศแห่งโอเปร่าและแน่นอนว่าเป็นประเทศแห่งดนตรีโดยทั่วไป หลังจากศึกษาและเตรียมตัวสำหรับการเดินทางในซาลซ์บูร์กเป็นเวลา 11 เดือน ลีโอโปลด์และโวล์ฟกังได้เริ่มการเดินทางข้ามเทือกเขาแอลป์เป็นครั้งแรกจากทั้งหมดสามครั้ง พวกเขาไม่อยู่นานกว่าหนึ่งปี (ตั้งแต่ธันวาคม พ.ศ. 2312 ถึงมีนาคม พ.ศ. 2314) การเดินทางครั้งแรกของอิตาลีกลายเป็นห่วงโซ่แห่งชัยชนะอย่างต่อเนื่อง - สำหรับพระสันตปาปาและดยุค สำหรับกษัตริย์ (พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 4 แห่งเนเปิลส์) และสำหรับพระคาร์ดินัล และที่สำคัญที่สุดคือสำหรับนักดนตรี โมซาร์ทพบกับ N.Picchini และ G.B.Sammartini ในมิลาน โดยมี N.Iommelli, J.F. และ Mayo และ G. Paisiello ในเนเปิลส์ ในมิลาน โวล์ฟกังได้รับค่าคอมมิชชั่นสำหรับการแสดงโอเปร่าชุดใหม่ที่จะแสดงในช่วงงานคาร์นิวัล ในกรุงโรม เขาได้ยินผู้มีชื่อเสียง Miserere G. Allegri ซึ่งเขาจดบันทึกจากความทรงจำ Pope Clement XIV ได้รับ Mozart เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2313 และมอบรางวัล Order of the Golden Spur
ขณะศึกษาความแตกต่างในโบโลญญากับอาจารย์ปาเดร มาร์ตินีผู้มีชื่อเสียง โมสาร์ทเริ่มสร้างโอเปร่าเรื่องใหม่ Mithridates ราชาแห่งปอนตุส (Mitridate, re di Ponto) ตามคำแนะนำของ Martini เขาเข้ารับการทดสอบที่ Bologna Philharmonic Academy ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกของ Academy โอเปร่าประสบความสำเร็จในการแสดงคริสต์มาสในมิลาน
โวล์ฟกังใช้เวลาช่วงฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อนปี 1771 ในเมืองซาลซ์บูร์ก แต่ในเดือนสิงหาคม พ่อและลูกชายเดินทางไปมิลานเพื่อเตรียมการแสดงรอบปฐมทัศน์ของโอเปร่าเรื่องใหม่ Ascanio ใน Alba ซึ่งประสบความสำเร็จในวันที่ 17 ตุลาคม เลียวโปลด์หวังว่าจะโน้มน้าวให้อาร์คดยุคเฟอร์ดินานด์ซึ่งจัดงานแต่งงานในมิลานเพื่อรับวูล์ฟกังเข้ารับราชการ แต่ด้วยเหตุบังเอิญ จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซ่าทรงส่งจดหมายจากเวียนนา ซึ่งเธอแสดงความไม่พอใจต่อโมสาร์ทอย่างรุนแรง (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอเรียกพวกเขาว่า "ครอบครัวที่ไร้ประโยชน์") ลีโอโปลด์และโวล์ฟกังถูกบังคับให้กลับไปยังซาลซ์บูร์ก โดยไม่สามารถหางานที่เหมาะสมสำหรับโวล์ฟกังในอิตาลีได้
ในวันที่พวกเขากลับมา 16 ธันวาคม พ.ศ. 2314 เจ้าชายอาร์คบิชอป Sigismund ผู้ใจดีต่อ Mozart เสียชีวิต ผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาคือเคานต์เจอโรม คอลโลเรโด และสำหรับการเฉลิมฉลองครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2315 โมสาร์ทได้แต่ง Colloredo ยอมรับนักแต่งเพลงหนุ่มเข้ารับราชการด้วยเงินเดือน 150 กิลเดอร์ต่อปีและอนุญาตให้เดินทางไปมิลาน (โมสาร์ทรับหน้าที่เขียนโอเปร่าเรื่องใหม่สำหรับเมืองนี้); อย่างไรก็ตาม อาร์คบิชอปคนใหม่ซึ่งแตกต่างจากรุ่นก่อนคือไม่ยอมให้โมสาร์ทไม่อยู่เป็นเวลานานและไม่ชอบที่จะชื่นชมงานศิลปะของพวกเขา
การเดินทางอิตาลีครั้งที่สามกินเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2315 ถึงมีนาคม พ.ศ. 2316 ลูซิโอซิลลาโอเปร่าเรื่องใหม่ของโมสาร์ทแสดงในวันถัดจากวันคริสต์มาส พ.ศ. 2315 และผู้แต่งเพลงไม่ได้รับคำสั่งโอเปร่าเพิ่มเติม ลีโอโปลด์พยายามอย่างไร้ผลที่จะขอความช่วยเหลือจากแกรนด์ดยุกแห่งฟลอเรนซ์ ลีโอโปลด์ หลังจากพยายามอีกหลายครั้งเพื่อจัดการลูกชายของเขาในอิตาลี เลียวโปลด์ตระหนักถึงความพ่ายแพ้ของเขา และโมสาร์ทก็ออกจากประเทศนี้ไปโดยไม่กลับมาที่นั่นอีกเลย
เป็นครั้งที่สามที่ลีโอโปลด์และโวล์ฟกังพยายามตั้งถิ่นฐานในเมืองหลวงของออสเตรีย พวกเขายังคงอยู่ในเวียนนาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมถึงสิ้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2316 โวล์ฟกังมีโอกาสทำความคุ้นเคยกับสิ่งใหม่ๆ ผลงานไพเราะ โรงเรียนเวียนนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแสดงละครซิมโฟนีในไมเนอร์คีย์โดย J. Wanhal และ J. Haydn; ผลงานของคนรู้จักคนนี้ปรากฏชัดในซิมโฟนีของเขาใน G minor (พ. 183)
โมสาร์ทถูกบังคับให้อยู่ในซาลซ์บูร์กโดยอุทิศตนให้กับการประพันธ์เพลงทั้งหมด: ในเวลานี้ ซิมโฟนี ความหลากหลาย งานประเภทคริสตจักร และวงเครื่องสายวงแรกก็ปรากฏตัวขึ้น ในไม่ช้า เพลงนี้ทำให้ผู้แต่งมีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในผู้มีความสามารถมากที่สุด นักแต่งเพลงในออสเตรีย ซิมโฟนีที่แต่งขึ้นในปลายปี พ.ศ. 2316 และต้นปี พ.ศ. 2317 (เช่น K. 183, 200, 201) มีความโดดเด่นในเรื่องความสมบูรณ์ทางละครสูง
โมสาร์ทหยุดพักสั้น ๆ จากลัทธิภูธรในซาลซ์บูร์กที่เขาเกลียดชังตามคำสั่งที่มาจากมิวนิกสำหรับการแสดงโอเปร่าใหม่สำหรับงานรื่นเริงปี 1775: รอบปฐมทัศน์ของ Imaginary Gardener (La finta giardiniera) ประสบความสำเร็จในเดือนมกราคม แต่นักดนตรีแทบไม่ออกจากซาลซ์บูร์ก ชีวิตครอบครัวที่มีความสุขได้ชดเชยความเบื่อหน่ายในชีวิตประจำวันของซาลซ์บูร์กได้ในระดับหนึ่ง แต่โวล์ฟกังซึ่งเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันของเขากับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของเมืองหลวงต่างประเทศ ค่อยๆ หมดความอดทน
ในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2320 โมสาร์ทถูกปลดจากตำแหน่งอาร์คบิชอปและตัดสินใจแสวงหาโชคในต่างประเทศ ในเดือนกันยายน โวล์ฟกังและมารดาเดินทางผ่านเยอรมนีไปยังปารีส ในมิวนิค ผู้มีสิทธิเลือกตั้งปฏิเสธการให้บริการของเขา ระหว่างทาง พวกเขาแวะที่เมืองมันไฮม์ ซึ่งโมสาร์ทได้รับการต้อนรับอย่างเป็นมิตรจากสมาชิกวงออร์เคสตราท้องถิ่นและนักร้อง แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับตำแหน่งในศาลของ Karl Theodor แต่เขาก็ยังคงอยู่ในมันไฮม์: เหตุผลก็คือความรักที่เขามีต่อนักร้อง Aloysia Weber นอกจากนี้ โมสาร์ทหวังว่าจะได้ทัวร์คอนเสิร์ตกับ Aloisia ซึ่งมีนักร้องเสียงโซปราโน coloratura ที่งดงาม เขายังไปกับเธออย่างลับๆ ที่ศาลของ Princess of Nassau-Weilburg (ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2321) ในตอนแรกเลียวโปลด์เชื่อว่าโวล์ฟกังจะไปปารีสกับกลุ่มนักดนตรีในมานน์ไฮม์ และให้แม่ของเขากลับไปซาลซ์บูร์ก แต่เมื่อเขาได้ยินว่าโวล์ฟกังตกหลุมรักโดยจำอะไรไม่ได้ เขาจึงสั่งให้เขาไปปารีสกับแม่ทันที
การอยู่ในปารีสซึ่งกินเวลาตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงกันยายน พ.ศ. 2321 กลับกลายเป็นว่าไม่ประสบความสำเร็จอย่างมาก: ในวันที่ 3 กรกฎาคม แม่ของโวล์ฟกังเสียชีวิต และวงการศาลของปารีสหมดความสนใจ นักแต่งเพลงหนุ่ม. แม้ว่าโมสาร์ทจะประสบความสำเร็จในการแสดงซิมโฟนีใหม่สองครั้งในปารีส และคริสเตียน บาคมาถึงปารีส ลีโอโปลด์ก็สั่งให้ลูกชายของเขากลับไปที่ซาลซ์บูร์ก โวล์ฟกังชะลอการกลับมาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมันไฮม์ ที่นี่เขาตระหนักว่า Aloysia ไม่สนใจเขาเลย มันเป็นการระเบิดที่น่ากลัวและมีเพียงคำขู่และคำวิงวอนที่น่ากลัวของพ่อเท่านั้นที่บังคับให้เขาต้องออกจากเยอรมนี
ซิมโฟนีใหม่ของโมสาร์ท (เช่น G major, K. 318; B flat major, K. 319; C major, K. 334) และเครื่องดนตรีประเภทเซเรเนด (เช่น D major, K. 320) โดดเด่นด้วยรูปแบบและการเรียบเรียงที่ชัดเจน และความละเอียดอ่อนของความแตกต่างทางอารมณ์และความจริงใจแบบพิเศษที่ทำให้โมสาร์ทเหนือกว่านักแต่งเพลงชาวออสเตรียทุกคน ยกเว้น J. Haydn ที่เป็นไปได้
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2322 โมซาร์ทรับหน้าที่นักเล่นออร์แกนในศาลของอาร์คบิชอปอีกครั้งโดยได้รับเงินเดือน 500 กิลเดอร์ต่อปี เพลงของศาสนจักรซึ่งเขาจำเป็นต้องแต่งสำหรับพิธีวันอาทิตย์นั้นมีความลึกซึ้งและหลากหลายมากกว่าที่เขาเคยแต่งในประเภทนี้มาก พิธีมิสซาพิธีราชาภิเษกและพิธีมิสซาใน C เมเจอร์ (พ.337) โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่โมสาร์ทยังคงรู้สึกเกลียดชังซาลซ์บูร์กและอาร์คบิชอป จึงยินดีรับข้อเสนอให้เขียนโอเปร่าสำหรับมิวนิค Idomeneo ราชาแห่งครีต (Idomeneo, re di Creta) ได้รับการติดตั้งที่ศาลของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง Charles Theodor (ที่พักฤดูหนาวของเขาอยู่ในมิวนิก) ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2324 Idomeneo เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมจากประสบการณ์ที่นักแต่งเพลงได้รับในช่วงก่อนหน้า ส่วนใหญ่อยู่ในปารีสและมันไฮม์ การร้องเพลงประสานเสียงมีความเป็นต้นฉบับและน่าทึ่งเป็นพิเศษ
ในเวลานั้นอาร์คบิชอปแห่งซาลซ์บูร์กอยู่ในเวียนนาและสั่งให้โมสาร์ทไปที่เมืองหลวงทันที ที่นี่ ความขัดแย้งส่วนตัวระหว่าง Mozart และ Colloredo ค่อย ๆ ถือว่ามีสัดส่วนที่น่าตกใจ และหลังจาก Wolfgang ประสบความสำเร็จในที่สาธารณะอย่างล้นหลามในคอนเสิร์ตที่มอบให้กับหญิงม่ายและเด็กกำพร้าของนักดนตรีชาวเวียนนาในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2324 ช่วงเวลาของเขาในการรับใช้อาร์คบิชอป ถูกเลข. ในเดือนพฤษภาคม เขายื่นลาออก และในวันที่ 8 มิถุนายน เขาถูกไล่ออกจากงาน
โมสาร์ทแต่งงานกับคอนสแตนซา เวเบอร์ น้องสาวของคนรักคนแรกของเขาโดยขัดต่อความประสงค์ของพ่อของเขา และแม่ของเจ้าสาวก็ได้รับเงื่อนไขที่ดีจากโวล์ฟกังสำหรับสัญญาการแต่งงาน (ต่อความโกรธและความสิ้นหวังของลีโอโปลด์ที่อาบน้ำให้ลูกชายของเขา ด้วยจดหมายอ้อนวอนให้เขาเปลี่ยนใจ) โวล์ฟกังและคอนสแตนตาแต่งงานกันที่มหาวิหารเซนต์เวียนนาแห่งกรุงเวียนนา สตีเฟนเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2325 แม้ว่าคอนสแตนตาจะหมดหนทางในเรื่องเงินพอๆ กับสามีของเธอ แต่การแต่งงานของพวกเขาดูเหมือนจะมีความสุข
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2325 โอเปร่าของ Mozart เรื่อง The Abduction from the Seraglio (Die Entfhrung aus dem Serail) จัดแสดงที่ Vienna Burgtheater; มันเป็นความสำเร็จที่สำคัญและโมซาร์ทกลายเป็นไอดอลของเวียนนา ไม่เพียง แต่ในศาลและแวดวงชนชั้นสูงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ชมคอนเสิร์ตจากฐานันดรที่สามด้วย ภายในเวลาไม่กี่ปี โมสาร์ทก็มาถึงจุดสูงสุดของชื่อเสียง ชีวิตในเวียนนากระตุ้นให้เขาทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งการแต่งเพลงและการแสดง เขาเป็นที่ต้องการอย่างมากตั๋วสำหรับคอนเสิร์ตของเขา (ที่เรียกว่าสถาบันการศึกษา) จำหน่ายโดยการสมัครสมาชิกขายหมดเกลี้ยง ในโอกาสนี้ โมสาร์ทได้แต่งเปียโนคอนแชร์โตที่ยอดเยี่ยมหลายชุด ในปี พ.ศ. 2327 โมสาร์ทได้จัดคอนเสิร์ต 22 ครั้งในหกสัปดาห์
ในฤดูร้อนปี 1783 Wolfgang และคู่หมั้นของเขาไปเยี่ยม Leopold และ Nannerl ในเมือง Salzburg ในโอกาสนี้ โมสาร์ทได้เขียนพิธีมิสซาครั้งสุดท้ายและดีที่สุดใน C minor (พ.427) ซึ่งยังไม่มาถึงเราทั้งหมด (หากผู้แต่งแต่งเพลงเสร็จแล้ว) พิธีมิสซามีขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคมที่ Salzburg Peterskirche โดย Constanza ร้องเพลงโซปราโนท่อนหนึ่ง (เห็นได้ชัดว่า Constanze เป็นนักร้องมืออาชีพที่ดี แม้ว่าเสียงของเธอจะด้อยกว่า Aloysia น้องสาวของเธอในหลายๆ ด้าน) เมื่อกลับมาที่เวียนนาในเดือนตุลาคม ทั้งคู่แวะที่เมือง Linz ซึ่งมีการแสดง Linz Symphony (K. 425) ในเดือนกุมภาพันธ์ปีถัดมา เลียวโปลด์ไปเยี่ยมลูกชายและลูกสะใภ้ในอพาร์ตเมนต์เวียนนาหลังใหญ่ใกล้มหาวิหาร บ้านสวยรอดชีวิตมาจนถึงยุคของเรา) และแม้ว่า Leopold จะไม่สามารถกำจัดความไม่ชอบ Constanze ได้ แต่เขาก็ยอมรับว่ากิจการของลูกชายของเขาในฐานะนักแต่งเพลงและนักแสดงกำลังไปได้สวย
มาถึงตอนนี้ จุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่จริงใจระหว่าง Mozart และ J. Haydn ย้อนหลังไปหลายปี ในตอนเย็นของวงควอเตตที่ Mozart's ต่อหน้า Leopold ไฮเดินหันไปหาพ่อของเขาและพูดว่า: "ลูกชายของคุณเป็นนักแต่งเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ฉันรู้จักหรือเคยได้ยินเป็นการส่วนตัว" ไฮเดินและโมสาร์ทมีอิทธิพลอย่างมากต่อกันและกัน สำหรับโมสาร์ท ผลแรกของอิทธิพลนี้ปรากฏชัดในวัฏจักรของวง 6 วง ซึ่งโมสาร์ทอุทิศให้แก่เพื่อนคนหนึ่งในจดหมายที่มีชื่อเสียงในเดือนกันยายน พ.ศ. 2328
ในปี พ.ศ. 2327 โมสาร์ทกลายเป็นสมาชิกซึ่งทิ้งรอยประทับลึกไว้บนตัวเขา ปรัชญาชีวิต; แนวคิดเกี่ยวกับอิฐสามารถติดตามได้ในผลงานประพันธ์ชิ้นต่อๆ มาของโมสาร์ท โดยเฉพาะใน The Magic Flute ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์กวีนักเขียนนักดนตรีที่มีชื่อเสียงหลายคนในเวียนนาเป็นสมาชิกของ Masonic lodges (Haydn ก็เป็นหนึ่งในนั้น) ความสามัคคีก็ได้รับการปลูกฝังในแวดวงศาล
อันเป็นผลมาจากการแสดงละครโอเปร่าและการแสดงละครที่หลากหลาย L. da Ponte นักแต่งเพลงประจำศาลซึ่งเป็นทายาทของ Metastasio ที่มีชื่อเสียงตัดสินใจร่วมงานกับ Mozart เพื่อต่อต้านกลุ่มนักแต่งเพลงประจำศาล A. Salieri และ Abbe Casti นักแต่งเพลงที่เป็นคู่แข่งของ da Ponte Mozart และ da Ponte เริ่มต้นด้วยบทละครต่อต้านชนชั้นสูงของ Beaumarchais เรื่อง The Marriage of Figaro ซึ่งในขณะนั้นการแปลบทละครเป็นภาษาเยอรมันยังไม่ถูกห้าม ด้วยความช่วยเหลือของเทคนิคต่าง ๆ พวกเขาได้รับอนุญาตให้เซ็นเซอร์ที่จำเป็นและในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2329 งานแต่งงานของฟิกาโร (Le nozze di Figaro) ได้แสดงครั้งแรกที่ Burgtheater แม้ว่าโอเปร่าของโมสาร์ทจะประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา แต่ในการผลิตครั้งแรกก็ถูกแทนที่ด้วยโอเปร่าเรื่องใหม่โดย V. Martin i Soler (1754–1806) A Rare Thing (Una cosa rara) ในการผลิตครั้งแรก ในขณะเดียวกันในปราก การแต่งงานของฟิกาโรได้รับความนิยมอย่างมาก โมสาร์ทได้รับเชิญให้ไปแสดงหลายครั้ง ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2330 เขาและคอนสแตนตาใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในปราก และนี่คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของนักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่ ผู้อำนวยการ คณะละครโอเปร่าบอนดินีรับหน้าที่แสดงโอเปร่าเรื่องใหม่ให้เขา สันนิษฐานได้ว่าโมสาร์ทเลือกพล็อตเอง - ตำนานเก่าเกี่ยวกับ Don Giovanni; บทเพลงจะต้องเตรียมโดยไม่มีใครอื่นนอกจาก da Ponte โอเปร่า Don Giovanni แสดงครั้งแรกในปรากเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2330
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2330 พ่อของนักแต่งเพลงเสียชีวิต โดยทั่วไป ปีนี้กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของโมสาร์ท โดยคำนึงถึงกระแสภายนอกและสภาวะจิตใจของผู้แต่ง ภาพสะท้อนของเขามีสีมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการมองโลกในแง่ร้ายอย่างลึกซึ้ง ความสดใสของความสำเร็จและความสุขในวัยเยาว์หายไปตลอดกาล จุดสูงสุดของการเดินทางของนักแต่งเพลงคือชัยชนะของ Don Giovanni ในปราก หลังจากกลับมาที่เวียนนาเมื่อปลายปี พ.ศ. 2330 โมสาร์ทก็เริ่มไล่ตามความล้มเหลวและในบั้นปลายชีวิตของเขา - ความยากจน การผลิต Don Giovanni ในเวียนนาในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2331 จบลงด้วยความล้มเหลว ที่แผนกต้อนรับหลังการแสดง Haydn คนเดียวปกป้องโรงละคร โมสาร์ทได้รับตำแหน่งนักแต่งเพลงประจำศาลและหัวหน้าวงดนตรีของจักรพรรดิโจเซฟที่ 2 แต่ด้วยเงินเดือนที่ค่อนข้างน้อยสำหรับตำแหน่งนี้ (800 กิลเดอร์ต่อปี) จักรพรรดิเข้าใจเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับดนตรีของไฮเดินหรือโมสาร์ท เกี่ยวกับผลงานของ Mozart เขาบอกว่า "ไม่ถูกใจชาวเวียนนา" โมสาร์ทต้องยืมเงินจากไมเคิล พุชเบิร์ก เพื่อนอิฐของเขา
เมื่อพิจารณาถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์ในเวียนนา (เอกสารยืนยันว่าชาวเวียนนาผู้ขี้เล่นลืมอดีตไอดอลของพวกเขาสร้างความประทับใจอย่างมาก) โมสาร์ทจึงตัดสินใจเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตที่เบอร์ลิน (เมษายน - มิถุนายน พ.ศ. 2332) ซึ่งเขาหวังว่าจะได้พบ สำหรับตัวเองที่ราชสำนักของกษัตริย์ฟรีดริชวิลเฮล์มที่ 2 แห่งปรัสเซีย ผลที่ตามมามีเพียงหนี้ก้อนใหม่ และคำสั่งให้เครื่องสายสี่เครื่องสำหรับพระองค์ซึ่งเป็นนักเล่นเชลโลมือสมัครเล่นที่ดี และเครื่องสายโซนาต้าหกเครื่องสำหรับเจ้าหญิงวิลเฮลมินา
ในปี พ.ศ. 2332 สุขภาพของคอนสแตนตาและโวล์ฟกังเองก็ทรุดโทรมลง และสถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวก็ตกอยู่ในอันตราย ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2333 โจเซฟที่ 2 ถึงแก่อสัญกรรม และโมสาร์ทไม่แน่ใจว่าเขาจะรักษาตำแหน่งนักแต่งเพลงในราชสำนักภายใต้จักรพรรดิองค์ใหม่ได้ การเฉลิมฉลองพิธีราชาภิเษกของจักรพรรดิเลโอโปลด์จัดขึ้นที่แฟรงก์เฟิร์ตในฤดูใบไม้ร่วงปี 1790 และโมสาร์ทไปที่นั่นด้วยค่าใช้จ่ายของเขาเองโดยหวังว่าจะดึงดูดความสนใจของสาธารณชน การแสดงนี้ (การแสดงคลาเวียร์คอนแชร์โต "Coronation", K. 537) จัดขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคม แต่ไม่ได้นำเงินมา กลับไปเวียนนา โมสาร์ทได้พบกับไฮเดิน; Zalomon ผู้จัดละครในลอนดอนมาเชิญ Haydn ไปลอนดอนและ Mozart ได้รับคำเชิญที่คล้ายกันไปยังเมืองหลวงของอังกฤษในฤดูหนาวหน้า เขาร้องไห้อย่างขมขื่นเมื่อเห็นไฮเดินและซาโลมอนออกไป “เราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว” เขาพูดซ้ำ ฤดูหนาวที่ผ่านมา เขาได้เชิญเพื่อนเพียงสองคนคือ Haydn และ Puchberg ไปซ้อมการแสดงโอเปร่าเรื่อง Cos fan tutte
ในปี ค.ศ. 1791 E. Schikaneder นักเขียน นักแสดง และนักแสดง ซึ่งเป็นผู้คุ้นเคยเก่าของ Mozart ได้สั่งให้สร้างโอเปร่าเรื่องใหม่เป็นภาษาเยอรมันสำหรับ Freihaustheater ของเขาในย่านชานเมืองเวียนนาของ Wieden (โรงละคร An der Wien ในปัจจุบัน) และในฤดูใบไม้ผลิ Mozart เริ่มทำงานกับ The Magic Flute (Die Zauberflte) จากนั้นเขาได้รับคำสั่งจากปรากสำหรับโอเปร่าพิธีราชาภิเษก - La clemenza di Tito ซึ่ง F.K. Süssmayer ลูกศิษย์ของ Mozart ช่วยเขียนบทบรรยายที่ใช้ภาษาพูด (secco) โมสาร์ทไปปรากร่วมกับนักเรียนและคอนสแตนซาในเดือนสิงหาคมเพื่อเตรียมการแสดงซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 6 กันยายนโดยไม่ประสบความสำเร็จมากนัก (ต่อมาโอเปร่านี้ได้รับความนิยมอย่างมาก) โมสาร์ทรีบไปเวียนนาเพื่อทำขลุ่ยวิเศษให้เสร็จ โอเปร่าแสดงในวันที่ 30 กันยายน และในขณะเดียวกันเขาก็ทำงานบรรเลงชิ้นสุดท้ายเสร็จ ซึ่งเป็นคอนแชร์โตสำหรับคลาริเน็ตและวงออร์เคสตราใน A major (พ.622)
โมสาร์ทป่วยอยู่แล้วภายใต้สถานการณ์ลึกลับ คนแปลกหน้ามาหาเขาและสั่งบังสุกุล เป็นผู้จัดการของ Count Walsegg-Stuppach เคานต์รับหน้าที่ประพันธ์เพลงเพื่อระลึกถึงภรรยาที่เสียชีวิตของเขา โดยตั้งใจที่จะแสดงภายใต้ชื่อของเขาเอง โมสาร์ทมั่นใจว่าเขากำลังแต่งเพลงประกอบเอง เขาทำงานอย่างหนักเพื่อแต่งเพลงจนกว่าเรี่ยวแรงของเขาจะหมดไป เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2334 เขาสร้าง Little Masonic Cantata เสร็จ คอนสแตนซากำลังรับการรักษาในบาเดนและรีบกลับบ้านเมื่อรู้ว่าสามีของเธอป่วยหนักเพียงใด เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน โมสาร์ทล้มป่วยและอีกไม่กี่วันต่อมาก็รู้สึกอ่อนแอจนต้องเข้าร่วมพิธี ในคืนวันที่ 4-5 ธันวาคม เขาตกอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งและอยู่ในอาการกึ่งรู้สึกตัว เขาจินตนาการว่าตัวเองกำลังเล่นรำมะนาใน Dies irae จากบังสุกุลที่ยังไม่เสร็จของเขาเอง เกือบจะตีหนึ่งแล้วที่เขาหันหลังให้กำแพงแล้วหยุดหายใจ คอนสตันซาเสียใจและไร้หนทางใดๆ ต้องตกลงที่จะจัดพิธีศพที่ถูกที่สุดในโบสถ์ของมหาวิหารเซนต์ สตีเฟน. เธออ่อนแอเกินไปที่จะติดตามร่างของสามีในการเดินทางไกลไปยังสุสานของเซนต์ มาร์คซึ่งเขาถูกฝังไว้โดยไม่มีพยานนอกจากคนขุดหลุมฝังศพ ในหลุมฝังศพของคนอนาถา ซึ่งในไม่ช้าก็ถูกลืมอย่างสิ้นหวัง Süssmeier เสร็จสิ้นพิธีบังสุกุลและเรียบเรียงข้อความขนาดใหญ่ที่ยังเขียนไม่เสร็จซึ่งผู้เขียนทิ้งไว้
หากในช่วงชีวิตของ Mozart มีเพียงผู้ฟังจำนวนน้อยเท่านั้นที่รับรู้ถึงพลังสร้างสรรค์ของเขา จากนั้นในทศวรรษแรกหลังจากการเสียชีวิตของนักแต่งเพลง การรับรู้ถึงอัจฉริยะของเขาก็แพร่กระจายไปทั่วยุโรป สิ่งนี้อำนวยความสะดวกโดยความสำเร็จที่ The Magic Flute มีผู้ชมจำนวนมาก André ผู้จัดพิมพ์ชาวเยอรมันได้รับสิทธิ์ในผลงานส่วนใหญ่ของ Mozart ที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ รวมทั้งเปียโนคอนแชร์โตที่ยอดเยี่ยมของเขา และซิมโฟนีในยุคต่อมาทั้งหมดของเขา (ไม่มีการพิมพ์ในช่วงที่นักแต่งเพลงยังมีชีวิตอยู่)
บุคลิกภาพของโมสาร์ท
250 ปีหลังจากการกำเนิดของ Mozart เป็นการยากที่จะสร้างภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับบุคลิกภาพของเขา (แม้ว่าจะไม่ยากเท่าในกรณีของ J.S. Bach ที่เรารู้จักแม้แต่น้อย) เห็นได้ชัดว่าคุณสมบัติที่ตรงข้ามกันมากที่สุดถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างขัดแย้งในธรรมชาติของโมสาร์ท: ความเอื้ออาทรและชอบการเสียดสีแบบกัดกร่อน, ความเป็นเด็กและความซับซ้อนทางโลก, ความร่าเริงและชอบความเศร้าโศกลึก ๆ - ขึ้นอยู่กับพยาธิวิทยา, ความเฉลียวฉลาด (เขาเลียนแบบคนรอบข้างอย่างไร้ความปรานี), ศีลธรรมอันสูงส่ง (แม้ว่าเขาจะไม่ชอบคริสตจักรมากนักก็ตาม) ลัทธิเหตุผลนิยม ทัศนคติที่เป็นจริงเกี่ยวกับชีวิต เขาพูดอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับคนที่เขาชื่นชม เช่น เกี่ยวกับไฮเดิน แต่เขาไม่มีความปราณีต่อคนที่เขาคิดว่าเป็นมือสมัครเล่น พ่อของเขาเคยเขียนถึงเขาว่า: "คุณเป็นพวกสุดโต่ง คุณไม่รู้ความหมายที่แท้จริง" และเสริมว่าโวล์ฟกังอดทนเกินไป เกียจคร้านเกินไป ปล่อยตัวมากเกินไป หรือ - ในบางครั้ง - ดื้อรั้นและกระวนกระวายเกินไป ของเหตุการณ์แทนที่จะปล่อยให้พวกเขาไปตามทางของตัวเอง และหลังจากผ่านไปหลายศตวรรษ บุคลิกของเขาก็ดูเหมือนเราเคลื่อนที่ได้และเข้าใจยากเหมือนปรอท
ครอบครัวโมสาร์ท. Mozart และ Constanza มีลูกด้วยกัน 6 คน ในจำนวนนี้รอดชีวิตมาได้ 2 คนคือ Carl Thomas (1784–1858) และ Franz Xaver Wolfgang (1791–1844) ทั้งคู่เรียนดนตรี Haydn ส่งพี่ไปเรียนที่ Milan Conservatory กับนักทฤษฎีชื่อดัง B. Azioli; อย่างไรก็ตาม คาร์ล โธมัส ก็ยังไม่ใช่นักดนตรีโดยกำเนิดและในที่สุดก็ได้เป็นทางการ ลูกชายคนสุดท้องมีความสามารถทางดนตรี (Haydn ยังแนะนำเขาต่อสาธารณะในคอนเสิร์ตการกุศลที่จัดขึ้นในเวียนนาเพื่อสนับสนุน Constanza) และเขาสร้างผลงานที่ค่อนข้างเป็นมืออาชีพจำนวนมาก
Mozart Wolfgang Amadeus เป็นนักแต่งเพลงชาวออสเตรีย พัฒนาการทางดนตรีของ Mozart ได้รับอิทธิพลอย่างมากจาก Leopold Mozart พ่อของเขา ผู้สอนลูกชายของเขาเล่นเปียโน เครื่องดนตรีและองค์ประกอบ ตอนอายุ 4 ขวบโมสาร์ทเล่นฮาร์ปซิคอร์ดตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบเขาเริ่มแต่งเพลง (ซิมโฟนีที่ 1 แสดงในปี 2307 ในลอนดอน) โมสาร์ทเป็นนักเล่นฮาร์ปซิคอร์ดฝีมือฉกาจ ทั้งยังแสดงเป็นทั้งนักไวโอลิน นักร้อง นักเล่นออร์แกน และวาทยกร ด้นสดได้อย่างยอดเยี่ยม โดดเด่นด้วยหูชั้นเยี่ยมในด้านดนตรีและความทรงจำ
ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ชีวประวัติของ Mozart แสดงให้เห็นความสำเร็จ: เขาไปเที่ยวอย่างมีชัยชนะในเยอรมนี ออสเตรีย ฝรั่งเศส อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี ตอนอายุ 11 ปี เขาแสดงเป็นนักแต่งเพลงประกอบละคร (โอเปร่าของโรงเรียนเรื่อง Apollo and Hyacinth) หนึ่งปีต่อมาเขาสร้างมันขึ้นมา ร้องเพลง "Bastienne and Bastienne" และละครเพลงอิตาเลี่ยนเรื่อง "The Pretend Shepherdess" ในปี พ.ศ. 2313 พระสันตะปาปาได้ประทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เดือยทองแก่เขา
ในปีเดียวกันนักดนตรีวัย 14 ปีหลังจากนั้น การทดสอบพิเศษได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ Philharmonic Academy ในโบโลญญา (ที่นี่ Wolfgang Mozart เรียนการประพันธ์เพลงจาก J. B. Martini เป็นบางครั้ง) ในเวลาเดียวกัน นักแต่งเพลงหนุ่มแสดงรอบปฐมทัศน์ของโอเปร่าเรื่อง Mithridates, King of Pontus ในมิลาน ในปีต่อมา โมสาร์ทได้แสดงเพลง "Ascanius in Alba" ที่นั่น และโอเปร่า "Lucius Sulla" ในอีกหนึ่งปีต่อมา การทัวร์ศิลปะและการพำนักต่อในเมืองมันไฮม์ ปารีส เวียนนามีส่วนทำให้โมสาร์ทรู้จักชาวยุโรปอย่างกว้างขวาง วัฒนธรรมดนตรีการเติบโตทางจิตวิญญาณของเขา การพัฒนาทักษะทางวิชาชีพ เมื่ออายุ 19 ปี โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ทเป็นผู้ประพันธ์ผลงานละครเวทีประเภทต่างๆ 10 เรื่อง (ในบรรดาโอเปร่าเรื่อง The Imaginary Gardener ซึ่งจัดแสดงในมิวนิก, The Dream of Scipio และ The Shepherd King ในซาลซ์บูร์ก), แคนทาทา 2 เรื่อง, ซิมโฟนีมากมาย , คอนเสิร์ต, ควอเต็ต, โซนาตา, ชุดออเคสตร้าทั้งมวล, การประพันธ์เพลงของโบสถ์, อาเรีย และงานอื่นๆ แต่ยิ่งเด็กอัจฉริยะกลายเป็นปรมาจารย์มากเท่าไหร่ สังคมชนชั้นสูงก็ยิ่งสนใจเขาน้อยลงเท่านั้น
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2312 โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ทได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ดูแลการแสดงคอนเสิร์ตของโบสถ์ประจำศาลในซาลซ์บูร์ก อาร์ชบิชอปเจอโรม เคานต์ คอลโลเรโด ผู้ปกครองอาณาเขตของสงฆ์ ได้จำกัดความเป็นไปได้ของกิจกรรมสร้างสรรค์ของเขาอย่างไร้จุดหมาย ความพยายามในการค้นหาบริการอื่นนั้นไร้ผล ในที่อยู่อาศัยของเจ้าชายและร้านเสริมสวยของชนชั้นสูงในอิตาลี, รัฐเยอรมัน, ฝรั่งเศส, นักแต่งเพลงได้พบกับความเฉยเมย หลังจากพเนจรในปี พ.ศ. 2320-2222 โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ทก็ถูกบังคับให้กลับไป บ้านเกิดและรับตำแหน่งผู้ดำเนินการศาล ในปี ค.ศ. 1780 โอเปร่าเรื่อง "Idomeneo, King of Crete หรือ Elijah and Idamant" ถูกเขียนขึ้นสำหรับเมืองมิวนิก ความพยายามเกี่ยวกับบริการยังไม่ประสบความสำเร็จ โมสาร์ทหาเลี้ยงชีพได้จากผลงานของเขาที่เป็นตอนๆ (ส่วนใหญ่ ผลงานที่สำคัญตีพิมพ์ต้อ), บทเรียนเปียโนและทฤษฎีการประพันธ์เช่นเดียวกับ "สถาบันการศึกษา" (คอนเสิร์ต) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของเปียโนคอนแชร์โตของเขา หลังจากร้องเพลง "The Abduction from the Seraglio" (1782) ซึ่งปรากฏ เหตุการณ์สำคัญในการพัฒนาประเภทนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ปีที่นักแต่งเพลงไม่มีโอกาสเขียนบทละคร
ในปี 1786 พระราชวังอิมพีเรียลเชินบรุนน์แสดงละครเพลงเรื่องเล็กเรื่อง "Director of the Theatre" ด้วยความช่วยเหลือของนักประพันธ์กวี L. Da Ponte ในปีเดียวกันก็เป็นไปได้ที่จะแสดงโอเปร่า The Marriage of Figaro (1786) ในเวียนนา แต่อยู่ที่นั่นในช่วงเวลาสั้น ๆ (กลับมาดำเนินการต่อในปี 1789) ; สิ่งที่น่ายินดียิ่งกว่าคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของการแต่งงานของฟิกาโรในปราก (1787) สำหรับโมสาร์ท ประชาชนชาวเช็กยังกระตือรือร้นเกี่ยวกับโอเปร่าของโมสาร์ทเรื่อง The Punished Libertine หรือ Don Giovanni (1787) ซึ่งเขียนขึ้นเป็นพิเศษสำหรับปราก ในเวียนนา (โพสต์ 1788) โอเปร่านี้ได้รับการยอมรับด้วยความยับยั้งชั่งใจ โอเปร่าทั้งสองได้เปิดเผยแรงบันดาลใจทางอุดมการณ์และศิลปะใหม่ของนักแต่งเพลงอย่างเต็มที่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา งานซิมโฟนิกและแชมเบอร์ออร์เคสตราของเขาก็เฟื่องฟูเช่นกัน ตำแหน่ง "นักดนตรีประจำราชวงศ์และราชวงศ์" ซึ่งได้รับจากจักรพรรดิโจเซฟที่ 2 เมื่อปลายปี พ.ศ. 2330 (หลังการสิ้นพระชนม์ของเค.วี.กลุค) ทำให้กิจกรรมของโมซาร์ทติดขัด หน้าที่ของโมสาร์ทจำกัดอยู่ที่การแต่งเพลงเต้นรำสวมหน้ากากเท่านั้น เพียงครั้งเดียวที่เขาได้รับมอบหมายให้เขียน การ์ตูนโอเปร่าบนพล็อตจากชีวิตฆราวาส - "พวกเขาทั้งหมดเป็นเช่นนั้นหรือโรงเรียนแห่งคู่รัก" (2333) Wolfgang Mozart ตั้งใจจะออกจากออสเตรีย การเดินทางไปเบอร์ลินในปี พ.ศ. 2332 ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความหวังของเขา ด้วยการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิเลโอโปลด์ที่ 2 ในออสเตรีย (พ.ศ. 2333) ตำแหน่งของโมสาร์ทก็ไม่เปลี่ยนแปลง ในปี ค.ศ. 1791 ที่กรุงปราก ในโอกาสพิธีราชาภิเษกของลีโอโปลด์ในฐานะกษัตริย์เช็ก โอเปร่าของ Mozart เรื่อง "The Mercy of Titus" ถูกนำเสนอ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างเย็นชา ในเดือนเดียวกัน (กันยายน) ขลุ่ยวิเศษได้รับการปล่อยตัว จัดแสดงบนเวทีโรงละครชานเมือง โอเปร่าโมสาร์ทนี้ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงในหมู่ประชาชนประชาธิปไตยในกรุงเวียนนา ในบรรดานักดนตรีชั้นนำที่สามารถชื่นชมพลังแห่งความสามารถของ Mozart ได้อย่างเต็มที่คือ I. Haydn และน้อง - ในแวดวงอนุรักษ์นิยม ผลงานสร้างสรรค์ของเขาถูกประณาม "สถาบันการศึกษา" ของ Mozart หยุดลงในปี พ.ศ. 2330 เขาล้มเหลวในการจัดการแสดงซิมโฟนี 3 ชุดสุดท้าย (พ.ศ. 2331); สามปีต่อมา หนึ่งในนั้นดังขึ้น คอนเสิร์ตการกุศลในกรุงเวียนนาภายใต้การดูแลของ A. Salieri
ในฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ. 1791 โวล์ฟกัง โมสาร์ทได้สมัครเป็นผู้ช่วยหัวหน้าวงฟรีของมหาวิหารเซนต์ สเตฟานมีสิทธิ์ที่จะรับตำแหน่งนี้ในกรณีที่คนหลังเสียชีวิต (หัวหน้าวงดนตรีอายุยืนกว่าเขา) เป็นเวลาครึ่งเดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต Mozart ล้มป่วย (การวินิจฉัย - ไข้รูมาติก) เขาเสียชีวิตก่อนอายุ 36 ปี ถูกฝังอยู่ใน หลุมฝังศพทั่วไปที่สุสานนักบุญ มาร์ค (ไม่ทราบตำแหน่งของหลุมฝังศพ)
Wolfgang Amadeus Mozart: ชีวประวัติและความคิดสร้างสรรค์
ขณะนี้คุณอยู่ในพอร์ทัล
ส่งงานที่ดีของคุณในฐานความรู้เป็นเรื่องง่าย ใช้แบบฟอร์มด้านล่าง
นักศึกษา บัณฑิต นักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่ใช้ฐานความรู้ในการศึกษาและการทำงานจะขอบคุณมาก
โพสต์เมื่อ http://www.allbest.ru/
การแนะนำ
ชีวิตของ Wolfgang Amadeus Mozart นักแต่งเพลงชาวออสเตรียที่ยอดเยี่ยมนั้นน่าทึ่งและไม่ธรรมดา พรสวรรค์ที่สดใสและใจกว้างของเขา การเผาไหม้ที่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งและไม่เหมือนใคร โมสาร์ทมีอายุเพียง 36 ปี แม้จะมีกิจกรรมคอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่องซึ่งเริ่มตั้งแต่อายุหกขวบ แต่เขาก็สร้างผลงานมากมายในช่วงเวลานี้ โมสาร์ทเขียนซิมโฟนีประมาณ 50 เรื่อง โอเปร่า 19 เรื่อง โซนาตา ควอเตต ควินเต็ต บังสุกุล และงานอื่นๆ ในประเภทต่างๆ
จากความสำเร็จของ Haydn ในด้านดนตรีโซนาตา-ซิมโฟนิก Mozart ยังได้นำเสนอสิ่งใหม่ๆ โอเปร่าของเขายังมีคุณค่าทางศิลปะอย่างมากอีกด้วย "การแต่งงานของฟิกาโร", "ดอนฮวน", "ขลุ่ยวิเศษ" ประสบความสำเร็จอย่างไม่เปลี่ยนแปลงมากว่าหนึ่งศตวรรษ ในทำนองเดียวกัน ในประเภทอื่นๆ โมสาร์ทมีคำพูดของเขา คำว่าอัจฉริยะทางดนตรี
พรสวรรค์ที่น่าทึ่งของ Mozart การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของเขาไม่เพียงดึงดูดความสนใจจากผู้ร่วมสมัยของนักแต่งเพลงเท่านั้น พุชกินผู้ยิ่งใหญ่เขียนโศกนาฏกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ Mozart และ Salieri และนักแต่งเพลง Rimsky-Korsakov ได้สร้างโอเปร่าจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้
ทุกวันนี้ เพลงของ Mozart ได้ยินในคอนเสิร์ต โรงละครโอเปร่า และทางวิทยุ ผลงานของ Mozart เป็นข้อบังคับในโปรแกรมของโรงเรียนดนตรี, เรือนกระจก, All-Union และการแข่งขันระดับนานาชาติ หนังสือและบทความเขียนเกี่ยวกับ Mozart โดยพยายามเปิดเผยความลึกและความสวยงามของดนตรีของเขา เพื่อบอกเล่าเกี่ยวกับความสามารถพิเศษของเขา เกี่ยวกับความสดใส น่าสนใจ และในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยงานหนักและความเศร้าในชีวิต
บทที่ 1. ชีวประวัติของผู้แต่ง
เพลงบรรเลงของนักแต่งเพลงโมสาร์ท
ชีวประวัติก่อน พ.ศ. 2324
MOZART Wolfgang Amadeus เป็นนักแต่งเพลงชาวออสเตรีย เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2299 ในเมืองซาลซ์บูร์ก พัฒนาการทางดนตรีของ Mozart ได้รับอิทธิพลอย่างมากจาก Leopold Mozart พ่อของเขา ผู้สอนลูกชายของเขาให้เล่นเครื่องดนตรีและแต่งเพลง ตอนอายุ 4 ขวบโมสาร์ทเล่นฮาร์ปซิคอร์ดตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบเขาเริ่มแต่งเพลง (ซิมโฟนีที่ 1 แสดงในปี 2307 ในลอนดอน) โมสาร์ทยังแสดงในฐานะนักไวโอลิน นักร้อง นักเล่นออร์แกน และวาทยกร ด้นกลอนสดได้อย่างยอดเยี่ยม โดดเด่นด้วยหูชั้นดีในด้านดนตรีและความทรงจำ ตั้งแต่อายุ 6 ขวบเขาไปเที่ยวกับชัยชนะในเยอรมนี, ออสเตรีย, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, สวิตเซอร์แลนด์, อิตาลี ตอนอายุ 11 ปี เขาแสดงเป็นนักแต่งเพลงประกอบละคร (ส่วนที่ 1 ของละครเวที oratorio<Долг первой заповеди>โรงเรียนโอเปร่า<Аполлон и Гиацинт>). หนึ่งปีต่อมาได้สร้าง Singspiel ภาษาเยอรมัน<Бастьен и Бастьенна>และหนังควายอิตาเลี่ยน<Притворная пастушка>. ในปี พ.ศ. 2313 พระสันตะปาปาได้ประทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เดือยทองแก่เขา ในปีเดียวกัน นักดนตรีวัย 14 ปี ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ Philharmonic Academy ในเมืองโบโลญญา หลังจากผ่านการทดสอบพิเศษ ในเวลาเดียวกันนักแต่งเพลงหนุ่มได้แสดงรอบปฐมทัศน์ของโอเปร่าในมิลาน<Митридат, царь Понтийский>. เสียงเพลงของ Mozart แสดงที่นั่นในปีต่อมา<Асканий в Альбе>หนึ่งปีต่อมาโอเปร่า<Луций Сулла>. การทัวร์ศิลปะและการพำนักต่อในเมืองมันไฮม์ ปารีส เวียนนามีส่วนทำให้โมสาร์ทรู้จักวัฒนธรรมดนตรียุโรปอย่างกว้างขวาง การเติบโตทางจิตวิญญาณของเขา และการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพ เมื่ออายุได้ 19 ปี โมสาร์ทเป็นผู้ประพันธ์ผลงานละครเวทีประเภทต่างๆ ถึง 10 เรื่อง (รวมถึงโอเปร่า<Мнимая садовница>, การแสดงละครในมิวนิค,<Сон Сципиона>และ<Царь-пастух>- ทั้งในซาลซ์บูร์ก), 2 แคนทาทา, ซิมโฟนีจำนวนมาก, คอนแชร์โต, ควอร์เต็ต, โซนาตา, ชุดออร์เคสตร้าทั้งมวล, การประพันธ์เพลงในโบสถ์, อาเรีย และงานอื่นๆ แต่ยิ่งเด็กอัจฉริยะกลายเป็นปรมาจารย์มากเท่าไหร่ สังคมชนชั้นสูงก็ยิ่งสนใจเขาน้อยลงเท่านั้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2312 โมสาร์ทได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ดูแลการแสดงคอนเสิร์ตของโบสถ์ประจำศาลในซาลซ์บูร์ก อาร์ชบิชอปเจอโรม เคานต์ คอลโลเรโด ผู้ปกครองอาณาเขตของสงฆ์ ได้จำกัดความเป็นไปได้ของกิจกรรมสร้างสรรค์ของเขาอย่างไร้จุดหมาย ความพยายามในการค้นหาบริการอื่นนั้นไร้ผล ในที่อยู่อาศัยของเจ้าชายและร้านเสริมสวยของชนชั้นสูงในอิตาลี, รัฐเยอรมัน, ฝรั่งเศส, นักแต่งเพลงได้พบกับความเฉยเมย หลังจากเร่ร่อนในปี 2320-2222 โมสาร์ทถูกบังคับให้กลับไปยังบ้านเกิดของเขาและรับตำแหน่งนักเล่นออร์แกนในศาล โอเปร่าที่เขาเขียนให้กับมิวนิคในปี 1780<Идоменей, царь Критский, или Илия и Идамант>เป็นพยานถึงวุฒิภาวะทางศิลปะของปรมาจารย์ที่ยอดเยี่ยม สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือการอยู่ในซาลซ์บูร์ก ในปี ค.ศ. 1781 โมสาร์ทเลิกรากับอาร์คบิชอปในที่สุด
ชีวประวัติหลัง พ.ศ. 2324
ในบรรดานักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต โมสาร์ทเป็นคนแรกที่ชอบชีวิตที่ไม่มั่นคงของศิลปินอิสระมากกว่าการรับใช้กึ่งข้ารับใช้ของขุนนางผู้มีอำนาจสูงสุด โมสาร์ทไม่ต้องการเสียสละอุดมคติของเขาเพื่อรสนิยมที่แพร่หลายปกป้องเสรีภาพในการสร้างสรรค์และความเป็นอิสระส่วนตัวอย่างกล้าหาญ โมสาร์ทตั้งรกรากในเวียนนา เขามีครอบครัว (จากลูกหกคน มีเพียงลูกชายสองคนเท่านั้นที่รอดชีวิตจากพ่อของเขา คนสุดท้องกลายเป็นนักดนตรี Mozart F.K.W.) ความพยายามเกี่ยวกับบริการยังไม่ประสบความสำเร็จ โมสาร์ทหาเลี้ยงชีพได้จากผลงานของเขาที่เป็นตอนๆ (ผลงานหลักส่วนใหญ่ได้รับการตีพิมพ์หลังเสียชีวิต) บทเรียนเปียโนและทฤษฎีการประพันธ์เพลง ตลอดจน "สถาบันการศึกษา" (คอนเสิร์ต) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของเปียโนคอนแชร์โตของเขา หลังจากร้องเพลง<Похищение из сераля>(พ.ศ. 2325) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาแนวเพลงนี้ผู้แต่งไม่มีโอกาสเขียนบทละครเป็นเวลาเกือบ 4 ปี
ในปี พ.ศ. 2329 ละครเพลงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาแสดงที่พระราชวังเชินบรุนน์<Директор театра>. ด้วยความช่วยเหลือของ Lorenzo Da Ponte นักกวีและนักประพันธ์ในราชสำนัก ในปีเดียวกัน โอเปร่าได้จัดแสดงในเวียนนา<Свадьба Фигаро>(พ.ศ. 2329) แต่เธอไปที่นั่นเป็นเวลาค่อนข้างสั้น (กลับมาทำงานต่อในปี พ.ศ. 2332); สิ่งที่น่ายินดียิ่งกว่าคือความสำเร็จที่โด่งดังของ Mozart<Свадьбы Фигаро>ในปราก (1787) ประชาชนชาวเช็กยังกระตือรือร้นเกี่ยวกับโอเปร่าของ Mozart ที่แต่งขึ้นเป็นพิเศษสำหรับปราก<Наказанный распутник, или Дон Жуан>(2330); ในเวียนนา (จัดแสดงในปี พ.ศ. 2331) โอเปร่าเรื่องนี้ได้รับความยับยั้งชั่งใจ โอเปร่าทั้งสองได้เปิดเผยแรงบันดาลใจทางอุดมการณ์และศิลปะใหม่ของนักแต่งเพลงอย่างเต็มที่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา งานซิมโฟนิกและแชมเบอร์ออร์เคสตราของเขาก็เฟื่องฟูเช่นกัน ชื่องาน<императорского и королевского камерного музыканта>ซึ่งมอบให้โมสาร์ทโดยจักรพรรดิโจเซฟที่ 2 เมื่อปลายปี พ.ศ. 2330 (หลังการสิ้นพระชนม์ของเค. เพียงครั้งเดียวที่เขาได้รับมอบหมายให้เขียนการ์ตูนโอเปร่าโดยอิงจากเรื่องราวชีวิตฆราวาส -<Все они таковы, или Школа влюблённых>(1790). โมสาร์ทตั้งใจจะออกจากออสเตรีย การเดินทางไปเบอร์ลินในปี พ.ศ. 2332 ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความหวังของเขา ด้วยการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิเลโอโปลด์ที่ 2 ในออสเตรีย (พ.ศ. 2333) ตำแหน่งของโมสาร์ทก็ไม่เปลี่ยนแปลง ในปี พ.ศ. 2334 ในกรุงปราก เนื่องในโอกาสพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์เลโอโปลด์เป็นกษัตริย์เช็ก โอเปร่าของโมสาร์ทได้ถูกนำเสนอ<Милосердие Тита>ทักทายอย่างเย็นชา ในเดือนเดียวกัน (กันยายน) ก็ได้เห็นแสงสว่าง<Волшебная флейта>. โอเปร่าโมสาร์ทเรื่องนี้จัดแสดงบนเวทีของโรงละครชานเมือง ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงในหมู่ประชาชนประชาธิปไตยในกรุงเวียนนา ในบรรดานักดนตรีชั้นนำที่สามารถชื่นชมพลังแห่งความสามารถของ Mozart ได้อย่างเต็มที่คือ I. Haydn ร่วมสมัยที่มีอายุมากกว่าของเขาและ L. Beethoven ที่อายุน้อยกว่า ในแวดวงอนุรักษ์นิยม ผลงานสร้างสรรค์ของเขาถูกประณาม ตั้งแต่ปี 1787 พวกเขาหยุด<академии>โมสาร์ท. เขาล้มเหลวในการจัดการแสดงซิมโฟนี 3 ชุดสุดท้าย (พ.ศ. 2331); สามปีต่อมาหนึ่งในนั้น (เห็นได้ชัดว่าเป็น g-moll) ได้แสดงในคอนเสิร์ตการกุศลในเวียนนาโดย A. Salieri ในฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ. 1791 โมสาร์ทได้ลงทะเบียนเป็นผู้ช่วยผู้ควบคุมฟรีของมหาวิหารเซนต์ สเตฟานมีสิทธิ์ที่จะนั่งตำแหน่งว่างหลังจากการตายของ Kapellmeister การกีดกันการละเลยงานของเขาความยากลำบากในการได้รับคำสั่งและตำแหน่งที่ยอมรับได้ - ทั้งหมดนี้ทำให้ชีวิตของนักแต่งเพลงเป็นพิษทำให้เกิดลางสังหรณ์ที่มืดมน เป็นเวลาครึ่งเดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต Mozart ล้มป่วย (การวินิจฉัย - ไข้รูมาติก - อักเสบ) บังสุกุลสั่งโดยไม่ระบุตัวตนโดย Count F. Walsegg-Stuppach (ผู้ตัดสินใจส่งต่องานที่ซื้อมาเป็นของตนเอง) ยังไม่เสร็จ (ตัวเลขที่ขาดหายไปเขียนโดย F.K. นักเรียนของ Mozart จนถึงปัจจุบัน) โมสาร์ทเสียชีวิตก่อนอายุ 36 ปี ตามกิจวัตรของงานศพทั่วไปเขาถูกฝังในหลุมฝังศพทั่วไปในสุสานของนักบุญ มาร์ค (ไม่ทราบตำแหน่งของหลุมฝังศพ)
1.1 การวิเคราะห์ความคิดสร้างสรรค์นักแต่งเพลง
ผลงานของโมสาร์ท ซึ่งครอบคลุมทั้งในแง่ของแนวเพลงและความเชื่อมโยงทางดนตรีและโวหารที่กว้างขวาง เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาโลกของโอเปร่า ซิมโฟนี คอนแชร์โต และแชมเบอร์มิวสิค โดยสรุปประสบการณ์อันยาวนานหลายศตวรรษของคีตกวีจากหลากหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวออสเตรีย เยอรมัน ตลอดจนอิตาลี ฝรั่งเศส และเช็ก เมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ 18 มันมีอิทธิพลต่องานชิ้นต่อมาของ J. Haydn และนำไปสู่ศตวรรษที่ 19 โดยตรง - ถึงวีรบุรุษของ L. Beethoven (ซิมโฟนี C-dur เรียกภายหลังว่า<Юпитер>) และความโรแมนติกของ F. Schubert (ซิมโฟนีใน g-moll) ในฐานะนักเขียนบทละครเพลง โมสาร์ทได้เปลี่ยนแปลงการ์ตูนในชีวิตประจำวันและโอเปร่าที่ซาบซึ้งและสร้างแนวเพลงโอเปร่าใหม่ในสไตล์ที่สมจริงสำหรับผู้ใหญ่ วิธีการสร้างสรรค์ของเขาโดดเด่นด้วยความจริงและความเก่งกาจในการพรรณนาตัวละคร, การเปิดเผยภาพในการพัฒนาและการโต้ตอบ, ความสามัคคีของแบบฉบับและรูปธรรม, ความแตกต่างของโศกนาฏกรรมและอารมณ์ขัน, การผสมผสานระหว่างความจริงใจกับการประชดประชัน ความเป็นจริงกับจินตนาการ บนพื้นฐานของหนังควายของอิตาลี<Свадьба Фигаро>และละครโอเปร่า<Дон Жуан>อิงจาก Singspiel ของออสเตรีย-เยอรมัน ซึ่งเป็นโอเปร่านิทานประจำชาติ<Волшебная флейта>ซึ่งรวมถึงเวทีและประเภทดนตรีอื่นๆ ตั้งแต่การแสดงอันศักดิ์สิทธิ์ไปจนถึงการแสดงสุดอลังการ จากรูปแบบของโอเปร่าอิตาลีไปจนถึงการร้องเพลงประสานเสียงและความทรงจำ อย่างน้อยที่สุดก็สอดคล้องกับธรรมชาติสร้างสรรค์ของประเภทวีรบุรุษ-ตำนานและประวัติศาสตร์แบบมีเงื่อนไขของโมซาร์ทของโอเปร่าซีเรีย ดังที่ผลงานในยุคแรกๆ ของเขาแสดงให้เห็นไม่มากนัก (<Митридат>, <Луций Сулла>) เท่าไหร่ในภายหลัง -<Милосердие Тита>(เรื่องราวสมมติจากชีวิตของจักรพรรดิโรมัน) แต่ในพื้นที่นี้ Mozart ได้แนะนำสิ่งใหม่ ๆ และมีอยู่แล้วในโอเปร่า<Идоменей>(อ้างอิงจาก ประวัติศาสตร์กรีกโบราณและตำนาน) ในแบบของเขาเองพัฒนาการพิชิตดนตรีและศิลปะการละครของ K. V. Gluck ซึ่งแตกต่างจาก Gluck ซึ่งทำลายหลักการของโอเปร่าเก่า ๆ อย่างรวดเร็ว Mozart เดินตามเส้นทางของการต่ออายุภายในและการข้ามรูปแบบเวทีดนตรี ในการสังเคราะห์ดนตรีและการละคร โมสาร์ทได้ทิ้งอำนาจสูงสุดไว้ที่ดนตรี ในขณะเดียวกันก็เรียกร้องเนื้อหาที่น่าทึ่งและคุณภาพของข้อความวรรณกรรม การสอดแทรกของซิมโฟนีและละคร โดยหลักการเสียงที่โดดเด่นไม่เปลี่ยนแปลง เป็นตัวกำหนดหลายแง่มุม โรงละครดนตรีโมสาร์ท. ช่วงเวลาสำคัญที่สำคัญที่สุดของการแสดงจะถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบดนตรีประกอบที่ลงตัวและน่าทึ่ง รวมถึงฉากสุดท้ายที่พัฒนาอย่างเข้มข้น ในวงดนตรี ความสมดุลของดนตรีและด้านละคร ความกลมกลืนของเสียงโดยรวม กับความเฉพาะเจาะจงของเส้นเสียงแต่ละเส้น การให้ความมั่นใจส่วนบุคคลของตัวละครแต่ละตัวได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ โคลงสั้น ๆ การ์ตูน ละคร เรียสในโอเปร่าเป็นภาพเสียงของวีรบุรุษ
ศิลปะของโมสาร์ทซึ่งเป็นตัวแทนของโรงเรียนคลาสสิกเวียนนา มีความชัดเจนและมีชีวิตชีวาในการแสดงออกอย่างสอดคล้องกัน คล้ายกับการตรัสรู้ลัทธิคลาสสิกด้วยลัทธิแห่งเหตุผล อุดมคติของความเรียบง่ายอันสูงส่งและการมองโลกในแง่ดี และในขณะเดียวกันก็มีอารมณ์อ่อนไหวด้วยลัทธิของ หัวใจและการยืนยันสิทธิส่วนบุคคลโดยเฉพาะอย่างยิ่งปีกที่รุนแรง - ปัจจุบัน<Бури и натиска>. การผสมผสานระหว่างการแต่งเนื้อร้องที่เร่าร้อน ความจริงใจ พลังในการแสดงออกอย่างมีระเบียบแบบแผน และความสุขุมเยือกเย็นเป็นผลงานศิลปะของโมสาร์ทที่ริเริ่มสร้างสรรค์ การเอาชนะขนบธรรมเนียมประเพณีของวัฒนธรรมชนชั้นสูง แต่ยังคงไว้ซึ่งองค์ประกอบที่สำคัญของรูปแบบที่กล้าหาญ การคิดใหม่และควบคุมแนวคิดเหล่านี้ให้มีแนวคิดเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โมสาร์ทได้ยืนยันแนวทางใหม่ในการพัฒนาดนตรี การแสดงภาพเป็นรายบุคคล, ความสมบูรณ์ของการแสดงออก, ความรวดเร็วของการพัฒนา, ความอิ่มตัวของละคร - ทั้งหมดนี้ช่วยเสริมความไพเราะ, ฮาร์มอนิก, โพลีโฟนิก, เพิ่มไดนามิกภายในและความคมชัดของรูปแบบการแต่งเพลง, กำหนดหลักการใหม่สำหรับการใช้เครื่องดนตรีและเสียงในวงออเคสตรา และกลุ่มแกนนำ ดนตรีหลายแง่มุมของโมสาร์ทมักถ่ายทอดบทเพลงเศร้าโศก (<вертеровские>) หรืออารมณ์โศกเศร้าที่มืดมน แต่สีของแสงจะเหนือกว่า ความงดงามของดนตรีโมสาร์ท ในรูปแบบที่หรูหราและสมบูรณ์แบบ สะท้อนความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมของชีวิต หล่อหลอมความฝันให้กลายเป็นความสุข
1.2 ธีมของผลงานของ Mozart
รูปแบบของโอเปร่าของ Mozart สะท้อนให้เห็นถึงความคิดทางสังคมและจริยธรรมที่ก้าวหน้าในยุคนั้น แนวโน้มต่อต้านศักดินาปรากฏอยู่ในโอเปร่าโดยตรง<Свадьба Фигаро>โดยความขบขัน<Безумный день, или Женитьба Фигаро>โบมาเช่. ความคมชัดของการปฏิวัติของตลกในโอเปร่าถูกทำให้อ่อนลง (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตุผลด้านการเซ็นเซอร์) ธีมความรักถูกรวมไว้ในบทกวีมากกว่าในละครตลก ในขณะเดียวกันแนวคิดทางสังคม - ชัยชนะของคนที่กระตือรือร้นฉลาดและมีค่าควรจากผู้คน (ฟิกาโรและซูซานนาเจ้าสาวของเขา) ในการต่อสู้อย่างดื้อรั้นกับการเรียกร้องของขุนนาง - ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ในโอเปร่าและเป็นพื้นฐานของ การพัฒนาละครและลักษณะทางดนตรี ตำนานเก่าแก่ของสเปนได้รับการตีความใหม่ในโอเปร่า<Дон Жуан> - <весёлой драме>(ละครจิโอโคโซ) ผสมผสานองค์ประกอบที่ตลกขบขันและโศกนาฏกรรม ความลุ่มลึกทางจิตใจและการวางอุบายที่สนุกสนาน ความดั้งเดิมที่น่าอัศจรรย์ และความถูกต้องในชีวิตประจำวัน ตัวละครชื่อเรื่องเป็นตัวเป็นตน พลังงานที่สำคัญ, อารมณ์, เสน่ห์ที่ไม่อาจต้านทาน, อิสระในความรู้สึก โมสาร์ทไม่ได้ทำให้ดอน จิโอวานนี หลงใหลในภาพนี้ เขาเปรียบเทียบความเด็ดเดี่ยวของบุคลิกภาพที่แข็งแกร่งกับหลักเหตุผลและศีลธรรมอันมั่นคง บุคคลในรูปสัญลักษณ์ของผู้บัญชาการและในภาพลักษณ์อันสูงส่งและเคร่งครัดของ Donna Anna ในโอเปร่าที่ร่าเริงและสง่างาม<Все они таковы>(อย่างแท้จริง:<Так поступают все женщины>) การแสดงตลกถูกเปลี่ยนโดยการประชดประชันเล็กน้อยประเภทนั้นถูกจารึกไว้อย่างชัดเจนใน arias และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงดนตรี (มีมากกว่า arias ที่นี่) ความรู้สึกที่บริสุทธิ์และสูงส่งของหัวใจที่อ่อนเยาว์ ความซื่อสัตย์ในความรักและมิตรภาพถูกขับขานในบทเพลง<Похищение из сераля>ด้วยรสชาติแบบตะวันออกที่มีเงื่อนไขและในนิทานโอเปร่า - เทพนิยายเชิงปรัชญา<Волшебная флейта>การวาดภาพยูโทเปีย โลกที่สมบูรณ์แบบปัญญาและคุณธรรม<Волшебной флейте>คุณสมบัติของศีลธรรมและสัญลักษณ์ในจิตวิญญาณของความสามัคคีเป็นลักษณะเฉพาะ (ตั้งแต่ปี 1784 Mozart เป็นสมาชิกของ Masonic order -<свободным каменщиком>ในตอนท้ายของปี 1785 เขาเข้าไปในกล่อง<К добродетели>). โอเปร่าเชิดชูชัยชนะของแสงสว่างเหนือความมืด มิตรภาพเหนือความเกลียดชัง ความแน่วแน่เหนือความขี้ขลาด ความรักของมนุษย์ที่มีต่อ กองกำลังชั่วร้ายความสงบ. ดนตรีที่มีเสน่ห์สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของจิตวิญญาณและความเรียบง่ายของหัวใจ สัมผัสและตลกขบขัน ความลึกซึ้งและความไร้เดียงสาในเชิงเปรียบเทียบ ใน<Волшебной флейте>โมสาร์ทตระหนักถึงความฝันของเขา - เพื่อสร้างโอเปร่าที่ยอดเยี่ยมในภาษาบ้านเกิดของเขา และ<Свадьба Фигаро>, และ<Дон Жуан>ตามหลักการทางศิลปะ การละครและคลังดนตรี - การสร้างสรรค์ของโรงเรียนเวียนนา แต่เช่นเดียวกับโอเปร่าส่วนใหญ่ของโมสาร์ท เขียนเป็นภาษาอิตาลีและอยู่ในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับโอเปร่าอิตาลี ซึ่งแพร่หลายในหลายประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา<Волшебная флейта>เกิดขึ้นบนพื้นฐานที่แตกต่างกัน ด้วยความนามธรรมและความแปลกใหม่ของโครงเรื่อง บวกกับความไม่ธรรมดาของละครเพลง โอเปร่าเรื่องนี้จึงใกล้เคียงกับ ตัวละครประจำชาติเพลงพื้นบ้านและพฤกษ์ในประเทศ ประเพณีของโรงละครประชาธิปไตยออสเตรีย เป็นการปูทางไปสู่การยืนยันความเป็นอิสระของอุปรากรแห่งชาติในประเทศต่างๆ ภาษาเยอรมัน. Mozart ร่วมกับ I. Haydn เป็นผู้สร้างวงออร์เคสตราและแชมเบอร์คลาสสิกแนวใหม่ เขาอาศัยแบบแผนของวงซิมโฟนีและวงดนตรีทั้งมวล 4 ส่วน ตามประเภทของโซนาตาอัลเลโกรที่พัฒนาโดยไฮเดิน และตามโครงสร้างของวงดุริยางค์ซิมโฟนีและวงคันธนู (ในทางกลับกัน ไฮเดินก็นำนวัตกรรมของโมสาร์ทไปใช้ในซิมโฟนี ควอเตตและโซนาตาที่ดีที่สุดของเขา ซึ่งปรากฏหลังจากโมสาร์ทเสียชีวิต) ขณะที่เขาเชี่ยวชาญ คุณสมบัติการแต่งเพลงร่วมสมัยสำหรับเขา โรงเรียนและแนวโน้มที่หลากหลาย (ความง่ายในการรับรู้ของเขานั้นน่าทึ่งมาก) สไตล์การเขียนของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ความคิดริเริ่มที่ไม่เหมือนใครของผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาได้รับการเปิดเผยอย่างเต็มที่มากขึ้น อิทธิพลของโรงเรียนมันไฮม์ได้รับผลกระทบ<Парижской>ซิมโฟนีใน D major สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2321 หลังจากพำนักอยู่ที่เมืองมันไฮม์ ซึ่งหมายความว่าความคุ้นเคยกับผลงานของ J. S. Bach และ G. F. Handel ในตอนต้นของยุคเวียนนาได้ทิ้งร่องรอยไว้ในพัฒนาการทางดนตรีของ Mozart ตอนอายุ 15-16 ปี M. สร้างซิมโฟนี 15 หรือ 16 เพลงและในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในชีวิตของเขา - 6 เพลง (รวมประมาณ 50 รายการ) ซิมโฟนีที่โตเต็มวัยแต่ละตัวมีลักษณะนิสัยแตกต่างกัน ที.เอ็น.<Хафнер-симфония>(D-dur, 1782, เขียนขึ้นสำหรับตระกูล Salzburg Hafner) ยังคงมีลักษณะเฉพาะของรูปแบบความหลากหลาย มันเกิดขึ้นจากเซเรเนดหลายส่วนซึ่งการเดินขบวนเปิดและหนึ่งในสองนาทีถูกลบออก ในปี พ.ศ. 2326 ได้ปรากฏตัวขึ้น<Линцская>ซิมโฟนีใน C-dur ในปี พ.ศ. 2329 -<Пражская>ดี-ดูร์ (<симфония без менуэта>). 3 ซิมโฟนี 1788 คราวน์ ความคิดสร้างสรรค์ไพเราะโมสาร์ทและซิมโฟนียุโรปทั้งหมดในศตวรรษที่ 18 การแสดงซิมโฟนี Es-dur ที่ดูเคร่งขรึมและน่าสมเพชตัดกับธีมการเต้นรำในชีวิตประจำวันของท่วงท่าทั้ง 4 แบบที่แต่งแต้มสีสันทางอารมณ์ต่างกัน ซิมโฟนี g-moll เต็มไปด้วยเนื้อเพลงที่ตื่นเต้น ความน่าสมเพชที่น่าเศร้า และในขณะเดียวกันก็โดดเด่นด้วยพลังงาน ความตั้งใจ และความแข็งแกร่งทางจิตใจ ในซิมโฟนี G-dur อันเกรียงไกร (<Юпитер>) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด โดยเน้นคอนทราสต์ของภาพเป็นพิเศษ โมสาร์ทได้ยกระดับเนื้อหาเชิงอุดมคติและอุปมาอุปไมยของซิมโฟนี ทำให้เกิดความตึงเครียดอย่างมาก เสริมสร้างเอกภาพทางโวหาร และทำให้ความแตกต่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างส่วนต่างๆ ของวงจรโซนาตา ระหว่างส่วนต่างๆ ของโซนาตา อัลเลโกร และภายในธีมด้วย เขาใช้รูปแบบโซนาตา อัลเลโกร ไม่เพียงแต่ในส่วนที่ 1 เท่านั้น แต่ยังใช้ในส่วนที่ 2 และ 4 ของซิมโฟนีด้วย ตอนจบที่ยิ่งใหญ่ของซิมโฟนี<Юпитер>เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการนำความทรงจำมาสู่ sonata allegro วิวัฒนาการของ minuet (ส่วนที่ 3 ของซิมโฟนี) เป็นสิ่งที่บ่งบอก - มันกลายเป็นโคลงสั้น ๆ และความกล้าหาญกับ Mozart หลักการสำคัญของงานบรรเลงของโมสาร์ทคือความสามารถในการร้องไม่ได้ ซึ่งผู้ประพันธ์ใช้ไม่เพียงเฉพาะเสียงนำเท่านั้น แต่ยังใช้ตลอดทั้งเนื้อสัมผัสที่พัฒนาอย่างประณีต (<певучая инструментовка>). ชุดรูปแบบโดดเด่นด้วยความไพเราะ ความยืดหยุ่นของเส้น การหายใจที่กว้าง มักจะเกี่ยวข้องกับท่วงทำนองของโอเปร่าของ Mozart; ในหลาย ๆ ของพวกเขา การหมุนเวียนของทุกวัน ดนตรีพื้นบ้านของออสเตรียมีการเปลี่ยนแปลง ในวงออร์เคสตราของ Mozart ทำให้เกิดความสมดุลอย่างน่าทึ่งของกลุ่ม (เครื่องสาย 4 ชิ้นพร้อมส่วนเสียงเบสที่ไม่แตกต่างกัน และส่วนใหญ่เป็นเครื่องเป่าคู่กับทิมปานี) ทิมเบอร์ทองเหลืองใช้แยกกัน ขลุ่ยมักถูกนำเสนอในวงออเคสตราไม่ใช่สองชิ้น แต่เป็นส่วนหนึ่ง (รวมถึงในซิมโฟนี 3 ชุดสุดท้าย) ไม่มีโอโบในซิมโฟนี Es-dur (K 543) คลาริเน็ตซึ่งโมซาร์ทดึงดูดมากขึ้นเรื่อยๆ (ไฮเดินแนะนำ พวกเขาไปที่วงดุริยางค์ซิมโฟนีหลังจากโมสาร์ท) อย่างไรก็ตาม ขาดหายไปในซิมโฟนีใน C-dur (K 551) และนำเข้าในซิมโฟนีใน g-moll (K 550) นอกจากนี้ (ไม่มีทรัมเป็ตและทิมปานีอยู่ในนั้น)
แชมเบอร์มิวสิค
วงดนตรีบรรเลงแชมเบอร์ของโมสาร์ทมีสไตล์ใกล้เคียงกับซิมโฟนีของเขา แต่ตามกฎแล้ว วงดนตรีจะมีความใกล้ชิด แสดงออกอย่างละเอียดอ่อน และเน้นจิตวิญญาณมากกว่า มีการใช้องค์ประกอบของโพลีโฟนีอย่างเข้มข้นยิ่งกว่าในซิมโฟนี ไลน์เมโลดิกที่มีความคมชัดแบบโครมาติก (g-moll string quintet) ฮาร์โมนีที่ไม่ลงรอยกันตัวหนา (c-dur string quartet) เป็นเรื่องปกติ ในวงยุคแรก clavier มีอำนาจเหนือไวโอลิน (ใน sonatas) ไวโอลินและเชลโล (ใน trios) เครื่องสายและเครื่องสายมีค่าเท่ากันในการประพันธ์เพลงในภายหลัง ในบรรดาโซนาตาสำหรับเปียโนและไวโอลิน 35 ตัว (ไม่รวมโซนาตาโรแมนติก 6 ตัวซึ่งมีการปฏิเสธความเป็นเจ้าของ) 16 ตัวถูกสร้างขึ้นในช่วงเริ่มต้นของการเดินทางคอนเสิร์ต (ปารีส ลอนดอน และกรุงเฮก) โซนาตาที่สมบูรณ์แบบที่สุดเป็นของสมัยเวียนนา (B-dur, 1784; A-dur, 1788) ในวงเครื่องสายประเภทเก่าใกล้กับโซนาตาสามวง (อิตาลี พ.ศ. 2313-2516) ถูกแทนที่ด้วยประเภทไฮด์เนียน ซึ่งแสดงครบใน 6 ควอเตตที่อุทิศให้กับ<отцу, наставнику и другу>I. Haydn (อ้างอิงจาก Mozart,<плод долгого и упорного труда>) และ 3<Прусских>ควอเตต (ค.ศ. 1789-90) ถ้าใน ดนตรีแชมเบอร์ Haydn, สตริงควอเต็ตครองตำแหน่งศูนย์กลาง จากนั้นโมสาร์ทพร้อมกับควอเต็ต (ในเชิงปริมาณ พวกมันมีอำนาจเหนือกว่า) วงสตริงมาก่อนในแง่ของความสำคัญทางศิลปะ (ตัวอย่างที่สมบูรณ์ที่สุดคือ C-dur และ g-moll, 1787) ท่ามกลางสายลมและ วงดนตรีผสมกลุ่มสำหรับเปียโนและเครื่องลม (1784) และกลุ่มสำหรับคลาริเน็ตและเครื่องสาย (1789) โดดเด่น
เพลงคลาเวียร์
ดนตรีคลอเวียร์ของ Mozart สะท้อนถึงสิ่งสำคัญสองประการ กระบวนการทางประวัติศาสตร์: เปลี่ยนจากฮาร์ปซิคอร์ดและคลาวิคอร์ดเป็นเปียโน (ค่อนข้างแล้ว ปีแรก ๆ Mozart) และความเสถียรของวงจรโซนาตาคลาสสิก (สามการเคลื่อนไหว) ในโซนาตาและคอนแชร์โต สไตล์เปียโนของ Mozart เกี่ยวข้องโดยตรงกับศิลปะการแสดงของเขา การเล่นที่สง่างาม แตกต่าง ไพเราะ และกินใจของโมสาร์ทประกอบขึ้นเป็นยุคประวัติศาสตร์ของวงการเปียโน โมสาร์ทเป็นผู้ก่อตั้งคอนแชร์โตรูปแบบคลาสสิก คอนแชร์โตของโมสาร์ทยังคงเข้าถึงได้อย่างกว้างขวาง มีขอบเขตของซิมโฟนิกและการแสดงออกที่หลากหลาย พวกเขาผสมผสานการแสดงด้นสดและหลักการเชิงตรรกะอย่างเคร่งครัด การแข่งขันและความสมบูรณ์ร่วมกันของท่อนโซโล่และ วงดุริยางค์. เมื่อตอนเป็นเด็กชายอายุ 11 ปี โมสาร์ทได้แต่งเพลงโซนาตาของนักแต่งเพลงคนอื่นๆ ในรูปแบบของคอนแชร์โต 4 เพลง ตอนอายุ 17-21 ปี เขาเขียนคอนแชร์โตดั้งเดิม 4 เพลงแรกสำหรับเปียโนและวงออเคสตรา เปียโนคอนแชร์โตส่วนใหญ่ (17) ปรากฏในภายหลังในเวียนนา ดนตรีของพวกเขาโดดเด่นด้วยความอลังการของเทศกาล (คอนเสิร์ต D-dur และ A-dur) บางครั้งก็ดราม่าและน่าสมเพช (คอนเสิร์ต c-moll และ d-moll) คอนแชร์โตเปียโนเวียนนานำหน้าด้วยคอนแชร์โตไวโอลิน 5 เพลงที่เขียนโดยโมสาร์ทวัย 19 ปี ซึ่งอาจจะเป็นสำหรับการแสดงของเขาเอง และคอนแชร์โตเปียโนคู่ที่แต่งขึ้นสำหรับตัวเขาเองและน้องสาวของเขา (ค.ศ. 1779) ตามคำร้องขอของเพื่อนนักดนตรีหรือว่าจ้างโดยมือสมัครเล่นที่มีชื่อเสียง เขาสร้างซีรีส์ คอนเสิร์ตเดี่ยวสำหรับเครื่องเป่า คอนแชร์โตคู่หลายรายการและเปียโนคอนแชร์โตสามรายการ ตลอดจนเครื่องเป่าที่มีประสิทธิภาพใน<мангеймском стиле>, <Концертную симфонию>ด้วยเครื่องเป่าเดี่ยว 4 เครื่อง สำหรับการแสดงของเขา และส่วนหนึ่งสำหรับนักเรียนของเขา โมสาร์ทเขียนเปียโนโซนาตา รอนดอส แฟนตาซี และรูปแบบต่างๆ แม้ว่าโซนาตาจะด้อยกว่าในด้านเนื้อหาและรูปแบบแปลกใหม่กว่าคอนแชร์โต ควินเท็ต ซิมโฟนี แต่อย่างไรก็ตาม โซนาตาที่โตเต็มที่ที่สุด เช่น c-moll (1784), A-dur (1778) และ D-dur (1789) พร้อมกับทำนองเดียวกัน ใช้งานได้กับเปียโนและไวโอลินจากด้านบน ความคิดสร้างสรรค์ของโซนาต้าศตวรรษที่ 18
เพลงคริสตจักร
ดนตรีในโบสถ์เกือบทั้งหมดของ Mozart - เพลงมวลชน, บทสวด, สายัณห์, offertorias, motets ฯลฯ รวมทั้ง sonatas ของโบสถ์ - เขียนขึ้นใน Salzburg ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมาในชีวิตของเขา โมสาร์ทได้สร้างผลงานในโบสถ์ที่เสร็จสมบูรณ์เพียงชิ้นเดียว นั่นคือโมเต็ต
ศิลปะแห่งการด้นสด
ความเพ้อฝันและการเปลี่ยนแปลงบางส่วนในระดับหนึ่งได้จับเอาศิลปะการแสดงด้นสดของโมสาร์ทที่ไม่มีใครเทียบได้ c-moll แฟนตาซี (นำหน้าด้วย sonata ของคีย์เดียวกัน) และ rondo c-moll หันไปทางการแสดงละครประเภท sonata Sonatas และผลงานชิ้นอื่นๆ ของ Mozart สำหรับเปียโน 4 มือและสำหรับเปียโน 2 ตัวเป็นตัวอย่างแรกๆ ของเปียโนดูเอต , กลางคืน ), การเต้นรำ (minuets, การเต้นรำของประเทศ,<немецкие>, ที่ดิน) การเดินขบวน มีความเชื่อมโยงที่จับต้องได้เป็นพิเศษกับนิทานพื้นบ้าน สัมผัสใบหน้าบางส่วนด้วยแชมเบอร์ ประเภทเครื่องดนตรี, ซิมโฟนีและคอนแชร์โต, ห้องชุดที่ให้ความบันเทิงทำหน้าที่เป็นห้องทดลองสำหรับนักแต่งเพลง เซเรเนดและความหลากหลายส่วนใหญ่ปรากฏในซาลซ์บูร์ก เครื่องดนตรีเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาสำหรับเล่นดนตรีทั้งกลางแจ้งและในที่ร่ม และสามารถแสดงโดยวงออร์เคสตราหรือวงดนตรีก็ได้ หนึ่งใน ผลงานที่ได้รับความนิยมสูงสุดโมสาร์ทในแนวนี้ -<Маленькая ночная серенада>(พ.ศ. 2330) เขียนขึ้นสำหรับวงเครื่องสาย ชิ้นส่วนที่ประกอบกันเป็นวัฏจักรนั้นมีความหลากหลายในรูปแบบและประเภทของดนตรี ตั้งแต่โซนาตาและคอนแชร์โตไปจนถึงการเต้นรำประเภทต่างๆ ตั้งแต่ rondo ไปจนถึงรูปแบบต่างๆ เพลงประกอบข้างถนน เสียงเซเรเนด การแสดงดนตรีประกอบมักจะนำหน้าและมักจบลงด้วยการเดินขบวน ซึ่งนักดนตรีจะเล่นขณะที่พวกเขาเดิน อารมณ์ขันแสดงออกมาอย่างยอดเยี่ยม<Музыкальной потехе> (
บทสรุป
กระบวนการสร้างสรรค์ดำเนินต่อไปที่ Mozart อย่างสะดวกและรวดเร็ว นักแต่งเพลงมักจะแจกจ่ายด้วยภาพร่างเบื้องต้น บางครั้งในคะแนนจำนวนมาก เขาแก้ไขแนวคิดหลักก่อน แล้วจึงแนะนำรายละเอียดในภายหลัง โดยไม่ยอมทำใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ที่ได้รับแรงบันดาลใจของเขามีพื้นฐานมาจากงานฝีมือในความหมายที่ดีที่สุด ทักษะของเขาได้รับการเติมเต็มอย่างต่อเนื่องจากการค้นหาเทคนิคและองค์ประกอบใหม่ๆ ด้วยตำนานของโมสาร์ท - ศิลปินที่ไร้เดียงสาไร้เดียงสาอัจฉริยะที่สร้างสรรค์โดยปราศจากความพยายามและความคิดนักบวชแห่งศิลปะ "บริสุทธิ์" - ความคิดสร้างสรรค์ประเภทพิเศษและสุนทรียภาพที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับชื่อ ผลงานของโมสาร์ทได้รับการถ่ายทอดในวรรณกรรมดนตรีและตีความใน ศิลปะการแสดงโปร่งใสไร้เมฆ เงียบสงบ "Apollonian" หรือน่ารัก-สง่างาม ("โรโคโค") หรือตรงกันข้าม โรแมนติกและ "ปีศาจ" ดนตรีวิทยาสมัยใหม่อ้างว่าโมสาร์ทเป็นหนึ่งในผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยแสดงออกในตัวเขา ความคิดสร้างสรรค์ที่แยบยลสาธารณะก้าวหน้าและ ความคิดเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร์ของยุคสมัยและขยายขอบเขตอันไกลโพ้นของศิลปะดนตรีทั้งโลก
บรรณานุกรม
1.ภาพประกอบชีวประวัตินักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ สำนักพิมพ์ Mozart “Ural Ltd.” 2556
2. ไดเร็กทอรี "ภาพสร้างสรรค์ของนักแต่งเพลง"
3. สารานุกรมสำหรับเด็ก
โฮสต์บน Allbest.ru
...เอกสารที่คล้ายกัน
ชีวประวัติโดยละเอียด Wolfgang Amadeus Mozart และ "ก้าวแรก" ของเขาสู่ดนตรี ตำนานเกี่ยวกับสาเหตุการตาย การวิเคราะห์ความคิดสร้างสรรค์และรูปแบบผลงาน ลักษณะเฉพาะของดนตรีแชมเบอร์ คลาสเวียร์ และดนตรีในโบสถ์ของโมสาร์ท ตลอดจนศิลปะการแสดงด้นสดของเขา
บทคัดย่อ เพิ่ม 12/27/2009
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ปกครองของ V.A. Mozart ความสำเร็จที่สร้างสรรค์ของเขาในวัยเด็ก คุณสมบัติของตัวละครของนักแต่งเพลงชาวออสเตรีย โอเปร่าที่มีชื่อเสียง: "งานแต่งงานของฟิกาโร", "ดอนฮวน", "ขลุ่ยวิเศษ" "บังสุกุล" - สุดท้าย องค์ประกอบดนตรีโมสาร์ท.
งานนำเสนอ เพิ่ม 11/19/2013
Listuvannya Mozart กับพ่อ Vidatnye zdіbnosti Wolfgang Amadeus โมสาร์ท Wislovlyuvannya suchasniki เกี่ยวกับความสำคัญอย่างยิ่งของผลงานของ Mozart เอฟเฟ็กต์ที่ร่าเริงเหมือนล่อผลงานทั้งหมดของโมสาร์ท ชัยชนะในเล็กน้อย รงค์ ขัดจังหวะการปฏิวัติใน sonatas
งานนำเสนอเพิ่ม 11/23/2017
ครอบครัวโมสาร์ทที่มีพรสวรรค์ ความสามารถที่โดดเด่นของเด็กๆ ในครอบครัวนี้ วัยเด็กของ Wolfgang Amadeus งานเขียนในยุคแรกและการเรียนรู้จาก นักแต่งเพลงที่ดีที่สุดยุโรป. กิจกรรมอิสระ เงื่อนไขทางการเงิน ความคิดสร้างสรรค์ของ Mozart และโอเปร่า
รายงาน เพิ่ม 11/10/2010
ชีวประวัติชีวิตและผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ของโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ท ความสามารถทางดนตรีของนักแต่งเพลงชาวออสเตรียผู้ยิ่งใหญ่ ความเชื่อมโยงของดนตรีของเขากับวัฒนธรรมของชาติต่าง ๆ (โดยเฉพาะอิตาลี) ความนิยมของโศกนาฏกรรมของพุชกิน "Mozart and Salieri"
งานนำเสนอ, เพิ่ม 12/22/2013
ชีวประวัติของ V.A. Mozart - นักแต่งเพลงและนักแสดงฝีมือดีชาวออสเตรียซึ่งเป็นตัวแทนของ Vienna Classical School ก้าวแรกในเวียนนา งานแต่งงาน จุดสูงสุดของความคิดสร้างสรรค์ ปัญหาทางการเงิน ความเจ็บป่วย โอเปร่า "Marriage of Figaro", "Don Giovanni" และ "Magic Flute"
งานนำเสนอ เพิ่ม 02/14/2015
ครอบครัววัยเด็กของโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ท การแสดงความสามารถในช่วงแรกของอัจฉริยะตัวน้อย ช่วงแรกของชีวิตในเวียนนา ชีวิตครอบครัวโมสาร์ท. งานบังสุกุล. มรดกสร้างสรรค์นักแต่งเพลง. โอเปร่าสุดท้าย"ขลุ่ยวิเศษ"
นามธรรมเพิ่ม 11/27/2010
ภาพร่างชีวประวัติของชีวิตและกิจกรรมสร้างสรรค์ของ V.A. โมสาร์ท - นักแต่งเพลงชาวออสเตรียผู้ยิ่งใหญ่, หัวหน้าวงดนตรี, นักไวโอลินอัจฉริยะ, นักเล่นฮาร์ปซิคอร์ด, นักออร์แกน การผสมผสานระหว่างเพลงพื้นบ้านของออสเตรีย เยอรมัน และอิตาลีในผลงานของโมสาร์ท
งานนำเสนอ เพิ่ม 05/02/2012
ชีวประวัติของ Mozart การวิเคราะห์ทางปรัชญาและสุนทรียศาสตร์ของงานของเขา การผสมผสานระหว่างความโรแมนติกและอารมณ์อ่อนไหวของผลงานของนักแต่งเพลงกับความซับซ้อนและความลึกซึ้งภายใน การวิเคราะห์เสียงร้องและการรวมตัวของผู้ควบคุมวงดนตรี Brevis D-dur
นามธรรมเพิ่ม 04/24/2016
ทำความคุ้นเคยกับคุณสมบัติของดนตรีบาโรก กฎของการเปลี่ยนผ่านและความแตกต่าง การพิจารณามรดกทางดนตรีของ Claudio Monteverdi, Antonio Vivaldi, Wolfgang Amadeus Mozart, George Frideric Handel การตกแต่งความแตกต่างของบาโรกรัสเซีย
