วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งชาติของรัสเซีย, วลาดิเมียร์ สปิวาคอฟ, อเล็กซานเดอร์ โรมานอฟสกี้ วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งชาติของรัสเซีย (nfor) ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และผู้ควบคุมวงหลัก

ระดับชาติ วงดุริยางค์ฟิลฮาร์โมนิกรัสเซีย (NPR)

สร้างขึ้นในปี 2546 โดยการสนับสนุนของประธานาธิบดีรัสเซีย V.V. Putin

NPR ประกอบด้วยนักดนตรีที่ดีที่สุด (ส่วนใหญ่เป็นคอนเสิร์ตมาสเตอร์และศิลปินเดี่ยวของวงดนตรีที่มีชื่อเสียง) จากมอสโกวและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รวมถึงนักเล่นเครื่องดนตรีรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ คอนเสิร์ตมาสเตอร์ของ NPR - Yeremey Tsukerman ("Moscow Virtuosi") อายุเฉลี่ยศิลปินวงออร์เคสตรา วัย 39 ปี ฐานซ้อม - Moscow International House of Music (MMDM)

ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ NPR คือ Vladimir Spivakov วาทยกร 3 คนยังทำงานร่วมกับวงออร์เคสตราเป็นการถาวร ได้แก่ โทมัส แซนเดอร์ลิง (เยอรมนี) - หัวหน้าวาทยกรรับเชิญ และวาทยกรเต็มเวลา 2 คน - เทโอดอร์ เคอร์เรนซีส และวลาดิมีร์ ซิมกิ้น

ละครของวงออร์เคสตราประกอบขึ้นจากผลงานของรัสเซียและ คลาสสิกต่างประเทศรวมถึงจากคะแนนที่ไม่ค่อยได้ทำหรือถูกลืมอย่างไม่ยุติธรรม ส่วนสำคัญคือดนตรีแห่งศตวรรษที่ 20 (Shostakovich, Prokofiev, Stravinsky, Bartok, Schoenberg, Berg, Webern, Hartman, Schnittke, Pärt) ตามแนวทางปฏิบัติของโลก มีการวางแผนที่จะว่าจ้างผลงานของนักแต่งเพลงร่วมสมัยที่มีชื่อเสียง

หนึ่งในภารกิจหลักของ NPR คือการสนับสนุนนักดนตรีรุ่นเยาว์: การรับสมัครและการเลื่อนตำแหน่งในทีม นอกจากนี้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างวงออเคสตราและมูลนิธิการกุศลนานาชาติ Vladimir Spivakov (หนึ่งในแหล่งบุคลากรหลักสำหรับวงออเคสตรา) การแสดง กับศิลปินเดี่ยวที่สดใส - ตัวแทนการแสดงรุ่นใหม่

ในงานเทศกาล "Vladimir Spivakov เชิญ ... " NPR เปิดตัวคอนเสิร์ต 4 ชุด: 2 - ในห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกมอสโก (เปิดและปิดเทศกาล), 2 - ใน Moscow International House of Music นักดนตรีที่โดดเด่นแสดงร่วมกับวงออร์เคสตรา - หัวหน้าวงของอุปรากรแห่งชาติของฝรั่งเศส James Conlon (เปิดตัวในมอสโกว) โอเปร่าพรีมาดอนน่า - นักร้องเสียงโซปราโน Jesse Norman (สหรัฐอเมริกา) ดาวรุ่งของการร้องเพลงแบบบาโรกและสมัยใหม่ Toby Spence (อังกฤษ) หนึ่งในนักบรรเลงรุ่นใหม่ที่น่าสนใจที่สุด - นักคลาริเน็ต Paul Meyer (ฝรั่งเศส) และ Vladimir Spivakov เอง - ในฐานะนักไวโอลินและผู้ควบคุมวง NPR เข้าร่วมการแสดงครั้งแรกในมอสโกของ oratorio "The Seven Gates of Jerusalem" โดย Krzysztof Penderecki คลาสสิกในศตวรรษที่ 20 ซึ่งดำเนินการโดยผู้แต่ง

ภารกิจเร่งด่วนของ NPR คืองานซ้อมอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างละครเพลงต้นฉบับและรูปแบบการแสดงของตนเอง การเตรียมชุดคอนเสิร์ตแบบบอกรับสมาชิกในห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกมอสโกและ Moscow International House of Music การบันทึกซีดีและรายการโทรทัศน์ การแสดงในรัสเซีย ยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา

ในฤดูกาล 2546-2547 มีการวางแผนคอนเสิร์ต NPR ที่ MIDM และทัวร์ในรัสเซียกับ Vladimir Spivakov และผู้ควบคุมวงดนตรีถาวรสามคนการแสดงในเทศกาลนานาชาติใน Rheingau (เยอรมนี) และ San-Riquier (ฝรั่งเศส) รวมถึง 4 คอนเสิร์ตที่เทศกาลดนตรีนานาชาติในกอลมาร์ (ฝรั่งเศส)

สถานะ วงแชมเบอร์ออร์เคสตร้ามอสโก เวอร์ทูโอซี

สร้างขึ้นในปี 1979 โดยนักไวโอลิน Vladimir Spivakov และกลุ่มเพื่อนของเขาและผู้ที่มีความคิดเหมือนๆ กัน (ผู้ชนะการแข่งขันระดับนานาชาติ ศิลปินเดี่ยวและนักดนตรีร่วมวงซิมโฟนีและแชมเบอร์ออร์เคสตร้าที่ดีที่สุดในมอสโกว) ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และหัวหน้าวงออเคสตราคือ Vladimir Spivakov องค์ประกอบของวงออเคสตรากำหนดการแสดงระดับสูงทันทีโดยยืนยันชื่อของกลุ่ม Virtuosos ไม่เพียงแต่เป็นการรวมตัวของบุคคลเท่านั้น แต่ยังเป็นกลุ่มนักดนตรีที่มีเพลงมากมาย (ตั้งแต่ Bach ถึง Schnittke) และสไตล์การแสดงของพวกเขาเอง ก่อตั้งขึ้นในทศวรรษที่ 1980 รูปลักษณ์ของวงดนตรีมีความโดดเด่นด้วยวัฒนธรรมการเล่นทั้งมวลของยุโรป ความใส่ใจในรายละเอียดและความตั้งใจของผู้แต่ง ศิลปะ และความสุขในการทำเพลง ในความสัมพันธ์กับสาธารณชน ตำแหน่งของการตรัสรู้ได้รับการคัดเลือก: "อัจฉริยะ" กำหนดหน้าที่ในการดึงดูดอารมณ์ของผู้ฟัง กระตุ้นให้เขาเกิดความปรารถนาที่จะพบกับแชมเบอร์มิวสิกครั้งใหม่ The Virtuosos เป็นหนึ่งในวงแชมเบอร์ออร์เคสตร้าที่ดีที่สุดในโลก มีชื่อเสียงสูงและผู้ชมรู้สึกซาบซึ้งในหลายๆ ประเทศ

ทุก ๆ ปี Virtuosos จะจัดคอนเสิร์ตมากถึง 50 ครั้ง (ส่วนใหญ่อยู่ในทัวร์) ซึ่งรวมถึงทุกภูมิภาคของรัสเซีย, กลุ่มประเทศ CIS และยุโรป, สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น วงออเคสตราแสดงทั้งในห้องโถงของเมืองเล็ก ๆ และที่ดีที่สุด สถานที่จัดคอนเสิร์ตโลก: Concertgebouw (อัมสเตอร์ดัม), Musikverein (เวียนนา), Royal Festival Hall และ Barbican (ลอนดอน), Pleyel และ Champs Elysees Theatre (ปารีส), Carnegie Hall และ Avery Fisher Hall (นิวยอร์ก), Suntory Hall (โตเกียว)

Moscow Virtuosos แสดงอย่างต่อเนื่องในเทศกาลดนตรีนานาชาติ: Salzburg (ออสเตรีย) และ Edinburgh (สกอตแลนด์), Florence และ Pompeii (อิตาลี), Lucerne และ Gstaade (สวิตเซอร์แลนด์), Rheingau และ Schleswig-Holstein (เยอรมนี) และอื่น ๆ "เป็นผู้เข้าร่วมปกติใน เทศกาลดนตรีนานาชาติในกอลมาร์ (ฝรั่งเศส) ซึ่งมีผู้กำกับศิลป์คือ Vladimir Spivakov

แผ่นซีดีประมาณ 30 แผ่นได้รับการบันทึก (โดย BMG/RCA Victor Red Seal) ซึ่งมีรูปแบบและยุคสมัยที่หลากหลาย ตั้งแต่ดนตรีสไตล์บาโรกไปจนถึงดนตรีร่วมสมัย (Penderetsky, Schnittke, Gubaidulina, Pyart, Kancheli) ศิลปินเดี่ยว Evgeny Kissin, Shlomo Mintz, Natalie Shtutzman, Vladimir Krainev, Mikhail Rud, Justus Franz และคนอื่นๆ

Moscow Virtuosi เป็นผู้มีส่วนร่วม ชีวิตสาธารณะ(พ.ศ. 2508 - คอนเสิร์ตในเคียฟไม่กี่วันหลังจากภัยพิบัติเชอร์โนปิล พ.ศ. 2532 - คอนเสิร์ตในอาร์เมเนียทันทีหลังเกิดแผ่นดินไหว เป็นต้น) การปฏิบัติของวงออเคสตรารวมถึงการซ้อมแบบเปิดสำหรับคอนเสิร์ตในห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกมอสโกสำหรับปัญญาชน และสถานที่ฟรีบนเวทีสำหรับนักเรียนในเมืองต่างๆ ของรัสเซีย

ในปี 1990 Moscow Virtuosos ทำงานในสเปนภายใต้สัญญากับ Prince of Asturias Foundation ในปี 1997 วงดนตรีกลับมารัสเซียและได้รับสถานะของวงออร์เคสตราเทศบาลจากรัฐบาลมอสโก การสนับสนุนการอุปถัมภ์ และชื่อสมัยใหม่: State Chamber Orchestra "Moscow Virtuosi" ตั้งแต่ปี 2546 ฐานการซ้อมถาวรของวงออเคสตราคือ Moscow International House of Music

สถาบันการศึกษา ศิลปะการร้องเพลง

สร้างขึ้นในปี 1991 บนพื้นฐานของโรงเรียนประสานเสียงมอสโก Sveshnikov จากความคิดริเริ่มของศาสตราจารย์ Viktor Popov อธิการบดีและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์คนแรก ผู้สืบทอดประเพณีรัสเซียในด้านวัฒนธรรมการร้องเพลงและการศึกษาการร้องเพลงประสานเสียง (การร้องและการร้องเพลง) ทำให้การเชื่อมโยงต่อเนื่อง: โรงเรียน - วิทยาลัย - โรงเรียนมัธยม เด็กผู้ชายอายุ 7 ขวบเรียนที่โรงเรียนและวิทยาลัย เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงอายุ 18 ปีเรียนที่โรงเรียนของคุณ การศึกษารวมถึงสาขาวิชาพิเศษ (โซลเฟกจิโอ, ความกลมกลืน, โพลีโฟนี, เสียงร้อง, การร้องประสานเสียง, ประวัติดนตรี, ชั้นเรียนโอเปร่า, การเต้นรำ) และมนุษยธรรม (ภาษาต่างประเทศ, ประวัติศาสตร์วัฒนธรรม, ปรัชญา, สุนทรียศาสตร์, ประวัติศาสตร์ศาสนา, จิตวิทยา, สังคมวิทยา) พื้นฐานสำหรับผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมคือกิจกรรมคอนเสิร์ต นักเรียนแสดงเดี่ยวและได้รับรางวัลในการแข่งขันร้องเพลงในประเทศและต่างประเทศ

คณะนักร้องประสานเสียงของ Academy (นักร้องประมาณ 250 คน) รวมถึงคณะนักร้องประสานเสียงชาย (อายุ 7-14 ปี) คณะนักร้องประสานเสียงชาย (อายุ 17-18 ปี) คณะนักร้องประสานเสียง (ชายและหญิงอายุ 18-25 ปี) , คณะนักร้องประสานเสียงชาย (ป.บัณฑิต และ ป.โท). ละครรวมถึงผลงานหลักของดนตรีโลกคลาสสิก: J.S. Bach's Mass in B minor, Ninth Symphony and Solemn Mass ของ Beethoven, Requiem ของ Mozart, Gloria ของ Vivaldi, Nagmonie-Messe ของ Haydn, Stabat Mater ของ Schubert, Requiem ของ Verdi, Childhood of Christ ของ Berlioz, Liturgy St . John Chrysostom”, Cantata “Moscow” และการทาบทาม “1812” โดย Tchaikovsky, “John of Damascus” โดย Taneyev, Cantata “Spring” โดย Rachmaninov เป็นต้น

คณะนักร้องประสานเสียงของ Academy แสดงในงานเทศกาลนานาชาติอย่างต่อเนื่องรวมถึง ใน Colmar (ฝรั่งเศส), Bregenz (ออสเตรีย) และ Rheingau (เยอรมนี) Vespers ของ Rachmaninov, Symphony of Psalms ของ Stravinsky, Chichester Psalms ของ Bernstein และอื่น ๆ แสดงที่ Colmar การมีส่วนร่วมในการผลิตโอเปร่าใน Bregenz: The Tale of the Invisible City of Kitezh and the Maiden Fevronia ของ Rimsky-Korsakov (1996, ผู้ควบคุมวง Vladimir Fedoseev) ), Beethoven's Fidelio (1996, 1997) และ King Arthur ของ Chausson (1997)

ท่ามกลางการแสดง: การแสดงออราทอริโอ "The Story of the Life and Death of Our Lord Jesus Christ" โดยเอดิสัน เดนิซอฟ (รอบปฐมทัศน์โลก: ซาร์บรึคเคิน แฟรงก์เฟิร์ต ฤดูกาล 1994-1995) การแสดงร่วมและการบันทึกเพลง "All-Night" ของรัคมานินอฟร่วมกับเดอะ คณะนักร้องประสานเสียงวิทยุภาคเหนือของเยอรมัน, การมีส่วนร่วมในการแสดงครั้งแรกในโอเปร่ารัสเซียเรื่อง King Arthur โดย Purcell และ Idomeneo โดย Mozart, ซิมโฟนีหมายเลขแปดของ Mahler (1997, Grand Symphony Orchestra, ผู้ควบคุมวง Yevgeny Svetlanov), oratorio Christ โดย Liszt (2000); คอนเสิร์ตของขบวนการการกุศลระหว่างประเทศ "Stars of the World for Children" (ความคิดริเริ่มและการมีส่วนร่วมของ Montserrat Caballe) ที่จัตุรัส Cathedral Square ของมอสโกเครมลิน (31.07.98) และใน Gostiny Dvor (8.11.00 น.)

ในบรรดากิจกรรมต่างๆ ในปี 2545 เป็นคอนเสิร์ตของโครงการการกุศลนานาชาติ "Thousand Cities of the World": 6 กันยายนใน Peterhof (Academic Symphony Orchestra of the St. Petersburg Philharmonic ผู้ควบคุมวง Yuri Temirkanov; ศิลปินเดี่ยว Elena Prokina, Larisa Dyadkova, Paata Burchuladze, Dmitry Korchak), 8 กันยายน (ออกอากาศทั่วโลก) ในที่ประทับของพระสันตะปาปา, อิตาลี (State Academic Symphony Orchestra of Russia, ผู้ควบคุมวง Mark Gorenstein; ศิลปินเดี่ยว Angela Georgiou และ Roberto Alagna)

มีการบันทึกซีดีมากกว่า 30 แผ่น

วงรัฐ โบโรดิน

สร้างขึ้นในปี 2487 ในชั้นเรียนของวงดนตรีของ Moscow Conservatory (นำโดยศาสตราจารย์ M. N. Terian) Rostislav Dubinsky (ไวโอลินตัวแรก) และ Valentin Berlinsky (เชลโล) เล่นในวงควอเตตตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1950 Yaroslav Alexandrov (ไวโอลินตัวที่สอง) และ Dmitry Shebalin (วิโอลา) เล่นมานานกว่า 20 ปี ตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970 วงสี่ได้รวม Mikhail Kopelman (ไวโอลินตัวแรก) และ Andrey Abramenkov (ไวโอลินตัวที่สอง) ตั้งแต่ปี 1995 - Ruben Aharonyan (ไวโอลินตัวแรก), Igor Naidin (วิโอลา) ผู้เล่นตัวจริงในปัจจุบัน: Ruben Aharonyan (ไวโอลินตัวแรก), Andrey Abramenkov (ไวโอลินตัวที่สอง), Igor Naidin (วิโอลา), Valentin Berlinsky (เชลโล)

จากฤดูกาลแรกละครของวงสี่มีความโดดเด่นด้วยความร่ำรวยและรอบปฐมทัศน์ที่มากมาย (ประมาณ 100 งานเล่นในห้าปี) โดยที่ดนตรีคลาสสิกสมัยใหม่ครอบครองสถานที่สำคัญซึ่งแตกต่างจากวงโซเวียตอื่น ๆ ร่วมมือกับสี่ นักแต่งเพลงที่โดดเด่นเขียนให้เขา สี่พวกเขา Borodina เป็นนักแสดงคนแรกของผลงานของ Edison Denisov และ Alfred Schnittke ซึ่งเป็นปรมาจารย์ดนตรีรัสเซียในอนาคตของศตวรรษที่ 20 และเป็นนักแสดงคนแรกของผลงานของ Shostakovich, Prokofiev, Myaskovsky, Weinberg, Schnittke ในประเทศต่างๆ ของโลก นักแต่งเพลงเล่นดนตรีซ้ำ ๆ กับวง (พ.ศ. 2490 - การแสดงของ Shostakovich quintet) รอบปฐมทัศน์ของการประพันธ์ร่วมสมัยได้กำหนดภาพลักษณ์ของชีวิตดนตรีในรัสเซียในทศวรรษที่ 1960

ส่วนสำคัญของละครคือดนตรีต่างประเทศในศตวรรษที่ 20 (Samuel Barber, Bela Bartok, Alban Berg, Benjamin Britten, Anton Webern, Igor Stravinsky, Lukas Voss, Paul Hindemith, Arnold Schoenberg, Karol Szymanowski) นักดนตรีที่โดดเด่นที่เล่นร่วมกับวง: Konstantin Igumnov, Olga Erdeli, Heinrich Neuhaus, David Oistrakh, Svyatoslav Knushevitsky, Georgy Ginzburg, Mstislav Rostropovich, Emil Gilels, Lev Oborin, Yakov Zak, Maria Grinberg, Leonid Kogan, Svyatoslav Richter (อายุมากกว่า 40 ปี; Beethoven , Brahms, Schubert, Reger, Dvorak, Schumann, Frank, Prokofiev, Shostakovich) เมื่อเร็ว ๆ นี้ --- นาตาเลีย กุตมัน, วิคเตอร์ เทรตยาคอฟ, เอลิซาเวตา เลออนสกายา, ยูริ บาชเมต, เอลิโซ เวอร์ซาลาดเซ, นิโคไล เปตรอฟ, มิคาอิล เปลตเนฟ

สี่พวกเขา Borodina เป็นผู้เข้าร่วมเป็นประจำในเทศกาลดนตรีอันทรงเกียรติ ได้แก่ "December Evenings of Svyatoslav Richter" (A. S. Pushkin Museum of Fine Arts, Moscow) จากความคิดริเริ่มของ Valentin Berlinsky เทศกาลศิลปะ Sakharov (Nizhny Novgorod) และการแข่งขันระดับนานาชาติสำหรับวงเครื่องสายที่ได้รับการตั้งชื่อตาม A. ชอสตาโควิช.

Vladimir Spivakov นักไวโอลินและวาทยกร

นักไวโอลินและวาทยกรดีเด่น ผู้ใจบุญ และบุคคลสาธารณะ

เกิดในปี 2487 ในอูฟา ในปี 1967 เขาสำเร็จการศึกษาจาก Moscow Conservatory ในชั้นเรียนไวโอลิน (อาจารย์ - ศาสตราจารย์ Yuri Yankelevich) ผู้ได้รับรางวัลการแข่งขันระดับนานาชาติ: พวกเขา Marguerite Long และ Jacques Thibaut (ปารีส, 1965), Paganini Competition (เจนัว, 1967), Montreal Competition (แคนาดา, 1969), im. ไชคอฟสกี (มอสโก 2513) ตั้งแต่ปี 1989 - เป็นสมาชิกของคณะลูกขุนของการแข่งขันระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียง (รวมถึง: ปารีส, เจนัว, ลอนดอน, มอนทรีออล) ประธานการแข่งขันไวโอลิน Sarasate (สเปน) ประธานคณะกรรมการตัดสินการแข่งขันไวโอลิน Tchaikovsky (มอสโก) และการแข่งขันไวโอลินใน Monte Carlo สมาชิกคณะลูกขุนของ Triumph Prize (รัสเซีย)

จนถึงปี 1983 - ศิลปินเดี่ยวของ Moscow Philharmonic ผู้ก่อตั้ง (พ.ศ. 2522) ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และหัวหน้าวาทยกรของ Moscow Virtuosi Chamber Orchestra ซึ่งเป็นหนึ่งในวง Chamber Orchestra ที่ดีที่สุดในโลก ผู้ก่อตั้ง (1989) และผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของเทศกาลดนตรีนานาชาติในกอลมาร์ (ฝรั่งเศส)

ตั้งแต่ปี 1993 - หัวหน้ามูลนิธิ Vladimir Spivakov International Charitable Foundation (สร้างเงื่อนไขสำหรับการพัฒนา พรสวรรค์รุ่นเยาว์ช่วยเหลือเด็กกำพร้าและเด็กป่วย) พ.ศ. 2542-2545 - ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และผู้ควบคุมวงดนตรีหลักของวงดุริยางค์แห่งชาติรัสเซีย ตั้งแต่ปี 2546 - ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และหัวหน้าวาทยกรของ National Philharmonic Orchestra of Russia (NPR) ประธานของ Moscow International House of Music (MMDM)

ในฐานะศิลปินเดี่ยว เขาได้แสดงร่วมกับวาทยกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก (Leonard Bernstein, Claudio Abbado, George Solti, Carlo Maria Giulini, Erich Leinsdorf, Colin Davis, Seiji Ozawa, Zubin Mehta และคนอื่นๆ) เขาบันทึกแผ่นเสียงกว่า 30 แผ่น (โดย BMG/RCA) ในบรรดาวงจรภาพเหมือนสมัยใหม่ (Anton Webern, Arnold Schoenberg, Dmitry Shostakovich, Sofia Gubaidulina, Edison Denisov, Arvo Pärt, Alfred Schnittke, Rodion Shchedrin, Krzysztof Penderecki และคนอื่นๆ ) .

ในฐานะวาทยกร เขาแสดงร่วมกับวงดุริยางค์ซิมโฟนีแห่งชิคาโก ฟิลาเดลเฟีย ลอสแองเจลิส ซานฟรานซิสโก คลีฟแลนด์ ลอนดอน ร่วมกับวงดุริยางค์แห่งชาติของฝรั่งเศส วงดุริยางค์แห่ง La Scala และ Felice Theatre (เจนัว) และสถาบัน Santa Cecilia Academy (กรุงโรม ) เป็นต้น

ในบรรดารางวัล: Order of Merit for the Fatherland, III degree (รัสเซีย), Order of Arts and Literature (ฝรั่งเศส, 1999), Order of the Legion of Honor (ฝรั่งเศส, 2000)

เจมส์ คอนลอน ผู้ควบคุมวง

ละครเพลงของ James Conlon หนึ่งในวาทยกรร่วมสมัยที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ เพลงโอเปร่า ซิมโฟนี และเพลงร้องประสานเสียง ซึ่งเขาได้แสดงในเมืองหลวงทางดนตรีเกือบทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 1995 Conlon เป็นวาทยกรหลักของ Paris National Opera ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2545 เขาได้เซ็นสัญญาทำงานในตำแหน่ง General Music Director ของโคโลญจน์ (เยอรมนี) เป็นเวลา 13 ปี ในเวลาเดียวกัน เขาเป็นวาทยกรหลักของวง Gürzenich-Orchester ของ Cologne Philharmonic และตั้งแต่ปี 1989 ถึง 1996 เขาก็เป็นวาทยกรหลักของ Cologne Opera ตั้งแต่ปี 1983 ถึง 1991 Conlon เป็นผู้อำนวยการดนตรีของ Rotterdam Philharmonic Orchestra และตั้งแต่ปี 1979 เขาได้กำกับเทศกาล Cincinnati May Festival ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลร้องเพลงประสานเสียงที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา

นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกกับ New York Philharmonic ในปี 1974 Conlon ได้แสดงร่วมกับวงออร์เคสตราหลักๆ เกือบทุกวงในอเมริกาเหนือและยุโรปตามคำเชิญของ Pierre Boulez ในสหรัฐอเมริกา เขาได้กำกับวง Boston, Chicago และ Pittsburgh Symphony Orchestras, the Cleveland and Philadelphia Orchestras, the Los Angeles Philharmonic และ Washington National Symphony ในยุโรป เขาได้แสดงดนตรี Berlin Philharmonic, Bavarian Radio และ Dresden Staatskapelle, London Philharmonic, London Symphony, Birmingham Symphony, Orchester de Paris, Orchester National de France, Santa Cecilia Symphony, Orchestra โรงละครมาริอินสกี้และอื่น ๆ อีกมากมาย.

Conlon มีความเชื่อมโยงกันโดยความร่วมมือ 25 ปีกับ Metropolitan Opera ซึ่งเขาเปิดตัวในปี 1976 และแสดงวงออเคสตรานี้มากกว่า 200 ครั้ง เขาแสดงที่ La Scala, Royal Opera House, Covent Garden (ลอนดอน), Lyric Opera (ชิคาโก) และ Florentine Musical May

ตั้งแต่เข้าร่วม Paris Opera Conlon ได้แสดงโอเปร่า 37 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นผลงานใหม่และได้แสดงโอเปร่าและคอนเสิร์ตซิมโฟนีมากกว่า 335 รายการที่นี่ ในบรรดาการแสดงของเขาในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมามีโอเปร่า Wagner สี่เรื่อง (Tristan und Isolde”, “Parsifal”, “Lohengrin” และ “The Flying Dutchman”) โอเปร่าเจ็ดเรื่องโดย Verdi (“Sicilian Vespers”, “Falstaff”, “Don Carlos”, “La Traviata”, “Rigoletto”, “Nabucco” และ “Macbeth” ) เช่นเดียวกับรอบปฐมทัศน์โลกของโอเปร่า Perelya ของ Pascal Duzapin ชายผู้มาจากควัน ผลงานใหม่ของ Boris Godunov ของ Mussorgsky, Pelléas et Mélisande ของ Debussy และ The Tales of Hoffmann ของ Offenbach เขาจัดการฉายรอบปฐมทัศน์ภาษาฝรั่งเศสของ The Dwarf ของ Zemlinsky และการผลิตครั้งแรกของ Dvořák's Mermaid ในปารีส นอกจากนี้ Conlon ยังกำกับการแสดงโอเปร่าเรื่อง Peter Grimes, Wozzeck, Der Rosenkavalier, Turandot, Don Giovanni, Le nozze di Figaro และผลงานการผลิตเรื่องแรกของ Khovanshchina ของ Mussorgsky ในรอบ 75 ปีที่ Paris Opera

ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในโคโลญจน์ Conlon แสดง 231 ครั้งใน 34 โอเปร่าและคอนเสิร์ตซิมโฟนีมากกว่า 230 ครั้ง แสดงผลงานหลักเกือบทั้งหมดของ Wagner, Mahler, Zemlinsky, Beethoven และ Berg นอกจากนี้ ภายใต้การนำของเขา วง Cologne Orchestra ได้บันทึกซีดีมากกว่า 20 แผ่น ซึ่งบางแผ่นได้รับรางวัลอันทรงเกียรติระดับนานาชาติ

ฤดูกาลนี้ Conlon เป็นผู้ควบคุมวง Cleveland Orchestra, Boston Symphony, Los Angeles Philharmonic และ Washington National Symphony นอกจากนี้เขายังทำงานร่วมกับ Bavarian Radio Orchestra, National Philharmonic Orchestra of Russia ในมอสโกว และ Rotterdam Philharmonic Orchestra เขาเปิดฤดูกาลที่ Paris Opera ด้วยผลงานการผลิตที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงเรื่อง Salome ร่วมกับ Lev Dodin และ David Borovsky ปฏิทินของฤดูกาลนี้รวมถึงโอเปร่าอย่าง The Nuremberg Meistersingers, The Flying Dutchman, Othello และ Bluebeard's Castle ของ Bartók ตลอดจนการแสดงของ Florentine Tragedy ของ Zemlinsky และ Gianni Schicchi ของ Puccini ที่ La Scala

Conlon บันทึกด้วย EMI, Sony Classical และ Erato เป็นหลัก James Conlon และ Vladimir Spivakov เริ่มบันทึกผลงานของนักแต่งเพลงในศตวรรษที่ 20 สำหรับค่ายเพลง Capriccio พวกเขาได้บันทึกผลงานของ Shostakovich, Berg และ Carl Amadeus Hartmann แล้ว Conlon เพิ่งเปิดตัวซีดีและดีวีดีผลงานของ Viktor Ullmann ซึ่งได้รับรางวัล German Critics' Prize James Conlon เป็นผู้สนับสนุนงานของ Zemlinsky ที่หลงใหลในการบันทึกผลงานทั้งหมดของเขาสำหรับวงออร์เคสตราและโอเปร่าสามรายการ (EMI) การบันทึกชุดนี้ได้รับรางวัล ECHO Prize for เพลงคลาสสิค. ในปี 1999 Conlon ได้รับรางวัล Zemlinsky สำหรับความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจของชุมชนโลกต่อดนตรีของนักแต่งเพลง

ซีซั่นนี้ เจมส์ คอนลอนจะฉลองครบรอบ 25 ปีในฐานะผู้กำกับที่เทศกาลเดือนพฤษภาคมในซินซินนาติ ในนิวยอร์ก Conlon จะแสดงคอนเสิร์ต Erwin Schulhoff สามครั้งที่ Lincoln Center นอกจากนี้ที่ Kennedy Center เขาจะจัดแสดงคอนเสิร์ตผลงานของ Shulgof, Alexander Zemlinsky และ Viktor Ulman คอนเสิร์ตทั้งสามนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ Conlon คิดขึ้นและเปิดตัวในปี 2000 เพื่อแสดงให้สาธารณชนทั่วไปเห็นถึงความสำคัญของผลงานของนักแต่งเพลงเหล่านี้ ซึ่งชีวิตของพวกเขาต้องพังทลายจากโศกนาฏกรรมของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2545 ประธานาธิบดีฌัก ชีรักแห่งฝรั่งเศสได้มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Legion of Honor ให้แก่เขา เพื่อเป็นการระลึกถึงบริการของเจมส์ คอนลงในฝรั่งเศส

ชีวประวัติอย่างเป็นทางการ: ความอนุเคราะห์จาก Shuman Associates

Krzysztof Penderecki นักแต่งเพลงและวาทยกร

ปรมาจารย์แห่งดนตรีสมัยใหม่ หนึ่งในนักแต่งเพลงร่วมสมัยที่มีผลงานมากที่สุด

เกิดในปี 1933 ในเมือง Debica (โปแลนด์) ศึกษาการประพันธ์เพลงกับ Franciszek Skoliszewski ในปี 1958 เขาสำเร็จการศึกษาจาก Krakow Conservatory ภายใต้ Artur Malyavsky และ Stanislav Vekhovich ตั้งแต่ปี 1972 - อธิการบดีของเรือนกระจก พ.ศ. 2515-2521 - อาจารย์ประจำโรงเรียนดนตรีมหาวิทยาลัยเยล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เขาได้แสดงเป็นวาทยกรร่วมกับวงออร์เคสตราที่มีชื่อเสียงของโลก พ.ศ. 2530-2533 - ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ Krakow Philharmonic Orchestra พ.ศ. 2535-2543 - ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของเทศกาล Pablo Casals ในเมืองซานฮวน (เปอร์โตริโก) ตั้งแต่ปี 1997 เขาเป็นผู้อำนวยการดนตรีของ Warsaw Symphony Orchestra ตั้งแต่ปี 1998 เขาเป็นที่ปรึกษาด้านศิลปะของเทศกาลดนตรีปักกิ่ง ตั้งแต่ปี 2000 เขาได้เป็นผู้ควบคุมวงรับเชิญของ China Philharmonic Orchestra ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่

2502 - เปิดตัวในฐานะนักแต่งเพลงในเทศกาลวอร์ซอฤดูใบไม้ร่วง ("Strophes", "David's Psalms" และ "Emanations") เป็นเรื่องปกติที่นักแต่งเพลงจะหันไปใช้รูปแบบ ประเภท และการประพันธ์เพลงขนาดใหญ่ เพื่อแต่งเพลงที่ได้รับมอบหมายสำหรับวันสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม อันดับแรก งานสำคัญ-- "Passion for Luke" (1966) จัดทำโดยวิทยุเยอรมันตะวันตกเพื่อฉลองครบรอบ 700 ปีอาสนวิหารมึนสเตอร์ นักแต่งเพลงเขียนเพลงสำหรับนักดนตรีที่มีชื่อเสียงซึ่งกลายเป็นนักแสดงคนแรก: Cherubimskaya สำหรับคณะนักร้องประสานเสียงอะแคปเปลลา (การแสดงครั้งแรก: 1987, วอชิงตัน, คอนเสิร์ตกาล่าในโอกาสวันเกิดครบรอบ 60 ปีของ Mstislav Rostropovich), เบเนเดคตัสสำหรับคณะนักร้องประสานเสียงอะแคปเปลลาสำหรับ Lorin Maazel (1992), Sonata for Violin and Piano (2000, London Barbican Hall, Anna-Sophie Mutter และ Lambert Orkis), Sextet รับหน้าที่โดย Vienna Philharmonic Society (2000, Vienna; Mstislav Rostropovich, Yuri Bashmet, Julian Rakhlin, Dmitry Alekseev, Radovan Vladkovich, Paul Meyer), "Concerto Grosso" สำหรับเชลโลและวงออเคสตราสามเครื่อง (2544, โตเกียว; Boris Pergamenshchikov, Khan-Na Chan, Truls Mörk, ผู้ควบคุมวง Charles Duthoit) เป็นต้น

ในบรรดาโอเปร่า: The Devils of Loudun รับหน้าที่โดย Hamburg Opera (1969), Paradise Lost จากบทกวีของ John Milton (1978 Lyric Opera, Chicago; 1979 - การผลิตที่ La Scala ภายใต้การดูแลของผู้แต่ง), Black Mask จาก ในบทละครของเกร์ฮาร์ต เฮาพท์มันน์ (1986, Salzburg Festival), King Ubu ที่สร้างจากบทละครของ Alfred Jarry (1991, Bavarian Opera)

ในบรรดาเสียงร้องและดนตรีไพเราะ: "Morning" (1970, Altenberger Cathedral - ส่วนแรกของ "The Burial of Christ", 1971, Münster Cathedral - ส่วนที่สอง), Cantata "Cosmogony" ที่ได้รับมอบหมายจากสหประชาชาติ (1970, ฉายรอบปฐมทัศน์ต่อหน้าประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของประเทศต่างๆ) ฯลฯ สำหรับวงดุริยางค์ซิมโฟนี: "De natura sonoris" หมายเลข 2 สำหรับ Zubin Meta (1971), First Symphony (1973, Peterborough, England), Second Symphony (1980) , นิวยอร์ก, ผู้ควบคุมวง Zubin Meta) , "Credo" (1998, Bach Festival in Eugene, USA; 1998, Krakow) ฯลฯ

สำหรับวงออเคสตรา: การประสานเสียงครั้งแรกสำหรับไวโอลินและวงออเคสตรา (1977, Basel; ศิลปินเดี่ยว Isaac Stern), การประสานเสียงครั้งที่สองสำหรับเชลโลและวงออร์เคสตรา (1983, Berlin Philharmonic Orchestra; ศิลปินเดี่ยว Mstislav Rostropovich), ซิมโฟนีชุดที่สี่ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลฝรั่งเศสสำหรับวันครบรอบ 200 ปีของการก่อตั้ง การปฏิวัติฝรั่งเศส (1988 ขับร้องโดย Lorin Maazel), Sinfonietta (1992, Seville, World Exhibition), Flute Concerto (1992, Lausanne, อุทิศให้กับ Jean-Pierre Rampal), Second Violin Concerto for Anna-Sophie Mutter (1995, Leipzig, วาทยกร Maris Jansons), คอนแชร์โตสำหรับเปียโนและวงออร์เคสตราโดย Carnegie Hall (2002, Philadelphia Orchestra, ผู้ควบคุมวง Wolfgang Sawallisch, ศิลปินเดี่ยว Emanuel Axe)

ผลงานที่สำคัญที่สุด: "การคร่ำครวญเพื่อเหยื่อของฮิโรชิมา" (2502) รางวัลยูเนสโก; "เพลงโซโลมอน" ในข้อความในพระคัมภีร์สำหรับคณะนักร้องประสานเสียงและวงออเคสตรา (1973), "Magnificat" สำหรับเสียงเบส, คณะนักร้องประสานเสียง, คณะนักร้องประสานเสียง 2 คณะ, คณะนักร้องประสานเสียงและวงออเคสตราชายสำหรับวันครบรอบ 1,200 ปีของซาลซ์บูร์ก มหาวิหาร(พ.ศ. 2517 ซาลซ์บูร์ก ขับร้องโดยผู้เขียน) oratorio "Te Deum" สำหรับเบส นักร้องประสานเสียง และวงออร์เคสตรา (พ.ศ. 2523 อัสซีซี) "Requiem ของโปแลนด์" สำหรับวันครบรอบ 40 ปีของการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2527, 2536 -- สุดท้าย ส่วนหนึ่งของ "Sanctus" , Stockholm Royal Philharmonic Orchestra), "Seven Gates of Jerusalem" สำหรับวันครบรอบ 3,000 ปีของเยรูซาเล็ม (1997, เยรูซาเล็ม), "Hymn to St. Daniel" สำหรับวันครบรอบ 850 ปีของมอสโก (1997, มอสโก)

Penderecki เป็นผู้รับรางวัลและรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย ในหมู่พวกเขา: รางวัล Israeli Karl Wolf Foundation Prize (1987), Crystal Prize in Davos (สวิตเซอร์แลนด์, 1997), รางวัลแกรมมี่อวอร์ดสำหรับไวโอลินคอนแชร์โต้ครั้งที่สอง (ศิลปินเดี่ยว - Anna-Sophie Mutter) ในสองประเภท ("งานคลาสสิกร่วมสมัยที่ดีที่สุด" , "การแสดงดนตรีที่ดีที่สุด”, 1999) และสำหรับ Second Cello Concerto (1988), รางวัล "Best Living Composer" จาก Midem Classic (2000, Cannes), ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยลูเซิร์น (2000), รางวัลของ มูลนิธิเจ้าชายแห่งอัสตูเรียสเพื่อความสำเร็จในสาขาศิลปะ (พ.ศ. 2544) ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จาก Hong Kong Academy ศิลปะการแสดง (2001).

เจสซี นอร์แมน นักร้องเสียงโซปราโน

Jessie Norman คือ "หนึ่งในนักร้องหายากที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในยุคนั้น ซึ่งไม่เพียงแต่เดินตามทางของผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเข้ามาแทนที่ตนเองในประวัติศาสตร์การร้องเพลงด้วย" เรื่องราวนี้ยังคงดำเนินต่อไปเมื่อนักร้องนำเสียงที่เต็มอิ่ม ความสุขในการร้องเพลง และความหลงใหลอย่างจริงใจมาสู่คอนเสิร์ตเดี่ยว บทบาทโอเปร่า การแสดงร่วมกับวงออร์เคสตราหรือวงแชมเบอร์สู่ผู้ชมทั่วโลก ความแข็งแกร่ง ความดัง และความสดใสของเสียงของเธอนั้นน่าชื่นชมพอๆ กับความละเอียดรอบคอบในการตีความของเธอ การตีความดนตรีคลาสสิกที่แปลกใหม่ และการโฆษณาชวนเชื่อที่กระตือรือร้นของดนตรีสมัยใหม่

การปรากฏตัวต่อสาธารณะของ Jesse Norman ในปี 2546 รวมถึงการแสดงเดี่ยวในลอนดอน เวียนนา บรัสเซลส์ ปารีส และเมืองอื่นๆ ตลอดจนการแสดงร่วมกับวงออร์เคสตรา รวมถึงคอนเสิร์ตฤดูร้อนที่อัฒจันทร์ที่มีชื่อเสียงของ Herodes Atticus ในเอเธนส์ ที่ Tate Gallery สหราชอาณาจักร Norman ทำงานร่วมกับผู้กำกับภาพยนตร์และศิลปินพิพิธภัณฑ์ Steve McQueen ในการแสดงละครโดยใช้วิดีโอเทป ข้อความเสียงพูด และดนตรี ในมอสโกเธอจะร้องเพลงในคอนเสิร์ตสามครั้งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลนานาชาติ "Vladimir Spivakov เชิญ ... " จากนั้นเป็นครั้งแรกที่เธอจะแสดงในยูเครนด้วยคอนเสิร์ตในเคียฟ

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2545 นอร์แมนแสดงคอนเสิร์ตที่ Davis Symphony Hall ในซานฟรานซิสโก ที่ Franklin and Marshall College Concert Hall ในชิคาโก มหาวิหารฟิลาเดลเฟีย และเข้าร่วมในงานฉลองครบรอบ 25 ปีของ Lincoln Center ในนิวยอร์ก เธอยังได้แสดงที่งานเปิดตัว River Center for the Performing Arts ในเมืองโคลัมบัส รัฐจอร์เจีย ในฤดูร้อนเธอได้ไปเยี่ยมชมเทศกาลซาลซ์บูร์กอีกครั้ง และในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน เธอได้แสดงเพลง "The Human Voice" ของ Poulenc และเพลง "Waiting" ของ Schoenberg ที่โรงละคร Chatelet ในปารีส Miss Norman เข้าร่วมพิธีเปิด Esplanade Theatres by the Bay ในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทัวร์ฤดูใบไม้ร่วงของเธอในเอเชีย ในตอนท้ายของปี 2545 เธอแสดงในคอนเสิร์ตพิเศษที่อุทิศให้กับพิธีมอบรางวัลให้กับ Jimmy Carter อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา รางวัลโนเบลความสงบ.

ปี 2001 เริ่มต้นด้วยการแสดงคอนเสิร์ต 3 ครั้งโดย Jesse Norman และ James Levine ที่ Carnegie Hall ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมในชุดหนังสือเพลง รูปแบบคอนเสิร์ตที่ไม่เหมือนใครนี้มอบหนังสือเพลงที่มีหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเพลงให้ผู้ฟัง แต่โปรแกรมสำหรับแต่ละคอนเสิร์ตจะประกาศในตอนเย็นของคอนเสิร์ตเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ฟังยังถูกขอให้โหวตบนหน้าเว็บของ Carnegie Hall ที่พวกเขาต้องการฟังอีกครั้งจากรายการที่มีให้ หลังจากคอนเสิร์ตเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาหลายชุด นอร์แมนเดินทางไปเกาหลีและญี่ปุ่น ตามด้วยการแสดงที่เอเธนส์และลอนดอน และการทัวร์ครั้งนี้จบลงด้วยคอนเสิร์ตที่ซาลซ์บูร์กในเดือนกรกฎาคม

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2544 การผลิตละครเวทีของชูเบิร์ตเรื่อง The Winter Road ของบ็อบ วิลสัน ร่วมกับเจสซี นอร์แมน ได้เปิดฉายรอบปฐมทัศน์โลกที่โรงละคร Chatelet ในปารีส การผลิตนี้ได้รับการยอมรับด้วยความกระตือรือร้น ซึ่งเป็นการเปิดตัวของนอร์แมนในรอบเพลงที่โด่งดังนี้ การแสดงอื่นๆ ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2544 ได้แก่ การแสดงเดี่ยวในเยอรมนี สเปน และออสเตรีย ตลอดจนการแสดงร่วมกับวงดุริยางค์แห่งชาติรัสเซียที่บรรเลงโดยวลาดิมีร์ สปิวาคอฟในมอสโกว ซึ่งนอร์แมนมาเยือนเป็นครั้งแรก การแสดงของเธอในเดือนธันวาคมของปีนั้นรวมถึงคอนเสิร์ตเดี่ยวที่เปิดศูนย์ ศิลปกรรม Carl Murphy ที่ Morgan University ในบัลติมอร์ การแสดงร่วมกับ Pittsburgh Symphony Orchestra ดำเนินการโดย Maris Jansons และคอนเสิร์ตการกุศลที่โบสถ์ St. Bartholomew ในนิวยอร์ก

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2000 การแสดงรอบปฐมทัศน์โลกของ "woman.life.song" (woman.lofe.song) ซึ่งจัดทำโดย Carnegie Hall Corporation เพื่อ Jessie Norman โดยเฉพาะ โดยมีเนื้อร้องโดย Maya Angelou, Toni Morrison และ Clarissa Pinkola Estes และดนตรีโดย จูดิธ แวร์. การแสดงฤดูร้อนของปีเดียวกันในยุโรปและตะวันออกกลางรวมถึงคอนเสิร์ตในลอนดอน ปารีส อัมสเตอร์ดัม ฮัมบูร์ก รวมทั้งอัฒจันทร์โบราณในซีซารียา Woman.Life.Song รอบปฐมทัศน์ในยุโรปจัดขึ้นที่ Albert Hall ที่ BBC Proms การแสดงอื่นๆ ในปี พ.ศ. 2543 ได้แก่ คอนเสิร์ตในเอเธนส์ เวียนนา ลียง เทศกาลซาลซ์บูร์ก ตลอดจนเทศกาลเฟลมิชที่วิหารเกนต์และเทศกาลเบโธเฟนในกรุงบอนน์

หลังจากการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมของรายการดนตรีดราม่า Norman ไปจนถึงดนตรีทางศาสนาของ Duke Ellington ที่โรงละคร Barbican ในลอนดอนและที่ Epidaurus Amphitheatre ในกรีซ โปรแกรม "Religious Ellington" ถูกนำเสนอที่โรงละคร Chatelet ในปารีส ที่ Concertgebouw ในอัมสเตอร์ดัม ที่งานเฟสติวัลใน พระราชวังที่ซับซ้อน Beit Ed Din ในเลบานอน เทศกาล Menton ในฝรั่งเศส และเทศกาลดนตรี Bremen ในเยอรมนี

Jesse Norman ร้องเพลงโอเปร่าที่น่าตื่นเต้นและไม่ธรรมดา ซึ่งรวมถึงผลงานของ Berlioz, Meyerbeer, Stravinsky, Poulenc, Schoenberg, Janacek, Bartok, Rameau, Wagner และ Richard Strauss ที่โรงละครโอเปร่าทั่วโลก โดยเฉพาะที่ Covent Garden, La Scala , เวียนนาโอเปร่า, โอเปร่าเยอรมันในเบอร์ลิน, เทศกาลดนตรี Saito-Kinen, เทศกาล Salzburg, เทศกาล Aix-en-Provence, Philadelphia Opera และ Chicago Opera การเปิดตัวของเธอเมื่อเปิดฤดูกาลที่ 100 ของ Metropolitan Opera ในปี 1983 เป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงโอเปร่ามากมาย เรื่อง The Makropulos Affair ของ Leoš Janáček ซึ่งนอร์แมนสร้างภาพที่โดดเด่นของเอมิเลีย มาร์ตี จัดแสดงครั้งแรกที่ Metropolitan Opera ในปี 1996

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2540 เจสซี นอร์แมนได้รับรางวัลศิลปะการแสดงสูงสุดของ Kennedy Center ในสหรัฐอเมริกา และกลายเป็นผู้รับรางวัลที่อายุน้อยที่สุดในรอบยี่สิบปีที่ได้รับรางวัลนี้ ชื่อและรางวัลกิตติมศักดิ์มากมายของนักร้องรวมถึงดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากวิทยาลัย มหาวิทยาลัย และโรงเรียนสอนดนตรีประมาณ 30 แห่งทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2527 รัฐบาลฝรั่งเศสได้มอบตำแหน่งผู้บัญชาการกองศิลปะและอักษรศาสตร์แก่นอร์มัน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติประวัติศาสตร์ธรรมชาติตั้งชื่อกล้วยไม้ชนิดหนึ่งตามชื่อของเธอ ในปี 1989 เธอได้รับ Legion of Honor จากประธานาธิบดี Mitterrand และในเดือนมิถุนายน 1990 Javier Pérez de Cuellar เลขาธิการสหประชาชาติได้แต่งตั้งเธอให้เป็นทูตกิตติมศักดิ์ประจำสหประชาชาติ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำศิษย์เก่าประจำปีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2540 นอร์แมนได้รับเหรียญแรดคลิฟฟ์ ในปี 2000 นักร้องสาวได้รับเหรียญ Eleanor Roosevelt เพื่อเป็นการระลึกถึงการมีส่วนร่วมของเธอต่อสันติภาพและมนุษยชาติ ใน บ้านเกิด Norman Augusta (จอร์เจีย) มีอัฒจันทร์และจัตุรัสที่ตั้งชื่อตามเธอ ซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำ Savannah อันเงียบสงบ

รายการบันทึกเสียงที่น่าประทับใจของนักร้องทำให้เธอได้รับรางวัลมากมาย รวมถึง French Grand Prix National du Disque สำหรับเพลงของ Wagner, Schumann, Mahler และ Schubert, รางวัลนิตยสาร Gramophone สำหรับการแสดงที่โดดเด่นของ "Four Last Songs" ของ Richard Strauss, รางวัล Edison Award ในอัมสเตอร์ดัม เช่นเดียวกับรางวัลในเบลเยียม สเปน และเยอรมนี ในสหรัฐอเมริกา เธอได้รับรางวัลแกรมมี่อวอร์ดจากการบันทึกเสียงเพลง "Songs of Maurice Ravel" รวมถึงผลงานโอเปร่าเรื่อง "Lohengrin" และ "Valkyrie" ของวากเนอร์ การบันทึกเสียงเพลง Duke Bluebeard's Castle ของ Bartók ร่วมกับวง Chicago Symphony Orchestra บรรเลงโดย Pierre Boulez ได้รับรางวัลแกรมมี่อวอร์ดในปี 1999 สาขา Best Opera Recording เธอเป็นผู้ชนะรางวัล Ace Award ของ National Cable Academy สำหรับ Jesse Norman ที่ Notre Dame ในปี 2000 Jessie Norman ออกซีดีเพลงแจ๊สชุดแรกของเธอ "I Was Born In Love With You" พร้อมดนตรีโดย Michel Legrand พร้อมด้วย Michel Legrand (เปียโน), Ron Carter (ดับเบิลเบส) และ Grady Tate (กลอง) ซึ่งก็คือ ประสบความสำเร็จอย่างมาก

นอกเหนือจากกิจกรรมการแสดงที่กว้างขวางของเขาแล้ว นอร์แมนยังดำเนินงานสาธารณะอย่างกว้างขวาง เธออยู่ในคณะกรรมการบริหารของนิวยอร์ก ห้องสมุดสาธารณะ, สวนพฤกษศาสตร์นิวยอร์ก, Citymeals-on-Wheels ในนิวยอร์ก, Harlem's Dance Theatre, National Music Foundation และ Elton Jones AIDS Foundation นอร์แมนยังเป็นสมาชิกของคณะกรรมการมูลนิธิ Lupus Erythematosus Foundation และโฆษกของมูลนิธิ ตลอดจนโฆษกของสมาคมคนไร้บ้าน (Homeless Society) ในเมืองออกัสตา รัฐจอร์เจีย บ้านเกิดของเธอ เธอเป็นสมาชิกของ Payne College Board of Trustees และ Augusta Opera Association ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2546 Jesse Norman School of the Arts เริ่มดำเนินการในออกัสตา Jessie Norman เป็นสมาชิกตลอดชีวิตของ Girl Scouts of America

ชีวประวัติอย่างเป็นทางการ: จัดทำโดย L'Orchidee

Toby Spence, อายุ

ดาวรุ่งพุ่งแรงในละครแนวบาโรกและร่วมสมัย

เขาจบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมจาก New College (อ็อกซ์ฟอร์ด) ในการร้องเพลงประสานเสียง ศึกษาที่ Guildhall School of Music and Drama ในฐานะนักเรียนเขาเปิดตัวที่ Wigmore Hall ในคอนเสิร์ตเพลงของ Schubert

ศิลปินเดี่ยวของอุปรากรแห่งชาติอังกฤษ ละครประกอบด้วย Almaviva (The Barber of Seville), Oronte (เรื่อง Alcina ของ Handel), Don Narciso (เรื่อง The Turk ของ Rossini ในอิตาลี) และ Fenton (เรื่อง Falstaff)

ในฤดูกาล 1995-1996 เปิดตัวใน โอเปร่าแห่งชาติเวลส์ (Idamante ใน Idomeneo ของ Mozart วาทยกร Charles Macerras), La Monnet (บรัสเซลส์) รับบทเป็น Pan (Calisto by Cavalli วาทยกร Rene Jacobs) โรงอุปรากรแห่งบาวาเรีย (มิวนิค) ในบท Idamant, Covent Garden ใน Alzira ของ Verdi (ผู้ควบคุมวง Mark Elder)

ในฤดูกาล 1996-1997 เปิดตัวที่ Salzburg Festival (งาน Mithridates ของ Mozart, King of Pontus, ผู้ควบคุมวง George Norrington) และที่ Scottish Opera (Idomeneo) ทามิโนร้องเพลง (" ขลุ่ยวิเศษ» Mozart) ที่ La Monnaie (ผู้ควบคุมวง David Robertson)

ผลงานล่าสุด ได้แก่ Telemachus (เรื่อง Ulysses Repatriation ของ Monteverdi) ที่ Netherlands Opera และ Bavarian Opera, Hylas (เรื่อง Les Troyens ของ Berlioz วาทยกร Sylvain Cambrelin) ที่ Salzburg Festival นอกจากนี้ ยังมีการแสดงของ Britten's Billy Budd ที่ Paris National Opera, Handel's Acis and Galatea ที่ Bavarian Opera, Don Giovanni ที่ Ruhr Triennale (เยอรมนี) และ Alcina ในซานฟรานซิสโก

แสดงร่วมกับวง Cleveland Orchestra (คริสตอฟ ฟอน โดห์นาญี), คณะนักร้องประสานเสียงและวงออเคสตรามอนเตเวอร์ดี (จอน เอเลียต การ์ดิเนอร์), วงซานฟรานซิสโกซิมโฟนี (ไมเคิล ทิลสัน โธมัส), คณะดนตรีร็อตเตอร์ดัม ฟิลฮาร์โมนิก (วาเลรี เกอร์กีฟ), นักดนตรีแห่งพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (ผู้ควบคุมวง มาร์ก มินโคว์สกี้) , London Symphony Orchestra (ผู้ควบคุมวง Simon Rattle), วง 18th Century Orchestra (ผู้ควบคุมวง Franz Bruggen) และอื่นๆ

เขาได้บันทึกให้กับบริษัทที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Deutsche Grammophon, Decca, BMG, Philips และ EMI

แผนการในทันทีของนักร้องรวมถึงการแสดงที่ Paris National Opera (รวมถึง William Tell ของ Rossini, Boreads ของ Rameau, Katya Kabanova ของ Janacek), Covent Garden (Boris Godunov และ Aides' The Tempest) และ "Trojans" ที่ Promenade Concerts ที่ Albert Hall พร้อมกับ BBC Orchestra ผู้ควบคุมวง Colin Davies (ลอนดอน 2003)

พอล เมเยอร์, ​​คลาริเน็ต

หนึ่งในผู้เล่นคลาริเน็ตที่ดีที่สุดในยุโรป

เกิด พ.ศ. 2508 ที่เมืองมัลเฮาส์ (ฝรั่งเศส) เขาเรียนที่ Higher School of Music ในปารีสและที่ Ball ตอนอายุ 13 ปีเขาได้แสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกในฐานะศิลปินเดี่ยวของ Rhine Symphony Orchestra เขาเริ่มงานเดี่ยวหลังจากชนะการประกวด Eurovision Young Musicians Contest (1982) และ Young Orchestral Musicians Contest อันทรงเกียรติ (1984, New York)

แสดงเป็นศิลปินเดี่ยวกับวงออร์เคสตราชื่อดัง (Orchester National de France, Royal Concertgebouw Orchestra, Berlin Symphony Orchestra, Dresden Philharmonic Orchestra, Warsaw Symphony Orchestra, French Radio Philharmonic Orchestra, Monte Carlo Philharmonic Orchestra, Bordeaux Orchestra, Strasbourg Orchestra, Chamber Orchestra กุสตาฟ มาห์เลอร์ และคนอื่นๆ) และร่วมกับนักดนตรีที่มีชื่อเสียง (Luciano Berio, Dennis Russell Davies, Michael Gielen, Hans Graf, Günther Herbig, Marek Janowski, Emmanuel Krivin, Jerzy Maksimyuk, Yehudi Menuhin, Kent Nagano, Esa-Pekka Salonen, Heinrich Schiff, Ulf Schirmer, Mikael Schonwandt, David Zinman) ในงานเทศกาลที่มีชื่อเสียง (Bad Kissingen, Salzburg เป็นต้น)

ละครของเมเยอร์มีทั้งดนตรีคลาสสิก แนวโรแมนติก และดนตรีสมัยใหม่ (Krzysztof Penderecki, Gerd Kuhr, James Macmillan, Luciano Berio และอื่นๆ) Luciano Berio เขียนคอนแชร์โต Altermatim สำหรับ Meyer (เล่นในเบอร์ลิน ปารีส โรม โตเกียว เทศกาลซาลซ์บูร์ก คาร์เนกีฮอลล์ นิวยอร์ก) 2543 - การแสดงคอนแชร์โตของ Michael Jarell (วง Paris Orchestra ผู้ควบคุมวง Sylvain Cambrelin) การแสดงของ Penderetsky Piano Quintet (Concerthaus, Vienna; ผู้เข้าร่วม - Rostoropovich, Bashmet, Alekseev, Rakhlin)

ในฐานะนักแสดงดนตรีแชมเบอร์ เมเยอร์ได้ร่วมแสดงร่วมกับศิลปินที่โดดเด่นหลายคน (ไอแซก สเติร์น, ฌอง-ปิแอร์ แรมปัล, ฟรองซัวส์-เรอเน ดูชาเบิล, เอริก เลอ ซาจ, มาเรีย โจน ปิเรส, ยูริ บาชเมต, เจอราร์ด กอสส์, กิดอน เครเมอร์, โยโย่ หม่า, มิสทิสลาฟ Rostropovich, Vladimir Spivakov, Tabea Zimmerman, Heinrich Schiff, Barbara Hendrix, Nathalie Desse, Emmanuelle Pahut และคนอื่นๆ) และวงเครื่องสาย (Carmina, Hagen, Melos, Emerson, Takacs, Vogler และอื่นๆ)

เมเยอร์ยังแสดงเป็นวาทยกร: Philharmonic Orchestra of French Radio, the Orchestral Ensemble of Paris, the orchestra of Bordeaux, Nice and Toulouse (Capitole), the English Chamber Orchestra, the Scottish Chamber Orchestra, the Munich Chamber Orchestra, the Stuttgart Chamber ออร์เคสตรา เจนีวาแชมเบอร์ออร์เคสตรา ออร์เคสตราปาดัวและเวเนโต จูเซปเปแวร์ดี มิลานซิมโฟนีออร์เคสตรา เบลเกรดฟิลฮาร์โมนิกออร์เคสตรา บิลเบาซิมโฟนีออร์เคสตรา ไทเปซิมโฟนีออร์เคสตรา ดำเนินการปราก Chamber Orchestra (Requiem ของ Mozart) ระหว่างการทัวร์ฝรั่งเศสและ Archi Italiana Orchestra (ทัวร์อิตาลี) การบันทึกรวมถึงผลงานของ Mozart, Weber, Copland, Busoni, Krommer, Pleyel, Brahms, Schumann, Bernstein, Arnold, Piazzolla, Poulenc (Denon, Erato, Sony, EMI และ BMG) มีผลงานบันทึกเสียงมากมาย (Diapason d'Or, Choc du Monde de la Musique, Stern des Monats Fonoforum, Prix de la revelation musicale) การบันทึกล่าสุด: วง End Time Quartet ของ Messiaen (Mung Wun Chung, Gil Shaham และ Qiang Wang, Deutsche Grammophon) และ Chamber Concerto ของ Hartmann (Munich Chamber Orchestra, ECM) เตรียมบันทึกผลงานของ Brahms (นักเปียโน Eric Le Sage) และแผ่นดิสก์แผ่นแรกในฐานะวาทยกร (Orchester Padua และ Veneto, BMG)

เดนิส มัตสึเยฟ เปียโน

หนึ่งในผู้นำ รุ่นน้องนักเปียโนชาวรัสเซียผู้โด่งดังไปทั่วโลก

เกิดในปี 1975 ที่เมืองอีร์คุตสค์ในครอบครัวนักดนตรี ในปี 1994 เขาสำเร็จการศึกษาจาก Central โรงเรียนดนตรี(อาจารย์ V.V. Pyasetsky) ในปี 1999 - Moscow Conservatory (อาจารย์ Alexei Nasedkin และ Sergey Dorensky) ผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันเปียโนนานาชาติที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก (แอฟริกาใต้ ปี 2536) 2541 - ผู้ได้รับรางวัลการแข่งขันเปียโนนานาชาติที่ปารีส รางวัลที่หนึ่งของการแข่งขันระดับนานาชาติ ไชคอฟสกี (1998). ตั้งแต่ปี 1995 - ศิลปินเดี่ยวของ Moscow Philharmonic

การแสดงอันทรงเกียรติ ห้องแสดงคอนเสิร์ตโลก: Great Hall of the St. Petersburg Philharmonic Hall, Gaveau Hall (ปารีส), Albert Hall (ลอนดอน), Carnegie Hall (นิวยอร์ก), Mozarteum (ซาลซ์บูร์ก), Gasteig (มิวนิค), Musical Hall (ฮัมบูร์ก) ฯลฯ โดย อายุ 29 ปี เขาแสดงใน 42 เมืองของรัสเซียและใน 32 ประเทศทั่วโลก (ฝรั่งเศส เบลเยียม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฯลฯ)

เล่นได้สุดยอดมาก วงออเคสตร้าของรัสเซียกับวาทยกรที่มีชื่อเสียง (Mikhail Pletnev, Vladimir Spivakov, Mark Ermler, Pavel Kogan, Vladimir Ponkin, Mark Gorenstein เป็นต้น)

ละครของนักเปียโนประกอบด้วย: Haydn, Beethoven ชูเบิร์ต, โชแปง, ลิซท์, ไชคอฟสกี, รัชมานินอฟ, โปรโคฟีเยฟ นอกจากคลาสสิกเชิงวิชาการแล้ว ยังมีการเล่นดนตรีแจ๊ส (รวมถึงการด้นสด) และการประพันธ์เพลงของตัวเองด้วย

บันทึกซีดี 10 แผ่นในรัสเซีย ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส

Alexey Utkin, โอโบ

หนึ่งในนักเล่นโอโบที่ดีที่สุดในยุโรป ศิลปินเดี่ยวของวง Moscow Virtuosi Chamber Orchestra ศาสตราจารย์ที่ Moscow State Conservatory

เกิดในปี 1957 ที่กรุงมอสโกในครอบครัวนักดนตรี เขาเรียนที่โรงเรียนดนตรีกลางที่ Moscow State Conservatory ในชั้นเรียนเปียโนและโอโบ ในปี 1980 เขาสำเร็จการศึกษาจาก Moscow Conservatory (อาจารย์ - ศาสตราจารย์ Anatoly Petrov) ในปี 1983 - การศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่ Moscow Conservatory ตั้งแต่ปี 1986 เขาเป็นศาสตราจารย์ที่ Moscow Conservatory

หลังจากได้รับรางวัลที่หนึ่งจากการแข่งขัน Oboist แห่งชาติของรัสเซีย (พ.ศ. 2526) เขามีส่วนร่วมในการแสดงในห้องและการแสดงเดี่ยว ตั้งแต่ปี 1982 เขาเป็นศิลปินเดี่ยวร่วมกับวง Moscow Virtuosi Chamber Orchestra ที่ดำเนินการโดย Vladimir Spivakov แสดงในคอนเสิร์ตฮอลล์อันทรงเกียรติของโลก: Carnegie Hall และ Avery Fisher Hall (นิวยอร์ก), Barbican (ลอนดอน), Concertgebouw (อัมสเตอร์ดัม), Palau de la Musica (บาร์เซโลนา), Auditorio Nacional (มาดริด), Accademia Santa Cecilia (โรม) , โรงละคร Champs Elysees (ปารีส), ห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกมอสโก, ห้องโถงใหญ่ของ St. Petersburg Philharmonic, Hercules Hall (มิวนิค), Beethoven Hall (บอนน์) และอื่น ๆ แสดงร่วมกับนักดนตรีชื่อดัง: Eliso Virsaladze , Natalia Gutman, Radovan Vladkovich, Alexander Rudin, Valery Popov และคนอื่นๆ

เขาแสดงผลงานที่เป็นที่รู้จักเกือบทั้งหมดสำหรับโอโบ เขาเล่นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่ดีที่สุดในโลก (บริษัท ฝรั่งเศส F. Loree)

การบันทึกเสียง (โดย RCA/BMG): คอนแชร์โตโดย J. S. Bach สำหรับโอโบและโอโบดามอร์ ผลงานของ Mozart, Rossini, Pasculli, Vivaldi, Salieri, ดนตรีร่วมสมัย (รวมถึง Capriccio ของ Krzysztof Penderecki)

ผู้สร้าง (2545) ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และศิลปินเดี่ยวของ Hermitage Chamber Orchestra (10 คน, Chamber Orchestra ที่เล็กที่สุดในโลก) ซึ่งรวมถึงนักดนตรีหนุ่มชาวรัสเซีย วงออเคสตรามีการแสดงสามครั้งในห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกมอสโก และมีการสมัครสมาชิกในห้องโถง Rachmaninov ของเรือนกระจก Alexei Utkin ได้บันทึกซีดีสามแผ่นกับ Hermitage Orchestra (บริษัท Music for the Masses ของรัสเซีย) ใน ตอนนี้คนแรกเปิดตัว: "J.S. Bach. คอนแชร์โตสำหรับโอโบและเครื่องดนตรีเดี่ยวอื่น ๆ ได้รับรางวัลที่หนึ่งในงาน Hi-Fi Show ในลอนดอน (2546)"

อเล็กซานเดอร์ เปตรอฟ บาสซูน

หนึ่งในศิลปินเดี่ยวบาสซูนที่ดีที่สุดในรัสเซีย

เกิดในปี 1960 ที่เมืองโอเดสซา เขาจบการศึกษาจากโรงเรียนดนตรีพิเศษที่ตั้งชื่อตาม P. S. Stolyarsky ในชั้นเรียนบาสซูน (อาจารย์ Nikolai Karaulovsky และ Anatoly Pokinchereda) เขาจบการศึกษาจาก Kyiv Conservatory (ในปี 1984 อาจารย์ Vladimir Apatsky) และการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่ Russian Academy of Music Gnessins (อาจารย์ - ศาสตราจารย์ Anton Rozenberg และ Yuri Kudryavtsev)

รางวัลที่หนึ่งในการแข่งขัน Republican of Woodwind Performers (1986, Donetsk), รางวัลที่หนึ่งและ รางวัลพิเศษการแข่งขัน All-Union ของนักแสดงด้วยเครื่องเป่าลมไม้ (1987, Khmelnitsk)

เขาทำงานเป็นศิลปินเดี่ยวในวงดุริยางค์ซิมโฟนีแห่งรัฐมอสโกซึ่งดำเนินการโดย Pavel Kogan (พ.ศ. 2531-2533) วงดุริยางค์แห่งชาติรัสเซีย (พ.ศ. 2533-2546) ตั้งแต่ปี 2546 เขาเป็นหัวหน้าคอนเสิร์ตของกลุ่มปี่และศิลปินเดี่ยวของ National Philharmonic Orchestra of Russia ภายใต้ Vladimir Spivakov

ออกทัวร์กับ RNO ในกว่า 40 ประเทศ เขาเล่นภายใต้กระบองที่โดดเด่น (Evgeny Svetlanov, Mstislav Rostropovich, Eri Klas, Kent Nagano, Paavo Berglund, Saulius Sondeckis, Maris Jansons, Dmitry Kitayenko, Valery Gergiev, Mikhail Pletnev, Vladimir Spivakov) และวาทยกรรุ่นเยาว์ (Teodor Currentzis, Vladimir ยูรอฟสกีและคนอื่นๆ )

ผู้เข้าร่วมห้องและคอนเสิร์ตเดี่ยวในสหภาพนักแต่งเพลงแห่งรัสเซีย ศิลปินเดี่ยวทำงานร่วมกันอย่างไร นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงในหมู่พวกเขา: Alfred Schnittke, Sofia Gubaidulina, Edison Denisov, Boris Tishchenko, Yuri Kasparov นักแสดงคนแรกของผลงานของนักเขียนรุ่นเยาว์ (Valery Katz. Seven Pieces สำหรับบาสซูนเดี่ยว, Alena Tolenova. Allegro สำหรับบาสซูนและเปียโน)

แสดงร่วมกับแชมเบอร์ออร์เคสตร้า (“Moscow Virtuosi”, “Moscow Soloists”, “Musica Viva”) ในงานเทศกาลในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มอสโก (“December Evenings of Svyatoslav Richter”) ในยุโรป (International Music Festival in Colmar, France) เสด็จประพาสสหรัฐอเมริกากับ โปรแกรมเดี่ยว (2001).

Petrov - ผู้เข้าร่วมเทศกาลดนตรีนานาชาติมอสโกครั้งที่สาม "Dedication to Oleg Kagan" (การแสดงในห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกมอสโกในชุด: Natalia Gutman, Eduard Brunner, Kolya Blacher, Francois Leleu, 2002)

เข้าร่วมในการบันทึกซีดี 25 แผ่นโดยเป็นส่วนหนึ่งของวงออร์เคสตรา (Deutsche Grammophon) ในฐานะศิลปินเดี่ยวเขาได้บันทึกซีดี: Glinka's Chamber Music (1994, Olimpia) และ Alexander Petrov โซนาตาคลาสสิก (1997, Cantabile): โซนาตาของ J.S. Bach สำหรับวิโอลา ดา กัมบา และโซนาตาไวโอลินของฮันเดลในการเรียบเรียงสำหรับบาสซูนของเขาเอง

Elena Mitrakova นักร้องเสียงโซปราโน

ในปี 2000 เธอสำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยมจาก Academy of Choral Art โดยได้รับปริญญาสาขาการขับร้องประสานเสียง (ระดับศาสตราจารย์ B. M. Lyashko) และสาขาศิลปะการร้อง (ระดับรองศาสตราจารย์ T. I. Loshmakova) ในปี 2546 เธอสำเร็จการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่ Academy of Choral Art รางวัลที่สามในการแข่งขันร้องเพลงของนักเรียน All-Russian "Bella voce" ในส่วน "Vocal Ensemble" (1997) รางวัลชนะเลิศในการแข่งขันร้องเพลงของนักเรียน All-Russian "Bella voce" ในส่วน "Solo Singing" (2544)

ศิลปินเดี่ยวแห่งรัฐมอสโก สังคมวิชาการดนตรี. เธอแสดงในรัสเซีย เยอรมัน ฝรั่งเศส เบลเยียม สเปน อิตาลี

อิซาเบลา โคลซินสกา นักร้องเสียงโซปราโน

จบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมจาก Warsaw State Conservatory ศิลปินเดี่ยวชั้นนำของ Wielki Theatre (วอร์ซอว์) ละครโอเปร่า: Roxana (King Roger โดย Szymanowski), Mikaela, Nedda (Pagliacci โดย Leoncavallo), Pamina (The Magic Flute โดย Mozart), Mimi and Musette (La Boheme โดย Puccini), Khana (The Terrible Yard โดย Moniuszko) , Liu ( “Turandot” โดย Puccini), Countess Almaviva (“The Marriage of Figaro” โดย Mozart), Donna Elvira (“Don Giovanni” โดย Mozart), Violetta (“La Traviata” โดย Verdi), Eva (“Lost Paradise” โดย Penderecki) , Rosamund (“King Ubu” โดย Penderetsky), Margarita ("Faust" โดย Gounod), Romilda ("Xerxes" โดย Handel), Xenia ("Boris Godunov" โดย Mussorgsky), Leonora ("Force of Destiny" โดย Verdi), เอลิซาเบธ ("ดอน คาร์ลอส" โดย Verdi), ทัตยานา ("Eugene Onegin" โดย Tchaikovsky), เฟรยา ("Gold of the Rhine" โดย Wagner), โซฟี ("The Rosenkavalier" โดย Strauss), Aldona ("The Lithuanians" โดย Ponchielli ). ในเพลงประสานเสียงออราทอริโอ: "Stabat Mater" โดย Dvorak, Szymanowski และ Pergolesi, Mass in C minor โดย Mozart, Verdi's Requiem, "Magnificat" โดย Bach, "Dies Irae", "Polish Requiem", "Te Deum" และ " Credo" โดย Penderecki และซิมโฟนีหมายเลขเก้าโดย Beethoven ได้แสดงในประเทศเยอรมนี (ฮันโนเวอร์, ดอร์ทมุนด์, ฮัมบูร์ก), อังกฤษ, สวิตเซอร์แลนด์ (ซูริก, เบิร์น), เกาหลีใต้ (Turandot ที่ Seoul Opera, La Traviata ที่เปิดของ Daegu Opera House, 1992), สหรัฐอเมริกา (รอบปฐมทัศน์ในอเมริกาของ King โรเจอร์ในบัฟฟาโลและดีทรอยต์ รอบปฐมทัศน์อเมริกาเรื่อง Saint Ludmila ของดโวชากที่คาร์เนกีฮอลล์ นิวยอร์ก) ฮอลแลนด์ (โทรจันของแบร์ลิออซและบังสุกุลของแวร์ดีที่คอนเสิร์ตเกอบูว อัมสเตอร์ดัม)

ผู้เข้าร่วมเทศกาลดนตรีร่วมสมัยนานาชาติ "Warsaw Autumn" (2003 - "Passion ตาม John" โดย Gubaidulina) และเทศกาล Wroclaw Festival of Oratorio และ Cantata Singing เทศกาลดนตรีร่วมสมัยใน Alicante (สเปน) รอบปฐมทัศน์ในยุโรปของ Penderecki's oratorio "The Seven Gates of Jerusalem" (วอร์ซอว์, 1997), การแสดงของ "Credo" ของ Penderecki (Warsaw, 1999)

Klosinska เป็นเจ้าของตำแหน่ง "Star of the Year" (แบบสำรวจของนิตยสาร Przeglad Tugodniowy, "News of the Week", 1996) และรางวัลมากมาย รวมถึง: รางวัลการประกวดเพลงยูโรวิชัน (คาร์ดิฟฟ์, กลาสโกว์) กระทรวงโปแลนด์ รางวัลศิลปวัฒนธรรมแห่งความสำเร็จในสาขา เสียงเพลง(1998), Andrzej Hiolski Award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล (Madama Butterfly ที่ Wielki Theatre, 2000) การบันทึกโอเปร่าอาเรียของเธอสำหรับรายการวิทยุโปแลนด์ได้รับการยอมรับว่าเป็นการบันทึกที่ดีที่สุดของปี (1990) บันทึกเพลงโปแลนด์สำหรับ Radio France (2546)

Elena Maksimova เมซโซ-โซปราโน

ในปี 2546 เธอสำเร็จการศึกษาจาก Moscow Conservatory (อาจารย์ - ศาสตราจารย์ L. A. Nikitina) และเข้าเรียนที่บัณฑิตวิทยาลัยของ Moscow Conservatory

ผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับนานาชาติ: รางวัลที่สามและรางวัลพิเศษสองรางวัลจากการแข่งขัน Russian Vocalists Glinka (2544), รางวัลที่สองและรางวัลของสหภาพนักแต่งเพลงแห่งรัสเซียในการแข่งขัน Amber Nightingale (2545), รางวัลที่สองและรางวัลพิเศษสำหรับ ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดโกหกในการแข่งขัน Elena Obraztsova (2546)

ตั้งแต่ปี 2000 เขาทำงานที่ Musical Theatre Stanislavsky และ Nemirovich-Danchenko เปิดตัวครั้งแรก: Polina (" ราชินีโพดำ» ไชคอฟสกี). ในละคร: Siebel ("Faust" โดย Gounod), Count Orlovsky (" ค้างคาว"J. Strauss), Suzuki ("Madama Butterfly" Puccini), Mercedes ("Carmen" Bizet)

Dmitry Korchak อายุ

หนึ่งในนักร้องรัสเซียรุ่นใหม่ที่ฉลาดที่สุด

เกิดในปี 1979 ในเมือง Elektrostal (ภูมิภาคมอสโก) จบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมจากโรงเรียนประสานเสียงมอสโก Sveshnikov และ Academy of Choral Art (แผนกศิลปะการร้องและการขับร้องประสานเสียง) ครูแกนนำ - Dmitry Vdovin

ในฐานะศิลปินเดี่ยว เขาแสดงร่วมกับนักร้องประสานเสียงชายของสถาบัน ละครประกอบด้วย: requiems โดย Mozart และ Verdi, Mass in B minor โดย J.S. พิธีมิสซาเยอรมันของ Bach และ Schubert, ซิมโฟนีหมายเลขแปดของ Mahler, พิธีสวดของ St. John Chrysostom Tchaikovsky และ All-Night Vigil ของ Rachmaninov, Cantata ของ Taneyev "หลังจากอ่านสดุดี", โอเปร่าของ Rachmaninov เรื่อง "Aleko" (The Young Gypsy), oratorio ของ Edison Denisov เรื่อง "The Life และการสิ้นพระชนม์ขององค์พระเยซูคริสต์" (ผู้เผยแพร่ศาสนา) สมาชิกของการบันทึกซีดีโดย Academy Choir (ดนตรีจิตวิญญาณโดย Tchaikovsky, เพลงพื้นบ้านรัสเซียโดย Lyadov, All-Night Vigil และ "Testaments of N.V. Gogol" โดย Georgy Dmitriev)

ปัจจุบันเขาแสดงร่วมกับวาทยกรชั้นนำของรัสเซีย (Vladimir Spivakov, Vladimir Fedoseev, Yuri Temirkanov) และวงออร์เคสตรา (Moscow Virtuosi และ Russian National Orchestra) ที่ Avery Fisher Hall (นิวยอร์ก), Chatelet Theatre (ปารีส), Royal Festival Hall (ลอนดอน) ) ห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกมอสโก ผู้เข้าร่วมเทศกาลดนตรีนานาชาติในกอลมาร์และกลังโบเกน (เวียนนา) ในบรรดาการแสดงล่าสุด: "5 ชิ้นส่วนของภาพวาดของ Hieronymus Bosch" โดย Schnittke (โรงละคร Chatelet ปารีส), "Mozart and Salieri" (Klangbogen Festival, เวียนนา, 2003)

ตั้งแต่ปี 2000 เขาได้เข้าร่วมเป็นประจำในมาสเตอร์คลาสในมอสโกโดยครูสอนร้องเพลงชั้นนำที่ Metropolitan Opera และ Houston Opera ตั้งแต่ปี 2544 ศิลปินเดี่ยวของโรงละคร " โอเปร่าใหม่" (มอสโก). ละครประกอบด้วย Lensky ("Eugene Onegin" โดย Tchaikovsky), Mozart ("Mozart and Salieri" โดย Rimsky-Korsakov), Alfred ("La Traviata" โดย Verdi) และ Berendey ("The Snow Maiden" โดย Rimsky-Korsakov)

ผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับนานาชาติ, ผู้ได้รับรางวัล "Best Tenor" ของมูลนิธิ I. S. Kozlovsky, ผู้ได้รับรางวัลเยาวชนจากรางวัลอิสระ "Triumph" (2544)

อเล็กเซย์ โมชาลอฟ, เบส

เกิดในปี 2499 จบการศึกษาจากแผนกเสียงและการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่ Moscow Conservatory (อาจารย์ - ศาสตราจารย์ G. I. Titz) ศิลปินเดี่ยวชั้นนำของ Chamber Musical Theatre ภายใต้การดูแลของ Boris Pokrovsky ละคร: Don Giovanni (เรื่อง Don Giovanni ของ Mozart), Figaro (เรื่อง Marriage of Figaro ของ Mozart), Seneca (เรื่อง The Coronation of Poppea ของ Monteverdi), Julius Caesar (เรื่อง Julius Caesar ของ Handel ในอียิปต์), Blanzac (เรื่อง Silk Staircase ของ Rossini) ), Umberto ("หญิงรับใช้ " Pergolesi), เชเรวิค (" งานโซโรชินสกายา"Mussorgsky), The Doctor and the Barber ("The Nose" โดย Shostakovich), Nick Shadow ("The Rake's Adventures" โดย Stravinsky), Petruccio ("The Taming of the Shrew" โดย Shebalin) ฯลฯ

Mochalov เข้าร่วมในการผลิต "The Voice of the Invisible" ที่โรงละคร "Helikon-Opera" (การแสดงเป็นผู้ชนะของ " หน้ากากทองคำ”) ในการแสดงของเวียนนา แชมเบอร์โอเปร่า(ออสเตรีย) และ Lyon Opera (ฝรั่งเศส) เขาได้แสดงร่วมกับวงออร์เคสตราและวาทยกรชั้นนำของรัสเซียและต่างประเทศ (Gennady Rozhdestvensky, Maurizio Arena, Vladimir Spivakov, Mark Gorenstein, Evgeny Kolobov, Konstantin Orbelyan, Alexander Rudin และคนอื่นๆ) เขาได้ไปเที่ยวในหลายประเทศในยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาเหนือและละตินอเมริกา

นำไปสู่กิจกรรมคอนเสิร์ตที่กระตือรือร้น เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุด: 1997-- เปิดตัวที่ Carnegie Hall (นิวยอร์ก) คอนเสิร์ตการกุศลของ World Economic Forum ใน Davos (สวิตเซอร์แลนด์) เทศกาลดนตรีนานาชาติ Yuri Bashmet ใน Tours (ฝรั่งเศส) เทศกาลดนตรีนานาชาติใน Colmar (ฝรั่งเศส ) อุทิศให้กับ Chaliapin (1998) คอนเสิร์ตของโครงการดนตรีนานาชาติ "Russian Musicians to the World" (พระราชวังแห่งสหประชาชาติ เจนีวา) เทศกาลดนตรีนานาชาติ "Palaces of St. Petersburg" งานกาล่าคอนเสิร์ตที่อุทิศให้กับวันครบรอบ 1100 ปีของ Pskov ( 2546).

บันทึกในซีดี: บทกวีของพุชกินในเนื้อเพลงรัสเซีย (ร่วมกับนักเปียโน Maria Barankina), Vocal Cycles ของ Shostakovich (DML Classics, ญี่ปุ่น), Raek Anti-Formalist ของ Shostakovich (Moscow Virtuosos, ผู้ควบคุมวง Vladimir Spivakov , BMG Classics), โมสาร์ทของ Rimsky-Korsakov และ Salieri (Tri-m Classics, ญี่ปุ่น) แผ่นดิสก์เดี่ยว "Shostakovich's Vocal Cycles" ได้รับรางวัล "Diapasone D'Or" ("Golden Range") จากสื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำของฝรั่งเศส "Le Monde de la Musique" และ "Diapasone" (1997)

Mochalov - ศาสตราจารย์แห่ง Russian Academy of Music Gnesin และ โรงเรียนสอนดนตรีที่ Moscow Conservatory (ในหมู่นักเรียน - ผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับนานาชาติ) จัดการเรียนการสอนระดับปริญญาโทในบราซิลและญี่ปุ่น ศิลปินผู้มีเกียรติของรัสเซีย

Viktor Gvozditsky ผู้อ่าน

หนึ่งในนักแสดงนำของโรงละครรัสเซีย

เขาจบการศึกษาจาก Yaroslavl Theatre School (1971) ทำงานที่ Theatre of the Young Spectator (ริกา) รวมถึง กับผู้กำกับ อดอล์ฟ ชาปิโร พ.ศ. 2517-2528 - ทำงานที่ Leningrad Comedy Theatre ในบทบาท - Shadow ("Shadow" โดย Schwartz), Alceste ("Misanthrope" โดย Moliere), Bulanov ("Forest" โดย Ostrovsky)

ในปี 1979 เขาเล่นในการแสดงเดี่ยว "Pushkin and Natalie" (องค์ประกอบและการผลิต - Kama Ginkas)

พ.ศ. 2522-2524 - นักแสดงของ Bolshoi โรงละคร(เลนินกราด). ตั้งแต่ปี 1984 เขาเป็นศิลปินของ Hermitage Theatre (มอสโก) ในละคร: Fadinar (The Straw Hat), Schlippenbach (The Beggar หรือ the Death of Zand), ผู้แต่ง (Evening in a Madhouse), Casanova (Sonechka และ คาสโนวา) ). เขาเล่นในการแสดงของ Kama Ginkas ที่ MTYUZ: Paradoxist (“Notes from the Underground”), Porfiry Petrovich (“We Play Crime”) เข้าร่วมการแสดงของ Y. Eremin ในโรงละคร พุชกิน: Eric ("Eric XIV"), Khlestakov ("The Government Inspector")

ตั้งแต่ปี 1995 - นักแสดงของ Moscow Art Theatre ละคร: Tuzenbach ("The Cherry Orchard"), Osnova ("A Midsummer Night's Dream", Podkolyosin ("The Marriage"), Cyrano de Bergerac, Marquis de Charron ("The Cabal of the Saints") Artaud เล่นใน Meyerhold เป็นศูนย์กลางในการเล่น Valery Fokina "Artaud and his Double"

โรงละครมีบทบาทมากมายในละครโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบทหลัก บทบาทในภาพยนตร์: "Sunset" และ "Moscow" โดย Alexander Zeldovich, "Summer People" โดย Sergei Ursulyak จัดการเรียนการสอนระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ มักจะทำหน้าที่เป็นนักอ่าน

ผู้ได้รับรางวัล Smoktunovsky Prize ในบรรดารางวัล - เหรียญทองใหญ่ของ A. S. Pushkin (1999) ศิลปินประชาชนของรัสเซีย

วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งชาติของรัสเซีย
ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และหัวหน้าวาทยกร - Vladimir Spivakov

วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งชาติของรัสเซียก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2546 โดยกระทรวงวัฒนธรรมของรัสเซียในนามของประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย V.V. ปูติน. NPR รวมตัวแทนที่ดีที่สุดของนักดนตรีรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์และยอดเยี่ยม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของชีวิตที่สร้างสรรค์ NPR ได้กลายเป็นหนึ่งในวงดุริยางค์ซิมโฟนีชั้นนำในรัสเซีย ชนะใจประชาชนและได้รับการยอมรับจากมืออาชีพทั้งในประเทศและต่างประเทศ

วงออเคสตรานำโดยนักไวโอลินและผู้ควบคุมวง Vladimir Spivakov ที่มีชื่อเสียงระดับโลก

วาทยกรที่โดดเด่นจากรุ่นต่างๆ ทำงานร่วมกับวงดนตรี ได้แก่ Michel Plasson, Vladimir Ashkenazy, Krzysztof Penderecki, James Conlon, Okko Kamu, Jukka-Pekka Saraste, Alexander Lazarev, John Nelson, Jan Latham-Koenig, Alexander Vedernikov, Tugan Sokhiev, Ken- David Mazur, Simon Gaudenz, Stanislav Kochanovsky, Alexander Solovyov และคนอื่นๆ

ใน โปรแกรมคอนเสิร์ต NPR มีดาราจากเวทีโอเปร่าระดับโลกและศิลปินเดี่ยวชื่อดังเข้าร่วม: Jesse Norman, Placido Domingo, Kiri Te Kanava, Dmitry Hvorostovsky, Juan Diego Flores, Rene Fleming, Ferruccio Furlanetto, Marcelo Alvarez, Matthias Gurne, Ildar Abdrazakov, Violeta Urmana, Ramon Vargas , Evgeny Kissin, Vadim Repin, Gil Shakham, Arkady Volodos, Martha Argerich, Renault และ Gauthier Hoods, Pierre-Laurent Aimard, Victoria Mullova และอื่น ๆ อีกมากมาย

Anna Netrebko, Khibla Gerzmava, Albina Shagimuratova, Vasily Ladyuk, Dmitry Korchak, Denis Matsuev, Alexander Ghindin, John Lill, David Garrett, Alexander Gavrilyuk, Vadim Gluzman, Sergey Dogadin, Nikolai Tokarev แสดงร่วมกับ NPR เป็นประจำโดยเน้นย้ำความใกล้ชิดเป็นพิเศษกับ วงออเคสตรา อเล็กซานเดอร์ โรมานอฟสกี้ อเล็กซานเดอร์ แรมม์

บทเพลงของวงออร์เคสตราครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่ซิมโฟนีคลาสสิกยุคแรกจนถึงบทเพลงร่วมสมัยล่าสุด ตลอดระยะเวลา 16 ฤดูกาล วงออเคสตราได้นำเสนอรายการพิเศษมากมาย ตั๋วซีซันและซีรีส์คอนเสิร์ตที่ไม่เหมือนใคร แสดงรอบปฐมทัศน์ของรัสเซียและทั่วโลก

เพื่อยืนยันสถานะและชื่อของมัน วง National Philharmonic Orchestra ของรัสเซียได้จัดคอนเสิร์ตและจัดเทศกาลต่างๆ ไม่เพียงแต่ในมอสโกวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ โดยวางเส้นทางไปยังมุมที่ห่างไกลที่สุด ทุก ๆ ปี NPR จะเข้าร่วมเทศกาลดนตรีนานาชาติ Vladimir Spivakov ในเมือง Colmar (ฝรั่งเศส) วงออร์เคสตราออกทัวร์ในสหรัฐอเมริกา ยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่น จีน CIS และประเทศแถบบอลติกเป็นประจำ

Vladimir Spivakov และ NPR กำลังขยายงานโดยบันทึกหลายอัลบั้มต่อปี การเปิดตัวล่าสุดของฤดูกาล 2017/18 คือการเปิดตัวซีดีของโอเปร่า Eugene Onegin โดย Tchaikovsky (นำแสดงโดย Khibla Gerzmava, Dmitry Korchak, Vasily Ladyuk)

ในเดือนพฤษภาคม 2548 บริษัท คาปริกซิโอออกซีดีและดีวีดีพร้อมบันทึกเพลง Yellow Stars concerto ของ Isaac Schwartz สำหรับวงออเคสตราที่แสดงโดย NPR ภายใต้กระบองของ Vladimir Spivakov ซึ่งผู้แต่งเพลงนี้ได้อุทิศให้กับงานนี้ คอนเสิร์ตนี้ดำเนินการโดย NPR เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2015 ในปรากที่ IV World Holocaust Forum ซึ่งจัดขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 70 ปีของการปลดปล่อยค่ายกักกันเอาชวิตซ์-เบียร์เคเนา

ในปี 2553–2558 NPR ได้บันทึกหลายอัลบั้มสำหรับค่ายเพลงที่ใหญ่ที่สุด โซนี่ มิวสิคกับผลงานของ P. Tchaikovsky, S. Rachmaninov, N. Rimsky-Korsakov, E. Grieg และคนอื่น ๆ ; ในปี 2557-2561 เปิดตัวการบันทึกเพลงรัสเซียจำนวนหนึ่งภายใต้ค่ายเพลง สปิวาคอฟเสียง.

พื้นที่พิเศษของกิจกรรม NPR คือการสนับสนุนนักดนตรีรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ การสร้างเงื่อนไขสำหรับความคิดสร้างสรรค์และการเติบโตอย่างมืออาชีพ ในฤดูกาล 2004/05 Georgy Ageev ผู้อำนวยการ NPR ได้สร้างวงออเคสตราขึ้น สมาชิกส่วนใหญ่ของกลุ่มประสบความสำเร็จอย่างมีนัยสำคัญในสาขาวิชาชีพเมื่อเวลาผ่านไปกลายเป็นผู้ชนะการแข่งขันระดับนานาชาติและได้รับรางวัลอันทรงเกียรติรับตำแหน่งผู้นำในวงโอเปร่าและวงดุริยางค์ซิมโฟนีชั้นนำ

ในปี 2560 มีการประกาศรับสมัครการแข่งขันใหม่สำหรับกลุ่มผู้ควบคุมวง-ผู้ฝึกหัดพร้อมข้อกำหนดที่สูงขึ้นสำหรับผู้สมัคร สมาชิกใหม่ของกลุ่ม ได้แก่ Arsenty Tkachenko, Anna Rakitina, Sergey Akimov, Dmitry Matvienko, Arif Dadashev, Petr Gladysh และ Alexander Khumala จากนั้น Anton Torbeev กลุ่มที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทำงานภายใต้การนำของ Alexander Solovyov และ Georgy Ageev

ในปี 2550 NPR กลายเป็นเจ้าของทุนจากรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซีย ตั้งแต่ปี 2010 วง National Philharmonic Orchestra ของรัสเซียได้รับทุนจากประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย

ในปี 1979 วลาดิมีร์ สปิวาคอฟ นักไวโอลินฝีมือเยี่ยมผู้มีชื่อเสียงได้กล่าวถึงนักดนตรีในการประพันธ์เพลงชุดแรกของ Moscow Virtuosos ด้วยคำว่า: "เรารวมตัวกันเพื่อรักผู้คนและรักกัน" หลักการดำรงอยู่ของการเป็นหุ้นส่วนในตำนานของนักดนตรียังคงไม่สั่นคลอนมาจนถึงทุกวันนี้ และสิ่งสำคัญอันดับแรกเสมอคือและยังคงอยู่ไม่เพียง แต่ความเป็นมืออาชีพและทักษะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณสมบัติของมนุษย์ของผู้คนด้วยจริยธรรมระดับสูงของความสัมพันธ์
วันนี้นักดนตรีไม่มีพื้นที่ทางวัฒนธรรมที่ยังไม่พัฒนา

คอนเสิร์ตของวงออร์เคสตราได้รับชัยชนะในประเทศแถบยุโรป ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก อเมริกาใต้ ตุรกี อิสราเอล จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และอื่นๆ นักดนตรีไม่เพียงแสดงในห้องโถงที่ดีที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดเท่านั้น แต่ยังแสดงในคอนเสิร์ตฮอลล์ทั่วไปของเมืองเล็กๆ ในต่างจังหวัดด้วย

ใน ปีที่แตกต่างกันนักดนตรีที่โดดเด่น, ดาวแห่งศิลปะการแสดงระดับโลกที่แสดงร่วมกับวงออเคสตรา: Elena Obraztsova, Mstislav Rostropovich, Vladimir Krainev, Yehudi Menuhin, Khibla Gerzmava, Michel Legrand, Giora Feidman, Misha Maisky, Yuri Bashmet, Mikhail Pletnev, Evgeny Kissin, Denis Matsuev และ คนอื่น.
ภูมิศาสตร์ของทัวร์ Moscow Virtuosi นั้นกว้างมาก: รวมทุกภูมิภาคของรัสเซียรวมถึงพื้นที่หลังยุคโซเวียต ล่าสุด วงออร์เคสตราได้เสร็จสิ้นการแสดงในพื้นที่ห่างไกลของประเทศตั้งแต่มากาดานและไซบีเรียไปจนถึงคอเคซัสและคาลินินกราด ไม่มีเมืองเล็ก ๆ และคอนเสิร์ตเล็ก ๆ สำหรับศิลปิน การเดินทางทั่วรัสเซียนั้นไม่มีค่า
ในการแสดงแต่ละครั้ง Virtuosos ของมอสโกประสบความสำเร็จในสิ่งสำคัญ: เพื่อกระตุ้นอารมณ์และสร้างความประทับใจทางสติปัญญาให้กับทุกคนแม้แต่คนที่ไม่ได้เตรียมตัวเพื่อให้เขามีความสุขในการสื่อสารกับผลงานชิ้นเอกทางดนตรีเพื่อกระตุ้นความปรารถนาที่จะเข้าร่วมคอนเสิร์ตอีกครั้ง สำหรับเรา ดังที่มาสโตร วลาดิเมียร์ สปิวาคอฟกล่าวไว้ ความคิดสร้างสรรค์กลายเป็นความต้องการ และงานก็กลายเป็นศิลปะ ซึ่งตามคำพูดของปาโบล ปีกัสโซ “ชะล้างฝุ่นในชีวิตประจำวันออกจากจิตวิญญาณ”

ในเดือนมกราคม 2546 กระทรวงวัฒนธรรมของรัสเซียในนามของประธานาธิบดี สหพันธรัฐรัสเซีย วี. วี. ปูติน ก่อตั้งขึ้น วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งชาติของรัสเซีย . NPR รวมตัวแทนที่ดีที่สุดของนักดนตรีรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์และยอดเยี่ยม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของชีวิตที่สร้างสรรค์ NPR ได้กลายเป็นหนึ่งในวงดุริยางค์ซิมโฟนีชั้นนำในรัสเซีย ชนะใจประชาชนและได้รับการยอมรับจากมืออาชีพทั้งในประเทศและต่างประเทศ วงออเคสตรานำโดยนักไวโอลินและผู้ควบคุมวง Vladimir Spivakov ที่มีชื่อเสียงระดับโลก วาทยกรร่วมสมัยที่โดดเด่นทำงานร่วมกันและแสดงร่วมกับ NPR เป็นประจำ รวมถึงผู้ควบคุมวงรับเชิญถาวร James Conlon, Ken-David Mazur และ Alexander Lazarev รวมถึง Krzysztof Penderecki, Vladimir Ashkenazy, Otto Tausk, Simon Gaudenz, Alexander Vedernikov, Tugan Sokhiev, Jan Latham- Koenig, Jukka-Pekka Sarast, John Nelson, Michel Plasson และคนอื่นๆ NPR ถือว่าการสืบทอดประเพณีของวาทยกรรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่สามคน ได้แก่ Evgeny Mravinsky, Kirill Kondrashin และ Evgeny Svetlanov เป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด นักดนตรีที่โดดเด่น, ดาวแห่งเวทีโอเปร่าระดับโลกมีส่วนร่วมในรายการคอนเสิร์ตของ NPR

คอนเสิร์ตของ National Philharmonic Orchestra of Russia ดำเนินการโดย Spivakov

ในโปรแกรมคอนเสิร์ต:

การแสดงดนตรีขนาดย่อของวงออเคสตร้าเป็นโอกาสที่ดีในการแสดงวงซิมโฟนีออร์เคสตร้าอย่างงดงาม โปรแกรมประกอบด้วยผลงานของ Schubert, Haydn, Beethoven, Rachmaninov, Tchaikovsky และ Brahms Khibla Gerzmava (นักร้องเสียงโซปราโน) เข้าร่วมในคอนเสิร์ต

ทาบทาม Singspiel "The Twin Brothers" - F. Schubert
ระบำเจ็ดประเทศ WoO 14 - L. Beethoven
Andante จากซิมโฟนีหมายเลข 94 ("เซอร์ไพรส์") - I. Haydn
ภาพวาดการศึกษาสองชิ้น - S.Rakhmaninov
ฉากจดหมายของ Tatyana จากโอเปร่า "Eugene Onegin" - P. Tchaikovsky
การเต้นรำของฮังการีหมายเลข 5 - I. Brahms

ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และผู้ควบคุมวงหลัก

นักไวโอลินและวาทยกรที่โดดเด่น วลาดิมีร์ สปิวาคอฟ ได้ตระหนักถึงพรสวรรค์หลายด้านของเขาอย่างชัดเจน ศิลปะดนตรีและพื้นที่สาธารณะมากมาย ในฐานะนักไวโอลิน Vladimir Spivakov ได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ยอดเยี่ยมกับอาจารย์ชื่อดัง Yuri Yankelevich ศาสตราจารย์แห่ง Conservatory Moscow Conservatory นักไวโอลินที่โดดเด่นแห่งศตวรรษที่ 20 David Oistrakh มีอิทธิพลต่อเขาไม่น้อย จนถึงปี 1997 Vladimir Spivakov เล่นไวโอลินโดยปรมาจารย์ Francesco Gobetti ซึ่งศาสตราจารย์ Yankelevich มอบให้เขา ตั้งแต่ปี 1997 สปิวาคอฟเล่นเครื่องดนตรีที่ผลิตโดยอันโตนิโอ สตราดิวารี ซึ่งผู้อุปถัมภ์มอบให้เขาเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต - ผู้ชื่นชมในความสามารถของเขา

ในปี 1960-1970 Vladimir Spivakov ได้รับรางวัลการแข่งขันระดับนานาชาติอันทรงเกียรติที่ตั้งชื่อตาม M. Long และ J. Thibault ในปารีส ตั้งชื่อตาม N. Paganini ในเจนัว การแข่งขันใน Montreal และการแข่งขันที่ตั้งชื่อตาม P.I. ไชคอฟสกีในมอสโก

ในปี 1979 ร่วมกับกลุ่มนักดนตรีที่มีใจเดียวกัน เขาได้สร้างวง Moscow Virtuosos Chamber Orchestra และกลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ วาทยกร และศิลปินเดี่ยวอย่างถาวร สปิวาคอฟเรียนการแสดงกับศาสตราจารย์ Israel Gusman ในรัสเซีย เรียนบทเรียนจาก Leonard Bernstein และ Lorin Maazel ในสหรัฐอเมริกา เบิร์นสไตน์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพและความศรัทธาในอนาคตของสปิวาคอฟในฐานะวาทยกรได้มอบกระบองวาทยกรให้กับเขาซึ่งมาสโทรยังไม่ได้แยกจากกันจนถึงทุกวันนี้

รายชื่อจานเสียงที่กว้างขวางของ Vladimir Spivakov ในฐานะศิลปินเดี่ยวและผู้ควบคุมวงประกอบด้วยซีดีมากกว่า 50 แผ่น บันทึกส่วนใหญ่ที่ออกโดย บริษัท BMG คลาสสิก, อาร์ซีเอ เรดซีลและ คาปริกซิโอ.บันทึกเสียงมากมายได้รับรางวัลอันทรงเกียรติรวมถึง ดิอาปาซอน ดอร์และ ชอค เดอ ลา เพลง. ตั้งแต่ปี 2014 มาเอสโตรได้ปล่อยผลงานบันทึกเสียงร่วมกับวง National Philharmonic Orchestra ของรัสเซียภายใต้ค่ายเพลงของเขาเอง เสียงสปิวาคอฟ.

ในปี 1989 Vladimir Spivakov เป็นหัวหน้าเทศกาลดนตรีนานาชาติใน Colmar (ฝรั่งเศส) ซึ่งเขาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์มาจนถึงทุกวันนี้ ตั้งแต่ปี 2544 เทศกาล "Vladimir Spivakov เชิญ ... " จัดขึ้นที่กรุงมอสโกทุก ๆ สองปีโดยมีส่วนร่วมของบุคคลสำคัญในโลกแห่งศิลปะการแสดงและดาวรุ่ง ตั้งแต่ปี 2010 เทศกาลนี้จัดขึ้นในเมืองอื่น ๆ ของรัสเซียและ CIS นักดนตรีมีส่วนร่วมในคณะลูกขุนของการแข่งขันระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงหลายครั้ง (ในปารีส, เจนัว, ลอนดอน, มอนทรีออล, มอนติคาร์โล, ปัมโปลนา, มอสโก) ในปี 2559 เขาจัดการแข่งขันไวโอลินนานาชาติในอูฟา

เป็นเวลาหลายปีที่ Vladimir Spivakov มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมและการกุศล ในปี 1994 มูลนิธิ Vladimir Spivakov International Charitable Foundation ได้ก่อตั้งขึ้นซึ่งมีกิจกรรมที่มุ่งเป้าไปที่การสนับสนุนอย่างมืออาชีพของเยาวชนที่มีพรสวรรค์ในด้านศิลปะและการสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อพวกเขา การเติบโตอย่างสร้างสรรค์. ในปี 2010 Vladimir Spivakov ได้รับรางวัลจากรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียในสาขาวัฒนธรรมสำหรับการสร้างรากฐาน

นักแต่งเพลงสมัยใหม่ได้อุทิศผลงานให้กับ Vladimir Spivakov หลายครั้งรวมถึง A. Schnittke, R. Shchedrin, A. Pärt, I. Schwartz, V. Artyomov และอื่น ๆ อีกมากมาย

ในปี 2546 Vladimir Spivakov ได้กลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และหัวหน้าวงดนตรีของ National Philharmonic Orchestra of Russia ซึ่งเขาสร้างขึ้นและเป็นประธานของ Moscow International House of Music ในปี 2554 Vladimir Spivakov เข้าร่วมสภาวัฒนธรรมและศิลปะภายใต้ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย

วลาดิมีร์ สปิวาคอฟ - ศิลปินแห่งชาติสหภาพโซเวียต (1990), อาร์เมเนีย (1989), ยูเครน (1999), North Ossetia-Alania (2005), สาธารณรัฐ Dagestan, Kabardino-Balkaria (2013), สาธารณรัฐ Bashkortostan (2014) เกจิได้รับรางวัล State Prize of the USSR (1989), Order of Friendship (1994), Order of Merit for the Fatherland, III, II, IV and I degree (1999/2009/2014/2019), ยูเครน Order of Merit ระดับ III และ Yaroslav Wise (2004), Kyrgyz Order "Danaker" (2001) และ Armenian Order of St. Mesrop Mashtots (1999) สองรางวัลสูงสุดของฝรั่งเศส - Order of Arts and Letters (เจ้าหน้าที่ ) และ Order of the Legion of Honor (นักรบ - 2000, เจ้าหน้าที่ - 2011), สั่งซื้อ Stars of Italy (ผู้บัญชาการ, 2012), รางวัลระดับนานาชาติ "บุคคลแห่งปี 2012", คำสั่ง "เพื่อทำบุญให้กับสาธารณรัฐ Bashkortostan " และรางวัลระดับนานาชาติ "Star of Chernobyl" (2013), ตราเกียรติยศของบัลแกเรีย "Samara Cross" (2013), เบลารุสสั่ง "ความภักดีและศรัทธา" และ Francysk Skorina (2014), คำสั่งของเจ้าชายดาเนียลผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่ง มอสโก, I ปริญญา (2014), เครื่องอิสริยาภรณ์ของนักบุญนีน่าที่เท่าเทียมกับอัครสาวก, ผู้รู้แจ้งแห่งจอร์เจีย (2014) รวมถึงรางวัลและตำแหน่งกิตติมศักดิ์อื่น ๆ อีกมากมาย

ในปี 2549 Vladimir Spivakov ได้รับการยอมรับให้เป็นศิลปินแห่งสันติภาพของ UNESCO ในปี 2552 สำหรับ "ผลงานที่โดดเด่นของนักดนตรีต่อศิลปะโลก งานของเขาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาบทสนทนาระหว่างวัฒนธรรม" และในปี 2552 เขาได้รับรางวัล UNESCO เหรียญทองโมสาร์ท. ในปี 2012 Vladimir Spivakov ได้รับรางวัล รางวัลรัฐรัสเซีย "สำหรับการทำบุญที่โดดเด่นในด้านกิจกรรมด้านมนุษยธรรม" (รางวัลนี้มอบให้ในปีต่าง ๆ แด่พระสังฆราชอเล็กซีที่ 2 แห่งมอสโกวและ All Rus', Alexander Solzhenitsyn, Valentina Tereshkova, กษัตริย์แห่งสเปน Juan Carlos I และประธานาธิบดีฝรั่งเศส Jacques ชีรัก).

อเล็กซานเดอร์ โรมานอฟสกี้

Alexander Romanovsky เกิดในปี 1984 ในประเทศยูเครน ตอนอายุสิบเอ็ดปีเขาได้แสดงร่วมกับวง Moscow Virtuosi State Chamber Orchestra ซึ่งดำเนินการโดย Vladimir Spivakov ในรัสเซีย ยูเครน รัฐบอลติก และฝรั่งเศส

ตอนอายุสิบสามศิลปินย้ายไปอิตาลีซึ่งเขาเข้าเรียนที่ Imola Piano Academy ในชั้นเรียนของ Leonid Margarius ซึ่งเขาสำเร็จการศึกษาในปี 2550 และอีกหนึ่งปีต่อมาได้รับประกาศนียบัตรจาก Royal College of Music ในลอนดอน (ชั้นเรียน ของ Dmitry Alekseev)

ตอนอายุสิบห้าปี A. Romanovsky ได้รับรางวัลนักวิชาการกิตติมศักดิ์ของ Bologna Philharmonic Academy จากการแสดง Goldberg Variations ของ J. S. Bach เมื่ออายุได้ 17 ปี เขาชนะการแข่งขัน Ferruccio Busoni International อันทรงเกียรติในเมือง Bolzano

ในปีต่อๆ มา คอนเสิร์ตของนักเปียโนจำนวนมากเกิดขึ้นในอิตาลี ยุโรป ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา ในปี 2550 Alexander Romanovsky ได้รับเชิญให้แสดงคอนแชร์โตของ Mozart ต่อหน้า Pope Benedict XVI

ในปี 2554 อเล็กซานเดอร์ โรมานอฟสกี้ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวครั้งแรกกับ New York Philharmonic ภายใต้การดูแลของ Alan Gilbert และ Chicago Symphony ภายใต้การดูแลของ James Conlon นอกจากนี้เขายังได้แสดงร่วมกับ Mariinsky Theatre Orchestra ภายใต้การดูแลของ Valery Gergiev, Royal Philharmonic ที่ Barbican Center ในลอนดอน ซึ่งเป็นการแสดงแห่งชาติรัสเซีย วงออร์เคสตราดำเนินการโดย Mikhail Pletnev, La Scala Philharmonic Orchestra และคอนเสิร์ตเดี่ยวที่ Wigmore Hall ในลอนดอน, Santa Cecilia Academy ในกรุงโรม, Concertgebouw Hall ในอัมสเตอร์ดัม

นักเปียโนได้รับเชิญให้เข้าร่วมเทศกาลที่มีชื่อเสียงในยุโรปหลายครั้ง รวมถึง La Roque d'Anterone และ Colmar (ฝรั่งเศส), Ruhr (เยอรมนี), Chopin ในวอร์ซอว์, Stars of the White Nights ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, Stresa (อิตาลี) และอื่น ๆ .

อเล็กซานเดอร์ โรมานอฟสกี้ออกแผ่นดิสก์สี่แผ่นใน Decca ซึ่งมีผลงานโดยชูมันน์, บราห์มส์, รัคมานินอฟ และเบโธเฟน ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก

ในบรรดาการแสดงของฤดูกาลที่ผ่านมา ได้แก่ การทัวร์ร่วมกับวง Symphony Orchestra ของ Japanese Broadcasting Company (NHK) ดำเนินการโดย Gianandrea Noseda วง Orchestra ของ National Academy of Santa Cecilia ดำเนินการโดย Antonio Pappano วง National Philharmonic Orchestra ของรัสเซีย ดำเนินการโดย Vladimir Spivakov , คอนเสิร์ตในอังกฤษ เยอรมัน สเปน อิตาลี และเกาหลีใต้

ตั้งแต่ปี 2013 Alexander Romanovsky เป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของการแข่งขัน Vladimir Krainev International สำหรับนักเปียโนรุ่นเยาว์: ในการแข่งขันครั้งนี้เขาได้รับชัยชนะครั้งแรก นักเปียโนยังได้รับรางวัลจากการแข่งขัน XIV International Tchaikovsky Competition ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน เขายังได้รับรางวัล Vladimir Krainev Special Prize

วลาดิมีร์ สปิวาคอฟ

นักไวโอลินและวาทยกรที่โดดเด่น วลาดิมีร์ สปิวาคอฟได้ตระหนักถึงพรสวรรค์อันหลากหลายของเขาในด้านศิลปะดนตรีและด้านต่างๆ ของชีวิตสาธารณะอย่างชัดเจน ในฐานะนักไวโอลิน Vladimir Spivakov ได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ยอดเยี่ยมกับอาจารย์ชื่อดัง Yuri Yankelevich ศาสตราจารย์แห่ง Conservatory Moscow Conservatory David Oistrakh นักไวโอลินที่โดดเด่นแห่งศตวรรษที่ 20 มีอิทธิพลต่อเขาไม่น้อย จนถึงปี 1997 Vladimir Spivakov เล่นไวโอลินโดยปรมาจารย์ Francesco Gobetti ซึ่งศาสตราจารย์ Yankelevich มอบให้เขา ตั้งแต่ปี 1997 สปิวาคอฟเล่นเครื่องดนตรีที่ผลิตโดยอันโตนิโอ สตราดิวารี ซึ่งผู้อุปถัมภ์มอบให้เขาเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต - ผู้ชื่นชมในความสามารถของเขา

ในปี 1960-1970 Vladimir Spivakov ได้รับรางวัลการแข่งขันระดับนานาชาติอันทรงเกียรติที่ตั้งชื่อตาม M. Long และ J. Thibault ในปารีส ตั้งชื่อตาม N. Paganini ในเจนัว การแข่งขันใน Montreal และการแข่งขันที่ตั้งชื่อตาม P.I. ไชคอฟสกีในมอสโก ในปี 1979 ร่วมกับกลุ่มนักดนตรีที่มีใจเดียวกัน เขาได้สร้างวง Moscow Virtuosos Chamber Orchestra และกลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ วาทยกร และศิลปินเดี่ยวอย่างถาวร สปิวาคอฟเรียนการแสดงกับศาสตราจารย์ Israel Gusman ในรัสเซีย เรียนบทเรียนจาก Leonard Bernstein และ Lorin Maazel ในสหรัฐอเมริกา เบิร์นสไตน์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพและความศรัทธาในอนาคตของสปิวาคอฟในฐานะวาทยกรได้มอบกระบองวาทยกรให้กับเขาซึ่งมาสโทรยังไม่ได้แยกจากกันจนถึงทุกวันนี้

รายชื่อจานเสียงที่กว้างขวางของ Vladimir Spivakov ในฐานะศิลปินเดี่ยวและผู้ควบคุมวงประกอบด้วยซีดีมากกว่า 40 แผ่น การบันทึกส่วนใหญ่เผยแพร่โดย BMG Classics, RCA Red Seal และ Capriccio การบันทึกเสียงจำนวนมากได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ รวมถึงรางวัล Diapason D'Or

ตั้งแต่ปี 1989 Vladimir Spivakov เป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของเทศกาลดนตรีนานาชาติใน Colmar (ฝรั่งเศส) ตั้งแต่ปี 2544 เทศกาล "Vladimir Spivakov เชิญ ... " จัดขึ้นที่กรุงมอสโกทุก ๆ สองปีโดยมีส่วนร่วมของบุคคลสำคัญในโลกแห่งศิลปะการแสดงและดาวรุ่ง ตั้งแต่ปี 2010 เทศกาลนี้จัดขึ้นในเมืองอื่น ๆ ของรัสเซียและ CIS นักดนตรีมีส่วนร่วมในการทำงานของคณะลูกขุนของการแข่งขันระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียง (ในปารีส, เจนัว, ลอนดอน, มอนทรีออล, มอนติคาร์โล, ปัมโปลนา, มอสโก)

เป็นเวลาหลายปีที่ Vladimir Spivakov มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมและการกุศล ในปี 1994 มูลนิธิ Vladimir Spivakov International Charitable Foundation ได้ก่อตั้งขึ้นโดยมีกิจกรรมที่มุ่งค้นหาและสนับสนุนเยาวชนที่มีพรสวรรค์ในทุกวิถีทาง กว่า 20 ปีของการทำงานมูลนิธิได้จัดคอนเสิร์ตประมาณ 10,000 ครั้งในเมืองของรัสเซียและต่างประเทศซึ่งจัดขึ้น 1,100 นิทรรศการศิลปะมีการบริจาคเครื่องดนตรีมากกว่า 600 ชิ้น เด็กกว่า 20,000 คนได้รับความช่วยเหลือด้านต่างๆ มีการให้ความช่วยเหลือในการผ่าตัด 115 ครั้ง รวมถึงการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด ในเดือนธันวาคม 2010 Vladimir Spivakov ได้รับรางวัลจากรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียในสาขาวัฒนธรรมสำหรับการสร้างกองทุน

นักแต่งเพลงสมัยใหม่ได้อุทิศผลงานให้กับ Vladimir Spivakov หลายครั้งรวมถึง A. Schnittke, R. Shchedrin, A. Pärt, I. Schwartz, V. Artyomov และอื่น ๆ อีกมากมาย

ในปี 2546 Vladimir Spivakov ได้กลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และหัวหน้าวงดนตรีของ National Philharmonic Orchestra of Russia ซึ่งเขาสร้างขึ้นและเป็นประธานของ Moscow International House of Music ตั้งแต่ปี 2554 Vladimir Spivakov เป็นสมาชิกของสภาวัฒนธรรมและศิลปะภายใต้ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย

Vladimir Spivakov - ศิลปินประชาชนของสหภาพโซเวียต (2532), อาร์เมเนีย (2532), ยูเครน (2544), สาธารณรัฐดาเกสถาน, Kabardino-Balkaria (2556), สาธารณรัฐ Bashkortostan (2557) เกจิได้รับรางวัล USSR State Prize (1989), Order of Friendship of Peoples (1993), Order of Merit for the Fatherland, III, II และ IV องศา (1999/2009/2014), Order of Merit ของยูเครน ระดับ III และ Yaroslav the Wise , Kyrgyz Order "Danaker" และ Armenian Order of St. Mesrop Mashtots สองรางวัลสูงสุดของฝรั่งเศส - Order of Arts and Literature (เจ้าหน้าที่) และ Order of the Legion of Honor (Chevalier - 2000, เจ้าหน้าที่ - 2010), Order of the Star of Italy (ผู้บัญชาการ, 2012), รางวัลระดับนานาชาติ "บุคคลแห่งปี 2012", คำสั่ง "เพื่อทำบุญให้กับสาธารณรัฐ Bashkortostan" และรางวัลระดับนานาชาติ "Star of Chernobyl " (2013), ตราเกียรติยศของบัลแกเรีย "Samara Cross" (2013), เบลารุสสั่ง "ความภักดีและศรัทธา" และ Francysk Skaryna (2014), คำสั่งของเจ้าชายดาเนียลแห่งมอสโกว, I องศา (2014), Order of St. Equal-to-the-Apostles Nina, Enlightener of Georgia (2014) รวมถึงรางวัลและตำแหน่งกิตติมศักดิ์อื่น ๆ อีกมากมาย

ในปี 2549 วลาดิมีร์ สปิวาคอฟได้รับการยอมรับให้เป็นศิลปินแห่งสันติภาพโดย UNESCO สำหรับ "นักดนตรีที่มีผลงานโดดเด่นต่อศิลปะโลก งานของเขาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาบทสนทนาระหว่างวัฒนธรรม"

ในปี 2555 Vladimir Spivakov ได้รับรางวัล State Prize of Russia "สำหรับบริการดีเด่นในด้านกิจกรรมด้านมนุษยธรรม" (รางวัลนี้มอบให้ในปีต่าง ๆ แด่พระสังฆราช Alexy II แห่งมอสโกวและ All Rus ', Alexander Solzhenitsyn, Valentina Tereshkova กษัตริย์ฮวน คาร์ลอสที่ 1 แห่งสเปน และประธานาธิบดีฌัก ชีรักแห่งฝรั่งเศส)

เซอร์เก รัชมานินอฟ

Sergei Rachmaninoff เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2416 ในตระกูลขุนนาง เป็นเวลานานสถานที่เกิดถือเป็นที่ดินของพ่อแม่ Oneg ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Novgorod การศึกษาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเรียกว่าที่ดิน Semenovo ในเขต Starorussky ของจังหวัด Novgorod (รัสเซีย)

พ่อของนักแต่งเพลง Vasily Rachmaninov (พ.ศ. 2384-2459) มาจากขุนนางของจังหวัดแทมบอฟ ประวัติของตระกูล Rachmaninov ย้อนกลับไปที่หลานชายของกษัตริย์ Stefan the Great Vasily แห่งมอลโดวาซึ่งมีชื่อเล่นว่า Rakhmanin แม่ Lyubov Rachmaninova (née Butakova) - ลูกสาวของผู้อำนวยการ คณะนักเรียนนายร้อยนายพลปีเตอร์ บูตาคอฟ ปู่ของนักแต่งเพลงเป็นนักดนตรีเขาเรียนเปียโนกับ John Field และแสดงคอนเสิร์ตใน Tambov, Moscow และ St. Petersburg ความรักรอดมาได้ ชิ้นเปียโนผลงานการประพันธ์ของเขา ได้แก่ "The Farewell Gallop of 1869" สำหรับเปียโนสี่มือ Vasily Rachmaninoff มีพรสวรรค์ทางดนตรีเช่นกัน แต่เขาเล่นดนตรีด้วยความสมัครใจเท่านั้น

ความสนใจในดนตรีของ Rachmaninov ถูกค้นพบตั้งแต่อายุยังน้อย แม่ของเขาให้บทเรียนเปียโนครั้งแรกแก่เขาจากนั้นจึงเชิญ Anna Ornatskaya ครูสอนดนตรี ด้วยการสนับสนุนของเธอในฤดูใบไม้ร่วงปี 2425 Rachmaninov เข้าแผนกจูเนียร์ของ St. Petersburg Conservatory ในชั้นเรียนของ Vladimir Demyansky การศึกษาที่ St. Petersburg Conservatory นั้นแย่เนื่องจาก Rachmaninov มักจะโดดเรียนดังนั้นในสภาครอบครัวจึงตัดสินใจย้ายเด็กชายไปมอสโคว์และในฤดูใบไม้ร่วงปี 2428 เขาเข้าเรียนชั้นปีที่สามของแผนกจูเนียร์ของมอสโก เรือนกระจกถึงศาสตราจารย์ Nikolai Zverev

Rachmaninov ใช้เวลาหลายปีในโรงเรียนประจำเอกชนที่มีชื่อเสียงในมอสโก ครูสอนดนตรี Nikolai Zverev ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ Alexander Scriabin และนักดนตรีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียงอีกหลายคน (Alexander Siloti, Konstantin Igumnov, Arseniy Koreshchenko, Matvey Presman และคนอื่น ๆ ) ที่นี่เมื่ออายุ 13 ปี Rachmaninoff ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับ Pyotr Tchaikovsky ซึ่งต่อมามีส่วนสำคัญในชะตากรรมของนักดนตรีหนุ่ม

ในปี 1888 Rachmaninov ศึกษาต่อที่แผนกอาวุโสของ Moscow Conservatory ในชั้นเรียนของ Alexander Siloti ลูกพี่ลูกน้องของเขาและอีกหนึ่งปีต่อมาภายใต้การแนะนำของ Sergei Taneyev และ Anton Arensky เขาเริ่มศึกษาองค์ประกอบ

เมื่ออายุ 19 ปี รัคมานินอฟจบการศึกษาจากเรือนกระจกในฐานะนักเปียโนและนักแต่งเพลงด้วยเหรียญทองขนาดใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นโอเปร่าเรื่องแรกของเขา Aleko (ผลงานวิทยานิพนธ์) ที่สร้างจาก Gypsies ของ Alexander Pushkin ปรากฏขึ้น เปียโนคอนแชร์โตครั้งแรกของเขา บทเพลงโรแมนติกหลายชิ้น รวมถึงบทโหมโรงใน C Sharp minor ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในโอเปร่าที่มีชื่อเสียงที่สุด ผลงานของรัคมานินอฟ

ตอนอายุ 20 เนื่องจากไม่มีเงินเขาจึงกลายเป็นครูที่โรงเรียนสตรีมอสโก Mariinsky ตอนอายุ 24 ปี - ผู้ควบคุมวงของ Moscow Russian Private Opera Savva Mamontov ซึ่งเขาทำงานเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล แต่สามารถทำ มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุปรากรรัสเซีย

รัคมานินอฟมีชื่อเสียงในฐานะนักแต่งเพลง นักเปียโน และวาทยกร อย่างไรก็ตามอาชีพที่ประสบความสำเร็จของเขาถูกขัดจังหวะเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2440 โดยการแสดงรอบปฐมทัศน์ของ First Symphony ที่ไม่ประสบความสำเร็จ (ผู้ควบคุมวง - Alexander Glazunov) ซึ่งจบลงด้วยความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากประสิทธิภาพที่ไม่ดีและส่วนใหญ่เนื่องจากธรรมชาติของดนตรีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ จากข้อมูลของ Alexander Ossovsky การขาดประสบการณ์ของ Glazunov ในฐานะผู้นำวงออเคสตราในระหว่างการซ้อมมีบทบาทบางอย่าง เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดอาการป่วยทางประสาทอย่างหนัก ระหว่างปี พ.ศ. 2440-2444 รัคมานินอฟไม่สามารถแต่งเพลงได้ และมีเพียงความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ที่มีประสบการณ์ ดร. นิโคไล ดาห์ลเท่านั้นที่ช่วยให้เขาพ้นวิกฤตได้

ในปีพ.ศ. 2444 เขาได้สร้างเปียโนคอนแชร์โตชุดที่ 2 เสร็จ ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ที่แสดงถึงการออกจากวิกฤตของรัคมานินอฟ และในขณะเดียวกันก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์ที่เติบโตเต็มที่ ในไม่ช้าเขาก็ตอบรับคำเชิญให้เข้ารับตำแหน่งผู้ควบคุมวงในมอสโกว โรงละครบอลชอย. หลังจากผ่านไปสองฤดูกาล เขาไปเที่ยวอิตาลี (พ.ศ. 2449) จากนั้นตั้งรกรากอยู่ที่เดรสเดนเป็นเวลาสามปีเพื่ออุทิศตนให้กับการแต่งเพลงทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2452 รัคมานินอฟได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหญ่ในอเมริกาและแคนาดา โดยแสดงในฐานะนักเปียโนและวาทยกร ในปี 1911 Rachmaninov ขณะที่อยู่ใน Kyiv ตามคำร้องขอของเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเขา Ossovsky ฟัง Ksenia Derzhinskaya นักร้องหนุ่มชื่นชมความสามารถของเธออย่างเต็มที่ เขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอาชีพโอเปร่าของนักร้องชื่อดัง

ไม่นานหลังจากการปฏิวัติในปี 1917 เขาใช้ประโยชน์จากข้อเสนอที่มาจากสวีเดนโดยไม่คาดคิดเพื่อแสดงในคอนเสิร์ตที่สตอกโฮล์ม และในตอนท้ายของปี 1917 เขาออกจากรัสเซียพร้อมกับภรรยาและลูกสาวของเขา Natalya ในช่วงกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2461 รัคมานินอฟเดินทางผ่านมัลเมอไปยังโคเปนเฮเกน เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เขาแสดงเป็นครั้งแรกในโคเปนเฮเกน โดยเขาเล่นคอนแชร์โต้ครั้งที่สองร่วมกับฮีเบิร์ก จนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาล เขาได้แสดงในคอนเสิร์ตซิมโฟนีและแชมเบอร์ 11 ครั้ง ซึ่งทำให้เขามีโอกาสชำระหนี้ได้

1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 พร้อมครอบครัวล่องเรือจากนอร์เวย์ไปยังนิวยอร์ก จนกระทั่ง 2469 เขาไม่ได้เขียนงานสำคัญ; วิกฤตการณ์ที่สร้างสรรค์จึงดำเนินต่อไปอีกประมาณ 10 ปี เฉพาะในปี พ.ศ. 2469-2470 ผลงานใหม่ปรากฏขึ้น: คอนแชร์โตที่สี่และเพลงรัสเซียสามเพลง ในช่วงชีวิตของเขาในต่างประเทศ (พ.ศ. 2461-2486) รัคมานินอฟสร้างผลงานเพียง 6 ชิ้นที่เป็นของดนตรีรัสเซียและโลก

เขาเลือกสหรัฐอเมริกาเป็นที่พำนักถาวรของเขา ออกทัวร์อย่างกว้างขวางในอเมริกาและยุโรป และในไม่ช้าก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักเปียโนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขาและเป็นวาทยกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในปี พ.ศ. 2484 เขาทำงานชิ้นสุดท้ายเสร็จ ซึ่งหลายคนรู้จักในฐานะผลงานการเต้นรำซิมโฟนิกแดนซ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติ รัคมานินอฟได้จัดคอนเสิร์ตหลายครั้งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเงินที่รวบรวมได้ทั้งหมดที่เขาส่งไปให้กองทุนกองทัพแดง เขาบริจาคเงินจากคอนเสิร์ตของเขาให้กับกองทุนป้องกันสหภาพโซเวียตด้วยคำพูด: "จากชาวรัสเซียคนหนึ่ง ความช่วยเหลือที่เป็นไปได้ทั้งหมดแก่ชาวรัสเซียในการต่อสู้กับศัตรู ฉันอยากจะเชื่อ ฉันเชื่อในชัยชนะที่สมบูรณ์

ปีสุดท้ายของ Rachmaninov ถูกบดบังด้วยโรคร้ายแรง (มะเร็งปอด) อย่างไรก็ตาม ถึงกระนั้นก็ตาม เขายังคงทำกิจกรรมคอนเสิร์ตต่อไป ซึ่งหยุดลงก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเพียงไม่นาน

ภาพลักษณ์ที่สร้างสรรค์ของ Rachmaninoff

ภาพลักษณ์ที่สร้างสรรค์ของ Rachmaninoff ในฐานะนักแต่งเพลงมักถูกกำหนดโดยคำว่า "นักแต่งเพลงชาวรัสเซียส่วนใหญ่" ลักษณะที่สั้นและไม่สมบูรณ์นี้แสดงออกถึงคุณสมบัติที่เป็นกลางของสไตล์ของ Rachmaninov และสถานที่มรดกของเขาในมุมมองทางประวัติศาสตร์ของดนตรีโลก เป็นผลงานของรัคมานินอฟที่ทำหน้าที่เป็นตัวหารสังเคราะห์ที่รวมกันและหลอมรวม หลักการสร้างสรรค์โรงเรียนมอสโก (พี. ไชคอฟสกี) และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นแบบรัสเซียเดียวและสมบูรณ์ ธีม "รัสเซียและชะตากรรมของมัน" ซึ่งเป็นธีมทั่วไปสำหรับศิลปะรัสเซียทุกประเภทและทุกประเภท ที่พบในงานของ Rachmaninov ที่มีลักษณะพิเศษและรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์ ในเรื่องนี้ Rachmaninoff เป็นทั้งผู้สืบทอดประเพณีโอเปร่าของ Mussorgsky, Rimsky-Korsakov, ซิมโฟนีของ Tchaikovsky และเชื่อมโยงในสายโซ่แห่งประเพณีของชาติที่ไม่ขาดสาย (หัวข้อนี้ยังคงดำเนินต่อไปในผลงานของ S. Prokofiev, D. Shostakovich , G. Sviridov, A. Schnittke และอื่น ๆ ) มีการอธิบายบทบาทพิเศษของ Rachmaninoff ในการพัฒนาประเพณีประจำชาติ ตำแหน่งทางประวัติศาสตร์ความคิดสร้างสรรค์ของ Rachmaninov - ความร่วมสมัยของการปฏิวัติรัสเซีย: มันคือการปฏิวัติที่สะท้อนให้เห็นในงานศิลปะของรัสเซียว่าเป็น "หายนะ", "จุดจบของโลก" ซึ่งเป็นความหมายที่โดดเด่นของธีม "รัสเซียและชะตากรรมของมัน" (ดู N. Berdyaev, "ต้นกำเนิดและความหมายของลัทธิคอมมิวนิสต์รัสเซีย")

งานของ Rachmaninov ตามลำดับเวลาหมายถึงศิลปะรัสเซียในยุคนั้นซึ่งมักเรียกว่า " ยุคเงิน". วิธีการสร้างสรรค์ศิลปะที่สำคัญในยุคนี้คือสัญลักษณ์ซึ่งเป็นลักษณะที่ปรากฏอย่างชัดเจนในงานของ Rachmaninov ผลงานของ Rachmaninov นั้นเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนซึ่งแสดงออกด้วยความช่วยเหลือของสัญลักษณ์ที่เป็นสัญลักษณ์ซึ่งหลักคือบรรทัดฐานของการร้องเพลงประสานเสียงในยุคกลาง Dies Irae บรรทัดฐานนี้ใน Rachmaninov เป็นสัญลักษณ์ของลางสังหรณ์ของภัยพิบัติ "จุดจบของโลก" "การแก้แค้น"

ลวดลายของคริสเตียนมีความสำคัญมากในงานของรัคมานินอฟ รัคมานินอฟเป็นคนเคร่งศาสนา ไม่เพียงแต่มีส่วนสนับสนุนการพัฒนาดนตรีศักดิ์สิทธิ์ของรัสเซียอย่างโดดเด่น (Liturgy of St. John Chrysostom, 1910, All-Night Vigil, 1916) แต่ยังเป็นตัวเป็นตน แนวคิดและสัญลักษณ์ของคริสเตียนในผลงานอื่นๆ ของเขา

งานของ Rachmaninov แบ่งออกเป็นสามหรือสี่ช่วงตามอัตภาพ: ต้น (พ.ศ. 2432-2440) สุกงอม (บางครั้งก็แบ่งออกเป็นสองช่วง: 2443-2452 และ 2453-2460) และปลาย (พ.ศ. 2461-2484)

สไตล์ของ Rachmaninov ซึ่งเติบโตมาจากแนวจินตนิยมตอนปลาย ต่อมาได้รับวิวัฒนาการที่สำคัญ เช่นเดียวกับผู้ร่วมสมัยของเขา A. Scriabin และ I. Stravinsky Rachmaninoff อย่างน้อยสองครั้ง (ประมาณปี 1900 และประมาณปี 1926) ได้ปรับปรุงสไตล์ดนตรีของเขาอย่างรุนแรง สไตล์ที่เป็นผู้ใหญ่และโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายของรัคมานินอฟนั้นไปไกลเกินขอบเขตของประเพณีหลังโรแมนติก (“การเอาชนะ” ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงแรก) และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้อยู่ในกระแสโวหารใด ๆ ของดนตรีแนวหน้า จี๊ดแห่งศตวรรษที่ 20 ดังนั้น งานของ Rachmaninov จึงโดดเด่นกว่าใครในวิวัฒนาการของดนตรีโลกในศตวรรษที่ 20: หลังจากได้ซึมซับความสำเร็จมากมายของแนวอิมเพรสชั่นนิสต์และแนวหน้า สไตล์ของ Rachmaninov จึงยังคงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นต้นฉบับ ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในงานศิลปะระดับโลก ในดนตรีวิทยาสมัยใหม่มักจะใช้คู่ขนานกับ L. van Beethoven เช่นเดียวกับ Rachmaninoff เบโธเฟนทำงานของเขาไปไกลเกินขอบเขตของสไตล์ที่ให้ความรู้แก่เขา (ใน กรณีนี้- คลาสสิกแบบเวียนนา) โดยไม่ต้องเข้าร่วมความโรแมนติกและคนต่างด้าวที่เหลืออยู่ในโลกทัศน์ที่โรแมนติก

ช่วงแรก - ช่วงต้น - เริ่มขึ้นภายใต้สัญลักษณ์ของแนวจินตนิยมตอนปลาย โดยหลอมรวมเข้ากับสไตล์ของไชคอฟสกีเป็นหลัก (เพลงประสานเสียงครั้งแรก, ท่อนแรก) อย่างไรก็ตาม ใน Trio in D minor (พ.ศ. 2436) ซึ่งเขียนขึ้นในปีแห่งการเสียชีวิตของไชคอฟสกีและอุทิศให้กับความทรงจำของเขา รัคมานินอฟได้ยกตัวอย่างของการสังเคราะห์เชิงสร้างสรรค์ที่กล้าหาญของประเพณีโรแมนติก (ไชคอฟสกี) "คุชคิสต์" ประเพณีคริสตจักรรัสเซียโบราณและดนตรีสมัยใหม่ในชีวิตประจำวันและยิปซี ผลงานชิ้นนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวอย่างแรกๆ ของโพลีสไตลิสติกในดนตรีโลก ดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความต่อเนื่องของประเพณีตั้งแต่ไชคอฟสกีไปจนถึงรัชมานินอฟ และการเข้ามาของดนตรีรัสเซีย เวทีใหม่การพัฒนา. ใน First Symphony หลักการของการสังเคราะห์โวหารได้รับการพัฒนาอย่างกล้าหาญยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความล้มเหลวในรอบปฐมทัศน์

ระยะเวลาของการครบกำหนดนั้นถูกทำเครื่องหมายด้วยการก่อตัวของแต่ละบุคคลสไตล์ที่เป็นผู้ใหญ่ตามกระเป๋าสัมภาระของ Znamenny สวดมนต์การแต่งเพลงของรัสเซียและสไตล์ของแนวโรแมนติกของยุโรปตอนปลาย คุณลักษณะเหล่านี้แสดงออกอย่างชัดเจนใน Second Concerto และ Second Symphony อันโด่งดัง ในเปียโนโหมโรง op. 23. อย่างไรก็ตาม เริ่มต้นด้วยบทกวีไพเราะ "Isle of the Dead" สไตล์ของ Rachmaninov มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งสาเหตุมาจากในแง่หนึ่งคือการดึงดูดธีมของสัญลักษณ์และความทันสมัย ​​และในทางกลับกัน การนำความสำเร็จของดนตรีสมัยใหม่มาใช้: อิมเพรสชั่นนิสต์, นีโอคลาสสิก, วงออเคสตราใหม่, พื้นผิว, เทคนิคฮาร์มอนิก งานสำคัญของช่วงเวลานี้คือบทกวีที่ยิ่งใหญ่ "The Bells" สำหรับนักร้องประสานเสียง ศิลปินเดี่ยว และวงออร์เคสตรา ตามคำประพันธ์ของ Edgar Poe แปลโดย K. Balmont (1913) นวัตกรรมที่สดใส เต็มไปด้วยเทคนิคการร้องประสานเสียงและออเคสตร้าแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ผลงานนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อดนตรีประสานเสียงและดนตรีซิมโฟนิกในศตวรรษที่ 20 แก่นของงานชิ้นนี้เป็นแบบฉบับของศิลปะสัญลักษณ์ สำหรับศิลปะรัสเซียระยะนี้และงานของรัคมานินอฟ: เป็นงานสัญลักษณ์ที่รวบรวมช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิตมนุษย์ ซึ่งนำไปสู่ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สัญลักษณ์สันทรายของ Bells ซึ่งถือแนวคิดเรื่องวันสิ้นโลกน่าจะมีอิทธิพลต่อหน้า "ดนตรี" ของ Doctor Faustus นวนิยายของ T. Mann

ช่วงปลาย - ช่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์ในต่างประเทศ - โดดเด่นด้วยความคิดริเริ่มที่โดดเด่น สไตล์ของ Rachmaninov ประกอบขึ้นจากการผสมผสานอย่างลงตัวขององค์ประกอบโวหารที่หลากหลายและบางครั้งก็ขัดแย้งกัน: ประเพณีของดนตรีรัสเซีย - และแจ๊ส, znamenny เก่าแก่ของรัสเซีย - และเวที "ร้านอาหาร" ของทศวรรษที่ 1930, สไตล์อัจฉริยะของศตวรรษที่ 19 ศตวรรษ - และ toccato ที่รุนแรงของเปรี้ยวจี๊ด ความแตกต่างอย่างมากของสถานที่โวหารมีความหมายทางปรัชญา - ความไร้เหตุผล, ความโหดร้ายของการอยู่ในโลกสมัยใหม่, การสูญเสียคุณค่าทางจิตวิญญาณ ผลงานของช่วงเวลานี้มีความโดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ลึกลับ โพลีโฟนีเชิงความหมาย และท่วงทำนองเชิงปรัชญาที่ลุ่มลึก

ผลงานล่าสุดของ Rachmaninov คือ Symphonic Dances (1941) ซึ่งรวบรวมคุณลักษณะเหล่านี้ทั้งหมดไว้อย่างชัดเจน เทียบกับนวนิยายเรื่อง The Master and Margarita ของ M. Bulgakov ซึ่งสร้างเสร็จในเวลาเดียวกัน

ความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ของนักแต่งเพลงของ Rachmaninov นั้นยิ่งใหญ่มาก Rachmaninoff ได้สังเคราะห์แนวโน้มต่างๆ ในศิลปะรัสเซีย แนวโน้มของธีมและโวหารต่างๆ และรวมเข้าด้วยกันภายใต้ส่วนเดียว นั่นคือสไตล์ประจำชาติรัสเซีย รัคมานินอฟทำให้ดนตรีรัสเซียสมบูรณ์ด้วยความสำเร็จของศิลปะแห่งศตวรรษที่ 20 และเป็นหนึ่งในผู้ที่นำประเพณีของชาติไปสู่เวทีใหม่ รัคมานินอฟได้เพิ่มพูนคุณค่าทางวรรณยุกต์ของดนตรีรัสเซียและโลกด้วยโทนเสียงของบทสวด Znamenny ของรัสเซียโบราณ Rachmaninoff เป็นครั้งแรก (ร่วมกับ Scriabin) นำเพลงเปียโนของรัสเซียไปสู่ระดับโลก กลายเป็นหนึ่งในนักแต่งเพลงชาวรัสเซียกลุ่มแรกที่มีผลงานเปียโนรวมอยู่ในละครของนักเปียโนทุกคนในโลก Rachmaninoff เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่สังเคราะห์ประเพณีคลาสสิกและดนตรีแจ๊ส

ความหมาย ศิลปะการแสดง Rachmaninoff นั้นยอดเยี่ยมไม่น้อย: Rachmaninoff นักเปียโนกลายเป็นมาตรฐานสำหรับนักเปียโนหลายรุ่นจากประเทศและโรงเรียนต่างๆ เขาอนุมัติให้โรงเรียนสอนเปียโนรัสเซียมีความสำคัญระดับโลก จุดเด่นได้แก่ 1) เนื้อหาเชิงลึกของการปฏิบัติงาน; 2) ความสนใจต่อความมีชีวิตชีวาของเสียงดนตรี 3) "การร้องเพลงบนเปียโน" - การเลียนแบบเสียงร้องและน้ำเสียงของเสียงร้องโดยใช้เปียโน Rachmaninov นักเปียโนได้ทิ้งบันทึกอ้างอิงของผลงานดนตรีโลกหลายชิ้นซึ่งนักดนตรีหลายรุ่นได้เรียนรู้

วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งชาติของรัสเซีย

วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งชาติของรัสเซียก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2546 โดยกระทรวงวัฒนธรรมของรัสเซียในนามของประธานาธิบดีรัสเซีย วี.วี. ปูติน NPR รวมตัวแทนที่ดีที่สุดของนักดนตรีรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์และยอดเยี่ยม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของชีวิตที่สร้างสรรค์ NPR ได้กลายเป็นหนึ่งในวงดุริยางค์ซิมโฟนีชั้นนำในรัสเซีย ชนะใจประชาชนและได้รับการยอมรับจากมืออาชีพทั้งในประเทศและต่างประเทศ

วงออเคสตรานำโดยนักไวโอลินและผู้ควบคุมวง Vladimir Spivakov ที่มีชื่อเสียงระดับโลก วาทยกรร่วมสมัยที่โดดเด่นทำงานร่วมกันและแสดงร่วมกับ NPR เป็นประจำ รวมถึงผู้ควบคุมวงรับเชิญถาวร James Conlon, Ken-David Mazur และ Alexander Lazarev รวมถึง Krzysztof Penderecki, Vladimir Ashkenazy, Otto Tausk, Simon Gaudenz, Alexander Vedernikov, Tugan Sokhiev, Jan Latham- Koenig, Jukka-Pekka Sarast, John Nelson, Michel Plasson และคนอื่นๆ

NPR ถือว่าการสืบทอดประเพณีของวาทยกรรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่สามคน ได้แก่ Evgeny Mravinsky, Kirill Kondrashin และ Evgeny Svetlanov เป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด นักดนตรีที่โดดเด่น, ดาวแห่งเวทีโอเปร่าระดับโลกมีส่วนร่วมในรายการคอนเสิร์ตของ NPR บทเพลงของวงออร์เคสตราครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่ซิมโฟนีคลาสสิกยุคแรกจนถึงบทเพลงร่วมสมัยล่าสุด ตลอดสิบสองฤดูกาล วงออเคสตราได้แสดงรายการพิเศษมากมาย แสดงรอบปฐมทัศน์ของรัสเซียและทั่วโลก มอบตั๋วซีซันและซีรีส์คอนเสิร์ตที่ไม่ซ้ำใครหลายรายการ

เพื่อยืนยันสถานะและชื่อของมัน วง National Philharmonic Orchestra ของรัสเซียได้จัดคอนเสิร์ตและจัดเทศกาลต่างๆ ไม่เพียงแต่ในมอสโกวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ โดยวางเส้นทางไปยังมุมที่ห่างไกลที่สุด ทุก ๆ ปี NPR จะเข้าร่วมเทศกาลดนตรีนานาชาติ Vladimir Spivakov ในเมือง Colmar (ฝรั่งเศส) วงออร์เคสตราออกทัวร์ในสหรัฐอเมริกา ยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่น CIS และประเทศแถบบอลติกเป็นประจำ

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 Capriccio ได้เปิดตัวซีดีและดีวีดีเพลง Yellow Stars concerto ของ Isaac Schwartz สำหรับวงออเคสตราที่ดำเนินการโดย NPR ภายใต้การควบคุมของ Vladimir Spivakov ซึ่งผู้แต่งเพลงนี้ได้อุทิศให้กับงานนี้ คอนเสิร์ตนี้ดำเนินการโดย NPR เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2015 ในปรากที่ IV World Holocaust Forum ซึ่งจัดขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 70 ปีของการปลดปล่อยค่ายกักกันเอาชวิตซ์-เบียร์เคเนา ในปี 2553-2557 NPR บันทึกหลายอัลบั้มให้กับบริษัทบันทึกเสียงที่ใหญ่ที่สุด SONY Music โดยแต่งเพลงโดย P. Tchaikovsky, S. Rachmaninov, N. Rimsky-Korsakov, E. Grieg

พื้นที่พิเศษของกิจกรรม NPR คือการสนับสนุนนักดนตรีรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ การสร้างเงื่อนไขสำหรับความคิดสร้างสรรค์และการเติบโตอย่างมืออาชีพ ในฤดูกาล 2547/2548 ตามความคิดริเริ่มของผู้อำนวยการ NPR Georgy Ageev กลุ่มผู้ควบคุมวงฝึกหัดซึ่งไม่มีความคล้ายคลึงกันในโลกของวงออเคสตราได้ถูกสร้างขึ้นในวงออเคสตราเช่นเดียวกับใน ปีที่แล้ว NPR สนับสนุนนักร้องและนักเล่นเครื่องดนตรีรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ด้วยทุนที่จัดตั้งขึ้นเป็นพิเศษเป็นของตนเอง

ในปี 2550 วงดุริยางค์ได้รับทุนจากรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซีย ตั้งแต่ปี 2010 วง National Philharmonic Orchestra ของรัสเซียได้รับทุนจากประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย