บ้าน › ซาลอน › โบสถ์ซิมโฟนีวิชาการแห่งรัฐของ Valery Polyansky โบสถ์ซิมโฟนีแห่งรัสเซีย, Valery Polyansky, คณะนักร้องประสานเสียง Philharmonic "Yaroslavia"

โบสถ์ซิมโฟนีวิชาการแห่งรัฐของ Valery Polyansky โบสถ์ซิมโฟนีแห่งรัสเซีย, Valery Polyansky, คณะนักร้องประสานเสียง Philharmonic "Yaroslavia"

วันที่ 20 มีนาคม 2555 เวลา ห้องโถงใหญ่เรือนกระจกมอสโกจะเป็นเจ้าภาพจัดคอนเสิร์ตโดย State Academic Symphony Choir of Russia ภายใต้การดูแลของผู้กำกับศิลป์และหัวหน้าวาทยกร Valery Polyansky ผู้ชมจะได้ชมพิธีมิสซาของลุดวิก ฟาน เบโธเฟน บทประพันธ์ 123

ความเป็นเอกลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างคณะนักร้องประสานเสียงและวงดุริยางค์ซิมโฟนี ช่วยให้คุณได้ผลงานชิ้นเอกที่กลมกลืนกัน ต้องขอบคุณพรสวรรค์ของเขา ผู้กำกับฝ่ายศิลป์ของ Capella นำจิตวิญญาณของความทันสมัยมาสู่ผลงานเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อน

โครงการ "เสนอให้กับ Svyatoslav Richter" เป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึง นักเปียโนที่ยอดเยี่ยม. เป็นเวลาหลายปีที่คอนเสิร์ตนี้เป็นงานที่สดใสแบบดั้งเดิมในชีวิตของมอสโกวและดึงดูดผู้ชมมืออาชีพและมือสมัครเล่นจำนวนมาก เพลงคลาสสิค. “ผู้ชมมีความสุขที่ได้มาชมคอนเสิร์ตประจำปีนี้ เพื่อรำลึกถึงหนึ่งในความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นักดนตรีที่ยอดเยี่ยมศตวรรษที่ XX การเล่นคอนเสิร์ตในวันเกิดของคุณเป็นประเพณีของ Svyatoslav Teofilovich ซึ่งเราทำต่อไป” Svyatoslav Pisarenko ผู้อำนวยการทั่วไปของมูลนิธิ Sviatoslav Richter กล่าว

การค้นหาและส่งเสริมความสามารถของจังหวัด นักดนตรี และศิลปิน เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักของมูลนิธิฯ จุดเริ่มต้นของเทศกาลฤดูร้อนที่คนหนุ่มสาวสามารถแสดงความสำเร็จของพวกเขาได้วางโดยทีมที่นำโดย Valery Polyansky ซึ่งเป็นเสียงที่สื่อถึงเฉดสีต่างๆ ของ Svyatoslav Richter ที่มีชื่อเสียง นักแสดงรุ่นเยาว์หลายคนโชคดีพอที่จะมีส่วนร่วมในโครงการนี้และได้รับโอกาสในการนำเสนอต่อสาธารณชนทั่วไปเพื่อแสดงความสามารถและความรักในดนตรีของพวกเขา

ในวันที่ 20 มีนาคมในวันเกิดของมาสโทรผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและได้รับความรักและความเคารพจากนักดนตรีจะขึ้นเวทีในห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกและอุทิศการแสดงให้กับ Svyatoslav Teofilovich คอนเสิร์ตเริ่มเวลา 19.00 น.

State Academic Symphony Capella of Russia (GASK) ถือกำเนิดขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2534 อันเป็นผลมาจากการรวมตัวของ State Chamber Choir of the USSR ภายใต้การดูแลของ Valery Polyansky และ State Symphony Orchestra ของกระทรวงวัฒนธรรมของสหภาพโซเวียต Valery Polyansky กลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และหัวหน้าวงดนตรีของวงดนตรีใหม่

กิจกรรมของคณะนักร้องประสานเสียงและวงออเคสตราของ GASK แห่งรัสเซียภายใต้การดูแลของ V. Polyansky นั้นดำเนินการทั้งในการแสดงร่วมกันและแยกกัน ด้วยโครงสร้างที่พิเศษและไม่เหมือนใครนี้ คาเพลลาจึงมีโอกาสที่จะกล่าวถึงตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมมากมายของดนตรีคลาสสิก เช่น เพลงมวลชนและออราทอริโอ บังสุกุล และแคนทาทา ซึ่งมีไว้สำหรับศิลปินเดี่ยว คณะนักร้องประสานเสียง และวงออร์เคสตรา

ความขยันหมั่นเพียรและความอุตสาหะเป็นพิเศษของหัวหน้าวาทยกรสะท้อนให้เห็นในคุณภาพของการแสดง ทุกรายละเอียดขององค์ประกอบได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้วจารึกไว้ในการตีความของงานทั้งหมด ผู้ควบคุมวงประสบความสำเร็จเป็นพิเศษในงานอนุสรณ์: ซิมโฟนีของ Mahler, Oratorios ของ Berlioz "Romeo and Julia" และ "The Childhood of Christ", Rachmaninoff, Shostakovich, Schnittke เป็นต้น

ในฐานะผู้เข้าร่วมการสมัครสมาชิกของ Moscow Conservatory และ International House of Music วงดนตรีมักจะแสดงร่วมกับผู้เข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขัน International Tchaikovsky, Scriabin และ Rachmaninov ทัวร์ในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิตาลี (Spoletto) เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ (เจนีวา) ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผู้ควบคุมวงรัสเซีย, นักร้องประสานเสียง, ครู; ผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับนานาชาติ ศิลปินแห่งชาติรัสเซียผู้ได้รับรางวัล รางวัลของรัฐรัสเซียผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และหัวหน้าผู้ควบคุมวงประสานเสียงซิมโฟนีวิชาการแห่งรัสเซีย - Valery Polyansky เป็นของนักดนตรีจำนวนน้อยในยุคนั้นซึ่งเกี่ยวข้องกับการออกดอกของดนตรีคลาสสิกของรัสเซีย

ในช่วงปีที่ผ่านมา Valery Kuzmich เป็นหัวหน้าของหลาย ๆ คน นักร้องประสานเสียงสมัครเล่น. ต่อมาเขาได้เป็นวาทยกรของ Moscow Operetta Theatre ในตอนนั้น โรงละครบอลชอยขณะสอนที่ Moscow State Conservatory

Polyansky เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รวมบริการที่อุทิศตนเข้ากับประเพณีและนวัตกรรมที่โดดเด่นมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่เพียงแค่ งานสร้างสรรค์แต่ชีวิตของเกจิเองก็เป็นตัวอย่างของการรับใช้ศิลปะ บริการที่นักดนตรีในตำนานในสมัยก่อนปฏิบัติต่อทักษะของพวกเขา เพราะการตีความ ผลงานชิ้นเอกที่มีชื่อเสียงเพลงคลาสสิกที่แสดงโดย Valery Polyansky และ State Academic Symphony Choir of Russia นำโดยเขา ให้เสียงที่ดูมีสไตล์และกลมกลืนในลักษณะพิเศษ

ให้ความสนใจกับมรดกของอดีตและการยึดมั่นในรูปแบบที่เป็นที่ยอมรับสูง Valery Polyansky ผสมผสานกับวิธีที่ไม่เหมือนใคร ค้นหาอย่างต่อเนื่องการทดลองใหม่ที่กล้าหาญและการทดลองที่แปลกประหลาดที่สุด การผสมผสานระหว่างประเพณีและนวัตกรรมนี้เป็นความเชื่อของเกจิและโบสถ์ของเขา ท้ายที่สุดแล้ว Polyansky กับทีมของเขาคือผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นนักแสดงคนแรกของผลงานของ Alfred Schnittke ซึ่งกลายเป็นปรากฏการณ์ที่แท้จริงในยุค 90 และค้นพบโลกดนตรีที่ไม่รู้จัก

ประวัติความเป็นมาของการสร้างมูลนิธิ Sviatoslav Richter

พก ศิลปะที่ยอดเยี่ยมไปต่างจังหวัดช่วยน้องๆ นักดนตรีที่มีความสามารถและศิลปิน - นี่คือแนวคิดหลักของ Svyatoslav Richter เมื่อมูลนิธิก่อตั้งขึ้นในปี 2535 กองทุนถูกสร้างขึ้นเป็น องค์กรการกุศล- ในเวลานั้นหนึ่งในไม่กี่แห่งในประเทศที่อุทิศความพยายามในการจัดเทศกาลดนตรีคลาสสิกในจังหวัดของรัสเซียและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์

ในอายุหกสิบเศษใน "House on the Oka" ใกล้กับเมืองเล็ก ๆ ที่รู้จักกันในชื่อของศิลปินนักเขียนและนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ท่ามกลางธรรมชาติอันน่าทึ่งของรัสเซีย Svyatoslav Teofilovich ทำงานมากและมีผล เขาเชื่อว่านี่เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับความคิดสร้างสรรค์ ที่นั่นในช่วงฤดูร้อน Richter ได้เตรียมรายการดนตรี 6 รายการสำหรับทัวร์อเมริกาครั้งแรกของเขา หลังจากการเดินทางครั้งนี้ โลกดนตรีได้จดจำนักเปียโนผู้ยิ่งใหญ่ในยุคของเรา

ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 Richter เกิดความคิดที่จะสร้างบ้านแห่งความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักดนตรีและศิลปินรุ่นเยาว์ใน Tarusa ซึ่งพวกเขาสามารถทำได้อย่างที่เขาเคยทำ การสนับสนุนทางการเงิน ส่วนที่เหลือใช้งานเขาเห็นคนหนุ่มสาวได้รับทุนจากเทศกาลดนตรีและศิลปะประจำปี จากการบริจาคส่วนตัวและการกุศลจากเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเขา ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะเข้าร่วมในคอนเสิร์ตของเทศกาลด้วยตนเองอย่างกระตือรือร้นรวมถึงเชิญ Yuri Bashmet, Natalia Gutman, Eliso Virsaladze, Galina Pisarenko และคนอื่น ๆ ผู้ที่ร่วมกับเขากลายเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิ แนวคิดของริกเตอร์ในการจัดตั้งมูลนิธิได้รับการสนับสนุน และในขณะเดียวกันเขาก็ได้โอนกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิให้กับ "บ้านบนออก้า" ซึ่งตั้งอยู่บนขอบป่าบนฝั่งสูงของโอกะ

เทศกาลดนตรีและศิลปะครั้งแรกใน Tarusa ซึ่งอุทิศให้กับงานของ Grieg จัดขึ้นในฤดูร้อนปี 2536 การออกแบบทางศิลปะของเทศกาลซึ่งเป็นโปรแกรมที่ Richter รวบรวมเองเป็นนิทรรศการผลงานของศิลปินสแกนดิเนเวียจากคอลเลกชัน ของพิพิธภัณฑ์พุชกิน เช่น. พุชกิน คอนเสิร์ตประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งใน Tarusa และในมอสโกว น่าเสียดายที่ Richter ไม่สามารถตระหนักถึงแนวคิดในการสร้างห้องปฏิบัติการสร้างสรรค์สำหรับคนหนุ่มสาว

มูลนิธิฯ สานต่อแนวคิดของปรมาจารย์ ในฤดูร้อนปี 2555 เทศกาลดนตรีฤดูร้อนแบบดั้งเดิมใน Tarusa จะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 20 ซึ่งรวมถึงนักดนตรีที่โดดเด่นและนักแสดงรุ่นเยาว์ด้วย สำหรับแต่ละคน คำเชิญนี้เป็นเหตุการณ์ในชีวิตการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา ซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่อุทิศโดยชื่อของนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่

ในวันที่ 20 มีนาคม มูลนิธิฉลองวันเกิดของ Svyatoslav Teofilovich เป็นประจำทุกปีด้วยคอนเสิร์ต "Offering to Svyatoslav Richter" ในห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกมอสโก ในปัจจุบัน นอกเหนือจากกิจกรรมเทศกาลและคอนเสิร์ตแล้ว มูลนิธิกำลังดำเนินโครงการโรงเรียนดนตรีสร้างสรรค์ภาคฤดูร้อน นักดนตรีที่โดดเด่นหลายร้อยคนเคยเป็นนักเรียนของค่ายฤดูร้อนในช่วงเวลาของพวกเขา

โบสถ์ซิมโฟนีวิชาการแห่งรัฐรัสเซีย- ทีมงานที่ไม่ซ้ำกันกว่า 200 ศิลปิน มันรวมนักร้องประสานเสียงวงออเคสตราและนักร้องเดี่ยวที่มีอยู่ในความสามัคคีที่เป็นธรรมชาติในขณะเดียวกันก็รักษาความเป็นอิสระในการสร้างสรรค์

State Capella ก่อตั้งขึ้นในปี 2534 โดยการรวมตัวของ State Chamber Choir ของสหภาพโซเวียตภายใต้การดูแลของ Valery Polyansky และ State Symphony Orchestra ของกระทรวงวัฒนธรรมของสหภาพโซเวียตนำโดย Gennady Rozhdestvensky

ทั้งสองทีมมาไกลแล้ว วงออเคสตราก่อตั้งขึ้นในปี 2500 และจนถึงปี 2525 เป็นวงออเคสตราของ All-Union Radio and Television ตั้งแต่ปี 2525 - วงดุริยางค์ซิมโฟนีแห่งรัฐของกระทรวงวัฒนธรรมสหภาพโซเวียต ใน เวลาที่แตกต่างกันนำโดย S. Samosud, Yu. Aranovich และ M. Shostakovich คณะนักร้องประสานเสียงถูกสร้างขึ้นโดย V. Polyansky ในปี 1971 ตั้งแต่ปี 1980 ทีมงานได้รับ สถานะใหม่และกลายเป็นที่รู้จักในนามคณะนักร้องประสานเสียงแห่งรัฐของกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหภาพโซเวียต

ด้วยคณะนักร้องประสานเสียง Valery Polyansky เดินทางไปทั่วสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียตกลายเป็นผู้ริเริ่มเทศกาลใน Polotsk ซึ่ง Irina Arkhipova, Oleg Yanchenko กลุ่มศิลปินเดี่ยวของ Bolshoi Theatre of the USSR เข้าร่วม ... ในปี 1986 ตามคำเชิญของ Svyatoslav Richter, Valery Polyansky และคณะนักร้องประสานเสียงของเขาได้นำเสนอรายการจากผลงานของ P. I. Tchaikovsky ในงานเทศกาล "December Evenings" และในปี 1994 - "All-Night Vigil" โดย S. V. Rachmaninov ในขณะเดียวกัน State Chamber Choir ก็เป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยแสดงร่วมกับ Valery Polyansky อย่างมีชัยในเทศกาล "Singing Wroclaw" (โปแลนด์) ใน Merano และ Spoleto (อิตาลี), Izmir (ตุรกี) ใน Narden (ฮอลแลนด์); การมีส่วนร่วมที่น่าจดจำใน "Promenade Concerts" ที่มีชื่อเสียงใน Albert Hall (บริเตนใหญ่) การแสดงใน มหาวิหารประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส - ในบอร์กโดซ์ อาเมียง อัลบี

วันเกิดของ State Capella คือวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 จากนั้น Cantata "Wedding Shirts" ของ Antonin Dvorak ที่จัดทำโดย Gennady Rozhdestvensky ในปี 1992 ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และ Valery Polyansky กลายเป็นหัวหน้าผู้ดำเนินการของ GASK ของรัสเซีย กิจกรรมของคณะนักร้องประสานเสียงและวงออเคสตราของโบสถ์นั้นดำเนินการทั้งในการแสดงร่วมกันและแบบคู่ขนาน วงดนตรีและหัวหน้าวาทยกรยินดีต้อนรับแขกในสถานที่ที่ดีที่สุดในมอสโก สมาชิกประจำของ Moscow Philharmonic, Moscow Conservatory และ Moscow International House of Music และได้แสดงร่วมกับผู้เข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขัน Tchaikovsky และ Rachmaninov ระดับนานาชาติ โบสถ์แห่งนี้ได้รับชัยชนะในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิตาลี เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

พื้นฐานของละครของกลุ่มคือประเภท cantata-oratorio: มวลชน, oratorios, requiems ของทุกยุคและสไตล์ - Bach, Handel, Haydn, Mozart, Schubert, Berlioz, Liszt, Verdi, Dvorak, Rachmaninov, Reger, Stravinsky, Britten, Shostakovich , ชนิทเก้, เอชไป. Valery Polyansky ดำเนินวงจรซิมโฟนิกโมโนกราฟิกอย่างต่อเนื่อง อุทิศให้กับเบโธเฟน, Brahms, Rachmaninov, Mahler และนักแต่งเพลงยอดเยี่ยมคนอื่นๆ

รัสเซียและ นักแสดงต่างประเทศ. มิตรภาพที่สร้างสรรค์ในระยะยาวและใกล้ชิดเป็นพิเศษเชื่อมโยงทีมกับ Gennady Nikolaevich Rozhdestvensky ซึ่งนำเสนอการสมัครสมาชิกดนตรีเพลงส่วนตัวของเขาทุกปีกับ State Capella ของรัสเซีย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทีมได้พัฒนาแผนการของตนเองในการสร้างฤดูกาล ของเขา จุดที่รุนแรงอุทิศให้กับการแสดงในเมืองเล็กๆ ตั้งแต่ปี 2009 Capella ได้จัดเทศกาลกันยายนใน Tarusa (ร่วมกับ Svyatoslav Richter Foundation) โดยนำเสนอผลงานชิ้นเอกของซิมโฟนีและ เพลงประสานเสียงชาว Torzhok, ตเวียร์, Kaluga ในปี 2554 มีการเพิ่ม Yelets ซึ่งเป็นการแสดงรอบปฐมทัศน์โลกของโอเปร่าเรื่อง The Legend of the City of Yelets, the Virgin Mary and Tamerlane ของ Alexander Tchaikovsky ซึ่งจัดแสดงโดยผู้กำกับ Georgy Isahakyan ได้รับชัยชนะ “เราไม่ต้องการคำพูดมากมายเกี่ยวกับความรักชาติ” V. Polyansky กำหนดจุดยืนของเขา “คนหนุ่มสาวต้องฟังเพลงนี้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้รักมาตุภูมิ มันเป็นอาชญากรรมที่มีเมืองที่ผู้คนไม่เคยได้ยินการแสดงสดของวงดุริยางค์ซิมโฟนี ไม่เคยดูการแสดงโอเปร่า เรากำลังพยายามแก้ไขความอยุติธรรมนี้"

นโยบายละครของ State Capella สะท้อนถึงและ วันสำคัญประวัติศาสตร์โลก. เพื่อครบรอบ 200 ปีแห่งชัยชนะใน สงครามรักชาติพ.ศ. 2355 มีการแสดงคอนเสิร์ตโอเปร่าเรื่อง "War and Peace" ของ Prokofiev (ใน Torzhok และ Kaluga) รอบปฐมทัศน์โลกของ Oratorio "The Sovereign's Affairs" โดย A. Tchaikovsky (2013, Lipetsk, Moscow) ถูกกำหนดเวลาให้ตรงกับ วันครบรอบ 400 ปีของราชวงศ์โรมานอฟและ M. Glinka บนเวทีใหม่ของโรงละคร Bolshoi แห่งรัสเซียเป่า "Life for the Tsar"

เหตุการณ์สำคัญของปี 2014 คือการแสดงคอนเสิร์ตโดย State Capella ของโอเปร่า Semyon Kotko ที่ไม่ค่อยได้แสดงของ Prokofiev ซึ่งจัดขึ้นที่ New Stage ของ Bolshoi Theatre และใน Central โรงละครวิชาการกองทัพรัสเซียและอุทิศให้กับวันครบรอบ 100 ปีของการเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในสถานที่เดียวกัน ทีมฉลองครบรอบ 70 ปี ชัยชนะอันยิ่งใหญ่การแสดงโอเปร่าของ K. Molchanov เรื่อง The Dawns Here Are Quiet

กิจกรรมการท่องเที่ยวของ State Capella เป็นไปอย่างเข้มข้น ความเป็นเลิศของวงออร์เคสตราได้รับการชื่นชมจากผู้ชมชาวอังกฤษระหว่างทัวร์ฤดูใบไม้ร่วงปี 2014 “มีวาทยกรหลายคนที่คิดว่าซิมโฟนีที่ห้าของไชคอฟสกีดังเกินไปและเล่นโดยใช้เครื่องออโต้ไพลอต แต่โปลิอันสกีและวงออร์เคสตราของเขายอดเยี่ยมมาก แน่นอนว่าดนตรีของไชคอฟสกีได้เข้าไปอยู่ในเนื้อและเลือดของคนกลุ่มนี้ Polyansky เล่นสิ่งนี้ ผลงานชิ้นเอกอมตะในแบบที่ฉันแน่ใจว่าไชคอฟสกีเองก็อยากจะได้ยิน” โรเบิร์ต แมทธิว-วอล์กเกอร์ นักวิจารณ์และนักแต่งเพลงชาวอังกฤษกล่าว

ในปี 2558 คอนเสิร์ตของวงออร์เคสตราได้รับชัยชนะในสหรัฐอเมริกา เบลารุส (เทศกาลดนตรีศักดิ์สิทธิ์ "God Are Mighty") และญี่ปุ่น ซึ่งผู้ชมต่างชื่นชมการตีความของ V. Polyansky เกี่ยวกับซิมโฟนีสามชิ้นสุดท้ายของไชคอฟสกี

วาเลรี โปเลียนสกี้

วาเลรี โปเลียนสกี้- นักดนตรีที่มีความสามารถหลายด้าน, วัฒนธรรมสูงสุด, ความรู้ที่ลึกซึ้ง ความสามารถพิเศษของเขาในฐานะวาทยกรเป็นที่ประจักษ์อย่างเท่าเทียมกันทั้งในด้านศิลปะการขับร้องประสานเสียงและในวงดุริยางค์ซิมโฟนี ประเภทที่แตกต่างกัน– ไม่ว่าจะเป็นโอเปร่า, การประพันธ์เพลงของคณะนักร้องประสานเสียงอะแคปเปลลา, งานคันทาทา-โอราทอริโอที่ยิ่งใหญ่, ซิมโฟนี, การประพันธ์เพลงร่วมสมัย

Valery Polyansky เกิดในปี 2492 ในกรุงมอสโก อาชีพของเขาถูกกำหนดตั้งแต่เนิ่นๆ: จบการศึกษาจากโรงเรียนสอนดนตรี ตอนอายุ 13 ปีเขาได้เป็นนักร้องประสานเสียงแล้ว จากนั้นเรียนหลายปีกับ E. Zvereva ที่โรงเรียนที่ Moscow Conservatory ซึ่ง V. Polyansky จบในสามปี ที่ Moscow State Conservatory นักดนตรีหนุ่มศึกษาพร้อมกันในสองคณะ: การแสดงและการประสานเสียง (ชั้นเรียนของศาสตราจารย์ B. Kulikov) และการแสดงโอเปร่าและซิมโฟนี (ชั้นเรียนของ O. Dimitriadi)

ในบัณฑิตวิทยาลัยชะตากรรมนำ V. K. Polyansky และ G. N. Rozhdestvensky มารวมกันซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่ออนาคต กิจกรรมสร้างสรรค์วาทยกรหนุ่ม.

ก้าวที่สำคัญที่สุดในชีวิตของ Valery Polyansky คือปี 1971 เมื่อเขาจัด Chamber Choir ของนักเรียนของ Moscow Conservatory และยังกลายเป็นผู้ควบคุมวงของ Moscow Operetta Theatre

ในปี 1975 ที่อิตาลี การแข่งขันระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุด "Guido d'Arezzo" Valery Polyansky และ Chamber Choir กลายเป็นผู้ชนะอย่างไม่มีปัญหา เป็นครั้งแรกที่คณะนักร้องประสานเสียงจากรัสเซียได้รับเหรียญทองในการเสนอชื่อ "Academic Singing" โดยได้รับรางวัล "Golden Bell" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักร้องประสานเสียงที่ดีที่สุดของการแข่งขัน Valery Polyansky ได้รับรางวัล รางวัลพิเศษในฐานะผู้ควบคุมการแข่งขันที่ดีที่สุด จากนั้นชาวอิตาลีเขียนเกี่ยวกับนักดนตรี: "นี่คือ Karajan ของแท้ของการร้องเพลงประสานเสียงพร้อมดนตรีที่สดใสและยืดหยุ่นเป็นพิเศษ"

ในปี 1977 V. Polyansky ได้กลายเป็นผู้ควบคุมวงของ Bolshoi Theatre of the USSR โดยไม่ได้ออกจากคณะนักร้องประสานเสียงซึ่งเขาได้เข้าร่วมร่วมกับ G. Rozhdestvensky ในการผลิตโอเปร่า Katerina Izmailova ของ Shostakovich และดำเนินการอื่น ๆ การแสดง

ในปีเดียวกันนั้นความร่วมมือกับสหภาพนักแต่งเพลงเริ่มต้นขึ้น: Valery Polyansky กล้าที่จะพัฒนาเพลงใหม่กลายเป็นผู้เข้าร่วมประจำในเทศกาลดนตรีร่วมสมัยของมอสโกในฤดูใบไม้ร่วง นักแต่งเพลงชาวรัสเซียที่ดีที่สุดอุทิศการแต่งเพลงให้กับเขา - N. Sidelnikov, E. Denisov, A. Schnittke, S. Gubaidulina, D. Krivitsky, A. Vieru “ ... จำเป็นที่ผลงานในสมัยของเราจะฟังดูดี เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง สีอารมณ์อารมณ์ความรู้สึก ประสบการณ์ การเผชิญหน้ากับกิเลสตัณหา ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในคลังเพลงโลกที่ร่ำรวยที่สุด ทุกอย่างจะต้องนำเสนอบนเวทีคอนเสิร์ตสมัยใหม่ สนับสนุน นักแต่งเพลงร่วมสมัยเป็นหน้าที่ของเรา” วาทยกรกล่าว

วาเลอรี โปลีอันสกี้เป็นหัวหน้าวงประสานเสียงหอการค้าแห่งรัฐ ได้ร่วมมืออย่างเต็มที่กับวงดนตรีซิมโฟนีชั้นนำของรัสเซียและ ต่างประเทศ, แสดงซ้ำกับวงออเคสตราของเบลารุส, ไอซ์แลนด์, ฟินแลนด์, เยอรมนี, ฮอลแลนด์, สหรัฐอเมริกา, ไต้หวัน, ตุรกี เขาจัดแสดงโอเปร่าเรื่อง Eugene Onegin ของ Tchaikovsky ในเมืองโกเธนเบิร์ก โรงละครดนตรี(สวีเดน) เป็นเวลาหลายปีที่เขาเป็นหัวหน้าผู้ควบคุมวงของเทศกาล Opera Evenings ในเมืองโกเธนเบิร์ก

ตั้งแต่ปี 1992 Valery Polyansky เป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และผู้ควบคุมวงหลักของ State Academic Symphony Capella of Russia

ผู้ควบคุมวงได้ทำการบันทึกเสียงมากกว่า 100 รายการที่บริษัทบันทึกเสียงชั้นนำทั้งในรัสเซียและต่างประเทศ ในจำนวนนี้เป็นผลงานของ Tchaikovsky, Taneyev, Glazunov, Scriabin, Bruckner, Dvorak, Reger, Shimanovsky, Prokofiev, Shostakovich, Schnittke (Schnittke's Eighth Symphony ซึ่งเผยแพร่โดย Chandos Records ของบริษัทอังกฤษในปี 2544 ได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานบันทึกเสียงที่ดีที่สุดของปี ). เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พูดเกี่ยวกับการบันทึกทั้งหมด คอนเสิร์ตร้องเพลงนักแต่งเพลงชาวรัสเซียที่น่าทึ่ง D. Bortnyansky และการฟื้นฟูดนตรีของ A. Grechaninov ซึ่งแทบจะไม่เคยแสดงในรัสเซียเลย

วาทยกรยังเป็นหนึ่งในนักแปลที่ดีที่สุดในมรดกของ Rachmaninov รายชื่อจานเสียงของเขารวมถึงซิมโฟนีของนักแต่งเพลง โอเปร่าทั้งหมดของเขาในการแสดงคอนเสิร์ต งานร้องเพลงประสานเสียงทั้งหมด Valery Polyansky - ประธาน Rachmaninoff Society, หัวหน้าของ International Rachmaninoff Piano Competition

ปัจจุบันความสนใจของผู้ควบคุมวงคือ G. Mahler: เป็นครั้งแรกในรัสเซีย State Capella กำลังดำเนินการวงจรพิเศษ "Gustav Mahler and his time" ซึ่งออกแบบมาเป็นเวลาหลายปี ในปี 2558 เมื่อวันครบรอบของ Tchaikovsky ได้รับการเฉลิมฉลองอย่างกว้างขวาง V. Polyansky และ Capella ได้จัดเทศกาล Music for All Seasons ซึ่งเรียกว่า "เป็นประวัติการณ์" ในสื่อ ซิมโฟนีของนักแต่งเพลงทั้งหมด, คณะนักร้องประสานเสียงศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้า, พิธีสวดของนักบุญ John Chrysostom" และโอเปร่า " ราชินีโพดำในการแสดงคอนเสิร์ต

ตั้งแต่ปี 2000 ในรายการของ State Capella ความดึงดูดใจต่อประเภทของโอเปร่าในการแสดงคอนเสิร์ตนั้นมีความโดดเด่นอย่างชัดเจน จนถึงปัจจุบัน V. Polyansky ได้แสดงโอเปร่าประมาณ 30 เรื่อง ซึ่งรวมถึงหนังสือคลาสสิกของรัสเซีย (ไชคอฟสกี, ริมสกี-คอร์ซาคอฟ, เกรชานินอฟ) และนักเขียนต่างประเทศ โดยเฉพาะแวร์ดี ซึ่งเกจิได้มอบตั๋วซีซันพิเศษสำหรับหลายซีซันติดต่อกัน ในบรรดาผลงานชิ้นเอกของ Verdi ที่ Chapel นำเสนอ ได้แก่ โอเปร่า Louise Miller, Il trovatore, Rigoletto, The Force of Destiny, Falstaff, Macbeth และอื่น ๆ ครบรอบ 200 ปีวันเกิดแวร์ดี ฉากประวัติศาสตร์ Bolshoi Theatre V. Polyansky ร่วมกับ State Capella จัดงานกาล่าคอนเสิร์ต "Viva, Verdi" ซึ่งรวมชิ้นส่วนจากโอเปร่า 13 ชิ้นและ "Requiem" ของผู้แต่ง โครงการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจนได้รับการทำซ้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกในการสมัครสมาชิกของ Moscow Philharmonic และในช่วงปิดเทศกาลสร้อยคออำพัน (Kaliningrad, 2015)

การแสดงดนตรีสมัยใหม่อยู่ในขอบเขตการมองเห็นของผู้ควบคุมวงอย่างต่อเนื่อง เขาได้แสดงรอบปฐมทัศน์ของรัสเซียและระดับโลกมาแล้วหลายครั้ง รวมถึง: "Gesualdo" โดย A. Schnittke (2000), " วันสุดท้าย Pushkin" โดย A. Nikolaev (2007), "The Legend of the City of Yelets, the Virgin Mary and Tamerlane" โดย A. Tchaikovsky (2011), "Albert and Giselle" โดย A. Zhurbin (2012), oratorio "The Sovereign's กิจการ" โดย A. Tchaikovsky (2013) .

Valery Polyansky มุ่งมั่นที่จะนำเสนอโอเปร่าด้วยการตีความที่ถูกต้องตามประวัติศาสตร์ ใช้ฉบับของผู้แต่งต้นฉบับ ดึงดูดนักดนตรีจาก State Capella และนักร้องชั้นนำที่มีชื่อเสียง โรงละครรัสเซีย. การร่วมมือกับคณะคาเปลลาทำให้นักร้องจำนวนมากสามารถสร้างสรรค์ผลงานของตนเองในละครโอเปร่าที่ไม่ได้อยู่ในโรงละครของพวกเขาได้ และด้วยเหตุนี้จึงขยายและเพิ่มคุณค่าให้กับละครของพวกเขา Polyansky สามารถรวบรวมทีมงานที่มีใจเดียวกันพัฒนารูปแบบดั้งเดิมของเขาเองในการตีความรูปแบบการแสดงคอนเสิร์ตของโอเปร่า

ผลงานของวาทยกรที่มีต่อวัฒนธรรมดนตรีได้รับการยอมรับอย่างสูงด้วยรางวัลระดับรัฐ Valery Polyansky - ศิลปินประชาชนชาวรัสเซีย (2539) ผู้ได้รับรางวัล State Prizes of Russia (2537, 2553) ผู้ได้รับรางวัล Order of Merit for the Fatherland ระดับ IV (2550)

โบสถ์ประสานเสียงฟิลฮาร์โมนิก "ยาโรสลาเวีย"

โบสถ์ประสานเสียงฟิลฮาร์โมนิก "ยาโรสลาเวีย"ถูกสร้างขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปี 2546 โดยนักดนตรีและอาจารย์ Yaroslavl ชื่อดัง S. M. Berezovsky การปรากฏตัวใน Yaroslavl ของทีมที่มีขนาดและระดับดังกล่าวได้กลายเป็นงานทางวัฒนธรรมที่สำคัญ Capella ประกอบด้วยนักดนตรีมืออาชีพ ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโก นิจนี นอฟโกรอด, ยาโรสลัฟล์, โคสโตรมา.

โบสถ์นำอย่างเข้มข้น ชีวิตที่สร้างสรรค์. การแสดงของเธอโดดเด่นด้วยการแสดงละครและศิลปะที่สดใส ทีมงานสามารถเปลี่ยนเป็นห้องและนักร้องประสานเสียงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้สามารถแสดงละครได้หลากหลาย

ในปี 2008 Vladimir Kontarev วาทยกรและครูที่มีชื่อเสียง ศาสตราจารย์ที่ Moscow Conservatory ผู้ได้รับรางวัล L.V. Sobinov Prize กลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และผู้ควบคุมวงหลักของโบสถ์ประสานเสียง Yaroslavia Philharmonic ชื่อเสียงอันสูงส่งของนักดนตรี ประสบการณ์ทางศิลปะอันยาวนานของเขาช่วยให้วงนี้ได้รับการยอมรับในระดับสากล

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2011 ยาโรสลาเวียได้รับรางวัลผู้ได้รับรางวัลจากเทศกาลดนตรีคริสตจักรนานาชาติในเมืองฮัจนูฟกา (โปแลนด์) ทักษะของคาเพลลาซึ่งยังคงรักษาประเพณีที่ดีที่สุดของโรงเรียนการแสดงร้องเพลงประสานเสียงของรัสเซียได้รับการชื่นชมอย่างสูง คณะลูกขุนระหว่างประเทศนักวิจารณ์และชุมชนดนตรี

โบสถ์นักร้องประสานเสียงฟิลฮาร์โมนิก "ยาโรสลาเวีย" เป็นสมาชิกของความสว่างมากมาย โครงการสร้างสรรค์. ดังนั้นด้วย State Symphony Orchestra "New Russia" ที่ดำเนินการโดย Yuri Bashmet ศิลปินเดี่ยวของ Bolshoi Theatre และศิลปินละครจึงมีการแสดงโอเปร่า "Eugene Onegin" ของ Tchaikovsky ในเวอร์ชั่นคอนเสิร์ต ร่วมกับวง Symphony Orchestra นักร้องประสานเสียงและศิลปินเดี่ยวของ Mariinsky Theatre ภายใต้การดูแลของ Valery Gergiev - The Bells โดย S. V. Rachmaninov คาเพลลายังได้เข้าร่วมในโครงการสำคัญกับศิลปินจาก Bolshoi Theatre of Russia, Moscow Academic Musical Theatre ซึ่งตั้งชื่อตาม K. S. Stanislavsky และ V. I. Nemirovich-Danchenko, Moscow New Opera Theatre ที่ตั้งชื่อตาม E. V. Kolobov ร่วมกับวง National Academic Orchestra of Folk Instruments รัสเซียตั้งชื่อตาม N.P. Osipov, Symphony Orchestra ของ Yaroslavl Academic Governor, Chamber Orchestra Pratum Integrum, "Russian Camerata", กลุ่มศิลปินเดี่ยว "Hermitage" ในบรรดากิจกรรมทางศิลปะดังกล่าว ได้แก่ การแสดงคอนเสิร์ตของโอเปร่า "Tosca", "Madama Butterfly" โดย G. Puccini, "Otello" โดย G. Verdi, "Cinderella" โดย G. Rossini, "Khovanshchina" โดย M. P. Mussorgsky; ผลงานของประเภท Cantata-oratorio - "Alexander Nevsky" โดย S. Prokofiev, Requiem และ Grand Mass ใน C minor โดย W. A. Mozart, "Nenia" โดย I. Brahms, "Carmina Burana" โดย K. Orff, "Kursk Songs ", "Oratorio ที่น่าสมเพช ", "บทกวีในความทรงจำของ Sergei Yesenin" โดย G. Sviridov, "เจ็ดเพลงเกี่ยวกับพระเจ้า" โดย A. Mikita, "Requiem" โดย A. Karamanov วาทยกรที่มีชื่อเสียงแสดงร่วมกับคาเปลลา: Vladimir Andropov, Murad Annamamedov, Yuri Bashmet, Evgeny Bushkov, Dmitry Volosnikov, Valery Gergiev, Wolf Gorelik, Valery Polyansky, Dimitris Botinis (กรีซ), Claudio Vandelli (อิตาลี), Johannes Wildner (เยอรมนี), Terje มิคเคลเซ่น (นอร์เวย์), อันเดรส มุสโตเนน (เอสโตเนีย) และอื่นๆ

ทีมงานมีส่วนร่วมในเทศกาลสำคัญของรัสเซียและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องรวมถึงมอสโกอีสเตอร์ภายใต้การดูแลของ Valery Gergiev, เทศกาลของ Yuri Bashmet ใน Yaroslavl และ Sochi, Moscow Autumn, เทศกาล Transfiguration Arts และเทศกาลนานาชาติ เพลงออร์แกนตั้งชื่อตาม Leonid Roizman ใน Yaroslavl, "Five Kremlin Festival" ใน Veliky Novgorod, J.S. Bach Music Festival ในตเวียร์, "Organ Evenings in Kuskovo" ในมอสโก, เทศกาล Prokofiev ใน Donetsk (ยูเครน), Credo Orthodox Sacred Music Festival (เอสโตเนีย) , ดนตรี เทศกาลใน Bialystok, Katowice, Rybnik (โปแลนด์), Vologda, Vladimir, Kostroma, Rybinsk และเมืองอื่น ๆ อีกมากมาย

อ็อกซาน่า เซเคริน่า

Oksana Sekirinaเกิดใน Novy Urengoy, Yamalo-Nenets Autonomous Okrug เธอจบการศึกษาจากสาขา Khanty-Mansiysk ของ Gnessin Russian Academy of Music

กิจกรรมคอนเสิร์ตของนักร้องเริ่มขึ้นในระหว่างการศึกษาของเธอ หนึ่งในไฮไลท์คือการเข้าร่วมในโครงการครบรอบ 30 ปีของกิจกรรมสร้างสรรค์ของ Metropolitan Hilarion ในห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกมอสโกซึ่ง Oksana Sekerina แสดงร่วมกับ Russian National Orchestra (2014); การแสดงบทบาทของพระมารดาของพระเจ้าในรอบปฐมทัศน์ของอังกฤษเรื่อง Metropolitan Hilarion (ของ Alfeyev) oratorio The Passion ตาม Matthew ที่ Cadogan Hall ในลอนดอน (ผู้ควบคุมวง Alexei Puzakov) ซึ่งได้รับการชื่นชมอย่างมากจากสื่อมวลชน ในเดือนกันยายน 2015 Oksana Sekerina แสดงเป็น Liza Brichkina ในการแสดงคอนเสิร์ตเรื่อง The Dawns Here Are Quiet ของ Kirill Molchanov ที่ Bolshoi Theatre of Russia (ผู้ควบคุมวง Valery Polyansky)

รัสตัม จาวาเยฟ

Rustam Yavaev เป็นชาว Astrakhan จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยการสอนแห่งรัฐมอสโกด้วยปริญญาด้านการแสดงโอเปร่าและห้องแชมเบอร์ (ชั้นเรียนของอาจารย์ M.A. Ganeshina และศาสตราจารย์ G.I. Urbanovich) และการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา (2548) ในชั้นเรียน ร้องเพลงเดี่ยวสถาบันคลาสสิกแห่งรัฐ Maimonides (ชั้นเรียนของศาสตราจารย์ G.I. Urbanovich) ในปี 2549 นักร้องได้ฝึกงานที่ G.P. Vishnevskaya Opera Singing Center

ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน All-Russian Student ใน Yekaterinburg (รางวัลที่ 1, 2000), ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน "Bela Vose" ในมอสโกว (2001), ผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันดนตรีนานาชาติแห่งศตวรรษที่ 20 ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (รางวัลที่ 2, 2545), ผู้ได้รับรางวัลการแข่งขัน All-Russian ใน Kostroma (รางวัลที่ 1, 2547), ผู้ชนะการแข่งขัน Ilham Shakirov International (คาซาน, 2548), ผู้ชนะการแข่งขันระดับนานาชาติ "Amber Nightingale" ในคาลินินกราด (รางวัลที่ 3, 2549), ผู้ชนะการแข่งขันระดับนานาชาติในอิตาลี (เปซาโร) "Citta di Pesaro" (รางวัลที่ 2, 2009) .

Rustem Javaev ร่วมมือกับวิทยาลัย เพลงต้นที่ Moscow Conservatory ซึ่งเขาได้เข้าร่วมการแสดงโอเปร่าและ oratorios โดย K. Monteverdi, J. A. Hasse, J. S. Bach, G. F. Handel, A. Scarlatti, K. V. Gluck, J. Pergolesi, F. Cavalli, J. Peri, D. Bortnyansky . นักร้องเข้าร่วมเทศกาลมอสโกฤดูใบไม้ร่วงที่ Moscow House of Composers ซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยแสดงดนตรีในประเทศสมัยใหม่และ นักแต่งเพลงต่างประเทศ. ในปี 2554 Rustam Yavaev ได้รับเชิญให้เป็นศิลปินเดี่ยวที่ Bolshoi Theatre of Russia เพื่อแสดง Cantata "Stabat mater" โดย A. Vivaldi ในการแสดงบัลเล่ต์ "Reflection" นักร้องดำเนินกิจกรรมคอนเสิร์ตในรัสเซียและต่างประเทศ

แอนตัน วิโนกราดอฟ

แอนตัน วิโนกราดอฟจบการศึกษา สถาบันการศึกษาของรัสเซียเพลงที่ตั้งชื่อตาม Gnessins (ชั้นเรียนของศาสตราจารย์, ศิลปินผู้มีเกียรติของรัสเซีย V. V. Gromova) และการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่ Moscow State Tchaikovsky Conservatory (ชั้นเรียนของศาสตราจารย์, ศิลปินประชาชนของรัสเซีย P. I. Skusnichenko) ในปี 2554 เขาเข้าร่วมในมาสเตอร์คลาสโดย D. Hvorostovsky

ผู้ได้รับรางวัลที่ 1 จากเทศกาลดนตรีสลาฟนานาชาติมอสโก (2551) และรางวัลที่ 2 ของการแข่งขันดนตรีนานาชาติ S.V. Rachmaninov (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, 2552)

ในปี 2010 เขาได้กลายเป็นศิลปินเดี่ยวของ Mosconcert และโรงละครมอสโก "New Opera" ซึ่งตั้งชื่อตาม อี. วี. โคโลโบวา. ตั้งแต่ปี 2014 - ศิลปินเดี่ยวของ Moscow State Academic Chamber Musical Theatre ตั้งชื่อตาม B. A. Pokrovsky เสด็จประพาสประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ฮังการี แคนาดา ออสเตรเลีย

ในละครของนักร้องในส่วน: Almaviva ("การแต่งงานของ Figaro" โดย W. A. Mozart), Belcore ("Love Potion" โดย G. Donizetti), Malatesta ("Don Pasquale" โดย G. Donizetti), นับ di Luna ("Troubadour" โดย G. Verdi ), Germont (La Traviata โดย G. Verdi), Athanael (คนไทยโดย J. Massenet), Tonio (Pagliacci โดย R. Leoncavallo), Alfio (Country Honor โดย P. Mascagni), Michele (The Cloak โดย G. Puccini), Onegin (“ Eugene Onegin” โดย P. Tchaikovsky), Robert, Ebn-Khakia (“ Iolanta” โดย P. Tchaikovsky), Yeletsky (“ The Queen of Spades” โดย P. Tchaikovsky) .

ในฐานะศิลปินเดี่ยวรับเชิญของ State Capella of Russia เขาได้เข้าร่วมการแสดงคอนเสิร์ตของโอเปร่า L'elisir d'amore ของ Donizetti บนเวทีของ Tchaikovsky Concert Hall

โบสถ์ซิมโฟนีวิชาการแห่งรัสเซียเป็นกลุ่มศิลปินที่ยิ่งใหญ่กว่า 200 คน มันรวมนักร้องเดี่ยวนักร้องประสานเสียงและวงออเคสตราซึ่งมีอยู่ในเอกภาพตามธรรมชาติในขณะเดียวกันก็รักษาความเป็นอิสระในการสร้างสรรค์

GASK ก่อตั้งขึ้นในปี 2534 โดยการรวมตัวของ State Chamber Choir ของสหภาพโซเวียตภายใต้การดูแลของ V. Polyansky และ State Symphony Orchestra ของกระทรวงวัฒนธรรมของสหภาพโซเวียตนำโดย G. Rozhdestvensky ทั้งสองทีมมาไกลแล้ว วงออเคสตราก่อตั้งขึ้นในปี 2500 และเข้ามาแทนที่วงดนตรีซิมโฟนิกที่ดีที่สุดในประเทศทันที จนถึงปี 1982 เขาเป็นวงออเคสตราของ All-Union Radio and Television หลายครั้งนำโดย S. Samosud, Y. Aranovich และ M. Shostakovich: ตั้งแต่ปี 1982 - GSO ของกระทรวงวัฒนธรรม คณะนักร้องประสานเสียงถูกสร้างขึ้นโดย V. Polyansky ในปี 1971 จากนักเรียนของ Moscow State Conservatory (ต่อมามีการขยายองค์ประกอบของนักร้องประสานเสียง) การเข้าร่วมการแข่งขันเพลงประสานเสียงโพลีโฟนิกระดับนานาชาติของ Guido d'Arezzo ในอิตาลีในปี 2518 ทำให้เขาได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง ซึ่งคณะนักร้องประสานเสียงได้รับเหรียญทองและเหรียญทองแดง และ V. Polyansky ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ควบคุมวงที่ดีที่สุดของการแข่งขันและได้รับรางวัลพิเศษ ในสมัยนั้นสื่ออิตาลีเขียนว่า: "นี่คือ Karajan ของแท้ การร้องเพลงประสานเสียงด้วยดนตรีที่สดใสและยืดหยุ่นเป็นพิเศษ หลังจากประสบความสำเร็จ ทีมงานก็ก้าวขึ้นสู่เวทีคอนเสิร์ตใหญ่อย่างมั่นใจ

วันนี้ทั้งคณะนักร้องประสานเสียงและวงออเคสตราของ GASK ได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มดนตรีชั้นสูงและสร้างสรรค์ที่น่าสนใจที่สุดในรัสเซีย

การแสดงครั้งแรกของ Capella กับการแสดง Cantata "Wedding Shirt" ของ A. Dvorak ดำเนินการโดย G. Rozhdestvensky เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ในห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกมอสโกและเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นซึ่งกำหนดระดับความคิดสร้างสรรค์ของ กลุ่มและกำหนดระดับวิชาชีพชั้นสูง

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา คาเพลลาเป็นผู้นำโดย วาเลรี โปเลียนสกี้.

ละครของคาเพลลานั้นไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง ด้วยโครงสร้าง "สากล" แบบพิเศษ ทีมงานจึงมีโอกาสแสดงดนตรีประสานเสียงและซิมโฟนิกชิ้นเอกที่เป็นของ ยุคต่างๆและสไตล์ แต่ยังหมายถึงเลเยอร์ขนาดใหญ่ของประเภท Cantata-oratorio เหล่านี้เป็นงานมวลชนและงานอื่น ๆ ของ Haydn, Mozart, Beethoven, Schubert, Rossini, Bruckner, Liszt, Grechaninov, Sibelius, Nielsen, Szymanowski; บังสุกุลโดย Mozart, Verdi, Cherubini, Brahms, Dvorak, Fauré, Britten; John of Damascus โดย Taneyev, The Bells โดย Rachmaninov, The Wedding โดย Stravinsky, oratorios และ cantatas โดย Prokofiev, Myaskovsky, Shostakovich, ผลงานเสียงร้องและซิมโฟนิกโดย Gubaidulina, Schnittke, Sidelnikov, Berinsky และอีกมากมาย (การแสดงเหล่านี้หลายรายการกลายเป็นการแสดงรอบปฐมทัศน์โลกหรือรัสเซีย ) .

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา V. Polyansky และ Capella ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการแสดงคอนเสิร์ตของโอเปร่า จำนวนและความหลากหลายของโอเปร่าที่จัดทำโดย GASK ซึ่งหลายเรื่องไม่ได้แสดงในรัสเซียมานานหลายทศวรรษนั้นน่าทึ่งมาก: Cherevichki ของ Tchaikovsky, Enchantress, Mazepa และ Eugene Onegin, Nabucco, Il trovatore และ Louise Miller โดย Verdi, The Nightingale และ Oedipus Rex โดย Stravinsky, Sister Beatrice โดย Grechaninov, Aleko โดย Rachmaninov, La bohème โดย Leoncavallo, Tales of Hoffmann โดย Offenbach, The Sorochinskaya Fair โดย Mussorgsky, The Night Before Christmas โดย Rimsky-Korsakov, André Chenier » Giordano, Cui's Feast in Time of Plague, สงครามและสันติภาพของ Prokofiev, Gesualdo ของ Schnittke...

หนึ่งในรากฐานของละครของ Capella คือดนตรีในศตวรรษที่ 20 และยุคปัจจุบัน ทีมนี้เป็นผู้เข้าร่วมถาวรของเทศกาลนานาชาติ เพลงร่วมสมัย"ฤดูใบไม้ร่วงมอสโก" ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2551 เขาเข้าร่วมใน Fifth International Gavrilinsky เทศกาลดนตรีในโวล็อกดา

ห้องสวดมนต์ นักร้องประสานเสียงและวงออร์เคสตร้ามักต้อนรับแขกในภูมิภาคของรัสเซียและในหลายประเทศทั่วโลก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วงดนตรีประสบความสำเร็จในการออกทัวร์ในสหราชอาณาจักร ฮังการี เยอรมนี ฮอลแลนด์ กรีซ สเปน อิตาลี แคนาดา จีน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน...

นักแสดงชาวรัสเซียและชาวต่างประเทศที่โดดเด่นหลายคนร่วมมือกับ Capella มิตรภาพที่สร้างสรรค์ในระยะยาวและใกล้ชิดเป็นพิเศษเชื่อมโยงทีมกับ G. N. Rozhdestvensky ซึ่งนำเสนอการสมัครสมาชิกดนตรีเพลงส่วนตัวของเขาทุกปีกับ State Architectural Complex

รายชื่อจานเสียงของ Capella นั้นกว้างขวางมาก โดยมีการบันทึกประมาณ 100 รายการ (ส่วนใหญ่สำหรับ Chandos) รวมถึง การร้องเพลงประสานเสียงทั้งหมดโดย D. Bortnyansky งานซิมโฟนิกและร้องเพลงประสานเสียงทั้งหมดโดย S. Rachmaninov ผลงานมากมายของ A. Grechaninov ซึ่งแทบไม่เป็นที่รู้จักในรัสเซีย การบันทึกซิมโฟนีลำดับที่ 4 ของ Shostakovich ได้รับการเผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้ และซิมโฟนีลำดับที่ 6 ของ Myaskovsky, War and Peace ของ Prokofiev และ Gesualdo ของ Schnittke กำลังเตรียมเปิดตัว

รุสลัน โรซีเยฟ

Ruslan Roziev เป็นศิลปินเดี่ยวของ State Academic Symphony Choir of Russia

เกิดในปี 1984 ใน Chardzhou (เติร์กเมนิสถาน) จบการศึกษาจากแผนกเปียโนของ Belgorod โรงเรียนดนตรีตั้งชื่อตาม S. A. Degtyarev (2545, ชั้นเรียนของอาจารย์ L. N. Girzhanova) ศึกษาที่ Voronezh สถาบันของรัฐสาขาศิลปะการร้องเพลงเดี่ยว (พ.ศ. 2545–2550 ชั้น N. N. Amelin) หลังจากนั้นเขาศึกษาต่อที่ Galina Vishnevskaya Opera Singing Center บนเวทีของศูนย์เขาเปิดตัวในฐานะ Monterone ในโอเปร่า Rigoletto โดย G. Verdi นักร้องยังได้มีส่วนร่วมในมาสเตอร์คลาสของ Sherrill Milnes (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ II Festival of Master Classes "Glory to the Maestro") ในปี 2554 เขาฝึกฝนที่แทมปาโอเปร่า (ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา)

Ruslan Roziev เป็นผู้ชนะรางวัล II ของการแข่งขันระหว่างภูมิภาคของนักร้องหนุ่ม "Orpheus" (Volgograd, 2006) และการแข่งขัน IV International ศิลปินโอเปร่า Galina Vishnevskaya (มอสโก, 2012) ผู้ถือประกาศนียบัตรสำหรับการเข้าร่วมในคอนเสิร์ตกาล่าของ XXXV Review of Vocalists - ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดนตรีรัสเซีย (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, 2007)

ในฤดูกาล 2010/11 เขาเป็นศิลปินเดี่ยวของ Royal Opera of Wallonia (เมืองลีแยฌ ประเทศเบลเยียม) และ Santander International Festival (ประเทศสเปน) ในฤดูกาล 2011/12 เขาเป็นศิลปินเดี่ยวของ Lyon Opera (ฝรั่งเศส) และ Aix-en-Provence Opera Festival (ฝรั่งเศส) ในฤดูกาล 2012/13 - ศิลปินเดี่ยวรับเชิญของ Rome Opera (อิตาลี)

ในละครของนักร้องในบทโอเปร่าโดย G. Verdi - Sparafucile และ Monterone (Rigoletto), Banquo (Macbeth); บางส่วนของ Bartolo (การแต่งงานของ Figaro โดย W. A. Mozart); หัวหน้าปีศาจ ("เฟาสต์" โดย Ch. Gounod); Escamillo และ Zunigi (Carmen โดย G. Bizet); บทบาทในโอเปร่าของ P. Tchaikovsky - King Rene และ Bertrand ("Iolanthe"), Gremin, Zaretsky และ Rotny ("Eugene Onegin"); N. Rimsky-Korsakov - Malyuta Skuratov ("เจ้าสาวของซาร์"), Father Frost ("The Snow Maiden"), Tsar Saltan ("The Tale of Tsar Saltan"); D. Shostakovich - นักบวช ("Katerina Izmailova"), Shvokhnev ("ผู้เล่น"); ส่วนของ Boris Godunov, Varlaam และ Pimen (Boris Godunov โดย M. Mussorgsky); Aleko ("Aleko" โดย S. Rachmaninov); พนักงานสอบสวน (" ไฟนางฟ้า» เอส. โปรโคฟีเยฟ); คุณ Gobino ("Medium" โดย D. Menotti)

ด้วยวงประสานเสียงซิมโฟนีวิชาการแห่งรัสเซียที่ดำเนินการโดย V. Polyansky, R. Roziev มีส่วนร่วมในการผลิตรอบปฐมทัศน์ของโอเปร่า The Legend of the City of Yelets, the Virgin Mary and Tamerlane (2011) ของ A. Tchaikovsky นอกจากนี้เขายังแสดงในส่วนของ: Marquis de Calatrava ใน "The Force of Destiny" โดย G. Verdi, เจ้าชาย Nikolai Andreevich Bolkonsky, General Belliard ใน "War and Peace" โดย S. Prokofiev; ท่อนเบสใน Requiems โดย A. Dvorak และ G. Verdi, "The Solemn Mass" โดย L. van Beethoven

Ruslan Roziev ประสบความสำเร็จในการทัวร์ในรัสเซีย ฝรั่งเศส เบลเยียม สเปน สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี ลิทัวเนีย สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก

แม็กซิม ซาซิน

Maxim Sazhin เป็นศิลปินเดี่ยวของ State Academic Symphony Choir of Russia

เกิดในปี 1978 ที่เมือง Kostroma จบการศึกษาจากคณะแกนนำของมอสโก มหาวิทยาลัยของรัฐวัฒนธรรมและศิลปะ (พ.ศ. 2549 ชั้นเรียน G.I. Mitsenko)

ผู้ได้รับรางวัล III รัสเซียทั้งหมดเปิดการแข่งขัน เสียงเพลงตั้งชื่อตาม G. V. Sviridov (2550, รางวัล II), II การแข่งขันระดับนานาชาติสำหรับเยาวชน นักร้องโอเปร่าในความทรงจำของ M. D. Mikhailov (2011) ผู้ชนะประกาศนียบัตรจากการแข่งขัน III All-Russian Open ของนักร้องโอเปร่า "เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก" (2007) และการแข่งขัน International Tenor ในความทรงจำของ Luciano Pavarotti (2008)

อาชีพนักดนตรีเริ่มขึ้นในปีการศึกษาของเขา เขาเป็นศิลปินเดี่ยวของ Mari โรงละครของรัฐโอเปร่าและบัลเลต์ตั้งชื่อตาม E. Sapaev (2547–2551), Galina Vishnevskaya Center for Opera Singing (2550–2552), ศิลปินเดี่ยวรับเชิญของ Perm Academic Opera and Ballet Theatre (2554–2555) ตั้งแต่ปี 2008 เขาเป็นศิลปินเดี่ยวของ Moscow State Academic Children's Musical Theatre ซึ่งตั้งชื่อตาม N. Sats ตั้งแต่ปี 2009 เขาเป็นศิลปินเดี่ยวรับเชิญกับ Russian Opera Theatre

ตั้งแต่ปี 2010 Maxim Sazhin เริ่มร่วมมือกับ State Academic Symphony Choir of Russia ภายใต้การดูแลของ Valery Polyansky สามปีต่อมาเขาก็กลายเป็นศิลปินเดี่ยวของกลุ่ม นักร้องได้เข้าร่วมในคอนเสิร์ตมากมายและ การแสดงโอเปร่าโบสถ์รวมถึงรอบปฐมทัศน์โลกของโอเปร่าของ A. Tchaikovsky เรื่อง "The Legend of the City of Yelets, the Virgin Mary and Tamerlane" ในเมือง Yelets, "War and Peace" โดย S. Prokofiev, "The Governor" โดย P. Tchaikovsky .

ในฐานะศิลปินเดี่ยวเขาได้แสดงบนเวทีของโรงละครต่างประเทศ - Royal Walloon Opera, Lyon Opera, Rome Opera เข้าร่วมในเทศกาลนานาชาติใน Aix-en-Provence และ Santander

อนาสตาเซีย พริวอซโนว่า

Anastasia Privoznova เป็นศิลปินเดี่ยวของ State Academic Symphony Choir of Russia ดำเนินการโดย Valery Polyansky ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เธอแสดงในรายการของ Capella ที่อุทิศให้กับวันครบรอบ 175 ปีของ P. I. Tchaikovsky บนเวทีประวัติศาสตร์ของ Bolshoi Theatre of Russia

Anastasia Privoznova จบการศึกษาจาก Ural State Mussorgsky Conservatory (2549, ชั้นเรียนของศาสตราจารย์ V. Yu. Pisarev) ตั้งแต่ปี 2546 ถึง 2549 เธอเป็นศิลปินเดี่ยวของ Nizhny Tagil Philharmonic เธอร่วมมือกับวงดุริยางค์ซิมโฟนีที่ดำเนินการโดย E. Revinson, วง Ryabinka เครื่องดนตรีพื้นบ้านที่ดำเนินการโดย O. Popov วงแชมเบอร์ออร์เคสตร้า«คลาสสิก» ขับร้องโดย D. Davydov, ทรีโอเปียโน Bon ton, Theatre โรแมนติกเก่าภายใต้การดูแลของ E. Vernigor

นักร้องได้รับรางวัลการแข่งขันระดับภูมิภาค IV ของ Urals และ Siberia (Yekaterinburg, 1996), การแข่งขัน III Open All-Russian "Three Centuries of Classical Romance" (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, 2549), II International G. Vishnevskaya การแข่งขันนักร้องโอเปร่า (มอสโก, 2008), การแข่งขันเสียงร้องที่ตั้งชื่อตาม I. Petrov (มอสโก, 2009), ผู้ชนะรางวัลกรังด์ปรีซ์ของการแข่งขันร้องระดับนานาชาติ IV "Tour to the Stars" (มอสโก, 2011)

ตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2551 A. Privoznova ศึกษาที่ศูนย์การร้องเพลงโอเปร่าภายใต้การแนะนำของ G. Vishnevskaya ในฐานะศิลปินเดี่ยวของ Center เธอมีส่วนร่วมในการผลิตโอเปร่า The Tsar's Bride โดย N. Rimsky-Korsakov (Marfa), Carmen โดย G. Bizet (Mikaela) ในการแสดง Marriage and Other Horrors (Parasia) ในปี 2549 เธอได้เข้าร่วมทัวร์ Opera Singing Center ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพื่อฉลองวันครบรอบของ Galina Vishnevskaya เข้าร่วมเทศกาลในรัสเซีย บัลแกเรีย เม็กซิโก อาเซอร์ไบจาน ในปี 2010 เธอได้แสดงในละครโอเปร่าเรื่อง Boris Godunov ที่ Royal Walloon Opera ในเมือง Liege (ประเทศเบลเยียม) และที่เทศกาลนานาชาติในเมือง Santander (ประเทศสเปน) ร่วมงานเฉลิมฉลองนานาชาติ วันสตรีในกรุงเปียงยาง (เกาหลีเหนือ)

ในฐานะศิลปินเดี่ยวรับเชิญของ Russian Opera เธอได้แสดงบท Parasi ในโอเปร่า Sorochinskaya Fair (2010) ของ M. Mussorgsky มีส่วนร่วมในโครงการของ Moscow Philharmonic

สมาชิกของคณะลูกขุน เทศกาลการแข่งขันนานาชาติเพลงทหารรักชาติ "Heirs of the Victory" ภายในกรอบของเทศกาลนี้มีการแสดงคอนเสิร์ตการกุศล

ในละครของนักร้องในส่วน: Tatiana ("Eugene Onegin" โดย P. Tchaikovsky), Iolanta ("Iolanthe" โดย P. Tchaikovsky), Francesca ("Francesca da Rimini" โดย S. Rachmaninov), Violetta ("La Traviata" โดย G. Verdi), มีมี่ ( "La Boheme" โดย G. Puccini), Marguerite ("Faust" โดย Ch. Gounod); ส่วนเสียงโซปราโนใน Requiem ของ W. A. Mozart, Stabat Mater ของ G. B. Pergolesi, Stabat Mater ของ F. Poulenc, อาเรีย, ความรักและเพลงโดยนักแต่งเพลงชาวรัสเซียและต่างประเทศ

วลาดิมีร์ โอฟชินนิคอฟ

"บรรดาผู้ที่เคยฟังการแสดงของ Vladimir Ovchinnikov - นักเปียโนที่มีอารมณ์อ่อนไหวและแสดงออกมากที่สุด - จะรับรู้ถึงความสมบูรณ์แบบของรูปแบบ ความบริสุทธิ์และพลังของเสียงที่นิ้วและสติปัญญาของเขาสร้างขึ้น" - คำกล่าวของ Daily Telegraph นี้ส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นถึง ความสว่างและศิลปะที่สร้างสรรค์ของนักดนตรี - ผู้สืบทอดของโรงเรียน Neuhaus ที่มีชื่อเสียง

Vladimir Ovchinnikov เกิดในปี 1958 ที่เมือง Bashkiria จบจากภาคพิเศษส่วนกลาง โรงเรียนดนตรีที่ Moscow Conservatory ในชั้นเรียนของ A. D. Artobolevskaya และในปี 1981 - Moscow Conservatory ซึ่งเขาศึกษาในชั้นเรียนของศาสตราจารย์ A. A. Nasedkin (นักเรียนของ G. G. Neuhaus)

เขาได้รับรางวัลจากการแข่งขันเปียโนนานาชาติในมอนทรีออล (แคนาดา รางวัลที่ 2 ปี 1980) การแข่งขันระหว่างประเทศสำหรับวงแชมเบอร์ในแวร์เชลลี (รางวัลที่ 1 ของอิตาลี ปี 1984) สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือชัยชนะของนักดนตรีในการแข่งขัน Tchaikovsky นานาชาติในมอสโก (1982) และในการแข่งขันเปียโนนานาชาติในลีดส์ (บริเตนใหญ่ 1987) หลังจากนั้น Ovchinnikov ได้เปิดตัวอย่างมีชัยในลอนดอนซึ่งเขาได้รับเชิญเป็นพิเศษให้เล่น ต่อหน้าสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ

นักเปียโนแสดงร่วมกับวงออร์เคสตร้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลายวง รวมทั้ง Royal วงดุริยางค์ฟิลฮาร์โมนิกและ BBC Orchestra (สหราชอาณาจักร), Royal Scottish Orchestra, Symphony Orchestra of Chicago, Montreal, Zurich, Tokyo, Hong Kong, Gewandhaus Orchestra (เยอรมนี), Polish Radio National Orchestra, The Hague Resident Orchestra, French Radio Orchestra , วงดุริยางค์เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กฟิลฮาร์โมนิก, วงออเคสตรา Bolshoi และวงดุริยางค์ซิมโฟนีวิชาการแห่งรัฐของรัสเซีย

พันธมิตรที่สร้างสรรค์ของ V. Ovchinnikov เป็นตัวนำที่มีชื่อเสียงหลายคน: V. Ashkenazy, R. Barshai, M. Bamert, D. Brett, A. Vedernikov, V. Weller, V. Gergiev, M. Gorenstein, I. Golovchin, A. Dmitriev, D. Conlon, J. Kreitzberg, A. Lazarev, D. Liss, R. Martynov, L. Pechek, V. Polyansky, V. Ponkin, G. Rozhdestvensky, G. Rinkevičius, E. Svetlanov, Yu. Simonov, S. Skrovashevsky, V. Fedoseev, G. Solti, M. Shostakovich, M. Jansons, N. Järvi

ศิลปินมีผลงานเดี่ยวและทัวร์มากมายในห้องโถงที่ดีที่สุดของโลก ในหมู่พวกเขา ได้แก่ ห้องโถงใหญ่ของเรือนกระจกมอสโกและห้องโถงใหญ่ของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กฟิลฮาร์โมนิก, คาร์เนกีฮอลล์และลินคอล์นเซ็นเตอร์ในนิวยอร์ก, อัลเบิร์ตฮอลล์และรอยัลเฟสติวัลฮอลล์ในลอนดอน, เฮอร์คิวลีสฮอลล์และเกวันด์เฮาส์ในเยอรมนี, มูสิคเวอไรน์ในเวียนนา Concertgebouw ในอัมสเตอร์ดัม, Suntory Hall ในโตเกียว, Théâtre des Champs Elysées และ Salle Pleyel ในปารีส

นักเปียโนมีส่วนร่วมในเทศกาลนานาชาติที่มีชื่อเสียงซึ่งจัดขึ้นในประเทศต่างๆ ของโลก: Carnegie Hall, Hollywood Bowl และ Van Clyburn ใน Fort Worth (USA); ในเอดินเบอระ เชลต์แนม และบีบีซี พรอมส์ (สหราชอาณาจักร); เทศกาลชเลสวิก-โฮลชไตน์ (เยอรมนี); ในซินตรา (โปรตุเกส); ในสเตรซา (อิตาลี); ที่งาน Singapore Festival (สิงคโปร์)

ในหลาย ๆ ครั้ง V. Ovchinnikov บันทึกผลงานของ Tchaikovsky, Taneyev, N. Rubinstein, Liszt, Rachmaninov, Prokofiev, Shostakovich, Mussorgsky, Reger, Barber ซึ่งเผยแพร่บนฉลาก EMI, Collins Classics, Russian Seasons, "Shandos ", "โกลด์คลับ", "โอลิมเปีย"

การเรียนการสอนมีสถานที่สำคัญในชีวิตของศิลปิน เป็นเวลาหลายปีที่ V. Ovchinnikov ทำงานที่ Royal Northern College of Music ในบริเตนใหญ่ ตั้งแต่ปี 1996 เขาเริ่มสอนที่ Moscow Conservatory และตั้งแต่ปี 2001 นักเปียโนยังได้ทำงานที่ Sakuya University ในญี่ปุ่น และตั้งแต่ปี 2005 ที่คณะศิลปะของ Lomonosov Moscow State University ในฐานะอาจารย์รับเชิญด้านเปียโน จากปี 2554 ถึงปี 2559 Vladimir Ovchinnikov เป็นหัวหน้าโรงเรียนดนตรีกลางที่ Moscow Conservatory

V. Ovchinnikov แสดงในคอนเสิร์ตของ Moscow Philharmonic Society เป็นเวลาหลายปี เขายังเป็นศิลปินประชาชนของรัสเซีย (2548) ซึ่งเป็นสมาชิกของคณะลูกขุนของการแข่งขันเปียโนระดับนานาชาติอันทรงเกียรติหลายรายการ รวมถึงการแข่งขัน Tchaikovsky ในมอสโกว, Viana da Motta ในลิสบอน, ชื่อ Busoni ในอิตาลี, Scheveningen ในกรุงเฮก, การแข่งขัน PETINA ในโตเกียว ชื่อของ A.D. Artobolevskaya ในมอสโกว

วาเลรี โปเลียนสกี้

Valery Polyansky เป็นนักดนตรีที่มีความสามารถหลายด้าน วัฒนธรรมสูงสุด ความรอบรู้อย่างลึกซึ้ง ความสามารถพิเศษของเขาในฐานะวาทยกรก็แสดงออกอย่างเท่าเทียมกันในทรงกลม ศิลปะการร้องเพลงและเบื้องหลังคอนโซลของวงดุริยางค์ซิมโฟนี และการค้นหาที่สร้างสรรค์ได้รับการรับรู้อย่างยอดเยี่ยมในแนวเพลงที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโอเปร่า การประพันธ์เพลงสำหรับคณะนักร้องประสานเสียงอะแคปเปลลา ผลงาน Cantata-oratorio ที่ยิ่งใหญ่ ซิมโฟนี การประพันธ์เพลงสมัยใหม่

ในบัณฑิตวิทยาลัยโชคชะตานำ V. K. Polyansky มาที่ G. N. Rozhdestvensky ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อกิจกรรมสร้างสรรค์ต่อไปของผู้ควบคุมวงรุ่นเยาว์

ในปี 1975 ที่อิตาลี การแข่งขันระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุด "Guido d'Arezzo" Valery Polyansky และ Chamber Choir กลายเป็นผู้ชนะอย่างไม่มีปัญหา เป็นครั้งแรกที่ได้รับคณะนักร้องประสานเสียงจากรัสเซีย เหรียญทองในการเสนอชื่อ "การร้องเพลงเชิงวิชาการ" โดยได้รับ "Golden Bell" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักร้องประสานเสียงที่ดีที่สุดของการแข่งขัน Valery Polyansky ได้รับรางวัลพิเศษในฐานะผู้ควบคุมวงที่ดีที่สุดของการแข่งขัน จากนั้นชาวอิตาลีเขียนเกี่ยวกับนักดนตรี: "นี่คือ Karajan ของแท้ของการร้องเพลงประสานเสียงพร้อมดนตรีที่สดใสและยืดหยุ่นเป็นพิเศษ"

ในปีเดียวกันนั้นความร่วมมือกับสหภาพนักแต่งเพลงเริ่มต้นขึ้น: Valery Polyansky กล้าที่จะพัฒนาเพลงใหม่กลายเป็นผู้เข้าร่วมประจำในเทศกาลดนตรีร่วมสมัยของมอสโกในฤดูใบไม้ร่วง นักแต่งเพลงชาวรัสเซียที่ดีที่สุดอุทิศการแต่งเพลงให้กับเขา - N. Sidelnikov, E. Denisov, A. Schnittke, S. Gubaidulina, D. Krivitsky, A. Vieru “ ... จำเป็นที่ผลงานในสมัยของเราจะฟังดูดี เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยสีสันทางอารมณ์ อารมณ์ทางจิตวิญญาณ ประสบการณ์ การเผชิญหน้ากับกิเลสตัณหาที่หลากหลาย ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในคลังเพลงโลกที่ร่ำรวยที่สุด ทุกอย่างจะต้องนำเสนอบนเวทีคอนเสิร์ตสมัยใหม่ เป็นหน้าที่ของเราในการสนับสนุนนักแต่งเพลงร่วมสมัย” วาทยกรกล่าว

Valery Polyansky เป็นหัวหน้าคณะนักร้องประสานเสียงหอการค้าแห่งรัฐ ทำงานร่วมกับวงซิมโฟนีชั้นนำในรัสเซียและต่างประเทศอย่างได้ผล และแสดงร่วมกับวงออเคสตราจากเบลารุส ไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ เยอรมนี ฮอลแลนด์ สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน และตุรกีซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจัดแสดงโอเปร่า "Eugene Onegin" ของ Tchaikovsky ที่ Gothenburg Musical Theatre (สวีเดน) เป็นเวลาหลายปีที่เขาเป็นหัวหน้าผู้ควบคุมวงของเทศกาล "Opera Evenings" ในเมืองโกเธนเบิร์ก

ผู้ควบคุมวงได้ทำการบันทึกเสียงมากกว่า 100 รายการที่บริษัทบันทึกเสียงชั้นนำทั้งในรัสเซียและต่างประเทศ ในจำนวนนี้เป็นผลงานของ Tchaikovsky, Taneyev, Glazunov, Scriabin, Bruckner, Dvorak, Reger, Shimanovsky, Prokofiev, Shostakovich, Schnittke (Schnittke's Eighth Symphony ซึ่งเผยแพร่โดย Chandos Records ของบริษัทอังกฤษในปี 2544 ได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานบันทึกเสียงที่ดีที่สุดของปี ). เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พูดถึงการบันทึกการร้องเพลงประสานเสียงทั้งหมดโดยนักแต่งเพลงชาวรัสเซียที่โดดเด่น D. Bortnyansky และการฟื้นฟูดนตรีของ A. Grechaninov ซึ่งแทบไม่เคยแสดงในรัสเซีย

ปัจจุบันความสนใจของผู้ควบคุมวงคือ G. Mahler: เป็นครั้งแรกในรัสเซีย State Capella กำลังดำเนินการวงจรพิเศษ "Gustav Mahler and his time" ซึ่งออกแบบมาเป็นเวลาหลายปี ในปี 2558 เมื่อวันครบรอบของ Tchaikovsky ได้รับการเฉลิมฉลองอย่างกว้างขวาง V. Polyansky และ Capella ได้จัดเทศกาล Music for All Seasons ซึ่งเรียกว่า "เป็นประวัติการณ์" ในสื่อ ซิมโฟนีของนักแต่งเพลงทั้งหมด, คณะนักร้องประสานเสียงศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้า, พิธีสวดของนักบุญ John Chrysostom" และโอเปร่า "The Queen of Spades" ในการแสดงคอนเสิร์ต

ตั้งแต่ปี 2000 ในรายการของ State Capella ความดึงดูดใจต่อประเภทของโอเปร่าในการแสดงคอนเสิร์ตนั้นมีความโดดเด่นอย่างชัดเจน จนถึงปัจจุบัน V. Polyansky ได้แสดงโอเปร่าประมาณ 30 เรื่อง ซึ่งรวมถึงหนังสือคลาสสิกของรัสเซีย (ไชคอฟสกี, ริมสกี-คอร์ซาคอฟ, เกรชานินอฟ) และนักเขียนต่างประเทศ โดยเฉพาะแวร์ดี ซึ่งเกจิได้มอบตั๋วซีซันพิเศษสำหรับหลายซีซันติดต่อกัน ในบรรดาผลงานชิ้นเอกของ Verdi ที่ Chapel นำเสนอ ได้แก่ โอเปร่า Louise Miller, Il trovatore, Rigoletto, The Force of Destiny, Falstaff, Macbeth และอื่น ๆ ในโอกาสครบรอบ 200 ปีวันเกิดของ Verdi บนเวทีประวัติศาสตร์ของ Bolshoi Theatre V. Polyansky และ State Capella จัดงานกาล่าคอนเสิร์ต "Viva, Verdi" ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนจากโอเปร่า 13 ชิ้นและบังสุกุลของผู้แต่ง โครงการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจนได้รับการทำซ้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกในการสมัครสมาชิกของ Moscow Philharmonic และในช่วงปิดเทศกาลสร้อยคออำพัน (Kaliningrad, 2015)

การแสดงดนตรีสมัยใหม่ในขอบเขตการมองเห็นของผู้ควบคุมวง เขาได้แสดงรอบปฐมทัศน์ของรัสเซียและโลกมาแล้วหลายครั้ง รวมถึง: "Gesualdo" โดย A. Schnittke (2000), "The Last Days of Pushkin" โดย A. Nikolaev (2007), "The Legend of the City of Yelets, the Virgin Mary and Tamerlane" โดย A. Tchaikovsky (2011), "Albert and Giselle" โดย A. Zhurbin (2012), oratorio "The State's Affairs" โดย A. Tchaikovsky (2013)

Valery Polyansky มุ่งมั่นที่จะนำเสนอโอเปร่าด้วยการตีความที่ถูกต้องตามประวัติศาสตร์ ใช้ฉบับของผู้แต่งต้นฉบับ และดึงดูดนักดนตรีจาก State Capella และนักร้องชั้นนำจากโรงละครรัสเซียที่มีชื่อเสียงมาสู่การแสดงโอเปร่าในคอนเสิร์ต การร่วมมือกับคณะคาเปลลาทำให้นักร้องจำนวนมากสามารถสร้างสรรค์ผลงานของตนเองในละครโอเปร่าที่ไม่ได้อยู่ในโรงละครของพวกเขาได้ และด้วยเหตุนี้จึงขยายและเพิ่มคุณค่าให้กับละครของพวกเขา Polyansky สามารถรวบรวมทีมงานที่มีใจเดียวกันพัฒนารูปแบบดั้งเดิมของเขาเองในการตีความรูปแบบการแสดงคอนเสิร์ตของโอเปร่า

การมีส่วนร่วมของวาทยกรต่อวัฒนธรรมดนตรีได้รับการยอมรับอย่างสูง รางวัลของรัฐ. Valery Polyansky - ศิลปินประชาชนชาวรัสเซีย (2539) ผู้ได้รับรางวัล State Prizes of Russia (2537, 2553) ผู้ได้รับรางวัล Order of Merit for the Fatherland ระดับ IV (2550)

เซอร์เก รัชมานินอฟ

Sergei Vasilyevich Rachmaninov (1 เมษายน (20 มีนาคม) พ.ศ. 2416 - 28 มีนาคม พ.ศ. 2486) เป็นนักแต่งเพลง นักเปียโน และวาทยกรชาวรัสเซีย

หลักการของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและมอสโกสังเคราะห์ในงานของเขา โรงเรียนนักแต่งเพลง(เช่นเดียวกับประเพณีของดนตรียุโรปตะวันตก) และสร้างสไตล์ดั้งเดิมของเขาเองซึ่งต่อมามีอิทธิพลต่อทั้งดนตรีรัสเซียและดนตรีโลกในศตวรรษที่ 20

Sergei Vasilyevich Rachmaninoff เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2416 ในตระกูลขุนนาง เป็นเวลานานสถานที่เกิดถือเป็นที่ดินของพ่อแม่ Oneg ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Novgorod การศึกษาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเรียกว่าที่ดิน Semenovo ในเขต Starorussky ของจังหวัด Novgorod (รัสเซีย)

พ่อของนักแต่งเพลง Vasily Arkadyevich (พ.ศ. 2384-2459) มาจากขุนนางของจังหวัดแทมบอฟ ประวัติของตระกูล Rachmaninov ย้อนกลับไปที่หลานชายของกษัตริย์ Stefan the Great Vasily แห่งมอลโดวาซึ่งมีชื่อเล่นว่า Rakhmanin แม่ Lyubov Petrovna (nee Butakova) - ลูกสาวของผู้อำนวยการ คณะนักเรียนนายร้อยนายพล P. I. Butakov Arkady Alexandrovich ปู่ของนักแต่งเพลงเป็นนักดนตรีเขาเรียนเปียโนกับ J. Field และแสดงคอนเสิร์ตใน Tambov, Moscow และ St. Petersburg ความรักรอดมาได้ ชิ้นเปียโนผลงานการประพันธ์ของเขา ได้แก่ "The Farewell Gallop of 1869" สำหรับเปียโนสี่มือ Vasily Rachmaninoff มีพรสวรรค์ทางดนตรีเช่นกัน แต่เขาเล่นดนตรีด้วยความสมัครใจเท่านั้น

ความสนใจในดนตรีของ S. V. Rachmaninov ถูกเปิดเผยใน เด็กปฐมวัย. แม่ของเขาให้บทเรียนเปียโนครั้งแรกแก่เขาจากนั้นจึงเชิญครูสอนดนตรี A. D. Ornatskaya ด้วยการสนับสนุนของเธอในฤดูใบไม้ร่วงปี 2425 Rachmaninov เข้าแผนกจูเนียร์ของ St. Petersburg Conservatory ในชั้นเรียนของ V. V. Demyansky การศึกษาที่ St. Petersburg Conservatory กำลังแย่เนื่องจาก Rachmaninov มักจะโดดเรียนดังนั้นในสภาครอบครัวจึงตัดสินใจย้ายเด็กชายไปมอสโคว์และในฤดูใบไม้ร่วงปี 2428 เขาเข้าเรียนชั้นปีที่สามของแผนกจูเนียร์ Moscow Conservatory ถึงศาสตราจารย์ N. S. Zverev

Rachmaninov ใช้เวลาหลายปีในโรงเรียนประจำเอกชนที่มีชื่อเสียงในมอสโก ครูสอนดนตรี Nikolai Zverev ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ Alexander Nikolayevich Skryabin และนักดนตรีชาวรัสเซียที่โดดเด่นอีกหลายคน (Alexander Ilyich Ziloti, Konstantin Nikolayevich Igumnov, Arseny Nikolayevich Koreshchenko, Matvey Leontievich Presman เป็นต้น) ที่นี่เมื่ออายุ 13 ปี Rachmaninoff ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับ Pyotr Ilyich Tchaikovsky ซึ่งต่อมามีส่วนสำคัญในชะตากรรมของนักดนตรีหนุ่ม

ในปี 1888 Rachmaninov ศึกษาต่อที่แผนกอาวุโสของ Moscow Conservatory ในชั้นเรียนของลูกพี่ลูกน้องของเขา A. I. Siloti และอีกหนึ่งปีต่อมาภายใต้การแนะนำของ S. I. Taneyev และ A. S. Arensky เขาเริ่มศึกษาองค์ประกอบ

เมื่ออายุ 19 ปี Rachmaninoff จบการศึกษาจากเรือนกระจกในฐานะนักเปียโน (ร่วมกับ AI Siloti) และในฐานะนักแต่งเพลงด้วยเหรียญทองขนาดใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้น โอเปร่าเรื่องแรกของเขา "Aleko" (ผลงานวิทยานิพนธ์) จากผลงาน "Gypsies" โดย A. S. Pushkin, เปียโนคอนแชร์โตชุดแรก, เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ , ท่อนเปียโนรวมถึงโหมโรงใน C Sharp minor ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น มากที่สุดแห่งหนึ่ง ผลงานที่มีชื่อเสียงรัชมานินอฟ.

ตอนอายุ 20 เนื่องจากไม่มีเงินเขาจึงกลายเป็นครูที่โรงเรียนสตรีมอสโก Mariinsky ตอนอายุ 24 ปี - ผู้ควบคุมวงของ Moscow Russian Private Opera Savva Mamontov ซึ่งเขาทำงานเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล แต่สามารถทำ มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุปรากรรัสเซีย

รัคมานินอฟมีชื่อเสียงในฐานะนักแต่งเพลง นักเปียโน และวาทยกร อย่างไรก็ตามของเขา อาชีพที่ประสบความสำเร็จถูกขัดจังหวะเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2440 โดยการแสดงรอบปฐมทัศน์ของ First Symphony ที่ไม่ประสบความสำเร็จ (ผู้ควบคุมวง - A.K. Glazunov) ซึ่งจบลงด้วยความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงทั้งเนื่องจากประสิทธิภาพที่ไม่ดีและ - ส่วนใหญ่ - เนื่องจากธรรมชาติของดนตรีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ จากข้อมูลของ A. V. Ossovsky การขาดประสบการณ์ของ Glazunov ในฐานะผู้นำวงออเคสตราในระหว่างการซ้อมมีบทบาทบางอย่าง เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความร้ายแรง โรคประสาท. ระหว่างปี พ.ศ. 2440-2444 รัคมานินอฟไม่สามารถแต่งเพลงได้ และมีเพียงความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ที่มีประสบการณ์ ดร. นิโคไล ดาห์ล เท่านั้นที่ช่วยให้เขาพ้นวิกฤตได้

ในปีพ.ศ. 2444 เขาได้สร้างเปียโนคอนแชร์โตชุดที่ 2 เสร็จ ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ที่แสดงถึงการออกจากวิกฤตของรัคมานินอฟ และในขณะเดียวกันก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์ที่เติบโตเต็มที่ ในไม่ช้าเขาก็ตอบรับคำเชิญให้เข้ารับตำแหน่งผู้ควบคุมวงที่โรงละครมอสโกบอลชอย หลังจากผ่านไปสองฤดูกาล เขาไปเที่ยวอิตาลี (พ.ศ. 2449) จากนั้นตั้งรกรากอยู่ที่เดรสเดนเป็นเวลาสามปีเพื่ออุทิศตนให้กับการแต่งเพลงทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2452 รัคมานินอฟออกทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหญ่ในอเมริกาและแคนาดา โดยแสดงในฐานะนักเปียโนและวาทยกร ในปี 1911 S. V. Rachmaninov ในขณะที่อยู่ใน Kyiv ตามคำร้องขอของเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเขา A. V. Ossovsky ฟัง Ksenia Derzhinskaya นักร้องหนุ่มชื่นชมความสามารถของเธออย่างเต็มที่ เขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอาชีพโอเปร่าของนักร้องชื่อดัง

ไม่นานหลังจากการปฏิวัติในปี 2460 เขาใช้ประโยชน์จากข้อเสนอที่มาจากสวีเดนโดยไม่คาดคิดเพื่อแสดงคอนเสิร์ตในสตอกโฮล์มและในตอนท้ายของปี 2460 ร่วมกับภรรยา Natalya Alexandrovna และลูกสาวของเขาออกจากรัสเซีย ในช่วงกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2461 รัคมานินอฟเดินทางผ่านมัลเมอไปยังโคเปนเฮเกน เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เขาแสดงเป็นครั้งแรกในโคเปนเฮเกน โดยเขาเล่นคอนแชร์โต้ครั้งที่สองร่วมกับฮีเบิร์ก จนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาล เขาได้แสดงในคอนเสิร์ตซิมโฟนีและแชมเบอร์ 11 ครั้ง ซึ่งทำให้เขามีโอกาสชำระหนี้ได้

1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 พร้อมครอบครัวล่องเรือจากนอร์เวย์ไปยังนิวยอร์ก จนกระทั่ง 2469 เขาไม่ได้เขียนงานสำคัญ; วิกฤตการณ์ที่สร้างสรรค์จึงดำเนินต่อไปอีกประมาณ 10 ปี เฉพาะในปี พ.ศ. 2469-2470 ผลงานใหม่ปรากฏขึ้น: คอนแชร์โตที่สี่และเพลงรัสเซียสามเพลง ในช่วงชีวิตของเขาในต่างประเทศ (พ.ศ. 2461-2486) รัคมานินอฟได้สร้างผลงานเพียง 6 ชิ้นที่เป็นของดนตรีรัสเซียและโลก

เขาเลือกสหรัฐอเมริกาเป็นที่พำนักถาวร ไปเที่ยวมากมายในอเมริกาและยุโรป และในไม่ช้าก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนั้น นักเปียโนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขาและวาทยกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในปี พ.ศ. 2484 เขาสำเร็จการศึกษา งานสุดท้ายซึ่งเป็นที่รู้จักจากหลาย ๆ คนว่าเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือ Symphonic Dances ในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติ รัคมานินอฟได้จัดคอนเสิร์ตหลายครั้งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเงินที่รวบรวมได้ทั้งหมดที่เขาส่งไปให้กองทุนกองทัพแดง เขาบริจาคเงินจากคอนเสิร์ตของเขาให้กับกองทุนป้องกันสหภาพโซเวียตด้วยคำพูด: "จากชาวรัสเซียคนหนึ่ง ความช่วยเหลือที่เป็นไปได้ทั้งหมดแก่ชาวรัสเซียในการต่อสู้กับศัตรู ฉันอยากจะเชื่อ ฉันเชื่อในชัยชนะที่สมบูรณ์

ปีสุดท้ายของ Rachmaninov ถูกบดบังด้วยโรคร้ายแรง (มะเร็งปอด) อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตาม เขายังคงทำกิจกรรมคอนเสิร์ตต่อไป ซึ่งหยุดลงก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเพียงไม่นาน

ภาพลักษณ์ที่สร้างสรรค์ของ Rachmaninoff ในฐานะนักแต่งเพลงมักถูกกำหนดโดยคำว่า "นักแต่งเพลงชาวรัสเซียส่วนใหญ่" ลักษณะที่สั้นและไม่สมบูรณ์นี้แสดงออกทั้งคุณสมบัติที่เป็นกลางของสไตล์ของ Rachmaninov และสถานที่มรดกของเขาในมุมมองทางประวัติศาสตร์ของดนตรีโลก เป็นผลงานของรัคมานินอฟที่ทำหน้าที่เป็นตัวหารสังเคราะห์ที่รวมและหลอมรวมหลักการสร้างสรรค์ของโรงเรียนมอสโกว (พี. ไชคอฟสกี) และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กให้เป็นรูปแบบรัสเซียเดียวและสมบูรณ์ หัวข้อ "รัสเซียและชะตากรรมของมัน" ซึ่งเป็นหัวข้อทั่วไปสำหรับศิลปะรัสเซียทุกประเภทและประเภทที่พบในงานของ Rachmaninov ที่มีลักษณะพิเศษและสมบูรณ์ ในเรื่องนี้ Rachmaninoff เป็นทั้งผู้สืบทอดประเพณีโอเปร่าของ Mussorgsky, Rimsky-Korsakov, ซิมโฟนีของ Tchaikovsky และเชื่อมโยงในสายโซ่แห่งประเพณีของชาติที่ไม่ขาดสาย (หัวข้อนี้ยังคงดำเนินต่อไปในผลงานของ S. Prokofiev, D. Shostakovich , G. Sviridov, A. Schnittke และอื่น ๆ ) มีการอธิบายบทบาทพิเศษของ Rachmaninoff ในการพัฒนาประเพณีประจำชาติ ตำแหน่งทางประวัติศาสตร์ความคิดสร้างสรรค์ของ Rachmaninov - ความร่วมสมัยของการปฏิวัติรัสเซีย: มันคือการปฏิวัติที่สะท้อนให้เห็นในงานศิลปะของรัสเซียว่าเป็น "หายนะ", "จุดจบของโลก" ซึ่งเป็นความหมายที่โดดเด่นของธีม "รัสเซียและชะตากรรมของมัน" (ดู N. Berdyaev, "ต้นกำเนิดและความหมายของลัทธิคอมมิวนิสต์รัสเซีย")

งานของ Rachmaninov ตามลำดับเวลาหมายถึงศิลปะรัสเซียในยุคนั้นซึ่งมักเรียกว่า " ยุคเงิน". หลัก วิธีการสร้างสรรค์ศิลปะในยุคนี้คือสัญลักษณ์ซึ่งเป็นลักษณะที่ปรากฏอย่างชัดเจนในงานของ Rachmaninov ผลงานของ Rachmaninov นั้นเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนซึ่งแสดงออกด้วยความช่วยเหลือของสัญลักษณ์ที่เป็นสัญลักษณ์ซึ่งหลักคือบรรทัดฐานของการร้องเพลงประสานเสียงในยุคกลาง Dies Irae บรรทัดฐานนี้ใน Rachmaninov เป็นสัญลักษณ์ของลางสังหรณ์ของภัยพิบัติ "จุดจบของโลก" "การแก้แค้น"

ในการทำงานของ Rachmaninov มีความสำคัญมาก แรงจูงใจของคริสเตียน: เป็นคนเคร่งศาสนา Rachmaninoff ไม่เพียง แต่มีส่วนสนับสนุนการพัฒนาดนตรีศักดิ์สิทธิ์ของรัสเซีย (พิธีสวดของ St. John Chrysostom, 1910, All-Night Vigil, 1916) แต่ยังรวมแนวคิดและสัญลักษณ์ของคริสเตียนไว้ในผลงานอื่น ๆ ของเขา

งานของ Rachmaninov แบ่งออกเป็นสามหรือสี่ช่วงตามอัตภาพ: ต้น (พ.ศ. 2432-2440) สุกงอม (บางครั้งก็แบ่งออกเป็นสองช่วง: 2443-2452 และ 2453-2460) และปลาย (พ.ศ. 2461-2484)

สไตล์ของ Rachmaninov ซึ่งเติบโตมาจาก แนวโรแมนติกตอนปลายได้ผ่านวิวัฒนาการที่สำคัญตั้งแต่นั้นมา เช่นเดียวกับผู้ร่วมสมัยของเขา A. Scriabin และ I. Stravinsky Rachmaninoff อย่างน้อยสองครั้ง (ประมาณปี 1900 และประมาณปี 1926) ได้ปรับปรุงสไตล์ดนตรีของเขาอย่างรุนแรง สไตล์ที่เป็นผู้ใหญ่และโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายของรัคมานินอฟนั้นไปไกลเกินกว่าประเพณีหลังโรแมนติก (“การเอาชนะ” ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วงต้น) และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้อยู่ในกระแสโวหารใด ๆ ของดนตรีแนวหน้าของศตวรรษที่ 20 ดังนั้น งานของ Rachmaninov จึงโดดเด่นกว่าใครในวิวัฒนาการของดนตรีโลกในศตวรรษที่ 20: หลังจากได้ซึมซับความสำเร็จมากมายของแนวอิมเพรสชั่นนิสต์และแนวหน้า สไตล์ของ Rachmaninov จึงยังคงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นต้นฉบับ ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในงานศิลปะระดับโลก ในดนตรีวิทยาสมัยใหม่มักจะใช้คู่ขนานกับ L. van Beethoven เช่นเดียวกับ Rachmaninoff เบโธเฟนทำงานของเขาไปไกลเกินขอบเขตของสไตล์ที่ให้ความรู้แก่เขา (ใน กรณีนี้ - ความคลาสสิกแบบเวียนนา) ในขณะที่ไม่ได้เข้าร่วมความโรแมนติกและยังคงเป็นคนต่างด้าวในโลกทัศน์ที่โรแมนติก

ช่วงแรก - ช่วงต้น - เริ่มขึ้นภายใต้สัญลักษณ์ของแนวจินตนิยมตอนปลาย โดยหลอมรวมเข้ากับสไตล์ของไชคอฟสกีเป็นหลัก (เพลงประสานเสียงครั้งแรก, ท่อนแรก) อย่างไรก็ตาม ใน Trio in D minor (พ.ศ. 2436) ซึ่งเขียนขึ้นในปีแห่งการเสียชีวิตของไชคอฟสกีและอุทิศให้กับความทรงจำของเขา รัคมานินอฟได้ยกตัวอย่างของการสังเคราะห์เชิงสร้างสรรค์ที่กล้าหาญของประเพณีโรแมนติก (ไชคอฟสกี) "คุชคิสต์" ประเพณีคริสตจักรรัสเซียโบราณและดนตรีสมัยใหม่ในชีวิตประจำวันและยิปซี ผลงานชิ้นนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวอย่างแรกๆ ของโพลีสไตลิสติกในดนตรีโลก ดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความต่อเนื่องของประเพณีตั้งแต่ไชคอฟสกีไปจนถึงรัชมานินอฟ และการเข้ามาของดนตรีรัสเซีย เวทีใหม่การพัฒนา. ใน First Symphony หลักการของการสังเคราะห์โวหารได้รับการพัฒนาอย่างกล้าหาญยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความล้มเหลวในรอบปฐมทัศน์

ระยะเวลาครบกำหนดถูกทำเครื่องหมายด้วยการก่อตัวของแต่ละบุคคลสไตล์ที่เป็นผู้ใหญ่ตามสัมภาระของ Znamenny สวดมนต์การแต่งเพลงของรัสเซียและสไตล์ของสาย แนวโรแมนติกของยุโรป. คุณลักษณะเหล่านี้แสดงออกอย่างชัดเจนใน Second Concerto และ Second Symphony อันโด่งดัง ในเปียโนโหมโรง op. 23. อย่างไรก็ตาม เริ่มต้นด้วยบทกวีไพเราะ "Isle of the Dead" สไตล์ของ Rachmaninov มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งสาเหตุมาจากในแง่หนึ่งคือการดึงดูดธีมของสัญลักษณ์และความทันสมัย และในทางกลับกัน การนำความสำเร็จของดนตรีสมัยใหม่มาใช้: อิมเพรสชั่นนิสต์, นีโอคลาสสิก, วงออเคสตราใหม่, พื้นผิว, เทคนิคฮาร์มอนิก งานสำคัญของช่วงเวลานี้คือบทกวีที่ยิ่งใหญ่ "The Bells" สำหรับนักร้องประสานเสียง ศิลปินเดี่ยว และวงออร์เคสตรา ตามคำประพันธ์ของ Edgar Poe แปลโดย K. Balmont (1913) นวัตกรรมที่สดใส อิ่มตัวด้วยเทคนิคการร้องประสานเสียงและออเคสตร้าแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน งานนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อการร้องเพลงประสานเสียงและ เพลงไพเราะศตวรรษที่ XX ธีมของผลงานชิ้นนี้เป็นแบบฉบับของศิลปะสัญลักษณ์ สำหรับศิลปะรัสเซียระยะนี้และงานของรัคมานินอฟ: มันสื่อถึงช่วงเวลาต่างๆ ในเชิงสัญลักษณ์ ชีวิตมนุษย์นำไปสู่ความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สัญลักษณ์สันทรายของ Bells ซึ่งถือแนวคิดเรื่องวันสิ้นโลกน่าจะมีอิทธิพลต่อหน้า "ดนตรี" ของ Doctor Faustus นวนิยายของ T. Mann

ช่วงปลาย - ช่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์ในต่างประเทศ - โดดเด่นด้วยความคิดริเริ่มที่โดดเด่น สไตล์ของ Rachmaninov ประกอบขึ้นจากการผสมผสานอย่างลงตัวขององค์ประกอบโวหารที่หลากหลายและบางครั้งก็ขัดแย้งกัน: ประเพณีของดนตรีรัสเซีย - และแจ๊ส, znamenny เก่าแก่ของรัสเซีย - และเวที "ร้านอาหาร" ของทศวรรษที่ 1930, สไตล์อัจฉริยะของศตวรรษที่ 19 ศตวรรษ - และ toccato ที่รุนแรงของเปรี้ยวจี๊ด ในความแตกต่างของสถานที่โวหารอยู่ ความหมายทางปรัชญา- ความไร้สาระ ความโหดร้ายของการเข้ามา โลกสมัยใหม่สูญเสียคุณค่าทางจิตวิญญาณ ผลงานของช่วงเวลานี้มีความโดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ลึกลับ โพลีโฟนีเชิงความหมาย และท่วงทำนองเชิงปรัชญาที่ลุ่มลึก
ผลงานล่าสุดของ Rachmaninov คือ Symphonic Dances (1941) ซึ่งรวบรวมคุณลักษณะเหล่านี้ทั้งหมดไว้อย่างชัดเจน เทียบกับนวนิยายเรื่อง The Master and Margarita ของ M. Bulgakov ซึ่งสร้างเสร็จในเวลาเดียวกัน

ความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ของนักแต่งเพลงของ Rachmaninov นั้นยิ่งใหญ่มาก Rachmaninoff ได้สังเคราะห์แนวโน้มต่างๆ ในศิลปะรัสเซีย แนวโน้มของธีมและโวหารต่างๆ และรวมเข้าด้วยกันภายใต้ส่วนเดียว นั่นคือสไตล์ประจำชาติรัสเซีย รัคมานินอฟทำให้ดนตรีรัสเซียสมบูรณ์ด้วยความสำเร็จของศิลปะแห่งศตวรรษที่ 20 และเป็นหนึ่งในผู้ที่นำประเพณีของชาติไปสู่เวทีใหม่ รัคมานินอฟได้เพิ่มพูนระดับเสียงสูงต่ำของดนตรีรัสเซียและโลกด้วยเสียงสูงต่ำของบทสวด Znamenny ของรัสเซียโบราณ Rachmaninoff เป็นครั้งแรก (พร้อมกับ Scriabin) นำเพลงเปียโนรัสเซียไปสู่ระดับโลก กลายเป็นหนึ่งในนักแต่งเพลงชาวรัสเซียคนแรกที่มี งานเปียโนรวมอยู่ในละครของนักเปียโนทุกคนในโลก Rachmaninoff เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่สังเคราะห์ประเพณีคลาสสิกและดนตรีแจ๊ส

ความสำคัญของศิลปะการแสดงของ Rachmaninoff นั้นยิ่งใหญ่ไม่น้อย: นักเปียโน Rachmaninoff กลายเป็นมาตรฐานสำหรับนักเปียโนหลายรุ่นจากประเทศและโรงเรียนต่าง ๆ เขาอนุมัติให้โรงเรียนสอนเปียโนรัสเซียมีความสำคัญระดับโลก จุดเด่นได้แก่ 1) เนื้อหาเชิงลึกของการปฏิบัติงาน; 2) ความสนใจต่อความมีชีวิตชีวาของเสียงดนตรี 3) "การร้องเพลงบนเปียโน" - การเลียนแบบเสียงร้องและน้ำเสียงของเสียงร้องโดยใช้เปียโน Rachmaninov นักเปียโนได้ทิ้งบันทึกการอ้างอิงของผลงานดนตรีโลกหลายชิ้นซึ่งนักดนตรีหลายรุ่นได้เรียนรู้

โบสถ์ซิมโฟนีวิชาการแห่งรัฐรัสเซีย

The State Academic Symphony Chapel of Russia เป็นกลุ่มศิลปินกว่า 200 คนที่ไม่เหมือนใคร มันรวมนักร้องประสานเสียงวงออเคสตราและนักร้องเดี่ยวที่มีอยู่ในความสามัคคีที่เป็นธรรมชาติในขณะเดียวกันก็รักษาความเป็นอิสระในการสร้างสรรค์

ทั้งสองทีมมาไกลแล้ว วงออเคสตราก่อตั้งขึ้นในปี 2500 และจนถึงปี 2525 เป็นวงออเคสตราของ All-Union Radio and Television ตั้งแต่ปี 2525 - วงดุริยางค์ซิมโฟนีแห่งรัฐของกระทรวงวัฒนธรรมสหภาพโซเวียต ในหลาย ๆ ครั้งนำโดย S. Samosud, Yu. Aranovich และ M. Shostakovich คณะนักร้องประสานเสียงถูกสร้างขึ้นโดย V. Polyansky ในปี 1971 ตั้งแต่ปี 1980 กลุ่มนี้ได้รับสถานะใหม่และกลายเป็นที่รู้จักในนาม State Chamber Choir ของกระทรวงวัฒนธรรมของสหภาพโซเวียต

ด้วยคณะนักร้องประสานเสียง Valery Polyansky เดินทางไปทั่วสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียตกลายเป็นผู้ริเริ่มเทศกาลใน Polotsk ซึ่ง Irina Arkhipova, Oleg Yanchenko กลุ่มศิลปินเดี่ยวของ Bolshoi Theatre of the USSR เข้าร่วม ... ในปี 1986 ตามคำเชิญของ Svyatoslav Richter, Valery Polyansky และคณะนักร้องประสานเสียงของเขาได้นำเสนอรายการจากผลงานของ P. I. Tchaikovsky ในงานเทศกาล "December Evenings" และในปี 1994 - "All-Night Vigil" โดย S. V. Rachmaninov ในขณะเดียวกัน State Chamber Choir ก็เป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยแสดงร่วมกับ Valery Polyansky อย่างมีชัยในเทศกาล "Singing Wroclaw" (โปแลนด์) ใน Merano และ Spoleto (อิตาลี), Izmir (ตุรกี) ใน Narden (ฮอลแลนด์); การมีส่วนร่วมที่น่าจดจำใน "Promenade Concerts" ที่มีชื่อเสียงใน Albert Hall (บริเตนใหญ่) การแสดงในมหาวิหารประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส - ใน Bordeaux, Amiens, Albi

วันเกิดของ State Capella คือวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 จากนั้น Cantata "Wedding Shirts" ของ Antonin Dvorak ที่จัดทำโดย Gennady Rozhdestvensky ในปี 1992 Valery Polyansky กลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และหัวหน้าผู้ควบคุมวงของ State Auditorium of Russia กิจกรรมของคณะนักร้องประสานเสียงและวงออเคสตราของโบสถ์นั้นดำเนินการทั้งในการแสดงร่วมกันและแบบคู่ขนาน วงดนตรีและหัวหน้าวาทยกรยินดีต้อนรับแขกในสถานที่ที่ดีที่สุดในมอสโก สมาชิกประจำของ Moscow Philharmonic, Moscow Conservatory และ Moscow International House of Music และได้แสดงร่วมกับผู้เข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขัน Tchaikovsky และ Rachmaninov ระดับนานาชาติ โบสถ์แห่งนี้ได้รับชัยชนะในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิตาลี เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

พื้นฐานของละครของกลุ่มคือประเภท cantata-oratorio: มวลชน, oratorios, requiems ของทุกยุคและสไตล์ - Bach, Handel, Haydn, Mozart, Schubert, Berlioz, Liszt, Verdi, Dvorak, Rachmaninov, Reger, Stravinsky, Britten, Shostakovich , ชนิทเก้, เอชไป. Valery Polyansky ดำเนินการวงซิมโฟนิกโมโนกราฟิกอย่างต่อเนื่องเพื่ออุทิศให้กับ Beethoven, Brahms, Rachmaninoff, Mahler และนักประพันธ์เพลงยอดเยี่ยมคนอื่นๆ

นักแสดงชาวรัสเซียและชาวต่างประเทศจำนวนมากร่วมมือกับ Capella มิตรภาพที่สร้างสรรค์ในระยะยาวและใกล้ชิดเป็นพิเศษเชื่อมโยงทีมกับ Gennady Nikolaevich Rozhdestvensky ซึ่งนำเสนอการสมัครสมาชิกดนตรีเพลงส่วนตัวของเขาทุกปีกับ State Capella ของรัสเซีย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทีมได้พัฒนาแผนการของตนเองในการสร้างฤดูกาล จุดสูงสุดของมันคือการแสดงในเมืองเล็กๆ ตั้งแต่ปี 2009 Capella ได้จัดเทศกาล September Evenings ในเมือง Tarusa (ร่วมกับมูลนิธิ Svyatoslav Richter Foundation) โดยนำเสนอผลงานชิ้นเอกของดนตรีซิมโฟนิกและเพลงประสานเสียงให้กับชาวเมือง Torzhok, Tver และ Kaluga ในปี 2554 มีการเพิ่ม Yelets ซึ่งเป็นการแสดงรอบปฐมทัศน์โลกของโอเปร่าเรื่อง The Legend of the City of Yelets, the Virgin Mary and Tamerlane ของ Alexander Tchaikovsky ซึ่งจัดแสดงโดยผู้กำกับ Georgy Isahakyan ได้รับชัยชนะ “เราไม่ต้องการคำพูดมากมายเกี่ยวกับความรักชาติ” V. Polyansky กำหนดจุดยืนของเขา “คนหนุ่มสาวต้องฟังเพลงนี้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้รักมาตุภูมิ มันเป็นอาชญากรรมที่มีเมืองที่ผู้คนไม่เคยได้ยินการแสดงสดของวงดุริยางค์ซิมโฟนี ไม่เคยดูการแสดงโอเปร่า เรากำลังพยายามแก้ไขความอยุติธรรมนี้"

นโยบายการแสดงละครของ State Capella ยังสะท้อนถึงวันที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์โลกอีกด้วย ในโอกาสครบรอบ 200 ปีของชัยชนะในสงครามรักชาติปี 1812 การแสดงคอนเสิร์ตโอเปร่าเรื่อง "War and Peace" ของ Prokofiev (ใน Torzhok และ Kaluga) การแสดงรอบปฐมทัศน์โลกของ oratorio "The Sovereign's Affairs" โดย A ไชคอฟสกีถูกกำหนดให้ตรงกับวันครบรอบ 400 ปีของราชวงศ์โรมานอฟ (2013, ลีเปตสค์, มอสโก) และ Glinka's Life for the Tsar ได้แสดงบนเวทีใหม่ของโรงละคร Bolshoi ของรัสเซีย

เหตุการณ์สำคัญของปี 2014 คือการแสดงคอนเสิร์ตของโอเปร่า Semyon Kotko ที่ไม่ค่อยแสดงโดย State Capella ของ Prokofiev ซึ่งจัดขึ้นที่ New Stage ของ Bolshoi Theatre และ Central Academic Theatre of the Russian Army และถูกกำหนดให้ตรงกับวันครบรอบ 100 ปี ของการเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในสถานที่เดียวกัน ทีมงานได้ฉลองครบรอบ 70 ปีแห่งชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการแสดงโอเปร่าเรื่อง The Dawns Here Are Quiet ของ K. Molchanov

กิจกรรมการท่องเที่ยวของ State Capella เป็นไปอย่างเข้มข้น ความเป็นเลิศของวงออร์เคสตราได้รับการชื่นชมจากผู้ชมชาวอังกฤษระหว่างทัวร์ฤดูใบไม้ร่วงปี 2014 “มีวาทยกรหลายคนที่คิดว่าซิมโฟนีที่ห้าของไชคอฟสกีดังเกินไปและเล่นโดยใช้เครื่องออโต้ไพลอต แต่โปลิอันสกีและวงออร์เคสตราของเขายอดเยี่ยมมาก แน่นอนว่าดนตรีของไชคอฟสกีได้เข้าไปอยู่ในเนื้อและเลือดของคนกลุ่มนี้ โพลีอันสกีเล่นผลงานชิ้นเอกที่เป็นอมตะนี้ในแบบที่ฉันแน่ใจว่าตัวไชคอฟสกีเองก็อยากจะได้ยิน” โรเบิร์ต แมทธิว-วอล์กเกอร์ นักวิจารณ์และนักแต่งเพลงชาวอังกฤษกล่าว

เป็นที่นิยมในหมวดหมู่: